GE117 ทักษะปรุงโอสถยกระดับ ก้าวเท้าสู่นักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 [ฟรี]
มือน้อยๆของหมิงเชว่ทรงพลัง หากไม่เพราะหนิงฝานมีร่างกายที่ทรงพลังผิดธรรมดา เขาอาจได้รับบาดเจ็บไปแล้ว
เมื่อทั้งสองเข้าสู่ชั้นที่ 4 ของสุสาน ใต้ฝ่าเท้าน้อยๆของนางก็ปรากฏเมฆเซียนที่มีรอยสลัก 4 รอยขึ้น หนิงฝานรู้สึกคุ้นตา เพราะมันเหมือนกับเมฆเซียนที่สระแห่งนั้น
“เจ้าบอกว่าอยากดูฝน ข้าจะเป็นคนพาเจ้าไปเอง!”
นางคว้าโอสถเข้าปาก ดวงตายิ้มโค้งมนราวกับพระจันทร์เสี้ยว มุมปากเผยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ
นางมีความสุขที่ได้กินโอสถอร่อย… หนิงฝานเป็นคนดี นางจึงพร้อมพาเขาไปทุกที่!
เมฆเซียนระดับ 4 มีความเร็วเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่ม แต่นางได้เสริมพลังจนเมฆพุ่งผ่านราวกับแสงสีดำ มีความเร็วเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มขึ้นกลาง
หนิงฝานที่อยู่บนเทฆหลับตา สัมผัสกับหมอกที่ต้องสัมผัสใบหน้าของตน รอบข้างเหล่าสัตว์อสูรดวงจิตแรกเริ่มพุ่งทะยานติดตาม ราวกับกลิ่นอายและโลหิตของหนิงฝานดึงดูพวกมันให้กระหาย
แต่เมื่อถึงยามคับขัน เหล่าสัตว์ที่พุ่งกระโจมมาก็ถูกหมิงเชว่ซัดกระเด็น พวกมันเริ่มหวาดกลัวและไม่กล้าเข้าใกล้
แม้จะไม่ทราบว่านางเป็นใคร แต่เหล่าสัตว์อสูรที่นี่กลับเชื่อฟังคำสั่งนาง
“‘ท่านพี่โอสถ’ ท่านวางใจได้ ไม่มีผู้ใดกล้าทำร้ายท่านแน่!” นางกอดอกกล่าวอย่างมีความสุข
“ท่านพี่… นอกจากท่านปู่แล้ว ในถ้ำนี้ไม่มีผู้ใดที่ข้าต้องกลัว… ท่านวางใจได้ ไม่มีผู้ใดข่มเหงท่านแน่!”
นางนั่งยอง จ้องมองหนิงฝานพลางกล่าวชม ราวกับมีจุดประสงค์ว่าจะได้สิ่งตอบแทน
หนิงฝานถอนหายใจกับชื่อที่นางตั้งให้… หากผู้เชี่ยวชาญที่โลกภายนอกรู้ว่าปีศาจหนิงผู้น่าเกรงขาม ถูกสาวน้อยนางนี้ตั้งชื่อให้ว่า ‘ท่านพี่โอสถ’ ชื่อเสียงของเขาต้องป่นปี้อย่างแน่นอน...
