บทที่ 62 เราจบกันตั้งแต่วันนี้
บทที่ 62 เราจบกันตั้งแต่วันนี้
“คุณจะทำอะไร” ฉางฉิงกังวล
“ช่วยอธิบายให้คุณ” ซ่งฉู่อี๋มือยาว แย่งโทรศัพท์มือถือมาจากข้างหูเธอ แล้วพูดเสียงเมาอ้อแอ้เล็กน้อย “ผู้อำนวยการเฝิง...”
“คุณหมอซ่ง” ผู้อำนวยการเฝิงตกใจ
“คือว่า เมื่อกี้ผมดื่มเหล้าไปแล้วรู้สึกไม่ค่อยสบาย บังเอิญเจอกับคุณเยี่ยนพอดี เธอก็เลยพาผมไปส่งที่โรงพยาบาล รบกวนคุณช่วยบอกหมิงเหวยให้หน่อยนะครับ” ในน้ำเสียงแหบแห้งของซ่งฉู่อี๋เจือความน่าเกรงขามแบบคุณชาย
“อย่างนี้นี่เอง ไม่มีปัญหาครับ ไม่มีปัญหา ไปโรงพยาบาลสำคัญกว่า เอาไว้วันหลังเราค่อยเจอกันใหม่นะครับ” ผู้อำนวยการเฝิงรีบพูดอย่างสุภาพนอบน้อม
หลังจากวางสาย ในใจของผู้อำนวยการเฝิงก็โอดครวญไม่หยุด ฟู่อวี้เป็นคนให้เขาโทรหาฉางฉิง ทำไมเยี่ยนฉางฉิงคนนี้ถึงมีเสน่ห์ดึงดูดผู้ชายขนาดนี้นะ
เมื่อกลับมาที่โต๊ะ เขาก็บอกเรื่องนี้ให้ทุกคนรู้ด้วยความเสียใจอย่างยิ่ง
กว่านอิงงงงัน ในดวงตาของฟู่อวี้ฉายแววอารมณ์เสียเล็กน้อย ส่วนจ่านหมิงเหวยครุ่นคิดพลางหัวเราะ “น่าสนุกดีแฮะ”
ผู้อำนวยการเฝิงกระวนกระวายจนอยากจะเตะกรรมการจ่านที่ใต้โต๊ะ มีอะไรน่าสนุกกัน
“ผมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังมีงานต้องทำอีกหน่อย กรรมการจ่าน พวกคุณเล่นกันไปนะ” ฟู่อวี้ลุกขึ้นเดินจากไปทันที
กว่านอิงเองก็รีบเดินตามไป เธอเดินตามฟู่อวี้เข้าไปในห้องพักผ่อนที่ชั้นสาม
พอเข้ามาในห้อง ฟู่อวี้ก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดและนั่งสูบบุหรี่พ่นควันฉุยที่โซฟา ใบหน้าเขาดูขึงขัง ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“คุณเป็นอะไรไปคะ” กว่านอิงพอจะเดาได้บ้างเล็กน้อย แต่สิ่งที่ผู้หญิงถนัดที่สุดก็คือแสร้งโง่
เธอเข้าไปอิงแอบคลอเคลียด้วยสีหน้าอ่อนโยน เรียวแขนขาวเนียนวางอยู่บนแผงอกเขาเบาๆ
ฟู่อวี้เอามือเธอออกไป ลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้ากลัดกลุ้ม แล้วเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “กว่านอิง เราจบกันตั้งแต่วันนี้”
รอยยิ้มบนใบหน้ากว่านอิงแข็งทื่อ ข่มอารมณ์ไว้ไม่อยู่เล็กน้อย “ทำไมคะ ฉันทำอะไรผิดอย่างนั้นเหรอคะ หลายวันมานี้ฉันเชื่อฟังคุณมาโดยตลอด ไม่เอะอะไม่โวยวาย...”
