ตอนที่ 12 : พันธุกรรมต้นแบบ
ลูซีหยูรู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังงอกออกมาจากระหว่างคิ้วของเค้า ในที่สุดเมื่อสิ้นสุดการทำสมาธิของเค้าด้วยพลังจิตที่เพียงพอทำให้สิ่งนั้นทะลุออกมาและเข้ามาในโลกแห่งความเป็นจริง
ลูซีหยูมองเห็นโลกภายนอกแต่ไม่ได้มองเห็นด้วยตาของเค้าหรือประสาทสัมผัสที่เค้าเคยใช้มาก่อน เค้ากลับมองเห็นโลกจากมุมที่แตกต่างอย่างสิ้นเชิง พลังจิตของเค้าเกินลิมิตของร่างกายแล้วและมีอิทธิพลต่อโลกแห่งความจริง
โลกแห่งความจริงที่เค้ามองเห็นผ่านพลังจิตของเค้านั้นประกอบด้วยข้อมูลที่เกิดขึ้นจากจุดและเส้น ไม่มีสีหรือแสงมีแค่ข้อมูลในรูปแบบของจุดและเส้น
จากช่วงเวลาที่ลูซีหยูขยายพลังจิตเพื่อสำรวจโลกเค้าสามารถรู้สึกถึงข้อมูลมหาศาลที่หลั่งไหลเข้ามาในสมองของเค้า ความชื้นในอากาศ ขนาดของเค้าและความกว้าง โครงสร้าง คุณภาพและความหนาแน่นของเตียงของเค้าทั้งหมดพุ่งเข้ามาในหัวอย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้นลูซีหยูก็ตระหนักได้ว่าเค้าไม่เคยเข้าใจห้องของตัวเองดีขนาดนี้มาก่อน อย่างไรก็ตามข้อมูลที่มากมายนี้มันมากเกินไปที่เค้าจะรับมือได้มันทำให้เค้าร็สึกเหมือนสมองจะระเบิด
นี่คือวิธีที่ดูเหมือนโลกใช้พลังจิต? โลกถูกสร้างมาจากข้อมูล!
หลังจากถอนพลังจิตของเค้าแล้วลูซีหยูก็รู้สึกวียนหัวทันที ข้อมูลจากทั่วโลกไหลเข้ามาในสมองเค้า แม้ว่าเค้าจะสนุกกับสิ่งนี้แต่ในเวลาเดียวกันเค้าก็พบว่าเค้าไม่สามารถทนได้ไหว
หลังจากลูซีหยูสงบลงเค้าก็เริ่มที่จะทำตามแผนเริ่มต้นของเค้า เค้าเริ่มสังเกตภายในร่างกายของเค้าและส่วนลึกของเซลล์เหมือนกับที่ราชินีแมลงทำ
พลังจิตของเค้าถูกขัดเกลาและลึกเข้าไปในร่างกายของเค้า ลูซีหยูสามารถเห็นร่างของเค้าขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง เค้าเห็นกล้ามเนื้อ หลอดเลือด เลือดและจากนั้นเซลล์ของเค้าก็ไหล พวกมันดูเหมือนฟองสบู่ที่ไหลมารวมกันเป็นการแสน้ำในแม่น้ำที่ไม่มีวันสิ้นสุด
ในขณะที่พลังจิตของลูซีหยูแข็งแกร่งขึ้นเค้าก็สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นภายในเซลล์ได้ เค้าพบว่านิวเคลียสซี่งมีขนาดเล็กรูปร่างเหมือนเมล็ดถั่วในทุกเซลล์ หน้าที่ของแต่ละเซลล์ดำเนินโดยไซโตพลาสซึมของมันเองในขณะที่นิวเคลียสเป็นแกนกลางของมัน
ลูซีหยูทำให้พลังจิตของดีขึ้นอีกครั้ง มาถึงขั้นนี้แล้วมันยากมากสำหรับเค้า พลังจิตของเค้ามาถึงขอบเขตของโลกของกล้องจุลทรรศน์ นี่เป็นมุมมหัศจรรย์และลึกลับที่สุดในโลก เมื่อเทียบกับจักรวาลที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่ามนุษย์สนใจโลกที่เกี่ยวกับกล้องจุลทรรศน์มากกว่า
ในที่สุดลูซีหยูก็มองเห็นดีเอ็นเอของเค้า มันเหมือนบันไดเกลียวและที่บรรจุความลับที่สุดยอดที่สุดของร่างกายมนุษย์ ยีนของมนุษย์ก็ถูกพบที่นี่เช่นเดียวกับข้อมูลในร่างกาย นี่เป็นความลับที่มนุษย์ต้องการจะคลี่คลายแต่ก็ไม่สามารถทำได้อย่างสมบูรณ์
ลูซีหยูรู้สึกภูมิใจในตัวเอง เค้าเห็นข้อมูลจำนวนมหาศาลหลั่งไหลเข้าไปในสมองของเค้าในรูปแบบข้อความที่มองเห็นได้ เค้ารู้สึกราวกับว่าเค้ายืนเปลือยอยู่ข้างหน้าข้อมูลที่ยาวเหยียด จำนวนข้อมูลที่ไม่สิ้นสุดนับตั้งแต่ย้อนกลับไปจนถึงจุดเริ่มต้นของชีวิต
มันคืออะไร? ความทรงจำของชีวิต?
