บทที่ 61 ความทรงจำฟื้นคืน
บทที่ 61 ความทรงจำฟื้นคืน
“แล้วความทรงจำก่อนหน้านี้ของเธอฟื้นคืนมาหมดเลยเหรอ?”
หลิงม่อรีบฉวยโอกาสเปลี่ยนเรื่องถาม
“ไม่ แค่รู้สึกมีอะไรในสมองเพิ่มขึ้นมาก”ความสับสนปรากฎในดวงตาของซย่าน่า “เยอะมาก แต่เหมือนจะเลือนราง”
มิน่าล่ะ แม้ความทรงจำเหล่านี้น่าจะปรากฎขึ้นในสามวันนี้ แต่ก็เป็นไปไม่ได้ปริมาณข้อมูลขนาดใหญ่เกินไปที่จะย่อยเร็วขนาดนี้
เกรงว่าซย่าน่าในตอนนี้จะสับสนยิ่งกว่าแต่ก่อนเล็กน้อย ทุกครั้งที่วิวัฒนาการ ความทรงจำที่ถูกปิดผนึกเพราะได้รับผลกระทบจากไวรัสก็จะเปิดเผยออกมาบางส่วน กระทั่งในยามปกติที่เธอคอยสังเกตและใช้ความคิดอยู่ตลอด ก็จะค่อยๆ ฟื้นคืนสติปัญญา แต่แม้จะมีเรื่องพวกนี้เป็นพื้นฐาน ทว่าจะให้นึกออกหลายๆ อย่างมากเกินไปในทันทีทันใด ก็ไม่อาจได้สติคืนมาง่ายขนาดนั้น
เพิ่งจะฟื้นขึ้นมา เธอก็พูดคุยคล่องแคล่วแบบนี้ก็ถือว่ามีสมาธิสูงมากแล้ว
และยิ่งเห็นสีหน้าของซย่าน่าคล้ายกับไม่ได้ใส่ใจความทรงจำพวกนี้เท่าไร นี่ก็คงเป็นเพราะสภาพจิตใจของซอมบี้ เธอจึงไม่ได้สนใจประสบการณ์ตอนที่ยังเป็นมนุษย์ของตัวเองเท่าไรนัก
กระทั่งว่าหลังจากที่ฟื้นขึ้นมาแล้ว สิ่งแรกที่จำได้ก็คือเรื่องน่าอายหลังจากที่ตัวเองกลายเป็นซอมบี้ ที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับหลิงม่อ
หลิงม่อรู้สึกได้รางๆ ว่าบางทีซย่าน่าจะอาจจงใจหลีกหนีความทรงจำเหล่านั้น...
เมื่อเห็นหลิงม่อมองเขาด้วยสีหน้าแปลกๆ ซย่าน่าก็ส่ายหน้าบอก “ฉันคิดว่า...ตอนนี้แบบนี้ดีแล้ว นายไม่ต้องมองฉันแบบนั้น
ดูท่าซย่าน่าจะฟื้นความทรงจำได้มากมาย ถึงขั้นรู้จักสังเกตสีหน้าและน้ำเสียงด้วย...
หลิงม่อหัวเราะแห้งๆ ความจริงเขาก็ไม่แน่ใจนักว่าตอนนี้ตัวเองรู้สึกยังไง ตอนแรกเขาอยากให้เย่เลี่ยนและซย่าน่าได้กลับมามีสติปัญญาโดยสมบูรณ์ แม้ร่างกายจะยังเป็นซอมบี้ แต่ทางที่ดีก็ให้มีสติปัญญาเหมือนอย่างคน ถึงยังไงใต้จิตสำนึก เขาก็คิดมาตลอดว่า แม้ตอนนี้เย่เลี่ยนและซย่าจะเป็นซอมบี้ แต่จะต้องมีสักวันที่สติปัญญาของพวกเธอฟื้นคืนมาเป็นแบบมนุษย์
โดยเฉพาะเย่เลี่ยน ตั้งแต่ตอนที่หาเธอพบ เธอก็กลายเป็นซอมบี้ไปแล้ว และส่วนที่ว่าเธอจะสามารถกลับมาเป็นมนุษย์ได้หรือไม่นั้น ก็คือความหวังสูงสุดของหลิงม่อ
ถึงยังไงความรู้สึกส่วนใหญ่ระหว่างเขากับซย่าน่านั้นเกิดขึ้นหลังจากที่เธอกลายเป็นซอมบี้แล้ว แต่กับเย่เลี่ยน มันเกิดขึ้นตอนที่เธอยังเป็นมนุษย์
แต่ตอนนี้ดูท่าว่าความคิดนี้คงเป็นจริงไม่ได้ เพราะพอกลายเป็นซอมบี้แล้ว นิสัยก็จะเปลี่ยนไปหมดทุกอย่าง นอกจากยังมีรูปลักษณ์อย่างมนุษย์ แต่เรื่องอื่นๆ นั้นไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับมนุษย์เลย
ซอมบี้เห็นมนุษย์เป็นเหยื่อ แล้วจะหวังให้ความรู้สึกของพวกเขาเป็นเหมือนเหยื่อได้ยังไง?
