ตอนที่ 95 ภารกิจที่สาม
"น่าเสียดาย! ถึงแม้ว่าข้าจะเข้าใจแก่นแท้แห่งไฟได้ แต่ข้ากลับไม่มีเพลงดาบที่เหมาะสมกับมัน ตอนนี้ไม่มีอะไรที่จะเหมาะสมกว่าการไปแลกเปลี่ยนเพลงดาบที่ศาลาลับหลังจากกลับไปที่วังมังกร"เจียงวู่เฉิงยิ้มและกระโดดขึ้นไปบนต้นไม้
เจียงวู่เฉิงยืนพิงต้นไม้เพื่อดูภารกิจ
"ข้าทำภารกิจที่หนึ่งและสองเสร็จแล้ว ภารกิจขั้นที่สามคืออะไร?"เจียงวู่เฉิงคิดอย่างสงสัย
คราวนี้เขาได้รับมอบหมายภารกิจมาถึงสามอย่างจากวังมังกร ขั้นแรกนั้นง่ายที่จะทำสำเร็จอย่างมาก แต่ขั้นที่สองนั้นยากกว่ามาก มันเกือบทำให้เขาเสียชีวิต และอันที่สาม...
เจียงวู่เฉิงเปิดหนังสือหน้าต่อไปและอ่านมันในทันที
"ภารกิจที่สาม:ฆ่าสัตว์ลมปราณขั้นสูงสุดอาณาแก่นทองคำ10ตัว!"
"สถานที่ทำภารกิจ:เทือกเขาไร้ขอบเขต"
"รายละเอียดภารกิจ:สัตว์ลมปราณจำนวนมากอาศัยอยู่ในเทือกเขาไร้ขอบเขต มีจำนวนหลายตัวที่อยู่ในขั้นอาณาแก่นทองคำ แม้ว่าเจ้าจะอยู่เพียงขั้นอาณาทะเลลมปราณ เจ้าก็สามารถเอาชนะศิษย์ขั้นอาณาแก่นทองคำได้ เจ้าสามารถฆ่าสัตว์ที่อยู่ขั้นสูงสุดอาณาแก่งทองคำได้"
"สิ่งที่ต้องทำ:ไม่ว่าสัตว์ลมปราณไม่ว่าจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ ถ้าหากอยู่ในขั้นสูงสุดอาณาแก่นทองคำ แต่ละตัวมีค่า1000คะแนน การนำซากศพของพวกมันกลับไปที่วังมังกรจะเป็นหลักฐานการสำเร็จภารกิจ"
"บัดซบ!"
แม้แต่เจียงวู่เฉิงก็อดไม่ได้ที่จะสบถออกมาอย่างหยาบคายขณะที่อ่านข้อมูลภารกิจ
"ฆ่าสัตว์ลมปราณ?"
สัตว์ลมปราณขั้นสูงสุดอาณาแก่นทองคำ?"
10ตัว?
พวกเขาล้อเล่นหรือไง?
"พวกผู้เฒ่าของวังมังกรต้องการให้ข้าลงนรก"เจียงวู่เฉิงพูดกับตัวเอง
ในรายละเอียดภารกิจของภารกิจ หมายถึงลูกศิษย์ของวังมังกรที่อยู่ขั้นอาณาแก่นทองคำลึกซึ้งได้พ่ายแพ้ให้แก่เขา แน่นอนเขาทำอย่างนั้น แต่เขาทำมันได้อย่างไร?
เขาสามารถชนะคู่ต่อสู้ได้ เพราะคู่ต่อสู้นั้นใช้พลังลมปราณจนหมด และเขาก็ชนะการต่อสู้
เจียงวู่เฉิงรู้ถึงพลังของเขาอย่างชัดเจน มันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขาที่จะฆ่านักรบในขั้นอาณาแก่นทองคำลึกซึ้ง แต่อะไรคือขั้นสูงสุดอาณาแก่นทองคำ?
เขาสามารถต่อสู้กับนักรบทั่วไปในขั้นสูงสุดอาณาแก่นทองคำได้ เขาเดาได้ว่าในท้ายที่สุดเขาก็ต้องแพ้อยู่ดี
แต่ต้องฆ่าสัตว์ลมปราณขั้นสูงสุดอาณาแก่ทองคำ?
