SC:บทที่ 20 การยั่วยุ
SC:บทที่ 20 การยั่วยุ
“น้องสาวเกา มีอะไรอย่างนั้นหรอ”
ตำรวจหญิงคนนี้ชื่อ เกาหยู เธอมองหน้าชายคนที่เข้ามาในห้องรำคาญและพูดขึ้นมาว่า
“มันไม่ใช่ธุระของคุณ!คุณมาทำอะไรที่นี่ ฉันบอกเอาไว้แล้วว่าไม่มีใครได้รับอนุญาตให้มาที่นี่”
“โถ่ น้องสาวเกา! ผมเพียงผ่านมาและได้ยินเสียงทะเลาะกันดังนั้นผมกลัวว่าชายคนนี้จะทำอะไรคุณ..เลยเข้ามาดูสักหน่อย!”
ใบหน้าของชายหนุ่มแสดงออกอย่างไม่พอใจแต่เขาไม่กล้าขัดคำของตำรวจสาว
หลินเฉิง ผู้นั่งอยู่บนโต๊ะกำลังคิดเรื่องต่างๆและเห็นคนสองคนยืนอยู่ที่ประตูพวกเขากำลังทะเลาะกันเล็กน้อยมันทำให้ หลินเฉิง รู้สึกหงุดหงิด เขาเดินมาที่ประตูและหันไปมอง เกาหยูแล้วพูดว่า
“หลีกทางหน่อย..ผมจะออกไปเดินเล่น!”
เกาหยูรู้สึกมึนงง ชายหน้าด้านคนนี้กล้าพูดแบบนี้ได้ยังไง เธอรีบขึ้นมาว่า
“ไม่ได้นะ!..ทุกคนยังไม่พร้อม!”
“พร้อมกับอะไร?”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลินเฉิง ขมวดคิ้วและจ้องมองเกาหยู สายตาของเขาแสดงออกถึงความสงสัย เพื่อรอฟังคำอธิบายจากเกาหยู
“พวกเรา...มีผู้รอดชีวิต 8 คนอยู่ที่นี่...คนที่ช่วยชีวิตคุณคือฉันกับหลี่เฉิงเพง ชายคนที่ยืนอยู่ข้างหน้าคุณในตอนนี้ ส่วนผู้รอดชีวิตคนที่เหลือไม่มีใครเห็นด้วยที่จะช่วยชีวิตคุณ ดังนั้นห้ามออกไปให้ใครเห็น…”
เมื่อมาถึงจุดนี้ใบหน้าของเกาหยูแสดงออกถึงความไม่พอใจเล็กน้อยและพูดว่า
“ฉันไม่รู้ว่าทำไมพวกเขาถึงกลัวคุณมาก ความจริงที่คุณต้องอยู่ภายในห้องนี้เป็นสิ่งที่พวกเขาต้องการมากที่สุด ถึงแม้ว่าฉันเองจะไม่ประทับใจในตัวคุณแต่ฉันรู้สึกว่าคุณไม่ใช่ศัตรูของพวกเรา”
หลังจากฟังคำอธิบายของ เกาหยู หลินเฉิง ก็เข้าใจแล้วว่าทำไม คนปกติมักมีความกลัวบุคคลที่มีความแตกต่างจากตนเอง ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาแสดงออกถึงธรรมชาติของมนุษย์ ความเห็นแก่ตัวเป็นสันดานที่แท้จริงของมนุษย์
แม้ว่าเขายังไม่รู้อย่างชัดเจนว่าทำไมคนเหล่านั้นจึงแสดงความเห็นแก่ตัวนี้ออกมา แต่เขารู้สึกว่าความคิดของคนเหล่านี้ช่างน่ารังเกียจ หากจะพูดให้ถูก เขาเป็นชายผู้กล้าหาญต่อกรกับตัวกินคนแต่คนเหล่านั้นกลับหวาดกลัวเขา!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลินเฉิง พยักหน้าแสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจแล้ว จากนั้นเขาพูดว่า
“ไม่ต้องกังวลผมเพียงแค่จะไปสังเกตรอบๆ ผมไม่ใช่ตัวกินคน ดังนั้นผมจะไม่ทำให้คุณเดือดร้อน!”
หลังจากนั้นเขาก็เดินออกไปข้างนอก แต่ถูกปิดกั้นด้วยชาย 2 คนที่อยู่ด้านนอกทันที
หลินเฉิง ขมวดคิ้วและมองคนสองคนที่ปรากฏตัวขวางทางเขาในตอนนี้ เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้สวมเสื้อผ้ายับยู่ยี่ผมของเขายุ่งเหยิงราวกับไม่เคยโดนน้ำมาก่อน ในเวลานี้ฟันของเขาเป็นสีเหลือง
“น้องชายนายจะไปไหน”
หนึ่งในนั้นมีรูปร่างสูงผอมหัวเราะและพูดกับ หลินเฉิง
หลินเฉิง ขมวดคิ้วและโบกมือเพื่อหยุด เกาหยู ที่จะพูดอะไรบางอย่าง เขาไม่สนใจคนเหล่านี้ หลินเฉิง เดินชนไหล่ชายคนนั้นและเดินออกนอกประตู
ชายร่างสูงรู้สึกราวกับว่าไหล่ของเขาถูกรถไฟชน เขาล้มลงกับพื้นโดยไร้การต่อต้านใดๆ เมื่อเขาล้มลงกับพื้นเขาทำได้เพียงนอนราบและกุมไหล่ด้วยความเจ็บปวด
ชายอีกคนที่เตี้ยกว่า ไม่ขยับไปไหนเขาเห็นได้ชัดว่าชายร่างสูงถูก หลินเฉิง ชนกระเด็นได้อย่างง่ายๆ หน้าผากของเขาเต็มไปด้วยเหงื่อความรู้สึกหวาดกลัวแล่นเข้าจิตใจของเขาทันที แต่เขายังคงคิดว่าเขายังมีไม้ตายอยู่ ดังนั้นเขาจึงคว้าไหล่ของ หลินเฉิง เอาไว้
“หนุ่มน้อย แกหยิ่งยโสเกินไป กล้าทำแบบนี้กับเพื่อนของฉันอย่างนั้นหรอ เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม!”