“แค่ไม่เอะอะไม่โวยวายแล้วจะอยู่ด้วยกันไปได้ตลอดชีวิตงั้นเหรอ” ฟู่อวี้เคาะขี้บุหรี่ แววตาดูเย็นยะเยือก “คุณเข้าหาผมด้วยจุดประสงค์อะไร ต่างคนต่างก็รู้อยู่แก่ใจดี ผมบอกไปแล้วว่าจะดันคุณให้ดัง ผมพูดจริงทำจริง แล้วคุณล่ะ คุณเองก็ควรเชื่อฟังผม ถ้าคุณยังขืนเกาะแกะตอแยไม่เลิก ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมให้คุณไป ผมก็เอากลับมาได้หมดเหมือนกัน”
ชายหนุ่มดูท่าทางเฉยเมย แต่ภายในใจของกว่านอิงนั้นค่อยๆ หนาวยะเยือกขึ้นมาแล้ว การที่ได้รับรู้ถึงความคิดของฟู่อวี้ในคืนนี้ เธอก็เตรียมใจเอาไว้บ้างแล้ว เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าวันนั้นจะมาถึงเร็วขนาดนี้ เธอตั้งตัวไม่ทันและรู้สึกไม่พอใจอย่างมาก
“เรื่องที่คุณหลอกใช้ฉางฉิงเพื่อไปเยี่ยมแม่ผมที่โรงพยาบาล ผมรู้เรื่องหมดแล้ว” ดวงตาของฟู่อวี้เจือแววถากถาง “กว่านอิง คุณฉลาดมาก รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร แต่อย่าทำเป็นอวดฉลาดต่อหน้าผมอีก ไม่อย่างนั้นจะได้ผลลัพธ์ที่ตรงกันข้าม ผู้หญิงแบบคุณน่ะ ผมเจอมานักต่อนักแล้ว”
พอพูดจบ เขาก็โยนบุหรี่ที่สูบจนเกือบหมดมวนทิ้งลงถังขยะ แล้วหมุนตัวเดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง
เมื่ออยู่ลับหลัง กว่านอิงก็ออกแรงกำหมัดแน่น
เธอไม่พอใจ แต่เวลาที่อยู่ต่อหน้าฟู่อวี้ เธอทำอะไรไม่ได้เลย ผู้ชายคนนี้ช่างใจดำอำมหิตและไร้ความปรานีจริงๆ
เธอค่อยๆ ล้มตัวนั่งลงบนโซฟา รู้อย่างนี้เธอไม่ทิ้งซ่งฉู่อี๋ไปเสียก็ดี ว่าแต่เธอคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ว่าซ่งฉู่อี๋กับจ่านหมิงเหวยจะเป็นเพื่อนกัน กว่านอิงรู้สึกเสียใจจริงๆ เธอทำผิดมหันต์ เธอไม่ควรเลิกกับซ่งฉู่อี๋เลย
_ _ _ _ _ _ _ _
ภายในรถยนต์
ซ่งฉู่อี๋วางโทรศัพท์มือถือลง ฉางฉิงรู้สึกกระวนกระวาย “คุณพูดแบบนั้นทำไม”
“จู่ๆ เราสองคนก็หายไป ถ้าผมไม่พูด มันจะยิ่งดูน่าสงสัย” สีหน้าของซ่งฉู่อี๋ยังคงนิ่งเฉย “ทำใจให้สบายเถอะ คราวหน้าถ้าเจอฟู่อวี้ ผมจะช่วยอธิบายแทนคุณเอง”
“ทำไมคุณต้องยุ่มย่ามเรื่องฉันกับฟู่อวี้ด้วย” ฉางฉิงทำสีหน้าบ่งบอกว่า ‘คุณบ้าไปแล้ว’ ใส่เขา
ซ่งฉู่อี๋กดหว่างคิ้ว เดิมทีเขาก็เวียนหัวอยู่แล้ว และไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับเธออีก จึงหลับตาไปเสียเลย
อีกครึ่งชั่วโมงต่อมา รถยนต์แล่นเข้าสู่เขตตัวเมือง ด้านหน้ามีรถยนต์จอดเรียงรายเป็นแถวยาวเหยียด
ฉางฉิงเปิดกระจกรถและมองออกไปข้างนอก หลังจากที่เห็นชัดเต็มสองตาแล้ว เธอก็ตัวสั่นเทิ้ม “แย่แล้ว ข้างหน้ามีด่านตรวจ”
เธอคิดจะถอยหลังตอนนี้ก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ตรงกลางมีรั้วกั้น แล้วนี่ก็เป็นทางวันเวย์ บริเวณด้านข้างก็มีตำรวจจราจรเดินไปเดินมา
เมื่อกี้ตอนอยู่ที่บ้านพักเธอเองก็ดื่มไวน์แดงไปสองสามแก้วเหมือนกัน ถ้าถูกตรวจว่าดื่มแล้วขับ ภาพลักษณ์บุคคลสาธารณะของเธอจะต้องลงข่าวหน้าบันเทิงพรุ่งนี้แน่นอน ดีไม่ดีอาจถูกทางสถานีลงโทษด้วยก็เป็นได้
....................................