บทที่ 66 ตรงนั้นของนายเปลี่ยนรูปร่างได้ด้วย
บทที่ 66 ตรงนั้นของนายเปลี่ยนรูปร่างได้ด้วย
คนพวกนี้ดูท่าจะมาเสาะหาข้าวของเหมือนกัน สิ่งของที่พกมาก็ย่อมมีไม่น้อย แม้จะเทียบกับที่หลิงม่อเก็บเกี่ยวมาไม่ได้ แต่ด้วยจำนวนคนและความแข็งแรงของพวกเขาก็ถือว่าหามาได้ไม่เลวแล้ว
ในการต่อสู้เมื่อครู่นี้ดูออกว่าคนพวกนี้ไม่ได้แค่โหดเหี้ยมอำมหิต แต่ยังมีสมองนิดหน่อย ถ้าไม่มาตกอยู่ในมือหลิงม่อก็อาจจะอยู่ต่อไปได้อีกนาน
นอกจากอาวุธของพวกเขาที่ไม่ได้เข้าตาหลิงม่อจริงๆ เขาก็เก็บรวบรวมของที่เอามาใช้ได้
สิ่งที่ทำให้หลิงม่อค่อนข้างแปลกใจคือ ชายหัวล้านนั้นพกมีดพับสวิสด้วย มีดที่ใช้ประโยชน์ได้หลากหลายแบบนี้ ถือว่าเป็นของดีในช่วงวันโลกาวินาศ หลิงม่อดึงมีดออกมาจากชายหัวล้านโดยไม่เกรงใจ จากนั้นก็เอายัดใส่กระเป๋าของตัวเอง
นอกจากนั้นเขายังค้นเจอบุหรี่ซองหนึ่งในกระเป๋าของชายหัวล้าน และเขาก็รับไว้โดยไม่เกรงใจเช่นกัน
หลิงม่อสำรวจซากศพพลางแอบถอนใจ แม้เขาจะใช้พลังควบคุมหุ่นได้ ดูเหมือนจะยากลำบากน้อยกว่าผู้รอดชีวิตทั่วไป แต่ตอนที่ออกล่าซอมบี้กลายพันธุ์ทุกวันก็ต้องล้มลุกคลุกคลานอยู่บนเส้นขอบแห่งความตาย
นอกจากตอนแต๊ะอั๋งสองสาวซอมบี้กลายพันธุ์เท่านั้นที่หลิงม่อจะรู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาหน่อย ปกติแล้วเขาจะอยู่ในท่าทางระแวดระวังที่สุด
ตอนที่เก็บรวบรวมข้าวของ ส่วนใหญ่นั้นจะหาของใช้จำเป็น ของเล็กๆ น้อยๆ ที่เอามาใช้เสพสุขอย่างพวกบุหรี่นี้ เขาไม่เคยสนใจเลย
“เศษสวะก็คือเศษสวะ ไม่คิดว่าจะทำให้ชีวิตดีขึ้นยังไง มัวแต่เอาความคิดเล็กๆ น้อยๆ มาคิดว่าจะหาความสุขยังไง”
หลิงม่อเอ่ยอย่างเหยียดหยาม ความลำบากในช่วงวันสิ้นโลก การรักษาสภาพจิตใจให้เป็นปกตินั้นสำคัญมาก เรื่องเล็กๆ อย่างบุหรี่นี้ยังไม่ต้องพูดถึง แต่การที่พวกมันเอาความกดดันมาระบายกับร่างกายผู้หญิงแบบนี้ มันน่ารังเกียจเกินไป
สองสามวันนี้หลิงม่อเก็บเกี่ยวได้ค่อนข้างเหลือเฟือ ตอนนี้ยังได้ทรัพย์มาโดยบังเอิญอีก กระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ก็ยัดจนเต็มเอี้ยดแล้ว กระทั่งว่าเขายังต้องทิ้งของที่ต่ำกว่ามาตรฐานบางอย่างในนั้นเพื่อลดภาระน้ำหนักด้วย
แต่จากที่หลิงม่อดูแล้ว ข้าวของเหล่านี้เทียบกับความเสียหายของดาบยาวของซย่าน่าแล้วยังห่างชั้นกันไกลโข
เมื่อปะทะกับขวาน ของแข็งเจอกับของแข็ง ก็ทำให้คมดาบยาวของซย่าน่าแตกเป็นรูหนึ่งรู แม้ตอนนี้ยังไม่ได้มีผลกระทบกับการใช้งาน แต่อายุการใช้งานก็หดสั้นลงอย่างมากเพราะเหตุนั้น
หากมีโอกาสก็ต้องหาดาบให้ซย่าน่าแล้วล่ะ...
