ตอนที่ 256 ของกำนัลพิเศษ
คำว่า “คุณหนูรองไม่มา” ทำให้ทุกคนในห้องงงงวย
ฮูหยินผู้เฒ่าคิดว่านางหูฝาดไป นางรีบถามอีกครั้งทันทีว่า “เจ้าพูดว่าอะไรนะ ?”
บ่าวรับใช้พูดซ้ำแล้วซ้ำอีกว่า “คุณหนูรองพูดว่าไม่มาเจ้าค่ะ”
“ทำไม ?” เป็นฮันชิที่เอ่ยถามออกมา แต่เดิมนางมีความเชื่อมั่นว่าตราบใดที่เฟิงหยูเฮงมาถึง อาการบาดเจ็บที่ใบหน้าของเฟิงเฟินไดจะถูกรักษาได้โดยง่าย นางไม่ต้องกังวลมากเกินไปเพราะสิ่งนี้ แต่ตอนนี้เฟิงหยูเฮงบอกว่านางจะไม่มา จะเกิดอะไรขึ้นกับเฟิงเฟินได ?
บ่าวรับใช้จ้องที่ฮันชิแล้วพูดด้วยท่าทางเย็นชา “คุณหนูรองพูดว่าเมื่อนางกลับมาที่คฤหาสน์ นางจะตรวจการตั้งครรภ์ของอนุฮันด้วยความปรารถนาดี แต่อนุฮันกล่าวว่าคุณหนูรองไม่ใช่หมอ ไม่จำเป็นต้องตรวจนาง ดังนั้นคุณหนูรองจะไม่มา แต่คุณหนูรองยังคงกังวลเกี่ยวกับการบาดเจ็บของคุณหนูสี่จึงเรียกหมอจากร้านห้องโถงสมุนไพรมาเป็นพิเศษ ซึ่งคือเขาผู้นี้เจ้าค่ะ” พูดอย่างนี้นางพาคนที่อยู่ข้างหลังนางไปข้างหน้า
เมื่อเห็นกลุ่มคน เขาก็คำนับฮูหยินผู้เฒ่าและกล่าวว่า “ผู้เฒ่าคนนี้เป็นหนึ่งในหมอของห้องโถงสมุนไพรขอรับ และข้ามาโดยคำสั่งของเจ้านายที่จะรักษาอาการบาดเจ็บของคุณหนูสี่”
ฮูหยินผู้เฒ่าถอนหายใจเงียบ ๆ เฟิงหยูเฮงไม่ไว้หน้าพวกเขานั่นทำให้นางโกรธมาก นางต้องการส่งคนอื่นไปพาเฟิงหยูเฮงมาไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่หลังจากคิดเกี่ยวกับมัน นางก็ตัดสินใจล้มเลิกความคิดนั้น นางแค่โบกมือแล้วพูดว่า “ตรวจนางสิ สำหรับเด็กสาว จะเป็นการดีที่สุดที่จะไม่มีแผลเป็นเหลืออยู่” เมื่อนึกถึงการต่อสู้กับเฟิงหยูเฮง นางก็ไม่เคยชนะแม้แต่ครั้งเดียว นางไม่ต้องการปลุกเร้าความโกรธนั้น
นางสามารถกลืนความโกรธนี้ได้ แต่เฟิงเฟินไดก็ทำไม่ได้ ก่อนที่หมอจะมาถึงนาง นางตะโกนเสียงดัง “หยุด ! เจ้าไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ! ใบหน้าของคุณหนูผู้นี้เป็นสิ่งที่ใครก็สัมผัสได้เช่นนั้นหรือ ?”
ชายชราได้แต่เอ่ยว่า “แต่ชายชราผู้นี้เป็นหมอ”
“แม้เป็นหมอก็ไม่ได้ !” จิตใจของเฟิงเฟินไดกำลังใกล้จะแตกสลาย “หากเจ้าแตะต้องข้า ข้าจะไปบอกองค์ชายห้า !” หลังจากพูดอย่างนี้นางหันไปวิ่งหนีข้างนอก
บ่าวรับใช้ทุกคนรีบไปหยุดนาง แต่พวกเขาได้ยินฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องหยุดนาง หากนางต้องการที่จะเปิดเผยใบหน้าที่น่าเกลียดนี้ต่อองค์ชายห้าก็ปล่อยนางไป !”