อย่างแรกการฆ่าสัตว์ลมปราณนั้นยากกว่าการฆ่ามนุษย์มาก เพราะมีร่างกายที่แตกต่างกัน
อย่างที่สอง สัตว์ลมปราณในขั้นสูงสุดอาณาแก่นทองคำนั้นมีความเฉลียวฉลาด หากพวกมันพบว่าไม่สามารถเอาชนะเจียงวู่เฉิงได้ พวกมันก็จะหนีไปมากกว่าเลือกที่จะต่อสู้กับเขาอย่างโง่เขลา
ที่สำคัญกว่านั้นเจียงวู่เฉิงนั้นไม่แข็งแกร่งเท่ากับสัตว์ลมปราณขั้นสูงสุดอาณาแก่นทองคำ
"โหดร้าย พวกเขาโหดร้ายมาก"เจียงวู่เฉิงสาปแช่ง
แต่ข่าวดีคือระยะเวลาของภารกิจนั้นไม่มีกำหนด ดังนั้นเขาสามารถเตรียมตัวให้ดีก่อนที่จะฆ่าสัตว์ร้ายเหล่านั้น
อีกสามวันต่อมา เจียงวู่เฉิงตั้งเป้าไปที่เสือเกราะในขั้นสูงสุดอาณาแก่นทองคำ
เสือเกราะมีความแข็งแกร่งในด้านการป้องกัน แต่ความเร็วนั้นไม่มากนัก เมื่อเทียบกับตัวอื่นๆมันค่อนข้างที่จะอ่อนแอ เจียงวู่เฉิงเลือกมันเป็ฯตัวแรกเพราะคิดว่ามันไม่สามารถคุกคามเขาได้
เจียงวู่เฉิงเริ่มโจมตีอย่างรวดเร็ว
เมื่อเลือกเวลาที่เหมาะสมได้ เขาก็ซุ่มโจมตีทันที อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้รับประโยชน์จากการโจมตีครั้งนี้แต่อย่างใด เพราะเสือเกราะตัวนี้มีปฏิกิริยาที่รวดเร็วอย่างมาก
จากนั้นเจียงวู่เฉิงใช้ประโยชน์จากความสามารถในด้านดาบ เขาสามารถใช้ดาบได้อย่างมีประสิทธิภาพและเริ่มต่อสู้กับเสื้อเกราะ
ในการต่อสู้ครั้งนี้ ชายหนุ่มและสัตว์ป่าสู้กันตัวต่อตัว อย่างไรก็ตามเสือเกราะเลือกที่จะหลบหนีเมื่อพบว่ามันไม่สามารถเอาชนะเจียงวู่เฉิงได้ เจียงวู่เฉิงไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากปล่อยมันไป
ต่อสู้กับเสือเกราะ เขาไม่ได้รับชัยชนะ และเขาไม่ได้ฆ่าแม้แต่นิดเดียว
"ดี"
เขาถอนหายใจและมองไปในที่ห่างไกล
เขารู้ว่าเขาอาจจะต้องอยู่ในเทือกเขาแห่งนี้เป็นเวลานาน
สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นดั่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้
มีสัตว์ลมปราณนับไม่ถ้วนในเทือกเขาแห่งนี้ สัตว์ลมปราณในขั้นอาณาแก่นทองคำนั้นหาได้ทั่วไป สัตว์ลมปราณขั้นสูงสุดอาณาแก่นทองคำนั้นหาได้ง่าย เจียงวู่เฉิงเดินทางตามลำพังในเทือกเขาไร้ขอบเขตและต่อสู้กับพวกมันตัวแล้วตัวเล่า
เจียงวู่เฉิงรู้สึกกดดันอย่างมากเมื่อต้องสู้กับพวกมัน เขาพยายามอย่างดีที่สุดในการต่อสู้แต่ละครั้ง การเข่นฆ่าอย่างบ้าคลั่งช่วยพัฒนาความแข็งแกร่งของเขาอย่างมหาศาล
โดยเฉพาะเมื่อจิตวิญญาณดาบของเขาตื่นขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ เขาเข้าใจในแก่นแท้แห่งดาบได้เร็วกว่าเดิมมาก
แต่ถึงกระนั้น มันก็เป็นเวลากว่าสองเดือนกว่าเจียงวู่เฉิงจะฆ่าสัตว์ลมปราณขั้นสูงสุดอาณาแก่นทองคำได้ ด้วยการใช้ความพยายามอย่างมาก
เมื่อเวลาผ่านไป....