น่าเสียดายที่การจะหาอาวุธที่เหมาะมือในช่วงวันโลกาสวินาศไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
อาวุธอย่างของพวกชายหัวล้านก็คุณภาพหยาบ นอกจากขวานด้ามนั้นที่นับว่ามีพลังการทำลายล้างแล้ว อาวุธอื่นๆ น่ะเอามาใช้กับคนได้ แต่ถ้าใช้กับซอมบี้ก็จะดูไม่จืด
สิ่งที่ทำให้เกิดสถานการณ์ในตอนนี้ มีความเกี่ยวข้องกับการใช้มีด แม้จะบอกว่ามีดที่ใช้ในครัวจำพวกมีดหั่นผักทั่วไปที่เอามาะเลาะกระดูกได้นั้น สามารถหาได้ในซุปเปอร์มาร์เก็ต แต่จะให้คนธรรมดาเอามีดหั่นผักไปสู้กับซอมบี้ในระยะประชิดน่ะเหรอ? แค่มีความกล้าก็ไม่พอหรอก! ต่อให้เสี่ยงอันตรายเข้าไปประชิด พลังการทำลายล้างของมีดหั่นผัก สำหรับซอมบี้ที่ไม่ได้หากไม่ได้ฟันให้ตายก็จะโจมตีอย่างบ้าคลั่งและต่อเนื่องแล้ว จะมีผลอะไรมากมายกับพวกมันเหรอ?
และเพราะเหตุนั้น ตอนแรกหลิงม่อจึงได้เสี่ยงอันตรายไปที่ร้านทำมีดตระกูลหวางเพื่อหามีดที่เหมาะมือ ตอนนี้มีดสั้นของเขาที่แม้จะยาวฟุตกว่า แต่มีดีตรงคมกริบ คุณภาพสูง เหมาะสมกับระดับความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ทุกประการ
อาชาดีย่อมคู่ควรกับอานชั้นเลิศสิ!
“เอากริชให้เธอใช้ก่อนแล้วกัน”
หลิงม่อเพิ่งคิดจะหยิบกริชของตัวเองให้ซย่าน่า แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะส่ายหน้า “ไม่ ฉันจำได้ว่าดาบนี้สำคัญกับฉันมาก แตกแล้วก็ไม่เป็นไร ยังใช้ได้ ส่วนของนาย เป็นของน้องสาวทำ ที่เธอทำฉันไม่ชอบ”
“เอาเถอะ...” หลิงม่ออับจนคำพูดทันที แน่ล่ะว่าหลังจากกลายเป็นซอมบี้แล้ว เธอก็ยังไม่ชอบหวังหลิ่นเหมือนเดิมสินะ...
พี่น้องสองคนนี้คนหนึ่งหัวรั้นมากทั้งยังอารมณ์ร้าย อีกคนก็ภายนอกเย็นชาแต่ภายในอบอุ่น ก่อนที่จะกลายเป็นซอมบี้ก็เป็นเด็กสาวทึ่มๆ ใจดีคนหนึ่ง
นิสัยที่เป็นไปในทางตรงกันข้ามแบ่งมาอยู่ในตัวพวกเธอสองคนในตอนนี้ มีวาสนาต่อกันจริงๆ เน้อ...
