ตอนที่แล้วบทที่ 172 - เดินทางท่องเที่ยวนรก (2) [01-07-2019]
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 174 - เดินทางท่องเที่ยวนรก (4) [06-07-2019]

บทที่ 173 - เดินทางท่องเที่ยวนรก (3) [03-07-2019]


บทที่ 173 - เดินทางท่องเที่ยวนรก (3)

 

ท้องฟ้าสีเลือดไร้ซึ่งหมู่เมฆและฝืนดินที่อาบไปด้วยแสงที่ดูไม่สบายใจ แม้ว่ายูอิลฮานจะมีประสบการณ์กับโลกต่างๆมากมาย แต่ว่าที่นี่เป็นที่แรกเลยที่เขาแค่มองดูก็รู้สึกไม่สบายใจแล้ว หากว่าไม่มีทูตสวรรค์ที่อยู่ข้างๆเขาด้วย เขาก็คงจะยิ้มไม่ออกไปแล้ว

[ก๊าซซซซซซซซซซซซซซซ!]

[ค่าประสบการณ์ ??? ??? ?????? ???????? ]

"โอ้ ค่าประสบการณ์นี่มัน"

ยูอิลฮานได้พึมพัมออกมาระหว่างที่ดูปีศาจสั่นสะเทือนที่เขาได้จัดการมาหลายต่อหลาายครั้งได้ล้มลงไปบนพื้น ในมือของเขามีเครื่องมือขุดเจาะมรณะที่เพิ่งจะใช้เสร็จที่ยังร้อนอยู่

"ฟู่ ยากจังเลยแหะ"

มันเป็นเรื่องดีที่เขาสามารถจะฝังสกรูกระดูกลงไปได้ด้วยไพท์บังเกอร์

แต่ยังไงก็ตามไม่ว่าเขาจะใช้ค้อนสายฟ้าโจมตีฟาดมันเท่าไหร่ มอนสเตอร์ตัวนีน้มันก็ทนต่อการสั่นสะเทือนทำให้การต่อสู้ไม่จบลงไปง่ายๆจนทำให้เขาต้องเลือกรับความเสี่ยงด้วยการพุ่งไปด้านหน้าพร้อมเครื่องมือขุดเจาะมรณะเพื่อขุดตัวมันลงไป นี่มีความลำบากจนไม่อาจจะอธิบายออกมาได้เลย

[เจ้าปีศาจพวกนี้มันแข็งแกร่งกันจริงๆเลย ฉันขอยืนยัน] (เลียร่า)

ขณะดูยูอิลฮานเข้าไปหาปีศาจพร้อมดันสกรูกระดูกเข้าไป เลียร่าก็ได้พึมพัมออกมา เอิลต้าก็เห็นด้วยกับเธอ

[การต่อสู้มันน่าจะง่ายขึ้นสิในเมื่อยูอิลฮานแกร่งขึ้น แต่เพราะอะไรไม่รู้มันทำให้ฉันรู้สึกว่าเขายิ่งอยู่ในสถานการณ์ที่ยากขึ้นไปในทุกๆการต่อสู้] (เอิลต้า)

[นั่นมันก็เพราะว่าแต่เดิมแล้วระดับความต่างของยูอิลฮานกับปีศาจมันห่างมันมากๆไงล่ะ ฉันอยากจะย้ำให้เธอฟังอีกครั้งนะว่าเขายังอยู่ในคลาส 3 อยู่เลย] (สเปียร่า)

[นั่นก็จริงนะ แต่ว่า...]

ระหว่างทูตสวรรค์คุยกันอยู่นี่ ยูอิลอานก็ได้ไปชำแหละปีศาจสั่นสะเทือนแล้ว เขาได้หยิบเอาเครื่องในเวทย์ที่สร้างการสั่นสะเทือนบนผิวมันออกมาและดูดความชื้นออกไปจนมันแห้ง กระบวนการทั้งหมดนี่ดูเป็นธรรมชาติมากๆในมือของเขา

