ตอนที่ 96 ไล่ล่า
ตอนที่ 96 ไล่ล่า
นอกเมืองไป๋สุ่ย,เซียวเฉินกำลังวิ่งเข้าไปในป่าอำมหิต เขารู้สึกใจแทบสลายเมื่อมองดูเสี่ยวไป๋ที่อ่อนแรงอย่างไม่น่าเชื่ออยู่ในอ้อมแขนของเขา
การโจมตีที่เสี่ยวไป๋ใช้ออกมาเป็นการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดในทักษะบ่มเพาะพลังเก้ามายาสวรรค์ มันบีบอัดพลังปราณในร่างเก้าครั้งก่อนที่จะปลดปล่อยออกมา มันสร้างภาระให้ร่างกายอย่างมาก
ครั้งหนึ่ง,ตอนที่เซียวเฉินกำลังฝึกฝนอยู่ในป่าอำมหิตแล้วเขาไปเจอกับสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 4 เข้า ในช่วงวิกฤตนั้นเองเสี่ยวไป๋ก็ใช้กระบวณท่านี้ออกมา
หลังจากนั้นเซียวเฉินก็ตระหนักได้ถึงพลังของทักษะนี้,รวมถึงอันตรายที่มีต่อร่างกาย ดังนั้นเขาจึงดุว่าเสี่ยวไป๋หลายครั้ง,ไม่ให้ใช้มันออกมา ใครจะรู้ว่า...มันจะใช้ออกมาอีกในวันนี้?
เขาเงยหน้าขึ้นไปก็พบกับตวนมู่ฉิงที่กลายร่างเป็นฟีนิคซ์น้ำแข็งกำลังไล่ตามเขามา อีกสองทิศทาง,ร่างที่กำลังขี่ดาบและสายธารโลหิตดึงดูดความนใจของเขา
เซียวเฉินจำในตอนที่เจ้าหมูแนะนำสองคนนี้ได้ เชายิ้มขมๆพร้อมกับพูดกับตัวเอง “สามอัจฉริยะแห่งเขตตงหมิงกำลังไล่กวดข้า, พวกเขาจะให้ค่าข้าสูงเกินไปหน่อยแล้ว”
เซียวเฉินใช้ศิลปะมังกรฟ้าเมฆาโผทะยานออกมาจนถึงขีดสุดและกระโดดซิกแซก จากระยะไกลมันดูเหมือนกับมังกรที่กำลังโผขึ้นสู่ท้องฟ้า
ตราบใดที่อยู่ในป่าอำมหิต,เซียวเฉินมั่นใจว่าจะสลัดผู้ติดตามทิ้งไปได้ เขาฝึกฝนในป่าอำมหิตมามากกว่าหนึ่งเดือนแล้วและคุ้นเคยกับมันอย่างยิ่ง
“บูม!”
ขณะที่เซียวเฉินกำลังจะเข้าไปในชายขอบป่าอำมหิต,ตวนมู่ฉิงทันใดนั้นก็หลายร่างเป็นสายธารน้ำแข็งมาปรากฎตัวด้านหน้าเซียวเฉิน
ธารน้ำแข็งเคลื่อนไหวราวกับสายน้ำ,เปลี่ยนรูปร่างอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นไม่นานมันก็เปลี่ยนสู่รูปร่างมนุษย์ ตวนมู่ฉิงผู้งดงามปรากฎขึ้นตรงหน้าของเซียวเฉิน
ผมสีขาวของนางปลิวไหวไปทั่วและดวงตาโชติช่วงไปด้วยไฟดูราวกับเทพธิดา นางพูดขึ้นช้าๆด้วยเสียงเยือกเย็น “ส่งแผนที่มาแล้วข้าจะไม่ทำให้เป็นเรื่องยุ่งยาก”
เซียวเฉินไม่ได้ตอบกลับและใช้อัสนีหลบเลี่ยงเพื่อหนี ถ้าเขาอยากจะคืนให้นาง,เขาน่าจะทำไปตั้งแต่ตอนอยู่ที่ศาลาหลับไหลแล้ว
ตอนนี้เขาอยู่ที่ชายขอบของป่าอำมหิต,เซียวเฉินต้องลองเสี่ยงดู แม้เซียวเฉินจะไม่รู้ว่านี้มันเป็นแผนที่ของอะไร,แต่เมื่อดูจากความกังวลที่ปรากฎขึ้นของนาง,มันชัดเจนว่าจะต้องไม่ใช้แผนที่ธรรมดา
“ฮัวะ!ฮัวะ!”