หลังจากที่กลับขึ้นอาคารมาแล้ว หลิงม่อก็พบว่าระเบียงชั้นสามมีรอยเปื้อนโคลนเป็นหย่อมๆ ดูท่าคนพวกนี้ได้สำรวจอาคารแห่งนี้อย่างระมัดระวังแล้วรอบหนึ่ง
แต่พวกมันมองการตบตาของหลิงม่อไม่ออก ดังนั้นห้องของหลิงม่อก็ยังคงอยู่ในสภาพเดิม น้ำดื่มสะอาดที่เหลือก็ยังไม่ถูกแตะต้อง
ผลลัพธ์นี้ทำให้หลิงม่ออารมณ์ดีขึ้นมาหน่อย แต่พอคิดถึงซากศพสองสามซากข้างล่าง หลิงม่อก็หมดความอยากที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป
ซากศพพวกนั้นจะดึงดูดซอมบี้มามากขึ้นเรื่อยๆ และจะทำให้สถานการณ์ยุ่งยาก และการปรากฎตัวของพวกชายหัวล้านก็บ่งบอกได้ว่าตึกที่พักแห่งนี้ค่อนข้างสะดุดตา พักเท้าชั่วคราวนั้นได้ แต่จะให้อยู่ยาวนั้นช้าเร็วก็ต้องเจอเรื่องยุ่งยาก
สองสามวันนี้ หลิงม่อสำรวจสภาพรอบๆ ได้พอสมควรแล้ว รู้ว่าต้องไปถนนเส้นไหนจึงจะไปมหาลัยเมือง X ได้ปลอดภัยกว่า
แน่นอนว่าในมหาวิทยาลัยมีสภาพเป็นอย่างไร เขายังไม่มีเบาะแส ลำพังแค่ดูจากสถานการณ์รอบๆ ก็คงจะแย่มากๆ สภาพแวดล้อมซับซ้อน ซอมบี้จำนวนมหาศาล ถ้าจะเข้าไปอย่างสบายๆ ก็คงยาก
แต่สิ่งเหล่านี้ก็เป็นอุปสรรคมากพอที่จะทำให้ผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่ถอนสายตากลับมา ทว่าสำหรับหลิงม่อแล้วไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรนัก เขามีพลังควบคุมหุ่น สามารถใช้ซอมบี้ให้ไปสำรวจเส้นทางได้ ปัจจัยความเสี่ยงก็จะลดลงไปมาก
ดังนั้นหลิงม่อตัดสินใจอย่างรวดเร็วว่าพรุ่งนี้จะมุ่งหน้าไปมหาวิทยาลัยเมือง X
แต่ก่อนจะไปจากที่นี่ น้ำบริสุทธิ์และแก๊สที่เอาไปด้วยไม่ได้ก็จะทิ้งขว้างอย่างสิ้นเปลืองไม่ได้
อาบน้ำร้อนดีไหม? หรือไม่ก็อาบน้ำด้วยกันกับพวกเธอไปเลย...
ผู้รอดชีวิตที่มีน้ำให้อาบในช่วงวันสิ้นโลกก็ถือว่ามีชีวิตที่ไม่เลวแล้ว และการที่มีน้ำร้อนให้อาบน้ำก็ถือว่าได้มีชีวิตที่หรูหราสุดๆ
แล้วการที่มีสาวสวยสองนางช่วยถูหลังให้ล่ะ? ตอนนี้คงยังไม่มีใครได้เสพสุขแบบนี้
แต่ตอนที่หลิงม่อยิ้มอย่างอิ่มเอมใจ นั่งลงตรงหน้าสองสาวแสนสวย ก็พบว่าขั้นตอนนั้นไม่ได้สวยงามเหมือนอย่างจินตนาการของเขาขนาดนั้น...
“เบาหน่อย เด็กดี เบาอีกหน่อย...อ๊าก! ไม่เป็นไร ไม่เจ็บ...”
“บีบจะหักแล้ว! จะหักแล้ว! ตรงนี้บีบไม่ได้นะ!”
“ตรงนี้พวกเธอไม่ต้องอาบให้ ไม่ต้องจริงๆ!”