ยังไงก็ตามเขาก็ต้องหยุดงานของเขาไว้แค่นี้เนื่องจากว่ามันไม่มีเวลาให้เขาได้ทำดินปืนเวทย์แล้ว กองศพที่ซ้อนทัพกันจะถูกจัดการในตอนที่เขาเปิดใช้บาเรียของนาฬิกาทรายแห่งนิรันดร์ ในตอนนี้แม้ว่าช่องเก็บของของเขาจะมีการบีบอัดขนาดโดยรวมหลายเท่าแล้วแต่มันก็เริ่มจะเต็มแล้ว

"ดูเหมือนว่าฉันจะต้องกลับไปที่โลกสักหน่อยแล้วสิ"

[งั้นนายก็มีแผนที่จะกลับไปแล้วสิ?] (เลียร่า)

"แน่นอนสิ ถ้าเธอบอกฉันเรื่องพื้นที่ล่าอื่นๆแบบนี้บนโลก ฉันก็อาจจะคิดดูนะ"

ไม่ว่าโลกจะไปเร็วแค่ไหน แต่โลกก็ยังผ่านมหาภัยพิบัติครั้งที่ 2 ไปได้ไม่นานเท่านั้นเอง ดันเจี้ยนจำนวนนับไม่ถ้วนยังคงอยู่แค่คลาส 1 อยู่เลย ส่วนคลาส 3 มีอยู่ไม่ได้มากนัก และคลาส 4 ยิ่งไม่มีให้เห็นเลย

ในทางกลับกันที่นี่ล่ะ? พวกมอนสเตอร์แต่ละตัวต่างก็มีพลังที่น่ากลัวและให้ค่าประสบการณืที่มหาศาลเช่นกัน ยูอิลฮานได้วางแผนที่จะจัดการที่นี่ให้หมดต่อให้เขาจะต้องไปเติมเสบียงที่โลกก่อนก็ตาม

"แต่ว่าฉันก็ยังอยากให้ที่นี่มีสิ่งมีชิวตทรงสติปัญญาเหมือนกันนะ แต่มันดูจะไม่มีเลย"

[ถ้าปีศาจพวกนี้เป็นสิ่งมีชีวิตทรงสติปัญญาขึ้นมานายจะทำยังไงล่ะ] (เลียร่า"

"ถ้างั้นฉันก็จะหยุดเป็นมนุษย์แล้วล่ะเลียร่า"

[โอเค งั้นก็มาเป็นทูตสวรรค์เนอะ] (เลียร่า)

เขาก็แค่ตอบไปเล่นๆเท่านั้น จริงๆแล้วยูอิลฮานคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้เลยที่ปีศาจที่อยู่ที่นี่มันจะเป็นสิ่งมีชีวิตทรงสติปัญญา เหตุผลก็ง่ายมาก พวกมันทั้งไม่พูด ไม่มีการสื่อสาร ที่เขารู้เพราะมันจะเป็นไปไม่ได้เลยที่พวกมันจะสื่อสารอะไรออกมาโดยที่ยูอิลฮานไม่รู้เพราะเขาคือผู้ที่เชี่ยวชาญในสกิลภาษามานานแล้ว

การสำรวจโลกนี้มันดูเหมือนจะไร้จุดสิ้นสุด แม้แต่ตอนที่เขาบินด้วยความเร็ว สิ่งที่เขาเห็นทั้งหมดก็เต็มไปด้วยปีศาจหลากสีแล้วก็ต้นอแดนโซเนียที่ดูสูงจนเชื่อมผืนดินกับท้องฟ้า ไม่สิจริงๆแล้วเขาก็ไม่รู้ว่ามันใช่ต้นอแดนโซเนียหรือป่าว เขาก็แค่เรียกแบบนี้เพราะมันดูคล้ายกัน

"ผ่านมานานแค่ไหนแล้วนะ?"

ระหว่างดื่มน้ำยูอิลฮานได้หันไปถามเลียร่า เธอได้ตอบเขากลับมาด้วยรอยยิ้ม

[สี่เดือนครึ่งแล้ว นายอยากจะไปเจอมิลแล้วใช่ไหมล่ะ?] (เลียร่า)

"ใช่แล้ว ฉันอยากจะเจอมิลจะแย่แล้ว"

ยูอิลฮานได้ยอมรับออกมาตรงๆและหยิบเอาผลไม้จากต้นอแดนโซเนียขึ้นมากิน จากนั้นก็พูดออกมาทั้งๆที่ผลไม้เต็มปากอยู่

