SC:บทที่ 23 คลังอาวุธ
SC:บทที่ 23 คลังอาวุธ
เมื่อเห็นประตูที่ต้องใช้รหัสผ่านนี้เห็นอย่างชัดเจนว่ามันแตกต่างจากประตูอื่นๆอย่างสิ้นเชิง ประตูทั้งหมดถูกทาด้วยสีเทาอมฟ้า โครงสร้างของมันแข็งแรงเป็นอย่างมาก หลินเฉิง คิดว่าหากโชคดีเขาคงใช้รหัสผ่านในการเปิดประตูนี้ได้เพราะเขาไม่สามารถใช้ขวานเหล็กเจาะประตูนี้ได้อย่างแน่นอน อย่างน้อยการเปิดประตูนี้คงต้องใช้ระเบิด C4
หลังจากสังเกตการเคลื่อนไหวบริเวณรอบๆเขาพบว่าในตอนนี้ยังคงอยู่ในความเงียบสงบ หลินเฉิง ส่องไฟแช็คไปที่แผงเหล็กที่ยื่นออกมาและเตรียมที่จะใส่รหัสผ่านที่อยู่ในใจของเขา
วันที่ถ่ายรูปคือวันที่ 2 พฤศจิกายน 2014 แต่นั่นเป็นเพียงวันที่ถ่ายรูปเท่านั้น หมายความว่าวันเกิดของเด็กน้อยคือวันที่ 2 พฤศจิกายนส่วนปีเกิดของเธอคงต้องเดาด้วยตัวเอง
เมื่อคิดได้ดังนั้น หลินเฉิง ลองกดรหัสผ่านลงบนประตูเหล็ก ทันใดนั้นประตูเหล็กที่คิดว่าไม่มีกระแสไฟก็เริ่มทำงานอีกครั้ง เพียงแต่ หลินเฉิง รู้สึกประหม่าเพราะเขาพบว่าการใส่รหัสรายการเปิดประตูนั้นกำหนดจำนวนครั้ง!
ดูเหมือนว่าประตูบานนี้ใช้พลังงานอิสระ คงเป็นเพราะพวกเขาได้คิดเกี่ยวกับมันแล้วว่าหากไฟดับพวกเขาจะเปิดมันได้ยังไงหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน
เมื่อดูแผงวงจร หลินเฉิง รีบกดตัวเลขชุดที่ 1 ในสมองของเขาลงไปทันที รูปภาพที่ปรากฏเป็นเด็กน้อยที่อายุประมาณ 3 ขวบในปีพศ. 2014 จากการคำนวณวันเกิดของเธอควรที่จะเป็นวันที่ 2 พฤศจิกายนปี 2011 เขาจึงใช้รหัส 20111102 ซึ่งเป็นรหัส 8 หลัก แต่ก็พบว่าไม่ถูกต้อง!
หลินเฉิง ไม่กล้าสูญเสียโอกาสในแต่ละครั้งในการใส่รหัสเขาพยายามคิดคำนวณวันเกิดของเด็กหญิงในใจอีกครั้ง และก็ใส่ตัวเลขชุดที่ 2 มันยังคงผิดอยู่หลังจากที่เขาพยายามถึง 4 ครั้งเขาแทบจะไม่กล้าจะใส่ชุดตัวเลขอีกเลย เพราะขีดจำกัดในการใส่รหัสผ่านทั่วไปนั้นคือสามารถใส่ผิดได้เพียง 5 ครั้ง และเขาไม่รู้ว่าประตูเหล็กจะเปิดโอกาสให้เขาใส่รหัสได้เพียงกี่ครั้งดังนั้นเขาถึงไม่กล้าสุ่มสี่สุ่มห้า
เขาพยายามลองชุดตัวเลขที่ผสมกันระหว่างปี 2008-2011 แต่พบว่าไม่มีชุดใดถูกต้อง ตอนนี้เขาเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าความคิดอนุมานของเขาก่อนหน้านี้เชื่อถือได้หรือไม่
หลินเฉิง ยังคงนั่งอยู่หน้าห้องคลังอาวุธและรู้สึกเป็นกังวล หลินเฉิง พยายามทบทวนอีกครั้งแต่เขายังคงไม่เห็นเบาะแสอื่นเขาขมวดคิ้วและคิดอย่างเราพอจากนั้นยืนขึ้นและลองกดหมายเลขชุดสุดท้าย
“7 011 1102..”