ให้สองสาวซอมบี้ที่ไม่รู้นำ้หนักมือทั้งยังเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็นช่วยขัดถูอาบน้ำให้ ตอนจบมีเพียงอย่างเดียวคือ ความสุขในความเจ็บปวด...
เช้าวันรุ่งขึ้นตอนตื่นนอน หลิงม่อก็ยังมีความหวาดผวาตกค้างจากเมื่อคืนนี้
พอเห็นหลิงม่อตื่น ซย่าน่าก็เลื่อนสายตามาทันที ดวงตาเป็นประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็นคู่นั้น เลื่อนจากใบหน้าหลิงม่อลงไปด้านล่าง สุดท้ายก็หยุดอยู่ที่ตำแหน่งสำคัญของหลิงม่อ
หลิงม่อหนังศีรษะชาวาบ กุมเป้ากางเกงไว้โดยสัญชาตญาณ
“เมื่อไหร่นายจะอาบน้ำอีก?” ซย่าน่าถามด้วยความคาดหวัง
หลังจากที่ติดเชื้อกลายเป็นซอมบี้ แม้ซย่าน่าจะค่อยๆ ฟื้นคืนความทรงจำส่วนใหญ่ แต่ในฐานะที่เป็นซอมบี้ เธอก็ไม่ได้มีความคิดอย่างเด็กสาวทั่วๆ ไป พูดง่ายๆ ก็คือ ความรู้ทั่วไปบางเรื่อง ซย่าน่าก็เหมือนกระดาษเปล่า
เดิมหลิงม่อไม่ได้ตั้งใจจะถอดหมด แต่ซย่าน่าและเย่เลี่ยนดึงผ้าขนหนูที่พันรอบเอวเขาออกอย่างอดใจรอไม่ไหว
พอเห็นโครงสร้างของร่างกายหลิงม่อไม่ค่อยเหมือนกับตัวเอง สองสาวซอมบี้ก็พร้อมจะก่อเรื่อง
ปฏิกิริยาของเย่เลี่ยนราบเรียบกว่าซย่าน่าหน่อย เพราะที่เธอตระหนักรู้ขึ้นมานั้นไม่ใช่ความทรงจำ แต่เป็นสติรู้แท้ๆ ของซอมบี้ สำหรับร่างกายหลิงม่อ เธอแค่มองด้วยความใคร่รู้สองสามที แล้วก็ยื่นมือออกมาคลำ
แต่ซย่าน่าต่างออกไป สมองของเธอมีความทรงจำมากมาย แม้วิธีขบคิดจะไม่เหมือนกับมนุษย์ แต่การที่ยิ่งรู้มากก็ยิ่งนิสัยเสีย
“ฉันจำได้ว่าไอ้นี่เรียกว่าอะไร แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่เห็นของจริง ว่ากันว่ามันเปลี่ยนรูปร่างได้...”
สำหรับหลิงม่อน้อยบนร่างหลิงม่อ เธอไม่เพียงแค่มีความอยากรู้อยากเห็นเป็นอย่างมาก แต่ยังยื่นมือของซอมบี้ออกไปแตะมันโดยไม่ลังเลสักนิด...
หลังจากที่ซอมบี้กลายพันธุ์สาวที่ไม่รู้น้ำหนักมือตัวเองเอามือมากุมหลิงม่อน้อยแล้ว เธอก็เข้าสู่สภาวะซอมบี้เพราะอารมณ์ปั่นป่วน และนี่คือความทุกข์ทรมานโดยแท้ของหลิงม่อ!
มีเพียงแต่ต้องมีพลังจิตที่แข็งแกร่งพอ จึงทำให้ซอมบี้สาวสองตัวนี้รักษาความสงบได้เวลาที่เผชิญกับสิ่งแปลกหน้านี้!
สิ่งเดียวที่ควรค่าแก่การยินดีก็คือ พวกเธอสองคนไม่ได้ปฏิบัติกับหลิงม่อเหมือนเขาเป็นเหยื่อ...