ยามนี้ ประสาทสัมผัสของหนิงฝานเริ่มถูกผนึก ภายในใจสัมผัสเพียงหยดพิรุณที่กระทบใบหน้า
ชั้นที่ 3 ไร้ซึ่งพิรุณ แต่ชั้นที่ 4 มีพิรุณโปรยดังเก่า
หากจะกล่าวถึงความแตกต่างนั้น พิรุณแต่ชั้นของสุสานไม่เหมือนกัน… ชั้นแรก เป็นพิรุณที่หนาวเหน็บราวกับเหมันต์ ชั้นที่สองให้ความรู้สึกราวกับพิรุณในหน้าร้อน
แต่ชั้นที่ 4 นั้น เป็นพิรุณที่เปล่าเปลี่ยวเดียวดาย แต่กลับดูยิ่งใหญ่และน่าเกรงขาม… ราวกับเป็นพิรุณในฤดูใบไม้ร่วง
ชั้นที่ลึกลงไปในสุสาน พิรุณก็สมควรแตกต่างกัน… ชายชราผู้นั้นได้บรรลุถึงความเข้าใจในเจตจำนงค์เทพพิรุณหลากหลาย ในโลกใบนี้หาผู้ที่จะเป็นแบบชายชราผู้นั้นได้ยาก เพราะสิ่งที่ชายชราทำคือบรรลุเจตจำนงค์เทพไปทีละขั้น
ครั้งที่ชายชราผู้นั้นมายังชั้น 3 ของสุสาน ที่นั่นยังไม่มีสิ่งที่ชายชราต้องการ จึงทำให้ชายชรารู้สึกโดดเดี่ยวและเศร้าใจ
จึงเปลี่ยนไปยังชั้นที่ 4 ของสุสาน ชายชราอยู่ที่นี่อยู่นาน บางทีอาจเกือบหมื่นปี
ในขณะที่สัมผัสพิรุณอยู่นั้น หนิงฝานก็ค่อยๆได้ยินสิ่งที่พิรุณเหล่านี้เก็บซ่อนไว้
“แม้จะบากบั่นฝึกตน แต่สุดท้ายก้ได้อยู่เพียงลำพัง...เหลือเพียงความเศร้าหมอก ผิดกับผู้อื่นร้องรำ… สิ้นชีพ… ถูกฝังคืนสู่ธรรมชาติ… ความโดดเดี่ยวนั้นคล้ายกับพิรุณในฤดูใบไม้ร่าง ที่ทำให้ใจปั่นป่วนสับสน… แต่หากไม่โดดเดี่ยวแล้ว ก็ไม่อาจฝึกฝนได้… พิรุณไม่โด่ดเดี่ยว ตัวข้าโดดเดี่ยว… เช่นนั้น พิรุณจึงโดดเดี่ยวเช่นกัน นั่นคือเจตจำนงค์เทพพิรุณ”
หมิงเยว่ควบคุมเมฆเซียนให้ช้าลง เพราะไม่อาจรบกวนหนิงฝานที่กำลังยืนเงียบ
ความโดดเดี่ยว… แม้จะเป็นนัยสำคัญ แต่ยังไม่เพียงพอที่ชายชราจะให้กำเนิดเจตจำนงค์เทพที่สมบูรณ์
“เราไปชั้น 5 กันเถอะ...”
“ได้! แต่โอสถของข้าไม่พอกินแล้ว...” นางยิ้มอย่างชั่วร้าย
“พอไปถึงชั้น 5 แล้ว ข้าจะปรุงโอสถให้เจ้าอีก!”
“ห้ามโกหกข้าเชียว!”
นางตบปากรับคำ เพราะท่ามกลางพิรุณโปรยเช่นนี้ หากนางไม่มีโอสถเคี้ยวคงน่าเบื่อแย่
นางควบคุมเมฆเซียนพุ่งทะยาน แม้ระหว่างจะมีสัตว์อสูรที่ทรงพลังอยู่หลายตัว แต่เมื่อพวกมันได้กลิ่นของหมิงเยว่ พวกมันก็หวาดกลัว ไม่กล้าขยับไปไหน
เมฆเซียนเคลื่อนไปถึงยังอุโมงค์ขนาดยักษ์ ลงไปยังชั้นที่ 5… แต่ในระหว่างนั้นเอง พิรุณแห่งฤดูใบไม้ร่วง ก็เป็นพิรุณที่มาพร้อมกับลมหนาว
แม้พิรุณที่โปรยปราณจะหนาวเหยียบ แต่พวกมันกลับไม่กลายเป็นน้ำแข็ง
พิรุณก็คือพิรุณ แม้จะเป็นน้ำแข็งก็ยังเป็นพิรุณดั่งเก่า
ยามนี้เอง ดวงตาหนิงฝานเปล่งประกาย เขาเข้าใจ สุสานชั้น 5 นี้คือพิรุณน้ำแข็ง คือเจตจำนงค์เทพพิรุณที่ไม่ธรรมดา