ธารโลหิตที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าลดต่ำลงมาที่พื้น ฮวาหยุ่นเฟยปรากฎขึ้นด้านหลังของตวนมู่ฉิง
“ชิ!”
ฉู่เฉาหยุ่น,ผู่ที่ขี่ดาบตรงเข้ามา,ลงจอดที่พื้นอย่างมั่นคง ดาบที่อยู่ใต้เท้าของเขาเปลี่ยนเป็นลำแสงเข้าไปที่หน้าผากของเขา
พวกเขาทั้งสามไม่รีบร้อนพุ่งเข้าใส่เซียวเฉิน ฮวาหยุ่นเฟยมองไปที่พวกเขาทั้งสอง,เผยรอยยิ้มปีศาจพร้อมกับพูดขึ้น “สหายข้า,เนื่องจากแม่นางตวนมู่ฉิงยังไล่จับเจ้าหมอนี้ไม่ได้,ลงมือพร้อมกันเถอะ”
“พวกเราทั้งสามจะร่วมมือกันไล่จับเขา ไม่ว่าใครก็ตามที่ฉกแผนที่มาได้จะต้องแบ่งกันกับคนอื่น พวกเจ้าคิดว่าไง?”
สีหน้าของฉู่เฉาหยุ่นไม่เปลี่ยนแปลง,สีหน้าของเขาไม่อาจอ่านอารมณ์ได้ เขาพูดขึ้น “ข้าเห็นด้วย พวกเราทั้งสามตระกูลล้วนมาโดยไม่ได้เชื้อเชิญ เจียงหมิงชุ่นต่อต้านพวกเราไม่ยอมนำทางให้ พวกเขาจะต้องกำลังรอความช่วยเหลือยู่”
“ข้าได้ยินมาว่าตระกูลจีจากเขตหนานหลิงกำลังจะมาถึง เมื่อพวกเขามาถึงพวกเราจะมีคู่แข่งที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง หากพวกเราสามารถฉกแผนที่นั้นมาได้และเร่งนำหน้าตระกูลเจียงไป,พวกเราสามตระกูลก็ไม่ต้องไปสนใจตระกูลเจียงอีกต่อไป”
ผมสีขาวของตวนมู่ฉิงค่อยๆเปลี่ยนกลับมาเป็นสีดำอย่างช้าๆ,สายตาที่ลุกเป็นไฟของนางค่อยๆสงบลงแลดูเป็นมิตร นางจีบริมฝีปากสีแดงของนางและตอบกลับ “แน่นอน”
หลังจากที่พวกเขาทั้งสามคนตกลงกันเสร็จ,พวกเขาก็เข้าไปในป่าอำมหิตทันที แต่ละคนใช้วิธีการของตัวเองไล่ตามไปในทิศทางที่เซียวเฉินมุ่งไป
หลังจากที่ทั้งสามคนจากไป,ซู่เสี่ยวเสี่ยวก็ปรากฎตัวขึ้น,ถือพิณของนางไว้ นางพูดขึ้นมาอย่างแผ่วเบา “นั้นเป็นศิลปะมังกรฟ้าเมฆาโผทะยานอย่างแท้จริง ในครั้งก่อนข้าไม่ได้ตาฝาดไปจริงๆ ผู้นำของเหล่าสัตว์อสูรวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่,มังกรฟ้า,ปรากฎตัวขึ้นมาบนโลกนี้อีกครั้ง”
หลังจากพูดจบ,นางก็ไม่ได้ตามเข้าไปในป่าอำมหิตแต่อย่างใด นางครุ่นคิดอะไรสักอย่าง หลังจากนั้นครู่ใหญ่,นางก็รีบตรงกลับไปที่เมืองไป๋สุ่ย
ไม่นานหลังจากที่ซู่เสี่ยวเสี่ยวจากไป,ผู้อาวุโสหนึ่งแห่งตระกูลเจียง,เจียงหยุ่นเสอ,นำกำลังกลุ่มผู้บ่มเพาะพลังเร่งรีบตรงเข้ามา กลุ่มผู้บ่มเพาะพลังทั้งหมดล้วนอยู่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธทั้งหมดสองร้อยคน
เจียงหยุ่นเสอมองตรงไปที่ป่าอำมหิตด้านหน้าและพูดขึ้น “แบ่งกำลังออกเป็น 20 กลุ่มกลุ่มละ 10 คน เมื่อพบเป้าหมายให้ลงมือได้ทันที สิบระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธต่อระดับขอบเขตจอมยุทธฝึกหัดขั้นสูง….ไม่น่าจะต้องเกิดความผิดพลาดใดๆ”
หลังจากที่เขาพูดเช่นนั้นเขาหยิบรูปภาพสองสามใบออกมาและยื่นออกไป “ป่าอำมหิตนั้นกว้างใหญ่ พึ่งเพียงจำนวนของพวกเราเพียงอย่างเดียวไม่ได้ เมื่อพวกเจ้าพบผู้บ่มเพาะพลังที่กำลังฝึกฝนอยู่ในป่ายื่นรูปพวกนี้ให้เขาดูและขอความช่วยเหลือในการตามล่าจับตัว”
