บทที่ 62 วิสัยทัศน์บิดเบี้ยว
บทที่ 62 วิสัยทัศน์บิดเบี้ยว
เป้าหมายหลักของหลิงม่อสองสามวันหลังจากนั้นก็คือตรวจสอบรอบๆ มหาวิทยาลัยเมือง X เข้าออกในแถบที่เจริญสุดๆ นี้ไม่หยุดหย่อน
นอกจากตรวจสอบสภาพแวดล้อมรอบๆ แล้ว เขาก็ถือโอกาสสะสมข้าวของไปด้วย โดยเฉพาะพวกยาที่เรียกได้ว่าค่อนข้างขาดแคลน รวมทั้งของกินที่ให้พลังงานสูงจำนวนหนึ่ง
ส่วนเย่เลี่ยนและซย่าน่าหลังจากที่เลื่อนระดับกันทั้งคู่แล้ว พลังการต่อสู้ของพวกเธอก็ทำให้กระบวนการล่าซอมบี้กลายพันธุ์เป็นไปอย่างสบายๆ มากขึ้น
แต่ในสถานการณ์ส่วนใหญ่ หลิงม่อไม่ได้ให้พวกเธอลงมือ ทว่าจะฉวยโอกาสอันมีค่านี้ฝึกฝนพลังควบคุมหุ่นของตัวเอง
แต่ถึงอย่างไรก็เพิ่งจะเริ่มใช้พลัง หลิงม่อจึงยังใช้หนวดสัมผัสได้ไม่คล่องแคล่วและชำนาญพอ...
“ปัง!”
ซอมบี้กลายพันธุ์ตัวหนึ่งกระโจนออกมาจากหลังเคาน์เตอร์ หลิงม่อเลยต้องกลิ้งตัวบนพื้น ใช้ชั้นวางสินค้าด้านหลังเป็นที่กำบังชั่วคราว
หนวดสัมผัสของเขาเพิ่งจะถูกต้านไว้ จึงเกิดผลเพียงเล็กน้อย ทำให้ซอมบี้กลายพันธุ์ร่างสูงใหญ่ตัวนี้หยุดนิ่งไปแป๊บเดียวเท่านั้น
หลิงม่อรู้สึกหงุดหงิดใจใช้ที่กำบังรับมือกับซอมบี้แรงเยอะตัวนี้ไปพลางคิดว่าหาวิธีใช้หนวดสัมผัสที่เหมาะสม
เมื่อได้ยินเสียงชั้นวางสินค้าถูกเตะล้มอย่างต่อเนื่อง เหมือนร้านจะถูกซอมบี้ตัวนี้รื้อทั้งร้านแล้ว หลิงม่อก็ฝืนหันกลับไป ระหว่างที่พุ่งเข้าไปทางซอมบี้ตัวนี้ หนวดสัมผัสไร้รูปก็ตวัดม้วนไปด้วย
ความจริงแล้วเผชิญหน้ากับซอมบี้กลายพันธุ์ประเภทนี้ พลังควบคุมของหลิงม่อใช้งานได้ไม่มาก โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายตรงข้ามมีพลังจู่โจมที่แข็งแกร่งมากอย่างในตอนนี้
ถ้าหากการควบคุมล้มเหลวเหมือนเมื่อครู่ ด้วยระยะที่ใกล้ขนาดนี้ หลิงม่อก็คงถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ตรงนี้
ขนาดซย่าน่าที่คอยดูอยู่ไม่ไกลยังทำหน้าลังเล ไม่รู้ว่าควรจะออกมาช่วยดีหรือไม่ ส่วนเย่เลี่ยนนั้นมีปฏิกิริยาที่ตรงไปตรงมายิ่งกว่า ดวงตาทั้งคู่ของเธอกลายเป็นสีแดงเลือด ตั้งท่างอเข่าเล็กน้อยเหมือนพร้อมพุ่งออกมาได้ทุกเมื่อ ถ้าหากหลิงม่อไม่แบ่งสมาธิไปปลอบเธอ เกรงว่าเธอคงทนไม่ไหวและพุ่งออกมาแล้ว
ตั้งแต่ที่เย่เลี่ยนได้เลื่อนระดับอีกครั้ง และได้มีจิตสำนึกในตัวเองในที่สุด การโจมตีของเธอก็ร้ายกาจกว่าแต่ก่อนมากกว่าสิบเท่า แม้พลังควบคุมหุ่นของหลิงม่อจะไม่ได้อ่อนด้อยลง แต่เดิมเขาก็ใช้พลังควบคุมน้อยมาก และส่วนใหญ่จะใช้การปลอบชี้นำเป็นหลัก
สิบเมตร ห้าเมตร สามเมตร!