ลูซีหยูเห็นข้อมูลเกี่ยวกับบรรพบุรุษของเค้าและจุดเริ่มต้นของมนุษยชาติ ขณะที่เค้าขยับขึ้นไปตามลำธารลูซึหยูยังเห็นเงาของคนเหล่านั้นซึ่งเป็นบรรพบุรุษของเค้า เมื่อเค้าก้าวต่อไปใบหน้าของพวกเค้าก็เรียบง่ายขึ้นและไม่มีอะไรตกแต่ง เสื้อผ้าของพวกเค้าก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆและในที่สุดเค้าก็เห็นยุคโบราณ
เค้าเคลื่อนที่ตลอดทางจากโฮโมสาเปี่ยนถึงโฮโมอีเล็กตัส โฮโมฮาบิลิสและออสตราโลพิเทคัส จากนั้นลูซีหยูตระหนักว่าลำธารได้สิ้นสุดลงอย่างกะทันหัน นี่เป็นมนุษย์รุ่นแรกและไม่สามารถย้อนรอยทางพันธุกรรมได้อีกต่อไป
บางทีนี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของมนุษย์ สปีชีย์อื่นๆที่อยู่ในลำธารนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับมนุษยชาติเลย ลูซีหยูสามารถมองเห็นที่มาและวิวัฒนาการของมนุษย์โดยตรง มันเหมือนสไลด์โชว์ขนาดยักษ์ที่ทำให้เค้าตกตะลึงอย่างมาก
ในขณะที่ลูซีหยูดึงพลังความคิดของเค้าออกมาเค้ารู้สึกสั่นคลอนเกือบจะตกลงมาจากเตียงของเค้า เค้าปิดหน้าตัวเองและหอบไม่หยุด มันคงใช้เวลานานในการพักฟื้น
หลังจากนั้นไม่นานลูซีหยูก็หัวเราะเสียงดัง เค้ารู้สึกว่าเค้าได้อยู่ใกล้กับวิวัฒนาการของมนุษย์และในที่สุดก็เข้าใจความลับของยีน
ลูซีหยูคิดได้ว่าแมลงสามารถเปลี่ยนยีนของพวกมันผ่านฟีโรโมนหลังจากสังเกตความลับของยีน ลูซีหยูมีความคิดที่น่ากลัวขึ้น ทั้งหมดเพราะเค้าได้เห็นแม่แบบทางพันธุกรรมของบรรพบุรุษที่เหมือนลิงในส่วนที่ลึกที่สุดของยีนของเค้า
ถ้าฉันสามารถเปลี่ยนแม่แบบได้ละ? ถ้าฉันเปลี่ยนแหล่งข้อมูลทางพันธุกรรมและบอกยีนว่าบรรพบุรุษไม่ใช่ลิงแต่เป็นไททันหรือพระเจ้าหรือแม้แต่มังกร อะไรจะเกิดขึ้นกับมนุษย์? มันจะทำให้เกิดความโกลาหลด้วยมนุษย์กลายเป็นมนุษย์พิเศษ?