ในชายแดนด้านนอกของป่าอำมหิต,เซียวเฉินพุ่งตรงเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว เขาปลดปล่อยสัมผัสวิญญาณออกไป สภาพรอบด้านในระยะ 800 เมตรปรากฎขึ้นในหัวของเขา
ป่าอำมหิตทั้งหมดมีพื้นที่แผ่กว้างออกไปกว่าหลายพันกิโลเมตร เพียงแค่ชายขอบก็กินพื้นที่ไปหลายส่วน นอกเหนือจากสัตว์อสูรวิญญาณแล้วยังมีทั้งนักล่าและนักบ่มเพาะพลังที่เข้ามาฝึกฝน ด้วยการหลบซ่อนในป่าอำมหิต,การล่าตัวเขาก็เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร
“ฮ่ะ!”
ฝูงหมาป่าสีเทาปรากฎขึ้นในสัมผัสวิญญาณของเซียวเฉิน หมาป่าสีเทานั้นเป็นสัตว์อสูรวิญญาณระดับ 3 ที่จะอยู่กันเป็นฝูง จะมีอย่างน้อย 20 ตัวทุกครั้งที่พวกมันปรากฎตัว เซียวเฉินรู้ว่ามันไม่ง่ายที่จะรับมือจึงเตรียมตัวจะวนอ้อมพวกมันไป
เซียวเฉินถอนสัมผัสวิญญาณกลับมาและใช้มันกวาดผ่านพื้นที่ทั้งสองด้าน ในจังหวะนั้น,ก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมา เซียวเฉินใจสั่น,เขาไม่รู้ว่าเป็นพวกไหน เขารีบซ่อนตัวในพุ่มไม้ด้านข้างในทันที
“เจ้าหมอนี้ซ่อนตัวได้อย่างแนบเนียน หลังจากออกไล่ล่ามานานก็ไม่พบแม้แต่ร่องรอย”
“ข้าสงสัยว่าเจ้าหมอนี้ไปเหยียบเท้าตระกูลเจียงอีท่าไหน….พอคิดว่าตระกูลเจียงถึงกับประกาศตั้งค่าหัวเขา 1000 เหรียญทอง,รู้กันไปทั่วทั้งเมือง”
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าหมอนี้ฉกแผนที่สมบัติไปจากตระกูลเจียง มันเป็นแผนที่ของซากโบราณที่อยู่ในข่าวลือ หากพวกเราได้มันมา,เจ้าคิดว่าพวกเราจะพอมีโชคบ้างไหม?”
“ฮ่าฮ่า! ด้วยระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นกลางเช่นเจ้า? ข้าแนะนำว่าอย่าไปฝันให้เกินตัว แผนที่นั้นมันเป็นเพียงสำเนา,ของจริงยังคงอยู่ในมือของตระกูลเจียง สามขุมพลังแห่งเขตตงหมิงก็มาถึงเป็นที่เรียบร้อย ข้าเกรงว่าก่อนที่เจ้าจะได้เข้าใกล้จะได้กลายเป็นศพเสียก่อน จะเป็นการดีกว่าที่พวกเราจะไม่เล่นอะไรตุกติกและทำตัวมีประโยชน์,ส่งแผนที่ให้กับตระกูลเจียงรับรายได้พิเศษไป”
“ถูกของเจ้า สมบัติพวกนี้มันช่างหอมหวล แต่ถ้าตายซะก่อนก็ไม่ได้ไปเสพสุข ค้นหากันต่อเถอะ,ข้าแน่ใจว่าเจ้าหมอนั้นจะต้องมุ่งมาทางนี้”
เซียวเฉินผู้ที่ซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้,ตกตะลึง พอคิดว่าอิทธิพลของตระกูลเจียงช่างแข็งแกร่ง พวกเราสามารถดึงนักบ่มเพาะพลังในป่าอำมหิตไปเข้าข้างพวกเขาได้ ดูเหมือข้าจะเจอปัญหาแล้ว,ข้าต้องรีบมุ่งไปที่นั้น
นักบ่มเพาะพลังคนหนึ่งถือมีดไว้ในมือตรงมาในที่ที่เซียวเฉินซ่อนตัวอยู่ เขาใช้มีดไปมือถางขวากหนามด้านหน้าเข้ามาเรื่อยๆ
ข้ากำลังจะถูกเจอตัว,จะให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้,มองดูคนคนนั้นที่กำลังใกล้เข้ามา,เซียวเฉินคิดในใจว่าเขาต้องเริ่มลงมือทำอะไรสักอย่าง
“ฮัวะ!”