คำพูดของฮูหยินผู้เฒ่าหยุดเฟิงเฟินไดจากการวิ่งออกไปข้างนอกได้ แต่ก็ไม่สามารถหยุดนางจากการร้องไห้ได้
เมื่อนางเริ่มร้องไห้ ฮันชิก็เริ่มร้องไห้ทั้งสองร้องไห้ด้วยกัน ฮูหยินผู้เฒ่ามีอาการปวดหัวอย่างรุนแรง แต่นางทำได้แค่แนะนำฮันชิ “หยุดร้องไห้ เจ้าต้องไม่ร้องไห้ขณะตั้งครรภ์ !”
ฮันชิสะอื้นและกล่าวว่า “แต่เรื่องนี้ไม่สามารถนำมาพิจารณาได้เช่นนี้”
ไม่มีอะไรที่ยายจาวทำได้ เมื่อเห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่าไม่ต้องการพูด นางพูดได้ในนามของเจ้านายของนาง “ไม่ว่าจะรักษาได้หรือไม่ก็ตาม เราควรให้หมอดูบาดแผลของคุณหนูสี่ก่อน”
หมอเดินไปที่เฟิงเฟินไดอีกครั้ง และพูดว่า “ผู้เฒ่าคนนี้จะถามคุณหนูอีกครั้งว่าจะให้ตรวจบาดแผลหรือไม่ ? ถ้าไม่ ข้าจะกลับไป”
“ตรวจ !” เฟิงเฟินไดตะโกนอย่างโกรธเคือง “มารักษาข้าเร็ว”
เมื่อเห็นว่าหมอได้เริ่มตรวจแผลแล้ว ในที่สุดฮูหยินผู้เฒ่าก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก พูดตามความจริง นางกลัวจริง ๆ ว่าเฟิงเฟินไดจะพบกับอุบัติเหตุที่โชคร้าย ถ้าหากองค์ชายห้าเสด็จมาสอบสวนก็จะเป็นปัญหาอย่างยิ่งสำหรับคฤหาสน์เฟิง
“เฉินหยู” นางพูดอย่างเศร้าโศก “ไม่ว่าเรื่องมันจะเป็นอย่างไร แต่มันก็เกิดขึ้นในห้องของเจ้า”
เฉินหยูคุกเข่า และพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ “เฉินหยูเข้าใจดี ท่านย่าโปรดลงโทษข้าเถิดเจ้าค่ะ”
“อ่า” ฮูหยินผู้เฒ่าไตร่ตรองเล็กน้อย “เจ้าจะถูกลงโทษด้วยการคัดลอกบทสวดมนต์ 100 จบเพื่อเป็นการลงโทษสำหรับเรื่องในวันนี้”
“เฉินหยูยอมรับการลงโทษเจ้าค่ะ”
“หืม !” ฮันชิตะโกนอย่างดุเดือดเพื่อแสดงความไม่พอใจของนาง
น่าเสียดายที่ไม่มีใครอยากยอมรับนาง
ไม่นานการตรวจของเฟิงเฟินไดก็ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ หมอเขียนใบสั่งยาขึ้นมาและนำกล่องยาขนาดเล็กออกมา ให้คำแนะนำกับเฟิงเฟินไดให้ทาลงบนแผลทุกวัน จากนั้นเขาก็บรรจุกล่องยาของเขา โค้งคำนับฮูหยินผู้เฒ่าแล้วออกไปพร้อมกับบ่าวรับใช้
ใครจะรู้ว่าหลังจากนั้นบ่าวรับใช้จะกลับมาและบอกกับฮูหยินผู้เฒ่าด้วยท่าทางที่ไม่สบายว่า “หมอต้องการเงิน 10 เหรียญเงินในการรักษาเจ้าค่ะ”
ฟู่ !