"แต่จากการที่ไม่มีใครติดต่อมาหาฉันเลยนั่นมันก็หมายความว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขายังไม่ต้องการฉันดังนั้นมันจะไปดีได้ยังไงล่ะถ้าฉันไปหาก่อน? ถ้าใครทำทุกๆอย่างตามที่เขาต้องการ ถ้างั้นคนๆนั้นก็คงจะไม่อาจจะทำในสิ่งที่จำเป็นจริงๆได้ นี่มันจะกลายเป็นลูปที่ไม่รู้จบ"

[ถ้าทุกๆคนคิดแบบนายมันก็คงไม่มีสิ่งมีชีวิตที่ทรงสติปัญญาที่สูญพันธ์ไปแน่นอน] (เลียร่า)

[แต่กลับกันทุกๆคนก็คงเป็นพวกโดดเดี่ยวแน่ล่ะ การทำตามสิ่งที่ตนต้องการมันเป็นสามัญสำนึกตามปกติ โอ้ยยยย] (เอิลต้า)

ยูอิลฮานได้ดึงแก้มของเลียร่า เขาเป็นคนที่โดดเดี่ยวอยู่แล้ว แล้วนี่เธอก็มาสกิดแผลใจของเขาอีก

[โอ้ยยย แค่ฉันใช้พลังทูตสวรรค์ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ...] (เอิลต้า)

[หืมม แล้วทำไมเธอถึงกระพือปีกรัวเลยล่ะ ดูเหมือนเธอจะชอบนี่ หรือว่าฉันคิดไปเอง?] (สเปียร่า)

[เอิลต้า เธอเป็นพวกประหลาดที่ชอบแสดงความรู้สึกออกมาจากการกระทำ เธอหลอกอะไรไม่ได้หรอกนะ] (เลียร่า)

ยูอิลฮานได้ลงโทษเอิลต้าและกินผลไม้ไปอีกสองลูก มันให้ทั้งรสเปรี้ยวและขมไปในตัวจนรู้สึกดี

[มันไม่ใช่รสขมหรอกนะ มันก็แค่เป็นพิษ] (เอิลต้า)

"จริงๆแล้ว ฉันก็อยากจะวิวัฒนาการสกิลต้านทานพิษขั้นสูงเหมือนกันนะ..."

[ทั้งชีวิตนายมีแต่การฝึกเลยงั้นสิ] (เลียร่า)

ไม่ใช่แค่การต้านทานพิษเท่านั้น ยูอิลฮานได้จัดการผลไม้ไปสิบกว่าผลและได้ฝึกฝนสกิลอื่นระหว่างที่อยู่ที่นี่ด้วย รวมไปถึงสกิลคลาสอย่าง ยมทูต ประกายเพลิง สกิลที่พัฒนามาอ่างต่อเนื่องอย่างพลังเหนือมนุษย์กับการฟื้นฟูเหนือมนุษย์ก็ด้วย แถมยังมีสกิลที่เขาฝึกขึ้นมาอย่างหอกไร้วิถีและหอกสะบั้นจักรวาลด้วย!

"นับจากครั้งล่าสุดที่ฉันใช้นาฬิกาททรายแห่งนิรันดร์ยังไม่ถึงเดือนเลยใช่ป่ะ?"

[ยังไม่ถึงเลย] (เอิลต้า)

"โอเค ฉันจะต้องหาทางเรียนรู้หอกสะบั้นจักรวาลให้ได้ก่อนที่จะไปถึงคลาส 4..."

[มีหลายอย่างเลยนะที่นายอย่างจะทำก่อนคลาส 4] (เลียร่า)

"ก็เพราะยิ่งฉันยกระดับสกิลก็จะยิ่งเพิ่มความเป็นไปได้ที่จะได้รับคลาสที่ดีขึ้นมาก่อนไปถึงคลาส 4"

[นั่นก็จริงแหละ แต่ในทางกลับการเควสการเลื่อนขั้นของมันก็จะยิ่งยากขึ้นตามกันไปด้วยนะ] (เลียร่า)