เซียวเฉินกระโดดออกมาจากพุ่มไม้และใช้ความได้เปรียบที่คนคนนั้นกำลงตกใจ,ใช้กระบี่ในมือผ่าเขาออกเป็นสองท่อน หลังจากนั้นเขาก็ตรงไปที่อีกห้าคนที่เหลืออย่างรวดเร็ว
“มันฆ่าเล่าจี้!เร็วเข้า!ฆ่ามันซะ!” เมื่อคนกลุ่มนั้นเห็นเล่าจี้ถูกฟันออกเป็นสองท่อนในกระบี่เดียว,พวกเขาก็ตกใจ เล่าจี้อยู่ระดับขอบเขตเชี่ยวชาญยุทธขั้นกลาง...พอคิดว่ากลับถูกฆ่าในกระบวณท่าเดียวโดยคนคนนี้
“ชักกระบี่ฟัน!”
เซียวเฉินใช้ทักษะกระบี่สายฟ้าฟาด,เรืองแสงสายฟ้าจากกระบี่เงาจันทร์สาดส่องไปทั่วทุกทิศทาง พลังงานของแก่นกลางปีศาจระดับ 6 ถูกแสดงออกมาอย่างเต็มที่ แสงกระบี่วูบผ่านท้องฟ้าและนักบ่มเพาะพลังด้านหน้าถูกฟันออกเป็นสองท่อนเช่นกัน
“ฟาดฟันประกายแสง!”
“ข้าจะฆ่าเจ้า!” เมื่อผู้บ่มเพาะพลังด้านข้างเห็นว่าสหายของเขาอีกหนึ่งคนตายด้วยน้ำมือของเซียวเฉิน,ดวงตาของเขาก็กลายเป็นสีแดงเลือดละทิ้งซึ่งสติ เขากวัดแกว่งดาบในมือของเขาไปพร้อมกับเจตนาที่จะฆ่าเซียวเฉิน,เผชิญหน้ากับฟาดฟันประกายแสง
“ฟุ่วฟิ่ว!”
เมื่อเริ่มใช้ทักษะกระบี่สายฟ้าฟาดออกมา,ผู้ใช้ไม่อาจถอยกลับไม่,มิเช่นนั้นกระแสพลังของเขาจะถูกกดต่ำลงไป เขาจะไม่สามรถที่จะเรียกกระแสพลังและใช้ทักษะกระบี่สายฟ้าฟาดออกมาได้ชั่วคราว
เซียวเฉินไม่หลบการโจมตี ดาบฟันไปที่หน้าอกของเขาทิ้งรอยแผลเอาไว้,เลือดหยดไหลออกมา อย่างไรก็ตามก่อนที่คนคนนี้จะได้รู้สึกยินดี,เขาก็ถูกฟันออกเป็นสองท่อนโดยฟาดฟันประกายแสง
“สายฟ้าผ่าสวรรค์!”
เซียวเฉินถือกระบี่เงาจันทร์ไว้ในมือและพุ่งทะยานไปในอากาศ เขาเจาะทะลุร่างของคนที่อยู่ด้านหน้าของเขา พลังมหาศาลทันใดนั้นก็ระเบิดออกมาร่างของคนคนนั้นกระจายเป็นชิ้นๆ
“อัสนีฟาดฟัน!”
ฟ้าคำรามขึ้นในอากาศ,เซียวเฉินใช้พลังแห่งอัสนีสวรรค์กระแทกลงมาข้างล่าง หนึ่งในผู้คนด้านล่างยกกระบี่ขึ้นมาหมายจะป้องกัน คมกระบี่แตกสลายส่งเสียงดังออกมา,กระบี่เงาจันทร์ฟันร่างของเขาแยกออกเป็นสองส่วนอย่างง่ายดาย,ตั้งแต่หัวลงมาถึงเท้า
“อัสนีฟาดฟันผ่าพันธนาการสอง!”
เซียวเฉินหมุนไปรอบๆและรวบรวมพลังงานทั้งหมดจากสี่กระบวณท่าแรก,ปลดปล่อยมันระเบิดออกมาในอัสนีฟาดฟันผ่าพันธนาการสอง ผู้ที่อ้อมหลบไปลอบโจมตีเซียวเฉินจากด้านหลังถูกบดกลายเป็นผงจากแรงมหาศาล
เมื่อมองดูทั้งหกศพบนพื้นเซียวเฉินไม่ได้ไม่รู้สึกไม่สบายใจแต่อย่างใด ในเมื่อคนพวกนี้ต้องการจะฆ่าเขาเพื่อชิงเอาแผนที่,พวกเขาก็ต้องเตรียมใจที่จะถูกฆ่าตายด้วยเช่นกัน
เซียวเฉินหยิบเม็ดยาห้วนคืนพลังฉีออกมาและโยนมันเข้าปาก เซียวเฉินมองดูรอยแผลบนหน้าอกและขมวดคิ้วเล็กน้อย หากถังเฟิงไม่ทำลายเกราะศึกของเขา,กระบี่เล็กน้อยเช่นนี้คงไม่อาจทำอะไรเขาได้แม้แต่น้อย
หลังจากที่ออกมาจากเมืองม่อเหอ,เซียวเฉินได้พบว่าเกราะศึกระดับลึกซึ้งที่เซียวฉงมอบให้กับเขาได้สูญเสียพลังวิญญาณไปแล้ว,กลับกลายเป็นเพียงเกราะอ่อนธรรมดา เพื่อที่จะไม่ให้มันเกะกะ,เซียวเฉินถอดมันโยนทิ้งไปแล้ว
ด้วยความแข็งแกร่งของเซียวเฉิน, เขาสามารถฆ่าคนกลุ่มนี้โดยไม่ได้เสียพลังปราณไปมากมาย
เซียวเฉินกังวลว่าหากเขาปล่อยให้การต่อสู้ยืดเยื้อไปมันจะดึงดูดปัญหาเข้ามาเพิ่ม ดังนั้นเขาถึงอัดพลังปราณเข้าไปใช้ทักษะกระบี่สายฟ้าฟาดออกมาเพื่อที่จะจบการต่อสู้ให้เร็วที่สุด
เขาหยิบเม็ดยาห้วนคืนโลหิตออกมาบดมันจนแหลกและโรยลงบาดแผล จากนั้นเซียวเฉินก็ไล่เปิดกระเป๋าของนักบ่มเพาะพลังทั้งหก
นักบ่มเพาะพลังเหล่านี้เข้ามาฝึกฝนในป่าอำมหิตเป็นเวลานาน จะต้องมีแก่นกลางวิญญาณและสมุนไพรจำนวนมาก เซียวเฉินเอาออกมานับมีแก่นกลางวิญญาณระดับ 3 4ก้อนและสมุนไพรระดับ 4 ทั้งหมด 5ต้น ที่เหลือเป็นเพียงของเล็กน้อยไม่ค่อยมีราคา เซียวเฉินโยนทิ้งไปไม่แยแส
สิ่งเหล่านี้มีมูลค่าไม่น้อย เซียวเฉินเผยรอยยิ้มออกมาบนใบหน้าพร้อมกับโยนของทั้งหมดลงในแหวนห้วงจักรวาล
ในการเดินทางต่อไป,เซียวเฉินตัดสินใจแล้วว่าแม้พลังปราณของเขาจะหายไปอย่างรวดเร็ว,เขาก็จะปลดปล่อยสัมผัสวิญญาณไว้ หากเขาตรวจพบคนอื่นๆอีก,เขาก็จะหลบเลี่ยงซะ ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะมีเจตนาร้ายหรือไม่,เขาก็จะเดินอ้อมไป
เมื่อใกล้มืด,เซียวเฉินก็มาถึงพื้นที่สันโดษในขอบชายเเดนของป่าอำมหิต เมื่อมาถึงที่นี่ได้เซียวเฉินก็ผ่อนคลายลง เขาถอนคืนสัมผัสวิญญาณกลับมา
เขาสาวเท้ายาวเข้าไปในป่า ขณะที่ร่างของเขาขยับเข้าไปอย่างแปลกประหลาด ในเวลาไม่นานร่างของเซียวเฉินทันใดนั้นก็หายไปอย่างลึกลับในป่า