ความคิดนี้ทำให้ลูซีหยูรู้สึกตื่นเต้นแต่เค้าก็รู้สึกว่ามันจะท้าทายอย่างมาก เค้าต้องทำการทดลองนับไม่ถ้วนก่อนที่จะบรรลุเป้าหมาย ลูซีหยูไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าเป็นไปได้หรือไม่
ลูซีหยูได้จัดตั้งห้องปฏิบัติการขึ้นที่ชั้นบน มันไม่เหมือนมืออาชีพซะทีเดียวแต่เค้าก็ซื้อออุปกรณ์จำนวนมากที่เกี่ยวข้องกับชีววิทยาซึ่งแต่ละอันก็มีราคาแพงและหายาก โชคดีที่เค้าต้องการเพียงสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้นเนื่องจากพลังจิตของเค้านั้นทรงพลังจิตมากกว่าในแง่ของความแม่นยำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างการสังเกตลูซีหยูตรวจพบการเปลี่ยนแปลงในการทดลองอย่างถูกต้อง
มีตู้อบคาร์บอนไดออกไซด์ ตู้เซฟชีวภาพ ตู้แช่แข็งอุณหภูมิต่ำเป็นพิเศษและอุปกรณ์อื่นๆรวมถึงวัสดุสิ้นเปลืองหลากหลายประเภท ลูซีหยูใช้ทั้งหมดของเค้ารวมถึงเงินที่พ่อแม่ทิ้งไว้ในเค้าในการสั่งซื้อของทั้งหมดนี่
เมื่อลูซีหยูทำการลงทุนเค้าได้ขอความช่วยเหลือจากเพื่อนร่วมชั้นสมัยประถมของเค้าหวางยี่ ลูซีหยูเข้าเรียนที่โรงเรียนประถมในบ้านเกิดของเค้า เมื่อก่อนพวกเค้าอยู่ห่างกันไม่ถึงร้อยเมตร
ปัจจุบันหวางยี่ทำงานเป็นผู้ช่วยในสถาบันการวิจัยที่เป็นเจ้าของร่วมกันระหว่างบริษัทยากับมหาวิทยาลัย ลูซีหยูกับหวางยี่ไม่ได้เจอกันเป็นเวลานานดังนั้นหวางยี่จึงรู้สึกตกใจเมื่อเห็นลูซีหยูติดต่อมา
ลูซีหยูเริ่มทดลองในหนู หนูที่น่าสงสารอยู่ในห้องแลปของเค้าและลูซีหยูก็เริ่มเล่นกับแม่แบบพันธุกรรมตามจินตนาการของเค้าเอง
อย่างไรก็ตามทุกครั้งที่เค้าเปลี่ยนมัน สายพันธุกรรมจะพังลงทันที เลือดขวดแก้ววิทยาศาสตร์ก็สูญเสียทางชีวภาพและไม่สามารถทนต่อการเปลี่ยนแปลงแบบสุ่มได้
ลูซีหยุเข้าใจดีว่าแม่แบบพันธุกรรมต้องเป็นเหตุเป็นผล มันต้องมีบางอย่างที่เค้าสามารถเข้าได้ด้วยเหมือนกันมิฉะนั้นมันจะส่งผลให้เกิดปฏิกริยาต่อสายพันธุกรรมที่ทำให้ยีนพังได้
เค้าเริ่มใส่ข้อมูลของแม่แบบของมนุษย์ลงในสัตว์ หลังจากการทดลองไม่กี่ครั้งลูซีหยูก็ประสบความสำเร็จในการสร้างยีนระหว่างหนูกับคนซึ่งเป็นการผสมระหว่างยีนของหนูและคน
และใช้เทคนิคการเพิ่มยีนเพื่อเพิ่มยีนของหนู-คนทันทีโดยใช้สิ่งที่เค้าสร้างคือพลาสมาวิวัฒนาการรุ่นแรก เค้าตั้งชื่อมันว่า ‘พลาสมาหนู-คน’
อย่างไรก็ตามเมื่อลูซีหยูฉีดพลาสมาเข้าไปในไขกระดูกของหนูมันจะระเบิดทันที และลูซีหยูก็รู้สึกเศร้าทันที
หลังจากเศร้ามาสักพักหนึ่งลูซีหยูรู้สึกว่าเค้าอาจจะสามารถขยายพันธุ์รุ่นใหม่จากตัวอ่อนแทนที่จะพยายามโดยตรงและพยายามเปลี่ยนยีนของสัตว์ที่โตเต็มที่ มันจะเหมือนกับการสร้างแกะที่ลอกเลียนแบบมา
ในเวลานี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในข่องว่างกระดาษ!!