เฟิงเซียงหรูหัวเราะออกมา
พี่รองของนางจะใจดีขนาดเชิญหมอคนหนึ่งในร้านห้องโถงสมุนไพรให้มารักษาได้อย่างไร
“10 เหรียญเงิน ?” ฮันชิตะโกนเสียงดังอีกครั้ง “เขาปล้นเรางั้นหรือ ?”
ฮูหยินผู้เฒ่าตบเตียงด้วยความโกรธและพูดว่า "จ่ายซะ ! ไม่ว่าเขาจะคิดค่ารักษาเท่าใด ! คฤหาสน์เฟิงของเราไม่สามารถเสียหน้าได้ แต่เจ้าต้องจำไว้ ไม่ว่าใครจะล้มป่วยก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ไปหาเฟิงหยูเฮง…ไม่อนุญาตให้เข้าไปที่ร้านห้องโถงสมุนไพร”
เรือนซูหยาคึกคักตลอดทั้งวัน ฮันชิกับเฟิงเฟินไดเลือกที่จะอยู่และปฏิเสธที่จะจากไป ทั้งเสียงร้องไห้และเสียงกรีดร้องของพวกเขาทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าไม่สามารถพักผ่อนอย่างสงบสุขได้ 2 ชั่วยามผ่านไปอาการปวดหัวของนางก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง
ในขณะเดียวกันในเรือนตงเซิง เฟิงหยูเฮงยืนอยู่ที่เคาน์เตอร์ในมิติของนาง
นางได้ไตร่ตรองเรื่องของกำนัลสำหรับซวนเทียนเก้อและเพื่อนๆ หวงซวนพูดถูก ให้สิ่งที่พวกเขาต้องการหรือสิ่งที่พวกเขาขาดแคลน
แต่พวกเขาเป็นคุณหนูจากตระกูลใหญ่ พวกเขาจะขาดแคลนสิ่งที่พวกเขาต้องการหรือ ? พวกเขาจะขาดแคลนได้อย่างไร
การที่พวกเขาไม่ขาดแคลนสิ่งใดไม่ได้หมายความว่าทุกสิ่งที่พวกเขามีดีที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเด็กผู้หญิง การบำรุงรักษาผิวเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ในยุคนี้ไม่มีผลิตภัณฑ์ดูแลผิว พวกเขายังใช้สบู่น้ำผึ้งจีนเป็นสบู่ล้างหน้า หากสิ่งต่าง ๆ ดำเนินต่อไปเช่นนี้ ผิวชั้นนอกสุดจะสึกกร่อนอย่างสมบูรณ์ เมื่อผิวสัมผัสกับแสงแดดโดยตรง ใบหน้าของพวกเขาจะหยาบกร้านก่อนที่พวกเขาจะเสียชีวิตเมื่ออายุมาก
จากเคาน์เตอร์ของนาง นางดึงโฟมล้างหน้า 4 หลอด มาสก์หน้า 4 กล่อง ครีมกันแดด 4 ขวด นางยังหยิบของบางอย่างออกมา เช่น ยาสีฟันและสบู่หอม หลังจากจัดเก็บพวกมันไว้ในกล่องขนาดใหญ่ นางออกจากมิติของนาง
นางเรียกหวงซวนเข้ามาในห้องเก็บยา ชี้ไปที่กล่องขนาดใหญ่ นางพูดว่า “ไปหากล่องเล็ก ๆ มาเร็ว เราจะได้แบ่งของกำนัลเหล่านี้ออกมา นี่จะเป็นของกำนัลตอบแทน”
หลังจากประสบกับการล้างพิษที่ค่ายทหาร หวงซวนก็ไม่แปลกใจกับสิ่งแปลก ๆ ที่เฟิงหยูเฮง “นำ” ออกมาอีกแล้ว เมื่อเห็นขวดต่าง ๆ นางไม่ได้ถามเกี่ยวกับพวกมัน นางหันไปเดินออกไปเพื่อไปหากล่อง
เมื่อนางกลับมา เฟิงหยูเฮงแยกสิ่งของออกเป็นหลายกองแล้ว เด็กสาวแต่ละคนจะได้รับอย่างใดอย่างหนึ่ง ยาสีฟันและสบู่หอมก็ถูกเตรียมไว้สำหรับครอบครัวของบรรดาคุณหนู แม้ว่าสิ่งเหล่านี้ดูเหมือนจะไม่มากสำหรับนางพวกเขาเป็นทุกสิ่งที่ไม่สามารถพบได้ในราชวงศ์ต้าชุน เฟิงหยูเฮงพอใจกับของกำนัลที่นางได้เตรียมไว้
แต่หวงซวนยังคงเตือนนางว่า “คุณหนู นอกจากของกำนัลอบแทนเหล่านี้ คุณหนูต้องเตรียมสิ่งที่ดีกว่าด้วยเจ้าค่ะ”
นางสะดุ้งตกใจ “ดียิ่งกว่าเดิมอีกหรือ ? เอาให้ใคร ?”
