ตอนที่แล้วSC:บทที่ 21 รูปภาพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปSC:บทที่ 23  คลังอาวุธ

 SC:บทที่ 22 การสนทนายามค่ำคืน


SC:บทที่ 22 การสนทนายามค่ำคืน

ในขณะที่หิมะยังคงตกอยู่ด้านนอก หลินเฉิง หันมามองเห็นและพบว่าเธอกำลังมองเขาอยู่เหมือนกัน ในมือของเธอถือชามข้าวและมองมาที่เขา

“อาหารอย่างนั้นหรอ? คุณไม่เป็นคนดีเกินไปหน่อยหรอ?”

หลังจากได้สูดดมกลิ่นข้าวที่ไม่ได้กินมานานทำให้ หลินเฉิง กลืนน้ำลายด้วยความอยากและมองเข้าไปในดวงตาอันซับซ้อนของ เกาหยู

เกาหยู ไม่สนใจชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอหัวเราะได้ส่งข้าวให้กับเขาจากนั้นพูดว่า

“คุณเข้าใจผิด ...ตอนนี้พวกเราเหลือข้าวกับน้ำเท่านั้น ส่วนเสบียงอื่นๆถูกกินไปหมดแล้ว!”

“คุณมีโรงอาหารอยู่ที่ชั้นแรกอย่างนั้นหรอเป็นไปได้ไหมว่ามีการเก็บเสบียงเอาไว้?”

หลินเฉิง หยิบข้าวมาจากมือของเกาหยูและถามอย่างคลุมเครือ เมื่อได้ยินคำพูดของ หลินเฉิง คิ้วของ เกาหยู ขมวดแน่น

“ไม่รู้สิ….สถานการณ์ในตอนนั้นเร่งด่วนมาก เวลานั้นทุกคนยุ่งอยู่กับการหลบหนีและผู้กำกับก็พาฉันออกมาจากชั้น 3 จากนั้นเขาก็เสียสละตัวเองและกลายเป็นซอมบี้ที่น่าขยะแขยง...เมื่อเราตระหนักถึงปัญหาอาหารเราก็พบว่ามีอาหารสำรองอยู่ในคลังโรงอาหารแต่ดูเหมือนว่าพ่อครัวจะขี้เกียจเกินไปที่จะเติมเต็มคลังอาหารให้เต็มอยู่ตลอดเวลา!”

เริ่มมองเห็นการแสดงออกอย่างหงุดหงิดของเกาหยูทำให้ หลินเฉิง ส่ายหัวและหยิบข้าวขึ้นมาหลังจากที่เขากินข้าวเพียงไม่กี่คำเข้าไปในปากเขาก็ส่งชามเปล่ากลับมาให้เธอ

“เมื่อผู้กำกับของคุณได้ช่วยชีวิตคุณแล้วทำไมเขาถึงตาย”

เมื่อได้ยินคำพูดของ หลินเฉิง ถึงผู้กำกับดวงตาของ เกาหยู จ้องมองกลับไปและพูดว่า

“ไม่มีใครรู้ว่ามีปีศาจกินคนอยู่บนชั้น 3 .. เมื่อผู้กำกับได้ล็อคประตูที่ชั้น 1 แล้วเขาไม่คิดว่าพวกมันจะรอคอยพวกเราอยู่ที่ชั้น 3 ….”

เมื่อพูดถึงตรงนี้การแสดงออกของ เกาหยู โศกเศร้ามากยิ่งขึ้น

“สุดท้ายผู้กำกับก็เสียสละตัวเองโดยการวิ่งขึ้นไปชั้นบนและล็อคประตูเหล็กบนชั้น 3 แต่เขาก็ถูกสัตว์ประะหลาดเหล่านั้นกัด...ในไม่ช้าเขาก็…. เขาช่วยฉันก่อนที่เขาจะหมดสติไป”

เมื่อฟังเรื่องราวของ เกาหยู หลินเฉิง อดไม่ได้ที่จะยกนิ้วให้กับผู้กำกับคนนี้! เขาคิดเพียงว่าผู้กำกับคนนี้เป็นแค่พ่อที่รักลูกสาวแต่เขาไม่คิดว่าชายคนนี้จะเป็นผู้เสียสละตัวเองเช่นกัน

ช่วงเวลาที่สำคัญเช่นนี้คนส่วนใหญ่หรือแม้กระทั่ง หลินเฉิง อาจไม่สามารถเสียสละตัวเองแบบนี้ได้...หัวใจของ หลินเฉิง นับถือผู้กำกับคนนี้มากยิ่งขึ้นจากนั้น หลินเฉิง มองไปที่ เกาหยู อีกครั้งและพูดว่า

“เราคุยกันมาตั้งนานแต่ผมยังไม่รู้ชื่อของคุณเลย…”

“เกาหยู เกาหยู ที่แปลว่ามีความสุขมากๆ แล้วคุณล่ะ?”

“หลินเฉิง หลินเฉิง ที่แปลว่าเมืองป่า !ขอบคุณอีกครั้งสำหรับการช่วยชีวิตผมแม้ว่าภายหลังคุณต้องการฆ่าผมก็ตาม”

เมื่อได้ยินคำพูดของ หลินเฉิง  เกาหยู หัวเราะอย่างข่มขืนอีกครั้ง

“แม้คุณจะขอบคุณฉันแต่มันก็ไม่จำเป็น ฉันสิควรที่จะขอโทษคุณ”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ เกาหยู พูดตรงๆอย่างเป็นทางการมากขึ้น

เมื่อได้ยินคำขอโทษอย่างเป็นทางการของ เกาหยู หลินเฉิง โบกมือเพื่อเป็นสัญญาณว่าเขาไม่ได้ใส่ใจมากนักจากนั้นเองก็พูดขึ้นว่า

“ทำไมร่างกายของคุณถึงมีพลังมาก คุณบอกฉันได้ไหม และฉันยังไม่รู้เลยว่าทำไมคุณถึงต้องการปืน? ซอมบี้ เหล่านั้นไวต่อเสียงคุณไม่รู้หรอ?”