สำหรับเย่เลี่ยนและซย่าน่า คนๆ เดียวที่พวกเธอมองในแบบที่ต่างออกไปก็มีเพียงหลิงม่อเท่านั้น
เรื่องนี้ด้านหนึ่งนั้นเป็นเพราะหลิงม่อมีสายสัมพันธ์ทางจิตที่แน่นแฟ้นกับพวกเธอ อีกด้านหนึ่งเกรงว่าคงเป็นเพราะพลังจิตของหลิงม่อนั้นเป็นแบบเดียวกับพวกเธอ...
แบบนี้นับว่าเป็นพวกเดียวกันครึ่งหนึ่งหรือเปล่า?
“เหมือนนายจะไม่ดีใจเท่าไร” ซย่าน่าจ้องตาหลิงม่อเขม็ง อยู่ๆ เธอก็ก้าวมาข้างหน้า กลีบปากเย็นเฉียบแตะลงบนกลีบปากหลิงม่อเบาๆ “แบบนี้ดีใจไหม? เหมือนนายจะชอบแบบนี้”
จูบของซย่าน่าทำให้หลิงม่อตัวแข็งทื่อไปทันที แต่เขาก็ได้สติคืนมาจากจิตใจที่สับสนอย่างรวดเร็ว
ซย่าน่าและเย่เลี่ยนน่าจะไม่สามารถกลับมาเป็นมนุษย์ปกติได้ตลอดกาลจริงๆ แต่แล้วจะยังไงล่ะ?
หลิงม่อทนไม่ได้ถึงขั้นที่ต้องแอบด่าตัวเองในใจ ก่อนหน้านี้ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ถ้าหากเย่เลี่ยนและซย่าน่าฟื้นคืนความคิดอย่างมนุษย์ปกติได้แล้ว พวกเธอจะมองตัวเองที่ร่างกายเป็นซอมบี้ยังไง?
สำหรับพวกเธอแล้ว ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดก็เหมือนกับสิ่งที่ซย่าน่าคิดใช่ไหม...
แม้ความทรงจำระหว่างเขากับเย่เลี่ยนจะมีมากมาย แต่ความทรงจำที่เกิดขึ้นร่วมกันหลังจากที่เธอกลายเป็นซอมบี้แล้ว มันจะไม่คุ้มค่าที่จะถนอมเอาไว้เหรอ?
ร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่ อยู่เคียงข้างกันไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ความรู้สึกนี้ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าความรู้สึกก่อนวันโลกาวินาศ!
คิดมาถึงตรงนี้ หลิงม่อก็หัวเราะลั่น โอบซย่าน่าเข้ามาแล้วเอ่ยถามทันที “ถ้างั้นเธอบอกฉันสิว่า เธอชอบให้ฉันลวนลามไหม?”
นี่เป็นคำถามสำคัญในช่วงชีวิตที่น่าจะมีผู้ชายไม่กี่คนที่จะถามสาวไปตรงๆ แบบนี้จริงๆ และยิ่งไม่ใช่คำถามที่จะถามกับสาวน้อยซอมบี้ด้วย
คนที่มีโอกาสแบบนี้และกล้าถามคำถามนี้ออกไป คงจะมีแค่หลิงม่อคนเดียว
ความจริงหลิงม่อเองก็พูดไปโดยไม่คิด...แต่หลังจากถามไปแล้ว เขาก็มองซย่าน่าอย่างคาดหวังสุดๆ
“บีบหน้าอก...เจ็บ ไม่ชอบ” แม้จะเป็นซอมบี้ แต่ซย่าน่าห็แสดงให้เห็นว่าตัวเองแค่ขาดความสามารถในการตัดสิน แต่อย่างน้อยๆ นั้นก็ยังแยกแยะความเจ็บกับไม่เจ็บออก
หลิงม่อกังวลขึ้นมาทันที
บีบหน้าอกทำให้เจ็บแน่ แต่ทำเรื่องอย่างว่าครั้งแรกจะเจ็บยิ่งกว่า ถึงตอนนั้นซย่าน่าจะปฏิเสธไหม? ถ้าเผื่อว่าเธอเกิดคลั่งกลับคืนสู่สภาพซอมบี้เพราะความเจ็บ แล้วเขายังจะป้าบๆ เธออยู่ไหม?
จะว่าไปทุกครั้งที่ซย่าน่ารู้สึกเจ็บ ก็เหมือนจะมีอาการคลั่งแล้วเปลี่ยนมาอยู่ในสภาวะของซอมบี้...