ฤดูร้อนที่ร้อนแรงได้หายไป ฤดูหนาวก็มาถึงในทันที
เจียงวู่เฉิงเดินทางลำพังในเทือกเขาแห่งนี้มานับครึ่งปี
ที่ชายขอบเทือกเขา สามารถมองเห็นชายผู้สวมชุดหนังสัตว์ถือดาบยาวเดินออกจากเทือกเขาอย่างช้าๆ เมื่อพิจารณาจากหน้าตาของเขา ดูเหมือนว่าจะเป็นชายหนุ่ม แต่บนใบหน้าของเขากลับปรากฏความสงบและแน่วแน่ ผิวของเขาแลดูคล้ำ
แม้ในฤดูที่หนาวเหน็บ ชายหนุ่มคนนี้ก็สวมเพียงเสื้อขนสัตว์ตัวบางๆ ไม่ได้รู้สึกถึงความหนาวแม้แต่น้อย
"เทือกเขาไร้ขอบเขต ในที่สุดข้าก็ออกมา"เจียงวู่เฉิงหันกลับไปมองที่ภูเขาและป่าข้างที่อยู่ข้างหลังเขา เขายิ้มเล็กน้อยและพูดขึ้น
การอยู่ในเทือกเขาไร้ขอบเขตมานานกว่าครึ่งปีทำให้เขาได้รับความเดือดร้อนมากมายและพบกับอันตรายหลายครั้งที่เกือบจะฆ่าเขาตาย หากเขาถอดเสื้อออกจะพบว่ามีรอยแผลมากมายบนร่างกายของเขา ส่วนใหญ่เกิดจากกรงเล็บของสัตว์ลมปราณและมนุษย์บางคน
ในบรรดารอยแผลพวกนั้น รอยแผลเป็นขนาด20เซนติเมตรที่ยาวจากหน้าอกมาถึงบริเวณหัวไหล่ของเขานั้นชัดเจนที่สุด
เขาก้าวหน้าอย่างมากในช่วงหกเดือนนี้
และแน่นอนว่าเขาทำภารกิจที่สามได้สำเร็จ
มีซากศพของสัตว์ป่าทั้ง10ตัวอยู่ในแหวนมิติของขา
เจียงวู่เฉิงไม่ได้ใช้เวลามากนักในการเดินทางสู่เมืองจันทร์เสี้ยว
วังมังกรทองสาขาย่อยของเมืองจันทร์เสี้ยวยังคงคึกคักและวุ่นวายเหมือนเดิม
เจียงวู่เฉิงเดินเข้าใปในวังสาขาย่อย เขาเดินตรงไปที่บาร์ ผู้อาวุโสที่มีผมสีดำที่ยืนอยู่หน้าเห็นเจียงวู่เฉิง เมื่องครึ่งปีที่แล้วเขารู้สถานะของเจียงวู่เฉิงแล้ว ดังนั้นเมื่อเขาเห็นเจียงวู่เฉิงอีกครั้งเขาจึงมีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเคารพ
"ท่านผู้มีเกียรติ"ชายที่มีผมสีดำพูดเสียงต่ำ ไม่มีคนอื่นที่ได้ยินสิ่งที่เขาพูดยกเว้นเจียงวู่เฉิง
"ข้ามาที่นี่เพื่อรายงานภารกิจ"เจียงวู่เฉิงหยิบเขาสีทองส่งมอบให้แก่ผู้อาวุโสและพูดว่า"ภารกิจนั่นได้รับมอบหมายมาเมื่อครึ่งปีที่แล้ว"
"โปรดรอสักครู่"ผู้อาวุโสชุดดำตรวจดูรายงานภารกิจของเจียงวู่เฉิงอย่างระมัดระวัง และพบว่าภารกิจนั้นคือภารกิจเพื่อเลื่อนเป็นองครักษ์มังกรทองสองกรงเล็บ
...