หลินเฉิง ค่อยๆปิดตาตัวเองเพื่อรอโอกาสแห่งโชคชะตา
ติ๊ด ติ๊ก ตึ่ง ตึ่ง
ทันใดนั้นเสียงของกลไกก็ดังขึ้นบนทางเดินที่เงียบสงบ
เวรแล้ว...ทำไมประตูจะต้องส่งเสียงตอนเปิด?
หลินเฉิงเองก็ตกใจจนแทบกระโดด ได้ยินเสียงประตูเปิดแล้วเขาไม่กล้าคิดเรื่องอื่นอีกต่อไปเขารีบเปิดประตูเหล็กและรีบเข้าไปในห้องทันทีจากนั้นปิดมัน เขาได้ยินเสียงประตูเปิดจากทางที่เขาผ่านมาจากนั้นมีเสียงตะโกนดังกล้องบนทางเดิน
“ใครน่ะ?ออกมา!อย่าทำลับๆล่อๆ! ฉันเห็นนะ!”
หลังจากได้ยินเสียงร้องตะโกน หลินเฉิง ได้แต่เย้ยหยันพวกเขาพยายามที่จะเปิดประตู หลินเฉิง ได้ยินเสียงตะโกนของผู้คนด้านนอกประตูแต่เขาไม่สนใจ เข้าจุดไฟแช็คขึ้นอีกครั้งและเริ่มมองรอบๆห้อง
ภายในห้องนี้ไม่ใหญ่มากนักมีพื้นที่ประมาณ 30 ตารางเมตรเท่านั้น เนื่องจากแสงไฟอ่อนเกินไปเขาจึงไม่สามารถมองเห็นจำนวนปืนและกระสุนที่วางอยู่บนตู้ ในตอนแรกมันทำให้เขาคิดว่ามีปืนจำนวนไม่มากนัก
หลินเฉิง แค่ต้องการปืนพกแต่เขาไม่คิดว่ามีปืนและกระสุนจำนวนมากอยู่ที่นี่ แม้ว่าจะไม่เห็นปริมาณที่แท้จริงแต่มันก็เพียงพอทำให้เขารู้สึกประหลาดใจ
จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียง เกาหยู เคาะประตูด้านนอก หลินเฉิง ไม่กล้าชักช้าอีกต่อไปเขารีบหยิบของและเริ่มเก็บกวาดสิ่งที่เขาต้องการ
“type 64... 77…. มีปืนกล 79 จริงๆ เยี่ยม!”
ในขณะที่เขาเก็บปืนเหล่านั้นเขาก็ตรวจสอบประเภทปืนที่เขาเก็บกวาด หลังจากนั้นชั่วครู่อุปกรณ์ทั้งหมดกองอยู่รวมกัน หลินเฉิง ใช้เชือกมัดมันไว้กับข้างหลังเขา น้ำหนักของมันเกือบทำให้เขาล้มกับพื้น แต่เขายังคิดว่าเขาเอาไปน้อยเกินไป
ดูเหมือนหัวใจมนุษย์เหมือนมดที่ต้องการจะกลืนช้าง!