ยูอิลฮานไม่ได้สนใจเรื่องอนาคตเลย เขาแค่ต้องห่วงในเรื่องการเปลื่ยนคลาสเมื่่อถึงเวลานั้น ปัญหาในตอนนี้คือการที่เขาต้องเรียนหอกสะบั้นจักรวาลให้ได้ในตอนนี้

แต่ในตอนนี้หอกไร้วิถีก็ได้พัฒนาขึ้นมาจนถึงจุดที่เขาไม่ได้รับการกดดันจากการใช้มันบ่อยๆแล้ว แต่ว่าสำหรับหอกสะบั้นจักรวาลเขายังจับจุดสำคัญไม่ได้เลย

ในตอนนี้เขาสามารถจะเอาพลังของหอกกับแส้มาได้พร้อมกัน และพลังของดาบกับอาวุธไม่มีคมได้พร้อมกันแล้ว แต่ว่าในตอนที่เขาทำแบบนั้นข้อดีของด้านหอกก็หายไปหรือไม่ก็สมดุลทางร่างกายเขาไป เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมสเปียร่าถึงแทบจะเรียนรู้ไม่ได้ด้วยซ้ำทั้งๆที่ไปถึงคลาส 6 แล้ว

[สิ่งที่นายขาดอยู่คือเวลา นายก้าวหน้ามาเร็วเกินไป นายต้องการเวลาอีกนิด นายจะต้องทำมันได้สำเร็จแน่] (สเปียร่า)

"ไม่ มันจะต้องมีเส้นทางที่สั้นไปกว่านั้น ฉันมั่นใจว่าฉันคิดถูก...!"

ยังไงก็ตามเขาก็ไม่อาจจะหาวิธีแบบนั้นได้ในเวลาไม่ถึงสามชั่วโมง การฝึกของเขาในวันนี้ได้จบลงไปเนื่องจากไม่อาจจะเอาแต่เหวี่ยงหอกไปได้ตลอดกาล

"ให้ตายสิ บ้าเอ้ยยยยยยยยยยยยย!"

ยูอิลฮานได้ตัดสินใจกับตัวเองว่าจะค้นหาเส้นทางนั้นในทีหลังและปักหอกลงไปบนพื้นด้วยพลังทั้งหมดของเขา หอกที่เต็มไปด้วยความโมหะ ความไม่ชอบใจและน้ำหนักทั้งหมดในช่องเก็บของของเขา ผืนดินได้เกิดการสั่นขึ้นมาในทันทีและยูอิลฮานได้หยักหน้าขึ้นพร้อมคิดว่าเขาได้ทำการควบคุมน้ำหนักของอาวุธไร้คมไปในหอกได้สมบูรณ์แบบแล้ว

แต่ว่าการโจมตีนี้ที่เป็นการตรวจผลการฝึกและระบายความหงุดหงิดได้ก่อให้เกิดผลกระทบมากกว่าที่เขาคิดไว้

การสั่นสะเทือนบนพื้นดินได้เกิดขึ้นมาอย่างมากและเนื่องจากว่าสมดุลของพลังที่เขาใช้มันยังอยู่ในแนวทางที่แปลกประหลาดทำให้พื้นดินร้าวไปตามการโจมตีของเขาและภาพใต้ดินลึกสิบเมตรก็ได้ปรากฏขึ้นมาให้เห็น

"หืม เฮ้ ฉันคิดว่าฉันใช้ได้แล้วนะ ฉันควรจะเรียกเทคนิคนี่ว่าอะไรดีอะ?"

[นายอย่าคิดนะว่านายจะได้สกิลแค่จากการตั้งชื่นน่ะ? สกิลใช้งานมันไม่ได้ได้มาง่ายๆแบบที่นายคิด] (เลียร่า)

[ฉันไม่สนใจเรื่องชื่อเทคนิคหรอกนะ เราเริ่มไปกันต่อ...หืม?] (เอิลต้า)

ดวงตาเอิลต้าได้เป็นประกายขึ้นมา สายตาของเธอได้มองลึกลงไปในหลุมใต้ดินที่ร้าวแตกออกมา ยูอิลฮานก็ยังมองตามเธอลงไปที่นั่นแต่ว่าเขาก็ไม่เห็นอะไรเลย แต่เอิลต้าก็ได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

[ฉันคิดว่าที่นั่นมีความเข้มข้นของมานาที่สูงมากเลยนะ] (เอิลต้า)

[เอ๊ะ จริงด้วย ฉันก็รู้สึกถึงมันจริงๆด้วย... ] (เลียร่า)

[ไม่สิ ฉันมั่นใจได้เลย ข้างล่างนั่นมีมานาที่สูงกว่าที่นี่แน่] (สเปียร่า)

"ห๊ะ!? โลกนี้ต้องมีความเข้มข้นของมานาอยู่ใต้ดินสูงกว่าที่ผิวโลกหรอ นี่มันไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับฉันนี่...?"