เมื่อ หลินเฉิง รู้สึกว่าไหล่ของเขาถูกจับอีกครั้งในที่สุดความอดทนของเขาก็หมดลง เพราะตัวประกอบสองคนนี้ เขาหันไปหาชายคนนั้นที่วางมือไว้บนไหล่ของเขา ดวงตาของ หลินเฉิง เย็นชาทันทีแล้วคว้าคอของชายคนนั้นโดยตรง เขายกชายคนนั้นขึ้นจากพื้นและกระแทกเข้ากับผนังด้านหน้า
ชายร่างเล็กรู้สึกวันร่างกายของเขาถูกยกสูงขึ้นในทันทีและหลังของเขาก็ชนกำแพงอย่างแรง ความเจ็บปวดที่ถูกกระแทกทำให้เขาอยากกรีดร้อง เขารู้สึกว่าคอของเขาถูกบีบด้วยคีมเหล็ก เขารู้สึกราวกับความตายกำลังใกล้เข้ามาเขาต้องการร้องขอความเมตตาของชายคนนี้ แต่ก่อนที่ทันจะทำสิ่งใดก็มีเสียง
“ค็อก” จากลำคอของเขาจากนั้นดวงตาของเขาก็เหลือกขึ้นทันที ก่อนที่เขาจะได้ร้องขอชีวิตเขาก็พบว่าตัวเองนั้นใกล้ตายแล้ว เขาพยายามใช้มือของตัวเองผลักดันร่างของ หลินเฉิง แต่แขนของ หลินเฉิง นั้นแข็งแกร่งราวกับคีมเหล็ก
คน 3 คนที่อยู่ในสถานการณ์ต่างตกใจเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ เกาหยู รีบเข้ามาหา หลินเฉิง และพยายามกดแขนของเขาลงเพื่อช่วยเหลือชายร่างเล็ก แต่เธอพบว่าแขนของเขาแข็งแกร่งราวกับกระดูกทำขึ้นมาจากเหล็ก แขนของเขาไม่ขยับแม้แต่น้อย เมื่อเห็นว่าชายร่างเล็กฟองท่วมปากของเขาเธอรู้สึกว่าสถานการณ์ปัจจุบันนี้ มันอันตรายเป็นอย่างมาก เธอทำได้เพียงแต่กัดฟันและดึงปืนพกออกมาจากนั้นชี้ไปที่ หลินเฉิง
“หยุด ...ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้!เร็ว! ถ้าเขาตายนายตายแน่!”
เกาหยู จับปืนพกด้วยสองมือในขณะที่น้ำเสียงที่ตะโกนใส่ หลินเฉิง นั้นยังคงสั่นเทา
เมื่อเห็นว่าเกาหยูมีปืน หลินเฉิง เพียงหรี่ตามองเธออย่างใจเย็นและไม่ตอบโต้อะไร จากนั้นเขาเพิ่มแรงบีบของตัวเองมากขึ้น
ทันใดนั้นก็ได้กลิ่นปัสสาวะจากชายร่างเล็กที่ถูกตรึงอยู่กับกำแพง เมื่อเกาหยู ได้กลิ่นปัสสาวะนี้เธอรู้ได้ทันทีว่าชายร่างเล็กกำลังเผชิญหน้ากับอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ปรากฏการณ์นี้สามารถอธิบายได้ว่าเขาใกล้จะตายแล้ว!
เธอโกรธเป็นอย่างมาก เธอหายใจเข้าลึกและยังคงชี้ปืนไปที่ หลินเฉิง จากนั้นตะโกนอีกครั้งด้วยความโกรธว่า
“ฉันจะยิงนายแน่! ฉันจะไม่ปล่อยให้นายฆ่าใครที่นี่!อย่าบังคับฉัน!”
หลินเฉิง เองก็ได้กลิ่นปัสสาวะเช่นกัน เขาขยับมือขวาและโยนชายร่างเล็กลงกับพื้นข้างเท้าของเกาหยู หลังจากนั้นมองดูปืนในมือของเธอพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“ถ้าคุณต้องการจะยิง อย่าดีแต่พูด”
หลังจากนั้น หลินเฉิง ก็หมดความสนใจ ที่จะไปยังชั้นแรก เขาหันหลังกลับไปที่ห้องสอบสวนและปิดประตู!
-----------------------------------------------