ด้วยความปวดใจเขาเพียงแต่โยนปืนทิ้งไป 2-3 กระบอกและกระสุนบางส่วนเพื่อลดน้ำหนัก จากนั้นก็ถือปืนพก 77 ไว้ในมือ เขาวางกระเป๋าไว้บนหลังและเปิดประตูออกไป
ในเวลานี้ผู้รอดชีวิต ในสถานีตำรวจได้มารวมตัวกัน ณ ประตูคลังอาวุธ เกาหยู ยืนอยู่แถวหน้าสุดและมองเห็น หลินเฉิง เดินออกมาจากห้องเก็บอาวุธ เธอเห็นปืนจำนวนมากมายอยู่ด้านหลังของเขาและเข้าใจว่าในที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จ
เมื่อมองเห็นผู้รอดชีวิตที่เต็มไปด้วยความเป็นศัตรูในสายตาของพวกเขายกปืนขึ้นและพูดเบาๆว่า
“พวกคุณต้องการจัดงานเลี้ยงอำลาผมอย่างนั้นหรอ”
เมื่อได้ยินคำพูดของ หลินเฉิง เกาหยู เต็มไปด้วยใบหน้าที่วิตกกังวลและไม่สบายใจและพูดด้วยความผิดหวังว่า
“ในที่สุดฉันก็รู้ว่าทำไมทุกคนไม่เห็นด้วยที่จะให้คุณอาศัยอยู่ที่นี่!”
หลินเฉิง ยังคงสีหน้าเย็นชา
“ผิดหวังอย่างนั้นหรอ?ผมบอกคุณตั้งแต่แรกแล้วว่าผมมาหาปืน แต่ตอนนี้ผมได้บรรลุเป้าหมายแล้วตราบใดที่คุณไม่แสดงท่าทีหุนหันพลันแล่นผมจะไม่ทำอะไรคุณ?”
เมื่อได้ฟังคำพูดของ หลินเฉิง เกาหยู ค่อนข้างผิดหวังและพยายามถามอย่างไรพลังว่า
“ตอนนี้คุณได้สิ่งที่คุณต้องการแล้วคุณจะจากไปใช่ไหม เพราะตอนนี้คุณเป็นภัยคุกคามสำหรับผู้รอดชีวิตที่อยู่ที่นี่..”
เมื่อมองไปที่ผู้รอดชีวิตคนอื่นๆพวกเขาต่างพยักหน้าเห็นด้วย เมื่อได้ยินคำพูดของ เกาหยู หลินเฉิง เองก็ทำอะไรไม่ถูกเช่นกัน
“คุณจำคนโง่ 2 คนที่ผมพึ่งสั่งสอนไปได้หรือไม่ คุณไม่สามารถหยุดสิ่งที่ผมต้องการจะทำได้!แต่มีสิ่งหนึ่งที่คุณพูดถูก...ถึงเวลาที่ผมจะต้องไปแล้ว”
“เฮ้!อย่าลืมว่าฉันก็มีปืนเหมือนกัน!ถ้าคุณกล้าที่จะทำอะไร...ฉัน..ฉันจะ..”
เมื่อเห็นว่า หลินเฉิง ไม่กลัวคำพูดของ เกาหยู เธอพยายามข่มขู่อย่างลังเล
“ทำไมล่ะ?กล้าชี้ปืนมาที่ผมแต่ไม่กล้าเหนี่ยวไก?ผมไม่รู้ว่าคุณเรียนจบจากโรงเรียนตำรวจมาได้ยังไง…”
เมื่อฟังการสนทนาระหว่างสองคน ผู้รอดชีวิตคนอื่นๆที่อยู่รอบตัวรู้สึกงง จู่ๆในฝูงชนก็มีคนแยกตัวออกมาด้วยไปหน้าประจบประแจงและเดินไปด้านข้างของ หลินเฉิง
“เอาล่ะน้องชายเมื่อคุณได้สิ่งที่คุณต้องการแล้ว ก็เชิญคุณออกไปได้ตามสบาย”
ชายที่เต็มไปด้วยหนวดเคราพูดกับหลินเฉิงอย่างลึกลับ จากนั้นเขามองไปยังห้องปืนที่อยู่ด้านหลังที่หลินเฉิงยังไม่ได้ปิด แล้วพูดว่า
“น้องชาย ในเมื่อคุณกินเนื้อไปแล้วพวกเราขอน้ำซุปได้ไหม”
เมื่อ หลินเฉิง ได้ยินสิ่งที่ชายเต็มไปด้วยหนวดเคราคนนี้พูดเขาคิดสักครู่ และยิ้มให้กับชายคนนั้นจากนั้นเข้าผลักชายคนนั้นออกไปและปิดประตูคลังอาวุธโดยตรง!
--------------------------