ยูอิลฮานได้ถามออกมา แต่ว่าเมื่อเขาเงยหน้ามา เขาก็เห็นสายตาของทูตสวรรค์ที่จ้องมาที่เขา สายตาของพวกเธอดูเหมือนพวกคนพเนจรกลางทะเลทรายที่ได้เจอเข้ากับโอเอซิส

"...อะไรนะ? เธอจะให้ฉันขุดลงไปหรอ? นี่มันดู... ไม่มีสิ้นสุดเลยนะ"

[แสงแห่งความหวังจะต้องอยู่ข้างล่างนั่น] (เลียร่า)

[ด้วยสกิลการขุดของนายจะต้องทำอะไรได้แน่] (เอิลต้า)

[ทำไมนายไม่ทำที่นี่เป็นฐานพักล่ะ? เมื่อไหร่ที่นายไม่ได้ไปล่า นายจะได้มาขุดดินได้ตลอดไง] (สเปียร่า)

ในตอนนี้นี่คือคำใบ้ที่น้อยที่สุดที่เขาได้เจอแล้ว นอกไปจากนี้เป้าหมายของเขาคือการสำรวจโลกนี้ทั้งหมดด้วย!

เขาได้หยิบเอาไพท์บังเกอร์ที่ใส่สกรูกระดูกลงไปพร้อมถอนหายใจออกมา นี่เป็นวิธีที่จะเติมเต็มในเป้าหมายอีกครึ่งหนึ่งของเขาที่จะทำไปพร้อมๆกับการล่า

"ใช่แล้ว ก็แค่ลองดู"

ยูอิลฮานได้ถอนการปกปิดตัวของเขาเขาและพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้าจากนั้นก็พุ่งดิ่งลงมาแทงไพท์บังเกอร์ลงไปในดินนั่น

ตูมมมมมมมมมม!

เสียงที่เหมือนท้องฟ้าจะถล่มได้ดังขึ้นมาสะท้อนไปไกลมากๆ ยังไงก็ตามมันยังไม่ใช่แค่นี้ เครื่องมือขุดเจาะมรณะของยูอิลฮานได้พร้อมใช้งานแล้ว

"ถ้ามันไม่มีอะไรฉัจะระเบิดที่นี่ทิ้งซะ"

[ถ้าไม่มีอะไรฉันจะจุ๊บนายเอง] (เลียร่า)

"เธอก็ทำอยู่ตลอดนั่นแหละ"

ถึงเขาจะบ่นออกมาแต่ยูอิลฮานก็เชื่อมต่อสกรูเข้ากับเครื่องมือขุดเจาะมรณะ ขอให้มีอะไรซักอย่างอยู่ด้วยและขอให้เจ้าพวกปีศาจสั่นสะเทือนถูกเรียกมาเยอะๆด้วยเถอะนะ - ยูอิลฮานได้อธิษฐานในใจพร้อมใส่มานาลงไปในเครื่องมือขุดเจาะมรณะ

*****

ระหว่างที่ตัวยูอิลฮานกำลังยุ่งกับการขุดเจาะของเขา เขาก็ไม่ได้รู้หรือสนใจในเรื่องที่คนบนโลกได้รวมพลังกันพัฒนาโลกหรือร่วมมือกับโลกอื่นๆ

ในโลกที่อยู่นอกเหนือความรู้ของยูอิลฮาน การสบคบคิดกันที่ทุกคนคิดและเป็นกังวลได้กำลังเกิดขึ้น

"กองทัพปีศาจแห่งการทำลาบกับกองทัพจรัสแสงน่ะหรอ? พวกเขาร่วมมือกันจริงดิ?"