“คุณหนู !” หวงซวนไม่รู้ว่านางควรร้องไห้หรือหัวเราะดี “จะถึงปีใหม่แล้ว ดังนั้นคุณหนูต้องส่งของกำนัลไปที่พระราชวังด้วยเจ้าค่ะ ! แน่นอนว่าฮ่องเต้ ฮองเฮา และพระชายาหยุน คุณหนูต้องส่งของกำนัลให้ด้วยเจ้าค่ะ” นอกจากนี้นางยังชี้ไปที่กล่องที่ห่อไว้แล้วและพูดว่า “คุณหนูได้เตรียมของกำนัลคืนแล้ว แต่มีบางตระกูลที่คุณหนูต้องส่งของกำนัลให้ก่อนเจ้าค่ะ !”
คราวนี้เฟิงหยูเฮงเข้าใจดี “เจ้าพูดถูก ตำหนักหยู ตำหนักชุน และตำหนักหยวนหยวนเป็นตำหนักที่ข้าต้องส่งของกำนัลให้ ทุกอย่างปกติดี ข้าจะเตรียมอีกสองสามอย่างที่คล้ายคลึงกับสิ่งนี้สำหรับพวกเขา สำหรับของกำนัลที่ถูกส่งไปยังพระราชวัง ... ข้าต้องคิดอย่างรอบคอบเกี่ยวกับพวกมัน”
นางต้องคิดอย่างรอบคอบ เรื่องของการส่งของกำนัลเข้าไปในพระราชวังนั้นเป็นสิ่งที่ทุกคนคิดกันมานาน โดยธรรมชาติแล้วนางไม่อาจประมาทได้
คืนนั้นเฉินหยูนั่งคัดลอกบทสวดมนต์ ฮูหยินผู้เฒ่าบอกให้นางคัดลอกบทสวดมนต์ 100 จบ แม้ว่าจะเป็นเรื่องง่ายแม้ว่านางจะใช้เวลาทั้งวันและทุก ๆ คืน การคัดลอกมันก็ยังคงต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่านางจะทำเสร็จสมบูรณ์
“เฟิงเฟินได เจ้าสมควรตาย !” นางเกลียดเฟิงเฟินไดและกัดฟันด้วยความโกรธ ด้วยความโกรธนี้จังหวะแปรงของนางก็หนักขึ้น มีหมึกจุดหนึ่งหยดลงบนกระดาษบทสวดมนต์ที่แกคัดลอก
“คุณหนูสงบสติเจ้าค่ะ” ยี่หลินขยับมือของนางออกจากกระดาษอย่างรวดเร็ว “มันไม่ใช่ว่าคุณหนูไม่รู้จักนิสัยของคุณหนูสี่ ทำไมต้องทะเลาะกับนาง บ่าวรับใช้นี้จะขอพูดตรง ๆ ด้วยนิสัยของนางจะนำไปสู่การพ่ายแพ้ไม่ช้าก็เร็ว ไม่จำเป็นที่คุณหนูจะต้องลงมือทำ ตัวนางเองสามารถทำให้นางตกต่ำลงได้”
เฉินหยูเหลือบมองไปที่ยี่หลิน “จัดการถุงนั้นหรือยัง ?”