แต่พอเห็นซย่าน่าขมวดคิ้ว เหมือนจะถูกความทรงจำที่ทะลักออกมาอย่างไม่ขาดสายทำให้ปวดหัวนิดๆ หลิงม่อก็ไม่อยากจะคุยเรื่องนี้กับเธอแล้ว
ถึงยังไงเขาก็มีทั้งเวลาและโอกาสแหละน่า!
“ไม่ต้องคิดแล้ว พักสักหน่อยเถอะ” หลิงม่อบอกอย่างปวดใจนิดๆ
หลังจากที่ซย่าน่าฟื้นได้สองสามชั่วโมง เย่เลี่ยนก็กลับสู่สภาพเดิม ตอนที่เธอหันขวับมามองเขา หลิงม่อก็รู้สึกใจเต้นขึ้นมาทันที
ถึงยังไงวิวัฒนาการของซย่าน่าและเย่เลี่ยนก็ไม่เหมือนกัน ซย่าน่าไม่ได้สูญเสียสติปัญญาไปทั้งหมดตั้งแต่แรก และหลังจากนั้นในช่วงที่วิวัฒนาการ ทิศทางที่เธอเลื่อนระดับหลักๆ นั้นก็คือทางจิต
ส่วนเย่เลี่ยนนั้นต่างออกไป เธอเป็นซอมบี้ตั้งแต่หัวจรดเท้า กระบวนการวิวัฒน์ของเธอเหมือนกันซอมบี้ทั่วไป ความจริงหลังจากที่เห็นซอมบี้ระดับสูงตัวนั้น หลิงม่อก็ได้เตรียมใจไว้แล้ว
เมื่อเทียบกับซย่าน่า วิวัฒนาการของเย่เลี่ยนจะเอนเอียงไปทางกายเนื้อมากกว่า ส่วนด้านสติปัญญาก็น่าจะเหมือนซอมบี้ระดับสูงตัวนั้น เป็นสัตว์ป่าที่ไร้สมอง มีสติปัญญาแค่ในระดับหนึ่ง
แต่ถ้าจะให้เธอมีความรู้สึกแบบมนุษย์ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้นั้นก็คงยาก
ตอนนี้เย่เลี่ยนเลื่อนระดับเรียบร้อยแล้ว หลิงม่อรู้สึกว่าเธอต่างจากก่อนหน้านี้มาก
ดวงตาทั้งคู่ของเธอค่อยๆ กลับมามีสีเหมือนตอนปกติ แต่กลิ่นอายน่าสะพรึงที่แผ่ซ่านออกมาจากร่างนั้นทำให้รู้สึกเหมือนเผชิญหน้ากับสัตว์ป่า เทียบกับซอมบี้ระดับสูงตัวนั้นแล้วก็ไม่ต่างกันเท่าไรนัก
หลังจากที่กินก้อนไวรัสเหนียวหนืดไปเกือบสองในสาม การเลื่อนระดับที่เย่เลี่ยนได้รับนั้นน่ากลัวมาก หลิงม่อรู้สึกได้รางๆ ว่า เธอน่าจะไปแตะขอบของซอมบี้ระดับสูงแล้ว ขอแค่ได้เลื่อนระดับอีกครั้งเธอก็จะกลายเป็นซอมบี้ระดับสูง
แต่หลังจากที่ควบคุมให้เย่เลี่ยนขยับตัว หลิงม่อก็พบว่าเธอไม่เหมือนกับซอมบี้ระดับสูงตัวนั้น
แม้พี่สาวซอมบี้ตัวนั้นจะเคลื่อนไหวรวดเร็วมาก แต่เห็นชัดว่าด้านพละกำลังนั้นเหนือกว่า
ทว่าเย่เลี่ยนมีพละกำลังไม่มากพอ แต่ในด้านความเร็วนั้นพัฒนาอย่างยอดเยี่ยม ความเร็วของเธอเพิ่มขึ้นในระยะเวลาสั้นๆ สามารถเป็นคู่แข่งของเสือชีตาห์ได้สบายๆ
ดูท่าว่าซอมบี้ที่ต่างกัน ทิศทางในการวิวัฒนาการก็จะต่างกันไปด้วย
อีกด้านหนึ่ง ในที่สุดยอดอ่อนแห่งสติรู้ของเย่เลี่ยนก็เติบโตกลายเป็นการรับรู้อย่างแท้จริง หลิงม่อยังรู้สึกได้กระทั่งว่า โลกทางจิตของเธอมีการเปลี่ยนแปลงที่รุนแรงกว่าเดิม
ตอนที่เธอมองมาทางหลิงม่อ ความดุร้ายและความเฉยชาในดวงตานั้นสลายไปและเหลือเพียงความว่างเปล่าทันที แต่แค่ในพริบตานั้น หลิงม่อก็สัมผัสได้อย่างลึกซึ้งว่า เด็กสาวที่เคยเปราะบางน่ารักคนนั้นได้กลายเป็นซอมบี้ที่แข็งแกร่งไปแล้ว