เมื่อมองดูหญิงสาวที่มีจิตใจบริสุทธิ์ราวกับดอกบัว หลินเฉิง ไม่รู้จะอธิบายให้เธอฟังยังไง

“เอิ่ม.. อย่างไรก็ตามผมต้องการปืนจริงๆนอกจากนี้ ใครจะแคร์เรื่องนั้นกันขอเพียงแค่มีมันผมก็มีความสุขแล้ว คุณคิดว่างั้นมั้ย?”

นี่เป็นอีกคำตอบที่คลุมเครือ

เกาหยู มองดู หลินเฉิง ดูเหมือนว่าชายหนุ่มไม่ต้องการที่จะตอบสิ่งใดเมื่อคิดได้ดังนั้นเธอจึงยืนอยู่กับ หลินเฉิง เงียบๆที่ขอบหน้าต่างเป็นเวลานาน เธอไม่รู้ว่าเธอควรที่จะเปิดปากพูดอย่างไร

แต่เมื่อ หลินเฉิง หันหลังกลับแล้วบอกเธอว่าราตรีสวัสดิ์ จากนั้นเขากลับไปยังห้องสอบสวน  เกาหยู มองตามไปยังประตูห้องที่ปิดอย่างขมขื่นจากนั้นส่ายหัวกับตัวเองและพูดว่า

“ช่างมันเถอะ”แล้วเธอก็จากไป

หลินเฉิง กลับมาที่ห้องสอบสวนและกำลังขบคิดถึงพฤติกรรมของหญิงสาว เขาได้แต่ยิ้มเขารู้อย่างแน่นอนว่า เกาหยู ต้องการทำอะไรบางอย่างและต้องการให้เขาช่วย หรือมีปัญหาอะไรที่เธอไม่สามารถแก้ไขได้?

เขาไม่รู้ว่าผู้รอดชีวิตพูดถึงเขาอย่างไรบ้างแต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่ผลลัพธ์ที่ดีแต่ตราบใดที่เขาได้ปืนในคืนนี้ทุกอย่างที่นี่ก็จะไม่เกี่ยวข้องกับตัวเองอีกต่อไป

หลังจากคิดได้ดังนั้น หลินเฉิงขึ้นนอนบนโต๊ะและหลับตาเตรียมความพร้อมที่จะรอให้ผู้รอดชีวิตเหล่านั้นนอนหลับ

2:00 น…

หลินเฉิง ยกข้อมือขึ้นมาเพื่อดูเวลาอีกครั้งจากนั้นเขาเดินไปที่ประตูและฟังอย่างระมัดระวังอยู่สักพักหลังจากนั้นเขาเปิดประตูออกไปเบาๆ

ทางเดินค่อนข้างสว่างด้วยแสงสะท้อนจากเงาของหิมะ เขาเดินลงไปทางซ้ายและผ่านประตูค่อยๆก้าวเข้าไป

หลินเฉิงไม่รู้ว่าคนเหล่านี้ จะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อพบว่าเขาพยายามขโมยปืนและเมื่อมองตามทัศนคติของ เกาหยู เขาคาดว่าผลลัพธ์คงไม่ค่อยดีนัก

เขาเดินคลำทางไปเรื่อยๆทางด้านซ้ายครู่หนึ่งเขาก็เห็นประตู แต่ประตูนั้นไม่ได้ถูกล็อคด้วยรหัสผ่านเขาสงบใจลงเล็กน้อยและเดินเข้าหาต่อไปทางขวา

อย่างไรก็ตามดูเหมือนคืนนี้จะเงียบเป็นพิเศษแม้แต่เสียงคํารามของซอมบี้ที่อยู่ด้านล่างยังคงได้ยินเป็นระยะ แม้แต่เสียงหัวใจเต้นก็ยังชัดเจน ยิ่งทำให้สภาพแวดล้อมดูแปลกและน่ากลัวมากยิ่งขึ้น

หลินเฉิง ให้กำลังใจตัวเองอย่างลับๆว่าปลายทางที่เขาเดินไปนั้นจะต้องพบบางอย่างอยากแน่นอน  หลินเฉิง เดินไปพบว่ามีมุมอยู่ปลายทางเดิน

บัดซบการออกแบบอะไรวะ!

หลินเฉิง สาปแช่งในใจเขาเดินเข้าไปตรงมุมและพบว่าเป็นทางเดินที่มืดมิดและไม่มีหน้าต่างอยู่ใกล้แม้แต่บานเดียว หลินเฉิง รู้สึกหงุดหงิดจึงนำไฟแช็คออกมาและจุดขึ้น ถ้าเขาไม่ใช้แสงไฟช่วยในตอนนี้เขาคงต้องสะดุดเก้าอี้หรือไม่ก็มุมโต๊ะโดยไม่ตั้งใจ

หลังจากเดินเข้าไปตามทางเดินที่มืดมิด หลินเฉิง ก็พบประตูที่ต้องใส่รหัสผ่านในใจของเขาส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี….

---------------------------------------