หนวดสัมผัสพันรอบดวงแสงแห่งจิตของซอมบี้กลายพันธุ์ตัวนี้เรียบร้อยแล้ว ทำให้มันสับสนไปชั่วขณะทันที แต่มันก็หลุดจากพันธนาการทางจิตได้อย่างรวดเร็ว เล็บแหลมคมที่เปรอะเปื้อนสิ่งของต้องสงสัยมากมายหลายอย่างพุ่งมาทางหลิงม่อ
แต่ในตอนนี้เองก็เกิดสถานการณ์ประหลาดขึ้น ทั้งๆ ที่เป้าหมายในการจู่โจมของมันคือหลิงม่อ แต่สองมือของมันกลับตกลงในที่ที่ห่างจากหลิงม่อเมตรกว่า ดูเหมือนตอนที่มันโจมตีอยู่ๆ ก็เกิดข้อเท้าพลิกขึ้นมายังไงยังงั้น ไม่แค่ร่างกายที่เฉออกข้าง แต่การโจมตีก็ล้มเหลวไปด้วย
วิสัยทัศน์บิดเบี้ยว! แม้หนวดสัมผัสของหลิงม่อจะไม่ได้ควบคุมซอมบี้ตัวนี้ทันที แต่ก็มีผลกระทบต่อการกระทำของฝ่ายตรงข้ามได้ในระยะเวลาสั้นๆ จากนั้นก็มีผลต่อการตัดสินใจของมัน!
เมื่อเห็นว่าซอมบี้กลายพันธุ์โจมตีไปอีกข้าง รอยยิ้มก็ฉาบฉายขึ้นมาในดวงตาของหลิงม่อทันที พริบตาที่ซอมบี้กลายพันธุ์พุ่งสวนไป มีดสั้นในมือเขาก็แทงเข้าไปใต้ซี่โครงของมันแล้วบิดแรงๆ
เลือดสดๆ พุ่งออกมา ซอมบี้ตัวนี้เดินเซไปได้สองสามก้าวก็ล้มตึงลงบนพื้น
ความกระหายที่จะเข้าจู่โจมของเย่เลี่ยนจึงได้สงบลงในตอนนี้ ส่วนซย่าน่าก็กลับมามีสีหน้าอย่างตอนปกติ เดินเข้ามาและควักก้อนไวรัสเหนียวหนืดในศีรษะด้านหลังของซอมบี้กลายพันธุ์ตัวนั้นอย่างรวดเร็วและแม่นยำมาก
“ฮู่ว์...ทำเอาตกใจหมด พลังจิตนี่ใช้งานได้กว้างมาก ผลก็ร้ายกาจมาก แต่ถ้าจะใช้ให้คล่องก็ไม่ใช่เรื่องง่าย”
ตอนนี้หลิงม่อจึงได้รู้สึกแข้งขาอ่อน ถ้าหากไม่หันไปพิงเย่เลี่ยนได้ทันท่วงที ก็คงล้มไปทางซากศพซอมบี้ตัวนั้นอย่างน่าอาย
หน้าผากเขามีเหงื่อซึมเต็มไปหมด หัวก็ปวดบวมเป็นพักๆ แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความเปรมปรีดิ์
ซอมบี้กลายพันธุ์ตัวนี้เป็นตัวที่เขาใช้พลังควบคุมหุ่นสังหารได้คล่องที่สุดในหลายวันมานี้ ตอนนี้แม้จะไม่ถือว่าคล่องมาก แต่พลังที่แท้จริงของพลังควบคุมหุ่นก็ค่อยๆ ปรากฎให้เห็นแล้ว
หลิงม่อรับก้อนไวรัสเหนียวหนืดที่ซย่าน่าส่งมาให้พลางบอก“ไม่ได้การละ วันนี้พอแค่นี้ กลับกันเถอะ”
การฝึกพลังจิตก็เหมือนกับร่างกาย ถ้าหากใช้มากไปก็จะเจ็บตัวได้
ยิ่งเขายังจำเป็นต้องรักษาสายสัมพันธ์ทางจิตกับเย่เลี่ยนและซย่าน่าไว้ ดังนั้นจะหักโหมเกินไปไม่ได้
ซย่าน่ามองเขาอย่างแปลกใจนานขึ้น จากนั้นก็พยักหน้า แล้วเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ “วิธีการโจมตีของนายแปลกมาก”
“แปลกเหรอ?” หลิงม่อถามกลับด้วยความฉงน แล้วจึงได้สติ พลังหนวดสัมผัสทางจิตของเขา มีเพียงเขาเท่านั้นที่มองเห็น ในสายตาของซย่าน่า เขาคงจะดูเหมือนวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนตลอด เมื่อถูกบีบให้เผชิญหน้ากับศัตรู สุดท้ายจึงฉวยโอกาสตอนที่ซอมบี้กลายพันธุ์โชคร้ายข้อเท้าพลิก ถึงได้โชคดีได้กุมชัยชนะมาล่ะมั้ง
ตอนนี้เขายังใช้พลังหนวดสัมผัสทางจิตได้ไม่ชำนาญพอ กระบวนการต่อสู้ก็ต้องทุลักทุเลอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่หลิงม่อรู้สึกว่าตัวเองจับกุญแจสำคัญได้แล้ว ครั้งหน้าตอนที่ใช้พลังจะไม่เป็นแบบตอนนี้แล้ว
และยังต้องฝึกให้เยอะๆ ด้วย...
สองสามวันนี้ ในเมือง X มีฝนตกกะปริดกะปรอย ดูท่าฤดูใบไม้ร่วงคงมาเยือนแล้ว
หลังจากที่อากาศค่อยๆ เย็นลง สำหรับมนุษย์แล้วบททดสอบอันโหดร้ายกำลังจะมาถึง ซอมบี้ไม่กลัวหนาว แต่มนุษย์นั้นไม่เหมือนกัน
สองสามวันนี้น้ำฝนชะล้างกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงบนถนนให้อ่อนจางลงไปมาก แต่กลิ่นคาวเลือดในอากาศที่ขจัดให้หายไปไม่ได้กลับยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้น
ตอนที่ผ่านร้านเสื้อผ้าข้างทาง หลิงม่อก็หาเสื้อกันหนาวที่ค่อนข้างหนาได้สองสามตัว ให้เย่เลี่ยนและซย่าน่าใส่ ส่วนตัวเขาก็ใส่เสื้อกันลมสีดำ
แต่ด้วยความต้องการและการชี้นำอย่างชั่วร้ายของหลิงม่อ ใต้เสื้อกันหนาวของเย่เลี่ยนและซย่าน่านั้นคือเสื้อผ้าที่เซ็กซี่สุดๆ
หลังจากที่สวมเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว ซย่าน่าก็ดูจะสนใจในส่วนที่เป็นแบบฉลุลายพวกนั้นมาก พอเห็นปฏิกิริยาของเธอเหนือความคาดหมายของตัวเอง หลิงม่อก็อดคิดไม่ได้ว่า ถ้าหากให้เธอใส่ชั้นในฉลุลายก็น่าจะเข้ากับเธอมากๆ เหมือนกันนะ...
สองสามวันนี้กิจกรรมในละแวกนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าหากไม่ใช่เพราะมีพละกำลังทางกายที่เหนือกว่าคนทั่วไป ก็คงยากที่จะกลับมาที่ไซต์งานก่อสร้างก่อนฟ้าจะมืด
แต่ห่างไปจากตึกที่พักอีกร้อยเมตร หลิงม่อก็ชะงักหยุดกะทันหัน สีหน้าเปลี่ยนเป็นไม่สบอารมณ์สุดๆ!
ซอมบี้สองสามตัวที่เขาตั้งใจทิ้งไว้ให้อยู่ที่ไซต์งานหายไปแล้ว!
ลางสังหรณ์ไม่ดีแวบเข้ามาในหัว อาศัยฝนตกหนักเป็นเกราะกำบัง หลิงม่อพาเย่เลี่ยนและซย่านั้นวิ่งไปทางตึกที่พักทันที
ระหว่างทางเขาพบซากซอมบี้สดใหม่ที่ถูกทิ้งไว้ข้างรถ เพราะว่าช่วงนี้ฝนตกตลอด ก็เลยไม่ได้ดึงดูดซอมบี้ตัวอื่นมา
ซอมบี้ตัวนี้ตายที่นี่ อธิบายได้ว่าไม่เพียงมีคนผ่านมาที่นี่ แต่ยังเข้าไปฆ่าซอมบี้ตัวนี้ในโรงจอดรถด้วย
หลิงม่อขมวดคิ้วทันที เขาดึงมีดสั้นจากเอวออกมาแล้วย่อตัวลงใช้ปลายมีดเขี่ยเปิดเสื้อผ้าบนร่างของซอมบี้ที่แนบติดตัวเพราะน้ำเลือดและน้ำฝน
แผลเละตุ้มเป๊ะลากยาวจากหน้าอกถึงท้อง ผิวเนื้อซีดขาวแหวะออกมาข้างนอกด้วยการชะล้างของน้ำฝน เห็นรอยแผลน่าสยดสยองลึกประมาณครึ่งเล็บ
รอยแผลแบบนี้น่าจะไม่ได้เกิดจากมีดธรรมดา จากความเห็นของหลิงม่อ สิ่งที่คนๆ นี้ใช้น่าจะเป็นอาวุธบางอย่างที่มีน้ำหนัก
คนที่สามารถเหวี่ยงอาวุธหนักๆ แบบนี้ได้ ดูท่าจะต้องมีพละกำลังในระดับหนึ่ง...
หลังจากที่ลุกขึ้นมาแล้ว สายตาของหลิงม่อก็เลื่อนไปอยู่ที่ตึกที่พักซึ่งห่างออกไปไม่ไกล