ยี่หลินพยักหน้า “คุณหนูไม่ต้องเป็นห่วงเจ้าค่ะ ข้าเผามันแล้วเจ้าค่ะ”
“ดี” เฉินหยูเป็นคนตัวเล็ก “ตอนแรกข้าอยากจะเก็บมันไว้ในกรณีที่ข้าสามารถใช้มันได้ ตอนนี้กับการที่เฟิงเฟินไดอยู่ในคฤหาสน์ ดูเหมือนว่าแม้ห้องของข้าก็จะไม่ปลอดภัย”
“ไม่เป็นไรถ้าสิ่งนั้นไม่ได้เก็บไว้เจ้าค่ะ” ยี่หลินยังคงปลอบโยนนางในลักษณะนี้ “บ่าวรับใช้ผู้นี้ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นอาจมีผลในอนาคต มันจะอันตรายแค่ไหน ! หากสิ่งนั้นตกอยู่ในมือของคุณหนูสี่ ทุกอย่างจะจบลง”
“ข้ารู้” เฉินหยูรู้สึกหงุดหงิดนิดหน่อย “ถ้ามันถูกเผาไปแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับเป่ยเอ๋อ นางไม่ได้ตามเจ้าไปหรือ ?”
เมื่อพูดถึงเป่ยเอ๋อ ใบหน้าของยี่หลินก็เปลี่ยนเป็นสีซีดเล็กน้อย สูดหายใจเข้าลึก ๆ นางกัดฟันและกระซิบบอกเฉินหยู
เฉินหยูขมวดคิ้วในตอนแรก แต่จากนั้นนางก็เผยอยิ้มและพูดว่า “เจ้าทำได้ดีมาก”
ยี่หลินโล่งอกที่นางไม่ถูกลงโทษ ในที่สุดก็สงบลง นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ในความเป็นจริงไม่มีความจำเป็นที่คุณหนูจะโกรธ บ่าวรับใช้ผู้นี้เห็นมันจะเป็นการดีกว่าถ้าให้ทุกคนเห็นว่าคุณหนูถูกกลั่นแกล้งจากคุณหนูสี่ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดท่านใต้เท้าเฟิงจะกลับมาถึงอีกไม่กี่วัน เมื่อเห็นคุณหนูเช่นนี้ เขาจะรู้สึกเป็นทุกข์อย่างมาก”
“อะไรคือความรู้สึกเป็นทุกข์ ?” เฉินหยูตบโต๊ะ “ฮันชิตั้งครรภ์ ถ้าท่านพ่อใส่ใจข้าจริง แล้วนั่นคืออะไร ?” ยิ่งนางพูดมากเท่าไหร่สายตาของนางก็ยิ่งดูโกรธมากยิ่งขึ้น “ลูกของฮันชิต้องไม่ถือกำเนิดขึ้นมา !”
ยี่หลินรู้ว่าเฉินหยูจะหันความสนใจของนางไปหาเด็กที่อยู่ในท้องของฮันชิไม่ช้าก็เร็ว โดยไม่รีบเร่งที่จะให้คำแนะนำเฉินยู นางเพียงแต่ถามว่า “คุณหนู คุณหนูคิดว่าอนุฮันจะเป็นฮูหยินใหญ่ได้หรือไม่เจ้าคะ ?”
“หืม?” เฉินหยูมองไปที่ด้านข้างของนาง “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
ยี่หลินกล่าวว่า “ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นตระกูลเฟิงก็ยังเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียง หากอนุที่มีเบื้องหลังอยู่ในหอนางโลมได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นฮูหยินใหญ่แล้ว มันจะกลายเป็นเรื่องตลกของคนทั้งอาณาจักรหรือไม่? ท่านใต้เท้าเฟิงจะยอมให้สถานะขุนนางของเขาสั่นคลอนหรือไม่ ?”