หนิงฝานหวนนึกถึงวิชาพิรุณน้ำแข็งที่ตนฝึกฝน… วิชานั้น ช่างไร้ค่าไม่คู่ควร
วิชาพิรุณนำแข็งที่หนิงฝานฝึกฝนนั้น จะทำให้พิรุณแข็งตัวจนกลายเป็นหนามแหลม และมัน...ก็ไม่ใช่พิรุณอีกต่อไป
หนิงฝานหลับตา เหล่าสัตว์อสูรรอบข้างที่ซ่อนตัวซ่อน ได้อาบและซึมซับเจตจำนงค์เทพพิรุณน้ำแข็ง ทำให้พวกมันมีความเข้าใจ
แรกเริ่มที่หนิงฝานเข้าสู่ชั้น 5 ของสุสาน เหล่าสัตว์อสูรจ้องมองเขาด้วยเจตนาสังหาร แต่เมื่อนางจ้องพวกมัน พวกมันก็กล้าเผยเจตนาสังหารอีก
พวกมันไม่กล้าคิดสังหารหนิงฝาน แต่ถึงอย่างนั้น พวกมันยังคงเกลียดชังและคิดหวังสังหารในใจ พวกมันเกลียดชังมนุษย์ ฝังลงไปในจิตวิญญาณ
“เด็กนั่น… เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ แต่กลับคิดทำความเข้าใจกับเจตจำนงค์เทพ… ไร้สาระสิ้นดี” สัตว์อสูรร่างกายใหญ่โตตัวหนึ่งกล่าวด้วยภาษาสัตว์อสูร
“แต่คนผู้นั้นถึงกับปกป้องกัน… ข้าว่าเราไม่ควรยุ่งเรื่องนี้...” สัตว์อสูรอีกตนกล่าวด้วยความเป็นกังวล
หากสัตว์อสูรเหล่านี้ปรากฏตัวในโลกพิรุณ พวกมันจะกลายเป็นสัตว์อสูรล้ำค่าไร้ที่เปรียบ และน่าเกรงขาม แต่พวกมันกลับหวาดกลัวหมิงเชว่
สัตว์เหล่านั้นพูดคุยและกล่าวว่า หนิงฝานไม่สามารถทำความเข้าใจกับเจตจำนงค์เทพพิรุณได้แน่
และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่หนิงฝานไม่ได้ยินสิ่งใดจากพิรุณ
เจตจำนงค์เมพพิรุณในชั้น 5 นี้แตกต่างโดยสิ้นเชิง แม้เจตจำนงค์พิรุณในชั้น 4 จะลึกล้ำ แต่ไม่ควรค่าให้กล่าวถึงเมื่อเทียบกับชั้น 5
“ข้าพลาดสิ่งใด...”
หนิงฝานขมวดคิ้ว แต่ยามนั้นเอง หมิงเชว่ก็กล่าวขึ้น
“ท่านพี่โอสถ ท่านบอกจะปรุงโอสถให้ข้า ข้าหิวแล้ว...”
“อืม… ข้ารู้” หนิงฝานลืมตา
เขาเอากระถางโอสถของชูชิงออกมา โคจรปราณกระบี่ขุดหลุมแล้วชักนำเพลิงพิภพ แต่ด้วยที่ชั้น 5 มีพิรุณที่รุนแรงเกินไป จึงไม่อาจชักนำเพลิงพิภพได้
หนิงฝานไร้ซึ่งเพลิงพิภพปรุงโอสถ เพราะพิรุณชั้น 5 โหมกระหน่ำ
“ฮ่าฮ่า… เด็กนั่นน่าสนใจ เจตจำนงค์เทพพิรุณของที่นี่รุนแรง หากไม่มีเพลิงพิภพ มันก็ไม่อาจปรุงโอสถได้” ลิงขาวตัวหนึ่งกล่าวด้วยแววตาเย้ยหยัน
“เกิดอะไรขึ้น… เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้… หากไม่มีเพลิงก็ไม่อาจปรุงโอสถได้...” หมิงเชว่เผยสีหน้าตระหนก แต่ในขณะที่นางเสียใจนั้น นางก็ได้ยินคำกล่าวของลิวขาวตัวนั้นพอดี
นางหันมองลิงขาวด้วยความโกรธเคือง ชี้นิ้วและออกคำสั่ง “เจ้ามาเป็นเพลิงให้ข้า ไม่งั้นข้าจะไปบอกท่านปู่ให้จับเจ้าไปย่างกิน!”
