49 หนึ่งคน หนึ่งครอบครัว หนึ่งสูตรยา
49 หนึ่งคน หนึ่งครอบครัว หนึ่งสูตรยา
เหตุผลที่เทียนหยวนถูมาเยี่ยมหวังเย้านั้นธรรมดามาก นั้นคือการสร้างเคลือข่าย เขาคิดว่าหวังเย้านั้นเป็นคนหนุ่มที่ทีความสามารถสูงมาก และมันคุ้มค่าที่จะเป็นเพื่อนที่ดีกับเขา นักธุรกิจมักทำได้ดีเวลาต้องติดต่อกับคนทั่วไปที่พวกเขาให้ความสนใจ และเทียนหยวนถูก็เป็นนักธุรกิจที่ดีคนหนึ่ง
หวังเย้าส่ายหัวเมื่อเห็นชาดำฉีเหมินที่วางอยู่บนโต๊ะ เขาเดาว่าเทียนหยวนถูอยากจะสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับหวังเย้าเป็นการส่วนตัว เขาไม่ปฏิเสธไมตรีกับคนแบบเทียนหยวนถู แล้วหวังเย้าก็เป็นแค่คนหนุ่มที่มีความสามารถคนหนึ่งเท่านั้น ไม่ใช่ฤษี
เทียนหยวนถูโทรหาเหอฉีเชิงเมื่อออกจากเนินเขามาแล้ว พวกเขานัดแนะสถานที่และเวลากัน ที่คาเฟ่ในเหลียนชาน เหอฉีเชิงและเทียนหยวนถูนั่งอยู่ในห้องส่วนตัวของคาเฟ่และสั่งชามาหนึ่งกา
“ผมไม่คิดว่าจะมาเจอคุณที่นี่ได้” เทียนหยวนถูพูดด้วยรอยยิ้ม
“ใช่ เราเจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่นะ? ไม่กี่เดือนที่แล้วใช่ไหม?” เหอฉีเชิงพูดหลังจากที่จิบชา
พวกเขารู้จักกันมานานแล้วและยังคงติดต่อกันอยู่เสมอ
“ประมาณ 6เดือนที่แล้ว” เทียนหยวนถูพูดหลังจากคิดอยู่สักพัก
“คุณเป็นยังไงบ้าง? ยังยุ่งเหมือนเดิมรึเปล่า?” เหอฉีเชิงถาม
“ก็ไม่เลว ผมรับคนมาเพิ่ม เราเลยไม่ยุ่งมากเท่าเมื่อก่อนแล้ว” เทียนหยวนถูพูด
“แล้วภรรยาของคุณเป็นยังไงบ้าง?” เหอฉีเชิงถาม
เขารู้เกี่ยวกับอาการป่วยของซวีเจียหุยเพราะเคยพยายามรักษาเธอมาก่อน แต่อาการของเธอมันซับซ้อนมากและเขาก็ไม่ได้เตรียมตัวมาดีพอ เขาพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วแต่ก็ยังช่วยอะไรได้ไม่มาก
“ผมคิดว่าเธอหายดีแล้ว” เทียนหยวนถูพูด
“จริงเหรอ?” เหอฉีเชิงพูด
เขารู้สึกตกใจมากที่ได้ยินเรื่องนี้ เขาเคยพยายามรักษาซวีเจียหุย และรู้ดีว่าอาการของเธอมันแปลกประหลาดขนาดไหน มันไม่ได้ร้ายแรงจนทำให้เธอทรุดในทันที แต่มันค่อยๆพัฒนาขึ้นมาและทำร้ายร่างกายของเธอให้แย่ลงเรื่อยๆ คล้ายกับการถูกเฉือนด้วยมีดทีละนิด ไม่มีหนทางที่จะรักษามันได้เลย เหอฉีเชิงรู้ดีถึงเคลือข่ายและความสามารถที่เทียนหยวนถูมีอยู่ในมือ เทียนหยวนถูเดินทางไปโรงพยาบาลดังๆหลายแห่งรวมถึงผู้เชี่ยวชาญหลายคน แต่ก็ไม่สามารถรักษาอาการของเธอได้เลย จากทั้งหมดนี้มันจึงทำให้เหอฉีเชิงประหลาดใจมากที่ได้ยินว่าซวีเจียหุยหายดีแล้ว
“นั้นมันยอดไปเลย! ใครเป็นคนรักษาภรรยาของคุณเหรอ?” เหอฉีเชิงถาม
“ผมต้องขอโทษด้วย” เทียนหยวนถูตอบด้วยรอยยิ้ม “ผมสัญญากับเขาเอาไว้ว่าจะไม่บอกใคร”
“โอ้ งั้นไม่เป็นไรหรอก” เหอฉีเชิงพูด เดี๋ยวนะ! ดูเหมือนฉันพอจะรู้แล้วว่าเขาเป็นใคร!
ทันใดนั้นเหอฉีเชิงก็ค้างท่าเทน้ำชาอยู่อย่างนั้น คล้ายกับว่าเขาคิดเรื่องสำคัญบางอย่างอยู่ โดยไม่รู้ตัวว่าถ้วยชาของเทียนหยวนถูนั้นถูกเทน้ำชาจนล้นแล้ว
“ถ้วยชาของผมเต็มแล้วนะ” เทียนหยวนถูเตือน
“โอ้ ขอโทษที” เหอฉีเชิงพูด
“คุณกำลังคิดอะไรอยู่เหรอ?” เทียนหยวนถาม
“ผมกำลังคิดถึงคนคนหนึ่งอยู่ เขาเป็นคนที่น่าสนใจมาก” เหอฉีเชิงพูดเมื่อเขาวางกาน้ำชาลงบนโต๊ะ
“จริงเหรอ? อ้อ ลืมไปถามไปเลย ผมคิดว่าคุณอยู่ที่มณฑลฉีซะอีก แล้วคุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันล่ะ?” เทียนหยวนถูถาม
“ผมมาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากคนคนหนึ่งน่ะ” เหอฉีเชิงพูด
“ขอความช่วยเหลือจากบางคนเหรอ? ผมคิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะมาเพราะเรื่องนี้ คุณไปหาหวังเย้าเพื่อขอความช่วยเหลือใช่ไหม?” เทียนหยวนถูคาดเดา
“ใช่ ดูเหมือนคุณจะรู้จักเขาดีนะ” เหอฉีเชิงพูด ทั้งสองเริ่มพูดเกี่ยวกับหวังเย้า
“ก็ไม่เชิงหรอก ผมเคยเจอเขาเเค่ไม่กี่ครั้งเอง” เทียนหยวนถูพูด
“เขาคือคนที่รักษาภรรยาของคุณใช่หรือเปล่า?” เหอฉีเชิงถามออกมาตรงๆ
“ใช่ คุณก็มาขอความช่วยเหลือจากเขาใช่ไหม?” เทียนหยวนเลิกปิดบัง
“ฮาฮา ใช่แล้วล่ะ” เหอฉีเชิงพูด
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมา การตั้งป้อมและเรื่องที่สงสัยก็หายไปทันที
“แล้วเขารักษาภรรยาของคุณได้ยังไง?” เหอฉีเชิงถาม
“เขาใช้ยาแค่สองโดสเท่านั้น” เทียนหยวนถูพูดแล้วจึงจิบชา
“ยาอะไรเหรอ?” เหอฉีเชิงสงสัย
“อันเฉินชาน ช่วยชะล้างและปลอบปะโลมจิตใจ” เทียนหยวนถูพูดประโยคที่หวังเย้าเคยพูดเอาไว้
“ชะล้างและปลอบประโลมจิตใจ...ฟังดูธรรมดามาก”
“ฟังดูเหมือนจะธรรมแต่ผลลัพท์ของมันไม่ต่างจากเวทมนต์เลยล่ะ แล้วคุณขอให้เขาอะไรให้เหรอ?” เทียนหยวนถูถาม
“เหมือนคุณนั่นแหละ”
“ให้ใครเหรอ?”
เหอฉีเชิงไม่ได้ตอบคำถาม แล้วดวงตาเทียนหยวนถูก็เบิกกว้างและคิดถึงบางอย่าง
“คนป่วยอาการหนักมากเหรอ?” เทียนหยวนถูถาม
“ใช่ หนักมาก” เหอฉีเชิงตอบหลังจากที่เงียบไป
ความจริงแล้ววันนี้เขาพูดมากเกินไปหน่อย เทียนหยวนถูก็ไม่ต่างกัน พวกเขาเป็นเพื่อนกันก็จริง แต่ก็ไม่ใช่เพื่อนที่สามารถคุยกันได้ทุกเรื่อง พวกเขาแค่ต้องการข้อมูลและบางสิ่งบางอย่างของกันและกันเท่านั้น
“แล้วหวังเย้าว่ายังไงบ้าง?” เทียนหยวนถูถาม
“เขาบอกว่าเขาต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนเพื่อทำยาให้กับผม” เหอฉีเชิงพูด
“อืม ถ้าอย่างนั้นคุณก็ต้องรอ” เทียนหยวนถูพูด
ทั้งสองนั่งอยู่ในคาเฟ่กว่าหนึ่งชั่วโมงก่อนที่จะแยกกันไป
“แม้แต่คนจากตระกูลกั๋วก็ยังมาหาหวังเย้า” เทียนหยวนถูถอนหายใจ
ถ้าเกิดเขาช่วยชีวิตคนในตระกูลกั๋วได้ นั้นจะต้องเป็นเรื่องใหญ่มากแน่ๆ! เทียนหยวนถูคิด
บนเนินเขาหนานชาน หวังเย้ายังคงทำงานประจำวันของเขาอยู่เช่นเดิม
วันหนึ่งในตอนกลางวัน เขาขอให้แม่ของเขาช่วยเฝ้าแปลงสมุนไพรให้กับเขา ก่อนที่เขาจะเข้าไปในเมือง
มันเป็นวันฉลองเปิดร้านของหวังหมิงเปา หวังหมิงเปาได้รีโนเวทและตกแต่งร้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เขาได้เริ่มซื้อของเข้าร้านและเลือกวันดีเพื่อเปิดร้านของเขา
ฉันควรจะซื้ออะไรให้หมิงเปาดีนะ? หวังเย้าขี่มอเตอร์ไซด์เข้าเมืองในตอนเช้าและเตรียมซองแดงที่ใส่เงินเอาไว้ เขาคิดว่าเขาควรจะซื้อบางอย่างเพิ่มให้หมิงเปาเพื่อนสนิทของเขา
หวังเย้าเดินหาของไปทั่วแต่ก็ไม่ได้อะไรติดมือมาเลย เขาไม่มีประสบการณ์ในเรื่องพวกนี้เลย สุดท้ายเขาจึงสั่งดอกไม้สองตะกร้าใหญ่ให้ไปส่งที่ร้านของหวังหมิงเปา
“ยินดีด้วยนะ! ฉันขอให้กิจการของนายเจริญรุ่งเรือง!” หวังเย้าพูดและเอาซองแดงให้กับหวังหมิงเปา
“ขอบคุณนะเย้า แต่ฉันรับเงินจากนายไม่ได้หรอก นายก็เหมือนพี่น้องของฉัน” หวังหมิงเปาพูด
“นายรับมันไปเถอะ” หวังเย้ายัดซองแดงใส่มือของหวังหมิงเปา ถึงแม้ว่าหวังหมิงเปาจะไม่ได้ให้ความสำคัญเรื่องของเงินทอง แต่ยังไงสิ่งนี้ก็คือการแสดงความจริงใจของหวังเย้าที่มีต่อเขา
“มีอะไรให้ฉันช่วยไหม?” หวังเย้าถามพนักงานที่ยุ่งอยู่กับการเตรียมงาน
“ไม่ต้องหรอก ปล่อยให้พนักงานพวกนี้จัดการเถอะ เข้ามาดื่มชาข้างในดีกว่า” หวังหมิงเปาพูด
“เถอะน่า ให้ฉันได้ช่วยนายเถอะ” หวังเย้าพูด
ดอกไม้สองตะกร้ามาถึงร้านในตอนที่หวังเย้ากำลังช่วยงานพนักงานในร้าน
ที่ร้านของหวังหมิงเปาเริ่มมีคนมามากขึ้นเรื่อยๆ บ้างก็เป็นเพื่อนของหวังหมิงเปา หรือไม่ก็คนรู้จักของพ่อของหวังหมิงเปา มันเป็นกลุ่มคนจำนวนมาก ซึ่งถือเป็นเรื่องดีที่มีคนจำนวนมากมางานฉลองเปิดร้าน มันหมายถึงลูกค้าจำนวนมากและธุรกิจที่ดีในอนาคต
เมื่อได้ฤกษ์ ก็ได้มีการจัดประทัดเสียงดัง ช่างเป็นวันที่น่าตื่นเต้นจริงๆ!