เฉินหยูพยักหน้า “เจ้าพูดถูก แม้ว่านางจะไม่ใช่ฮูหยินใหญ่ แต่การที่นางมีบุตรชายอยู่ข้าง ๆ มันก็เหมือนหนามทิ่มแทงตา”
ยี่หลินยิ้มและพูดว่า “ไม่ว่าจะเป็นลูกชายหรือไม่ก็ตาม แม้ว่ามันจะเป็นเพียงบุตรชายของอนุ แต่ถ้าคุณหนูพบว่ามันเป็นอะไรที่น่ารังเกียจ เราสามารถคิดหาวิธีที่จะทำให้เด็กคนนั้นถือกำเนิดขึ้นมาไม่ได้”
“ไม่ต้องรีบ” เฉินหยูพูดอย่างตั้งใจว่า “ท้องของนางยังไม่ใหญ่ เรายังมีเวลาอีกมากในการคิดสิ่งต่าง ๆ สำหรับเฉินชิงผู้ซึ่งอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ เป็นเวลานานมากแล้วที่เราได้พบเขาเป็นครั้งสุดท้าย”
“นายน้อยอุทิศตนอย่างเต็มที่กับการศึกษาของเขา เขาขลุกอยู่แต่ในห้องของเขาตลอดทั้งวันเพื่อศึกษา ไม่ต้องพูดถึงคุณหนู แม้แต่บ่าวรับใช้ในสวนของเขาก็ไม่ค่อยเห็นเขา”
“หืม เขาเป็นหนอนหนังสือ” เฉินหยูพูดจาอย่างเยือกเย็น “แต่ท่านพ่อก็อุ้มชูเขาด้วยความคาดหวังมาก บอกข้าทีว่าเฉินชิงจะได้อันดับสูงสุดของการสอบหรือไม่ ?”
ยี่หลินไตร่ตรองอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เรายังต้องเตรียมการบางอย่างในกรณีที่เขาทำ ข้าได้ยินมาว่านายน้อยเป็นนักเรียนที่เรียนดีจริง ๆ มิฉะนั้นท่านใต้เท้าเฟิงก็คงไม่สนใจเขามาก เมื่อพิจารณาถึงโอกาสที่เขาได้อันดับหนึ่งนั้นค่อนข้างสูง คุณหนู หากนายน้อยสามารถอยู่ในอันดับที่หนึ่งในการสอบได้สถานะของเขาจะไม่เหมือนเดิม แม้ว่าจะไม่สามารถนำมาเปรียบเทียบกับองค์ชายได้ แต่จะเป็นสิ่งที่เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่ไม่สามารถเปรียบเทียบได้”
“เจ้าพูดถูก” เฉินหยูรำลึกถึงบางสิ่งบางอย่างในทันที “เจ้าจำหมอนที่ท่านลุงสามส่งมาให้ท่านแม่ได้หรือไม่? เขาบอกว่าภายในมีสมุนไพรแห้งทุกชนิดที่สามารถฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ”
ยี่หลินพยักหน้า “เจ้าค่ะ แต่หมอนนั่นมีกลิ่นเหมือนยา ดังนั้นฮูหยินผู้เฒ่าไม่ชอบ มันถูกทิ้งไว้ในห้องเก็บของตลอด ความหมายของคุณหนูคือ…”
“ส่งไปให้เฉินชิง สิ่งที่ฟื้นฟูร่างกายและจิตใจมีประโยชน์ เพียงแค่บอกว่าเขาควรศึกษาอย่างขยันขันแข็งต่อไป ข้าจะสวดภาวนาให้เขาประสบความสำเร็จทุกวันเพื่อที่เขาจะได้อันดับหนึ่งในการสอบจอหงวน”
หลังจากที่นางพูดเช่นนี้ มีเสียงกรีดร้องโหยหวนดังมาจากข้างนอก