ขณะที่ลิงขาวกำลังมีความสุขอยู่นั้น มันก็หวาดกลัวเมื่อได้ยินคำกล่าวของนาง
มันเร่งตรงมาหานางอย่างรวดเร็ว
มันวางมือลงพื้น โคจรปราณกันเจตจำนงค์เทพพิรุณให้ถอนห่าง
จากนั้นชักนำเพลิงพิภพ กระทั่งเพลิงลุกโหมขึ้นอีกครั้ง
“ฮ่าฮ่า มีเพลิงพิภพแล้ว เจ้าลิงน้อย เจ้าเก่งมาก”
“ขอรับ...”
ลิงขาวเป็นถึงสัตว์อสูรที่ทรงพลัง การที่ถูกนางเรียกขานว่าลิงน้อย ทำให้มันไม่พอใจ แต่กลับต้องแสดงออกทางสีหน้าว่ามีความสุข
ในสุสานแห่งนี้ หากสัตว์อสูรตนใดทำให้นางถึงพอใจ ก็ไม่ต้องกลัวว่านางจะจับกินในอนาคต
เหล่าสัตว์อสูรทั้งหลายจ้องมองลิงขาวด้วยความอิจฉา เพราะการที่หมิงเชว่จะกล่าวชมผู้ใดนั้น หาได้ยากนัก
หนิงฝานไม่ได้ใส่ใจสิ่งใด แม้กลิ่นอายของเหล่าสัตว์อสูรรอบข้างจะทำให้เขาอึดอัด แต่ยามนี้ เขาสัมผัสถึงกลิ่นอายไม่ได้
เขาจดจ่ออยู่กับเพลิงพิภพที่ถูกจุดขึ้นเพียงน้อยนิด
ลิงขาวยื่นมือไปยังเพลิงพิภพ ก่อนที่มือของมันจะเปล่งแสง
มันปลดปล่อยเจตจำนงค์เทพ ผลักดันเจตจำนงค์พิรุณ สร้างเขตแดนเจตจำนงค์เทพของตน แล้วชักนำเพลิงพิภพให้รุนแรงขึ้น
เมื่อเพลิงพิภพกำลังทวีความรุนแรง หนิงฝานไม่ได้เร่งร้อนปรุงโอสถให้นาง เขานั่งขัดสมาธิ ขยับนิ้วมือเป็นท่าทาง แล้วใช้วิชาพิรุณน้ำแข็ง
ในจำนวนวารี 10 หยดในคราวแรก วารีเหล่านั้นกลายเป็นน้ำแข็ง
แต่เมื่อเพิ่มวารีไปหลายร้อยหยด ก็ได้วารีบางหยดที่ไม่ได้จับตัวเป็นน้ำแข็ง
เมื่อเพิ่มวารีเป็นพันหยด เขากลับได้วารีที่ยังไม่เป็นน้ำแข็งกว่าครึ่งของทั้งหมด
หนิงฝานหลับตาอีกครั้ง ในที่สุดเขาก็ได้ยินสิ่งที่พิรุณกล่าว มันคือเสียงถอนหายใจ คือเจตจำนงค์เทพพิรุณที่แฝงอยู่ในวารีเหล่านั้น
“พิรุณคืออะไร? ข้าพลิกฝ่ามือหนี พิรุณยังคงอาบชโลม!”
คำกล่าวนั้นราวกับไปกระตุ้นจิตใจของหนิงฝานให้ตื่น
หนิงฝานลืมตา แววตาเปลี่ยนไปราวกับผู้ที่เหยียบย่ำได้ทุกหย่อมหญ้า
หนิงฝานโคจรวิชาพิรุณน้ำแข็ง แต่ยามนี้กลับปรากฏส่วนหนึ่งเป็นหยดวารี อีกส่วนเป็นแท่งน้ำแข็งแหลมคม
หนิงฝานเข้าใจในเจตจำนงค์เทพพิรุณ เขาเอื้อมมือคว้าหยดพิรุณที่แฝงด้วยเจตจำนงค์เทพพิรุณของชายชรา บีบมัน แล้วกล่าวอย่างเย็นชา “เมื่อข้าพลิกฝ่ามือ มันต้องกลายเป็นพิรุณ”
หนิงฝานพลิกฝ่ามือ แทงน้ำแข็งที่ลอยคว้างกลางอากาศได้แปรเปลี่ยนเป็นหยาดพิรุณโปรยปราณ… แท่งน้ำแข็งจากวิชาพิรุณน้ำแข็ง ได้แปรเปลี่ยนเป็นวารี แม้สิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่ได้มาจากเจตจำนงค์เทพ แต่อย่างน้อยๆ อานุภาพของมันก็เพิ่มพูนถึง 3 ใน 10 ส่วน
สัมผัสเข้าใจในเจตจำนงค์พิรุณเพิ่มพูน คล้ายมนุษย์หิมะที่ก่อตัวใหญ่มากขึ้น
สิ่งที่เกิดขึ้นกับหนิงฝานทำให้เหล่าสัตว์อสูรตกตะลึง เพราะกว่าที่พวกมันจะเข้าใจในเจตจำนงค์พิรุณได้นั้น ต้องใช้เวลาเนิ่นนาน แต่ถึงอย่างนั้น ยังมีอีกหลายตัวที่ยังไม่เจ้าใจดีนัก
หนิงฝานผู้อยู่เพียงขอบเขตประสานวิญญาณกลับทำความเข้าใจกับเจตจำนงค์เทพพิรุณได้ไม่แพ้เหล่าสัตว์อสูร เหลืออีกเพียงก้าวเดียวเขาก็จะบรรลุเจตจำนงค์เทพ… ยามนี้หนิงฝานยังไม่บรรลุขอบเขตตัดวิญญาณ แต่หากภายหน้าเขาบรรลุ สัตว์อสูรเหล่านี้คงไม่ใช่คู่ต่อสู้
“ท่านพี่โอสถ เราไปชั้น 6 ก่อนเถอะ...” หมิงเชว่กล่าว
แม้นางจะอยากกินโอสถ แต่เมื่อเห็นว่าหนิงฝานบรรลุความเข้าใจในเจตจำนงค์เทพพิรุณมากขึ้น นางก็ไม่อยากขัดขวาง
“ไม่จำเป็น… ข้าจะปรุงโอสถให้เจ้า… จะไปหรือไม่ไปนั้นไม่สำคัญ...”
หนิงฝานยิ้มบาง ก่อนจะเริ่มปรุงโอสถ
เมื่อเข้าใจกับเจตจำนงค์เทพพิรุณที่ชั้น 5 ของสุสาน หนิงฝานก็เข้าใจการใช้งานเจตจำนงค์เทพ แต่ด้วยระดับพลังที่ยังอ่อนด้อย จึงไม่อาจใช้เจตจำนงค์เทพเช่นกัน
ส่วนวิชาน้ำแข็งพิรุณนั้น หนิงฝานยังไม่อาจเปลี่ยนน้ำแข็งให้กลายเป็นพิรุณได้ในทันที
หากจะมุ่งหน้าไปยังชั้นที่ 6.. 7.. 8.. หรือ 9... ก็จะได้พบเพียงความเข้าใจในเจตจำนงค์พิรุณของตน หนิงฝานต้องการสร้างเจตจำนงค์เทพเองมากกว่า
แต่ถึงแม้หนิงฝานจะสัมผัสถึงเจตจำนงค์เทพได้ไม่สมบูรณ์ แต่เขาก็พอจะลองปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ได้!
หนิงฝานยังไม่ปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ทันที เพราะด้วยระดับทักษะการปรุงโอสถของเขาในยามนี้ ต่อให้ปรุงได้สำเร็จ อย่างน้อยต้องใช้เวลา 6 เดือน
แต่เขาก็มีวิธีทดสอบทักษะปรุงโอสถของตน ว่าเพิ่มพูนมากน้อยแค่ไหน
หนิงฝานคิดถึงวิชาเก้าผันแปรแห่งวารี เป็นวิชาสำหรับปรุงโอสถ เขาจุดเพลิงปีศาจทมิฬ โคจรปราณตามวิชาวงกลมเพลิงปรากฏกลางอากาศเบื้องหน้า
วงที่ 1… วงที่ 2… วงที่ 3… และวงที่ 4… วงกลมเพลิงทั้ง 4 เชื่อมต่อซ้อนทับ แต่นั่นก็เป็นขีดจำกัด ยากที่วงกลมอีกวงจะปรากฏ
“4 วง… หมายถึงปรุงโอสถผันแปรที่ 4 ได้.. หากข้ามี 5 วง ข้าก็ปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ได้!”
แววตาหนิงฝานปรากฏประกายแห่งเจตจำนงค์เทพที่เบาบาง ผสานไปกับเพลิงปีศาจทมิฬ ทำให้เพลิงทวีความรุนแรงมากขึ้น
ในขณะที่เพลิงลุกโหมนั้น จู่ๆ ปราณของหนิงฝานก็กระตุ้นให้เกิดเงาภาพลางๆของวงกลมเพลิงวงที่ 5
วงกลงเพลิงนั้นดูสมบูรณ์ แต่มันปรากฏขึ้นเพียงชั่วครู่แล้วหายไป… นั่นหมายความว่า หนิงฝานสามารถปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ได้ เพียงแต่มีโอกาสสำเร็จ 1 ใน 10 ส่วนเท่านั้น แม้จะกล่าวว่าสำเร็จเพียง 1 ส่วน แต่นั่นย่อมขึ้นอยู่กับชะตาสวรรค์
การปรากฏของวงกลมเพลิงวงที่ 5 ทำให้หนิงฝานกลายเป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ได้ส่วนหนึ่งแล้ว
การมาเยือนสุสานในครั้งนี้ หนิงฝานกอบโกยผลประโยชน์ได้มหาศาล
ทักษะปรุงโอสถของเขายกระดับ ปรุงโอสถผันแปรที่ 3 ได้ง่ายขึ้น ทั้งยังมีรสชาติดี จนหมิงเชว่ต้องน้ำลายสอ
“หอม… หอมกว่าครั้งก่อนมาก เหตุใดถึงเป็นเช่นนั้น!”
“ข้าท่านพี่โอสถของเจ้า เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 5...” หนิงฝานเปิดฝากระถางโอสถ ภายในปรากฏโอสถที่หอมหวน
“ท่านพี่โอสถ ท่านไม่ธรรมดาจริงๆ! หากท่านปู่รู้ว่าท่านเก่งกาจเช่นนี้ ท่านต้องชอบท่านแน่”
นางเอื้อมมือคว้าโอสถในกระถางโดยไม่สนว่ามันร้อน แล้วกินเข้าไปในทันที
หนิงฝานที่ได้ยินนางกล่าวถึงท่านปู่ เขาก็รู้สึกตกตะลึง
เพราะปู่ที่นางหมายถึง ย่อมเป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก… ไม่รู้ว่าเรื่องที่เขาสัมผัสเข้าใจเจตจำนงค์เทพพิรุณนั้น จะอยู่ในการสังเกตุของผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกหรือเปล่า...
ได้ครอบครองเพลิงปีศาจทมิฬอย่างสมบูรณ์ ทักษะปรุงโอสถยกระดับ นับว่ากอบโกยผลประโยชน์ได้ไม่น้อย หากได้ครอบครองปราณหยินลึกล้ำด้วยคงจะดี...
ปราณหยินลึกล้ำ ปราณอันดับ 9 แห่งปราณเยือกแข็งป่าสวรรค์… ตั้งแต่หนิงฝานเข้ามาในสุสาน เขายังสัมผัสถึงปราณน้ำแข็งไม่ได้เลย
ปราณน้ำแข็งไม่ใช่จิตวิญญาณ มันไม่อาจกลบกลิ่นอายของตนได้… ก่อนหน้านี้หนิงฝานไม่เข้าใจว่าเหตุใดผู้ที่ลงมาสุสานถึงหามันไม่พบ แต่ตอนนี้เขาพอจะเดาได้
เหตุผลคือ สาวน้อยนางนี้คิดว่าปราณหยินลึกล้ำคือสมบัติ นางจึงนำมันไปซ่อน
“สาวน้อย… เจ้ารู้หรือเปล่าว่าปราณหยินลึกล้ำอยู่ที่ไหน...”
“รู้… เอ่อ… ไม่รู้… ท่านอยากได้สมบัติของข้าเหรอฦ”
สาวน้อยหยุดกินโอสถและถอยห่างไป 2 ก้าว นางมองหนิงฝานด้วยสีหน้ากังวล
แต่เมื่อก้มมองโอสถในมือตน นางกลับรู้สึกกระอักกระอ่วน
“ท่านดีกับข้ามาก หากท่านไม่สนใจข้า ท่านคงไม่ปรุงโอสถอร่อยๆให้ข้ากิน... ถ้าหากท่านปรุงโอสถอร่อยกว่านี้สักพันเท่า...หมื่นเท่าให้ข้า ข้าจะบอกว่าสมบัตินั่นอยู่ไหน”
“เช่นนั้น...คงต้องรอในอนาคต ไว้ข้าปรุงโอสถผันแปรที่ 5 ได้เมื่อไหร่ ข้าจะนำมาแลกปราณหยินลึกล้ำกับเจ้า”
หนิงฝานขบคิด โอสถที่รสชาติดีกว่าโอสถผันแปรที่ 3 นับหมื่นเท่า คงมีเพียงโอสถผันแปรที่ 5 เท่านั้น... หากจะให้ช่วงชิงปราณหยินลึกล้ำกับนางยามนี้คงไม่เหมาะ เพราะอาจมีผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกจับตาอยู่
นอกจากนี้ หนิงฝานยังไม่รีบร้อนครอบครองปราณหยินลึกล้ำ ไม่ว่ายังไงมันก็จะไม่หายไปจากนิกายกุ่ยเชว่ หากเขาปรุงโอสถถผันแปรที่ 5 ได้เมื่อไหร่ ค่อยนำมาแลกกับหมิงเชว่
เทียบกับปราณหยินลึกล้ำแล้ว หนิงฝานมีสิ่งที่สนใจยิ่งกว่ามาก
“หมิงเชว่… ผลแห่งความฝันเติบโตอยู่ที่ใด?”
“ผลแห่งความฝันคืออะไร?” นางเอียงหัวทำสีหน้ามึนงง
“ผลที่ให้เมล็ดที่เจ้าหวง...”
“อ๋อ… ผลไม้นั่นอยู่ชั้น 9 ของสุสาน ท่านปู่เป็นผู้ให้ข้า… ท่านพี่โอสถ ถึงท่านอยากกินแต่ก็คงทำไม่ได้ ท่านปู่บอกว่า ถึงจะเป็นข้า แต่ 10 ปีข้าก็ได้กินแค่ผลเดียวเท่านั้น”
“อืม… งั้นช่างเถอะ” หนิงฝานส่ายหน้า หากผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกคนนั้นครอบครองผลแห่งความฝันอยู่ เขาไม่มีทางได้มัน เว้นแต่จะหลอกล่อเอากับหมิงเชว่
ผลแห่งความฝัน สามารถยกระดับจิตใจได้เทียบเท่ากับการฝึก 50 ปี นับเป็นสมบัติล้ำค่า
ในขณะที่หนิงฝานส่ายหน้านั้น เสียงก็ดังขึ้นด้านหลังทั้งสอง
“นักปรุงโอสถผันแปรที่ 5… นับว่าเจ้าคู่ควร… หากเจ้าอยากได้ผลแห่งความฝัน แต่ข้ามีเงื่อนไขหนึ่งข้อ...”
เสียงนั่นปรากฏขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งยังแฝงด้วยเจตนาสังหารที่เบาบาง… เงื่อนไขที่คนผู้นั้นกล่าว หนิงฝานไม่อาจปฏิเสธ
เพราะหากปฏิเสธ...ก็เท่ากับตาย
ส่วนหมิงเชว่นั้น นางกลับเผยสีหน้าหวาดกลัว นางเร่งซ่อนโอสถไว้ข้างหลังทันที
“ทะ...ท่านปู่ ข้าไม่ได้ขโมยโอสถพวกนี้มานะ...”...