"จะเชื่อไม่เชื่อก็แล้วแต่ แต่ไม่ว่ายังไงถ้าเป็นแบบนี้มันก็มั่นใจได้เลยว่าสถานการณ์มันคงจะน่าเบื่อสำหรับนายใช่ไหมล่ะ?"

ในโลกที่ยูอิลฮานไม่เคยได้ไปหรือไม่เคยรู้มาก่อนว่ามี 'ประตูมิตินำไปสู่ที่นั่น' ได้มีคนมากมายกำลังคุยกันอยู่ ยังไงก็ตามปัญหาที่ใหญ่ที่สุดคือคนในที่แห่งนี้แต่ล่ะคนต่างมาจากโลกอื่น

เมื่องานทหารรับจ้างได้มีมากยิ่งขึ้นและการค้าขายระหว่างโลกต่างๆได้ถูกเปิดขึ้นมา พวกเขาที่หลบหนีจากการถูกตรวจจับก็ได้เริ่มเพิ่มขึ้นอย่างช้าๆ

"โลก(ของยูอิลฮาน)นั่นเป็นที่อันตรายเกินไป แล้วก็ในสถานการปัจจุบันมีโลกมายมากที่เชื่อมต่ออยู่ยิ่งทำให้อันตรายขึ้นไปอีก ทุกๆคนเห็นด้วยไหม?"

"ใช่ ถูกเลย มันเป็นสภาพที่ไม่น่าพอใจและไม่สะดวกเลย"

"นี่มันก็ไม่น่าพอใจจริงๆในเมื่อพวกคนนอกบุกเข้ามาในโลกเรา แล้วถึงเราจะเจอตัวเขาก็ขับไล่หรือฆ่าพวกนั้นไม่ได้"

"งั้นแล้วเราจะต้องมาคุยกันถึงวิธีการแก้ไขปัญหาทั้งหมดนี่ เอาไงดีล่ะ?"

ทุกๆคนต่างก็จ้องไปที่คนๆหนึ่ง - คนที่เป็นคนเรียกพวกเขาทั้งหมดมาที่นี่ เขาคนนั้นได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม

"มันก็ไม่ยากเลย พวกคุณก็แค่ต้องสร้างวงเวทย์แบบง่ายๆลับหลังทูตสวรรค์ในโลกของพวกคุณ การเปิดใช้งานพร้อมๆกันจะทำให้วงเวทย์เกิดการสมบูรณ์และพวกคุณจะไม่ต้องกังวลเรื่องของโลก(ของยูอิลฮาน) อีกต่อไป

คนที่เรียกรวมทุกคนมาได้เปิดเผยแผนออกมาโดยไม่คิดจะปิดซ่อนอะไรไว้เลย ปีกบนหลังของเขานั้นมีสีดำสนิททำให้มันเห็นได้ชัดเจนถึงความเกี่ยวข้องของเขาว่าเป็นคนของกองทัพจรัสแสง องค์กรของเทวดาตกสวรรค์

"ด้วยสิ่งนี้ที่เป็นเวทย์ในระดับโลก ยิ่งมีโลกที่เข้าร่วมเท่าไหร่ยิ่งดี โลกจำนวนมากจะช่วยกันยับยั้งพลังของโลก(ของยูอิลฮาน) ได้เป็นอย่างดีรวมไปถึงพลังของเทพที่เกี่ยวข้องด้วย ดังนั้นนับจากนี้ไปสิ่งที่พวกคุณต้องทำก็คือ ไปอยู่ในฐานะทหารรับจ้างและฐานะพ่อค้า ไปที่โลก(ของยูอิลฮาน)และติดต่อกับคนในโลกอื่นๆเพิ่มอิทธิพลให้กับเรา"

"ผมไม่เข้าใจสิ่งที่สิ่งมีชีวิตชั้นสูงกำลังพูดเลยไม่ว่าจะเป็นในอดีตหรือปัจจุบัน ยังไงก็โอเค แล้วเวทย์นี่คืออะไรครับ?"

"ถามได้ดี เราเรียกสิ่งนี้ว่า"

ทูตตกสวรรค์ได้ยิ้มออกมา รอยยิ้มของเขาดูชั่วร้ายและหล่อเหลาไปในเวลาเดียวกัน

"อิสรภาพ"

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด