ตอนที่แล้วบทที่ 57 สวัสดีครับ พี่สาวซอมบี้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 60 เป็นซอมบี้หนึ่งวัน คือซอมบี้ตลอดไป

บทที่ 59 อนาคตคือปีศาจหนวดปลาหมึกจริงๆ ด้วย


 

บทที่ 59 อนาคตคือปีศาจหนวดปลาหมึกจริงๆ ด้วย

 

ตอนที่หลิงม่อได้สติ เขาก็ทำหน้าตาชอบกล

 

หลังจากที่มองก้อนไวรัสด้วยความตกตะลึงอยู่พักหนึ่ง มุมปากของเขาก็ขยับเล็กน้อย เขาค่อยๆ ยื่นจมูกตัวเองเข้าไปใกล้แล้วสูดหายใจเข้าลึก

 

ถลึงตารอคอยอยู่สองวินาที สีหน้าของหลิงม่อก็กลายเป็นประหลาดนิดๆ “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่ามันหอมล่ะ?”

 

นี่เป็นปัญหาที่จริงจังมากและก็เป็นปัญหาที่เครียดมากด้วย!

 

ในฐานะที่เป็นมนุษย์ปกติ หลิงม่อประหลาดใจมากว่าทำไมเขาถึงรู้สึกว่าก้อนไวรัสที่ควักออกมาจากหัวซอมบี้ถึงได้หอม?!

 

ก่อนหน้านี้พอดมกลิ่นก้อนไวรัส ท้องของหลิงม่อก็ปั่นป่วน กระทั่งยังบอกได้โดยไม่เกินจริงเลยสักนิดว่า หากสูดเข้าไปเบาๆ สองทีก็อาจจะมึนหมดสติได้

 

มีเพียงสองสาวซอมบี้เย่เลี่ยนและซย่าน่าเท่านั้นที่จะรู้สึกว่าก้อนไวรัสนั้นหอมสุดๆ

 

หลิงม่อขบคิดไม่ต่ำกว่าหนึ่งครั้งว่า ถ้าหากกลิ่นนี้จางลงหน่อยก็คงจะดี...แต่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า จะมีวันที่ตัวเองรู้สึกว่าสิ่งนี้มีกลิ่นหอม!

 

นี่มันอาหารเลิศรสของซอมบี้นะ!

 

หลิงม่อจ้องก้อนไวรัสตาค้างอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็เอามันยัดใส่กระเป๋าเสื้อทันที สายตาก็แปรเปลี่ยนเป็นสับสนหนัก

 

ไม่สิ นี่คือความเข้าใจผิด ฉันไม่ได้กลายเป็นซอมบี้นะ!

 

คงไม่ใช่เพราะอยู่กับสาวๆ ซอมบี้ทุกวัน แล้วประสาทการรับรู้กลิ่นของตัวเองจะเกิดการเปลี่ยนแปลงหรอกมั้ง?

 

แม้เย่เลี่ยนและซย่าน่าต่างก็เป็นซอมบี้กลายพันธุ์ แต่ร่างกายของพวกเธอก็ไม่มีกลิ่นคาวเลือดใดๆ หลิงม่อยังแน่ใจกระทั่งว่า พวกเธอสะอาดกว่าผู้รอดชีวิตส่วนใหญ่มากๆ ด้วย ขอแค่เมื่อไรที่หาแหล่งน้ำได้มากเพียงพอ เขาก็จะอาบน้ำให้สองสาวซอมบี้ แน่ล่ะว่า นี่ไม่ใช่เพื่อชื่นชมเรือนร่างอันน่าทึ่งของพวกเธอ...

 

หากเขาอาจจะได้รับอิทธิพลจากเย่เลี่ยนและซย่าน่า ก็มีแต่จะมาจากสายสัมพันธ์ทางจิตของทั้งสองคน

 

ยิ่งคิดแบบนี้ในหัวหลิงม่อก็เกิดคำถามมากขึ้นอีก

 

เวลาที่หุ่นซอมบี้ต่อสู้หรือเวลาที่เลื่อนระดับ ตัวเขาจะรู้สึกถึงความบ้าระห่ำ เหมือนกับว่าตัวเองได้กลายเป็นซอมบี้ด้วยเหมือนกัน แต่นี่ก็ยังอยู่ในขอบเขตการควบคุมของเขา แค่ควบคุมตัวเองหน่อยก็ไม่มีปัญหาอะไร

 

ที่หลุดการควบคุมนั้นมีเพียงครั้งเดียว มันเกิดขึ้นครั้งก่อนในโรงน้ำชาในพลาซ่าที่ให้เย่เลี่ยนกลืนก้อนเหนียวหนืดบริสุทธิ์เพื่อวิวัฒนาการ

 

แต่หลิงม่อไม่ได้ให้ความสำคัญกับมันนัก และคิดว่าระดับความมุ่งมั่นของตัวเองยังไม่แข็งแกร่งพอ ก็เลยได้รับผลกระทบที่รุนแรงแบบนี้

 

ทว่าตอนนี้พอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนการตอบสนองต่อกลิ่นบาดจมูกของก้อนไวรัสของเขาก็เปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนนั้น

 

ทว่าตอนนั้นเขาจมอยู่ในความวิตกกังวลว่าอาจจะพลอยกลายพันธุ์ไปกับเขาด้วย ก็เลยไม่ได้สังเกตเห็นรายละเอียดนี้

 

ถ้าจะบอกว่าเป็นคำถามที่อธิบายไม่ได้ แล้วที่ตัวเองเลื่อนระดับพลังจิตอย่างต่อเนื่องด้วยสายสัมพันธ์ทางจิตมันคืออะไรล่ะ?

 

แม้ภายนอกจะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใด สติปัญญาก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไรสักนิด แต่ในด้านจิตใจและประสาทสัมผัสทั้งห้า ก็เหมือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ อย่างต่อเนื่อง

 

พลังควบคุมหุ่นซอมบี้นี้จะทำให้ตัวเองค่อยๆ กลายเป็น ‘ซอมบี้’ ในคราบมนุษย์หรือเปล่า? หลิงม่อหัวใจเต้นแรง

 

“ไม่ ไม่ควรเป็นแบบนี้...” หลิงม่อขมวดคิ้วพลางครุ่นคิด เขาคล้ายจะรู้สึกว่าตัวเองจับประเด็นสำคัญได้แล้ว

 

สายสัมพันธ์ทางจิตระหว่างเขากับซอมบี้ นำพาการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดมาให้หลิงม่อก็คือการเลื่อนระดับของพลังจิต ส่วนการพัฒนากายเนื้อนั้นคือเรื่องรองลงไป

 

สำหรับหลิงม่อแล้ว พลังจิตคือการเอาพลังสมาธิ พลังรับรู้และความมุ่งมั่นมาเรียกรวมกัน

 

ถ้าหากถือเอาความบ้าระห่ำเป็นผลกระทบจากความมุ่งมั่น ถ้าอย่างนั้นความแข็งแกร่งในการควบคุมหุ่นซอมบบี้ก็น่าจะกำเนิดจากพลังสมาธิ แต่การเปลี่ยนแปลงทางประสาทรับรู้กลิ่นล่ะ? หรือมันจะเกี่ยวข้องกับพลังรับรู้?

 

ระหว่างที่สับสนอยู่นั้น หลิงม่อก็ล้วงก้อนไวรัสออกมาวางไว้ตรงหน้าแล้วสำรวจอย่างละเอียด

 

ตอนนี้อยู่ๆ ในใจของหลิงม่อแวบความคิดหนึ่งขึ้นมาว่า เขาจะลองใช้พลังจิตมาสำรวจก้อนเหนียวหนืดนี้ได้หรือไม่? เหมือนกับที่สำรวจดวงแสงแห่งจิตของซอมบี้?

 

เมื่อเกิดความคิดนี้แล้ว หลิงม่อก็เริ่มใช้พลังจิต

 

แต่ระหว่างนั้นทุกๆ วินาที ในสายตาของเขาก้อนไวรัสก็ยังคงเป็นก้อนไวรัสธรรมดาทั่วไป

 

และในเวลานี้หลิงม่อก็ได้รู้สึกแล้วว่า หนวดสัมผัสของตัวเองคล้ายจะถูกย้อมด้วยสีแดงเลือดหนึ่งชั้น

 

หรือเพราะสาเหตุนี้ เขาเลยไม่ได้รู้สึกสะอิดสะเอียนก้อนไวรัสแล้ว?

 

ถึงอย่างไรพลังจิตของเขาก็เพิ่มขึ้นตามพลังควบคุมหุ่น ในการใช้สายสัมพันธ์ทางจิตอย่างต่อเนื่องกับซอมบี้ พลังจิตของเขาก็ถูก ‘ย้อม’ เป็นเหมือนซอมบี้กลายพันธุ์อย่างเย่เลี่ยน เพราะดวงแสงแห่งจิตของพวกเธอก็เป็นสีแดงเลือดไม่ใช่เหรอ?

 

คิดแบบนี้แล้ว ความบ้าระห่ำที่เขาเข้าใจและการเปลี่ยนแปลงเวลาที่เผชิญหน้ากับก้อนไวรัส ก็เหมือนจะเกี่ยวข้องกับการที่พลังจิตถูก ‘ย้อม’

 

จริงอย่างที่คาด แม้หลิงม่อจะยังคงเป็นมนุษย์ แต่พลังจิตของเขาก็ได้รับผลกระทบจากซอมบี้

 

แต่ขอเพียงสติปัญญายังอยู่ ผลกระทบเล็กๆ นี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเมื่อเทียบกับพลังจิต

 

ถ้าหากไม่ลงทุนแล้วจะได้ผลตอบแทนได้ยังไง? หลิงม่อคิดตกในเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว

 

เขายังคิดลึกขึ้นไปอีกหนึ่งขั้นด้วย นั่นก็คือเขาจะสามารถใช้สัมผัสทางสายตา และสัมผัสทางการได้ยินอะไรพวกนี้ร่วมกับซอมบี้ได้ บางทีอาจเป็นเพราะความจริงแล้วพลังจิตของเขาและดวงแสงแห่งจิตของซอมบี้จัดอยู่ในประเภทเดียวกัน

 

แต่ก่อนหน้านี้พลังจิตของเขายังอ่อนด้อยก็เลยไม่ได้แสดงพลังออกมา หรือไม่ก็มีหนวดสัมผัสแล้วตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว แต่เขาไม่ได้สังเกตเห็น

 

แต่แม้เขาจะค้นพบเรื่องนี้ ทว่าการควบคุมก้อนไวรัสก็ยังไม่ได้มีการพัฒนาอะไร

 

ตอนที่หลิงม่อค่อยๆ สูญเสียความมั่นใจ และเริ่มด่าตัวเองว่าเหมือนพวกต้มตุ๋นหลอกลวง ในหัวเขาก็มีความรู้สึกเจ็บจี๊ดราวกับถูกเข็มจิ้มส่งผ่านมา จากนั้นในดวงตาเขา ไวรัสก้อนนี้ก็พลันเกิดการเปลี่ยนแปลง!

 

หลิงม่อเบิกตากว้างทันที!

 

หนวดสัมผัสยื่นออกไปหนึ่งเส้น ห่อหุ้มก้อนไวรัสไว้ จากนั้นหลิงม่อก็รู้สึกประหลาด

 

ก้อนไวรัสก้อนนี้มีชีวิต!

 

ความเข้าใจนี้ทำให้หลิงม่อผวาจนเกือบจะขว้างมันทิ้ง

 

ก้อนเหนียวหนืด...ไม่สิ พูดให้ถูกคือ ไวรัสข้างในนี้ยังมีชีวิตอยู่...

 

เจ้าของร่างตายไปแล้ว แต่ไวรัสยังมีชีวิต นี่คือพลังชีวิตที่แข็งแกร่งระดับไหนกันเนี่ย! มิน่าล่ะถึงได้แพร่เชื้อได้อย่างร้ายกาจขนาดนั้น!

 

แต่หลังจากนั้นหลิงม่อก็มีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมา รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าเขา

 

จริงด้วย! พลังควบคุมหุ่นซอมบี้ไม่ได้กระจอกขนาดนั้น วิธีของตัวเองก่อนหน้านี้มันแคบเกินไป เลยไม่ได้คิดเชื่อมโยงมาถึงขั้นนี้เลย!

 

พลังควบคุมหุ่นซอมบี้ต้องอาศัยอะไรล่ะ? ก็พลังจิตไง!

 

เขาสามารถควบคุมหุ่นซอมบี้ได้ เท่ากับเอาพลังจิตมาเปลี่ยนเป็นหนวดสัมผัสทางจิต รุกเข้าไปในโลกจิตใจของพวกมัน ดังนั้นจึงควบคุมพวกมันได้

 

แต่ในเมื่อรุกรานเข้าไปในโลกของจิตใจซอมบี้ได้ แล้วจะใช้หนวดสัมผัสเข้าไปสัมผัสสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ไม่ได้เหรอ?

 

เช่นก้อนไวรัสเหนียวหนืดนี้ องค์ประกอบหลักก็คือสิ่งมีชีวิตที่มีไวรัส หนวดสัมผัสของเขาสามารถสัมผัสมันได้ กระทั่งยังบอกได้อีกขั้นหนึ่งว่า สิ่งมีชีวิตก็คือวัตถุอย่างหนึ่ง ในเมื่อเขาสามารถสัมผัสสิ่งมีชีวิตได้ ไม่แน่ว่าอาจจะสัมผัสวัตถุอื่นๆ ได้ด้วย!

 

ถ้าอย่างนั้นหลังจากสัมผัสแล้ว เขาจะสามารถควบคุมมันได้ด้วยหรือเปล่านะ?

 

ถึงอย่างไรตอนนี้ก็ไม่อาจจะรีบเดินทางต่อไปได้ เพราะจำเป็นต้องพักสักครู่หนึ่ง หลิงม่อจึงลองควบคุมไวรัสด้วยความกระตือรือร้น

 

เมื่อมีเย่เลี่ยนและซย่าน่าคอยระวังรอบๆ ให้ ก็มั่นใจได้ว่าตอนนี้จะไม่เกิดปัญหาอะไร

 

ไวรัสกับซอมบี้ไม่เหมือนกัน แม้ซอมบี้จะไม่มีสติปัญญา แต่ก็ไม่อาจเรียกได้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ทั้งหมด และแต่เดิมไวรัสก็ไม่ได้มีพลังจิตอะไร ดังนั้นหนวดสัมผัสของหลิงม่อจึงไม่พบอุปสรรคใดๆ

 

และยังเรียกได้ว่าเขาเป็นคนกรอกพลังจิตเข้าไปในก้อนไวรัสด้วยซ้ำ

 

หนวดสัมผัสเข้าไปได้อย่างราบรื่น แต่หลังจากที่เข้าไปแล้วก็กลับไม่ได้ทำให้ก้อนไวรัสก้อนนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงอะไร

 

ขยับสิ? ไม่ได้ ไวรัสขยับไม่ได้...หลิงม่อค่อนข้างผิดหวัง

 

แต่หลิงม่อก็รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลได้อย่างรวดเร็ว

 

เทียบกับขนาดของก้อนไวรัสก้อนนี้ และลักษณะเฉพาะที่มันไม่ได้มีพลังงานทางจิตอยู่เลย เห็นได้ชัดว่าหนวดสัมผัสของหลิงม่อแข็งแกร่งกว่ามาก

 

ความแข็งแกร่งที่แสดงออกมาคือตอนที่หลิงม่อดึงหนวดสัมผัสกลับมา เขารู้สึกว่าก้อนไวรัสก้อนนี้ถูกทำให้ขยับ

 

หลิงม่อไม่ได้เข้าใจผิดแน่นอน แม้ดวงตาอาจจะมองพลาดได้ แต่ตอนนี้หนวดสัมผัสของเขายังไม่ได้ดึงกลับมาจากก้อนไวรัสทั้งหมด สิ่งที่ตอบรับมาทางจิตจึงไม่มีทางผิดพลาดได้

 

แม้จะควบคุมก้อนไวรัสไม่ได้ แต่ก็ขยับมันได้ด้วยการใช้หนวดสัมผัส...

 

หลังจากที่รู้สึกตกตะลึงไปแล้วนั้น หลิงม่อก็เผยสีหน้าตื่นตระหนกระคนดีใจออกมาทันที!

 

ที่แท้หนวดสัมผัสที่เกิดจากพลังควบคุมหุ่นซอมบี้ก็เอามาใช้แบบนี้ได้ด้วย!

 

แม้จะควบคุมอีกฝ่ายไม่ได้ แต่หนวดสัมผัสก็สามารถส่งผลต่อการกระทำของอีกฝ่าย และอาจจะส่งผลต่อประสาทสัมผัสของอีกฝ่ายด้วย สามารถทำให้การตัดสินใจของอีกฝ่ายไขว้เขวได้!

 

นี่สิคือวิธีใช้พลังควบคุมหุ่นซอมบี้ที่แท้จริง! สิ่งที่เขาควบคุมได้ไม่ใช่แค่ซอมบี้ แต่เป็นพลังจิตของมันด้วย...

 

อนาคตของเขายังจะต้องพัฒนาไปทางปีศาจหนวดปลาหมึกจริงๆ น่ะเหรอ?

 

สีหน้าของหลิงม่อกลายเป็นสับสนขึ้นมาทันที...

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด