บทที่ 57 อีกหนึ่งปีหย่า
บทที่ 57 อีกหนึ่งปีหย่า
ในใจฉางฉิงเหมือนมีอัลปาก้านับหมื่นตัวเดินย่ำผ่านไป
“คุณ...คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง” เธอถามอย่างโง่ๆ
พอถามเสร็จ เธอก็รีบมองไปทางด้านหลังเขาด้วยความกังวล หวังว่าพวกกว่านอิงจะไม่โผล่มาตอนนี้นะ
“กลัวฟู่อวี้จะมาเห็นเหรอ” ซ่งฉู่อี๋คว้าจับข้อมือที่ขาวผุดผ่องของเธอ ใบหน้าซ่อนอยู่ในแสงมัวสลัวจึงดูดำมืดเป็นพิเศษ
“ไม่ใช่ค่ะ...” พอพูดจบ ฉางฉิงก็พลันนึกขึ้นมาได้ว่าทำไมตัวเองต้องกลัวด้วย เธอไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย จึงเบิกตาโตและกลับคำพูดเสียใหม่ว่า “เห็นแล้วยังไง ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรผิดนี่นา”
“ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อกี้ใครพูดว่าตอนนี้มีฟู่อวี้ช่วยหนุนหลัง ถ้าไปล่วงเกินเข้า อาจต้องออกจากสถานีไปโดยไม่รู้ตัว” ซ่งฉู่อี๋เห็นเธอจู่ๆ ก็หน้าแดงขึ้นมา ก็เลยแค่คิดว่าเธอกินปูนร้อนท้อง
ซึ่งฉางฉิงก็รู้สึกร้อนตัวจริงๆ แววตาฉายประกายความกระอักกระอ่วน “นั่นฉันจงใจพูดยั่วโมโหฉืออี่หนิง ก็เขาชอบทำให้ฉันอับอายขายหน้าอยู่เรื่อย”
“เขาทำให้คุณอับอายขายหน้าจริงๆ หรือว่ามีอะไรอย่างอื่นกันแน่” ดวงตาลุ่มลึกของซ่งฉู่อี๋จ้องเธอไม่กะพริบ
ฉางฉิงครุ่นคิดดู แล้วความโมโหขุ่นเคืองก็ปะทุขึ้นมา “คุณก็คิดว่าฉันเป็นคนแบบนั้นเหมือนกับอี่หนิงใช่มั้ย”
“ฉางฉิง คำพูดในคืนนี้ผมได้ยินกับหูตัวเอง เพื่อคุณแล้ว ฟู่อวี้ถึงกับสั่งผู้อำนวยการสถานีของพวกคุณด้วยตัวเองว่าถ้านางรองไม่ใช่คุณ เขาก็จะถอนเงินลงทุน เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ผมยังจะเชื่อได้อยู่มั้ยว่าคุณกับฟู่อวี้ไม่ได้มีอะไรกัน” ซ่งฉู่อี๋ออกแรงจับข้อมือเธอเล็กน้อย
ฉางฉิงรู้สึกเจ็บจนคิ้วขมวด ดวงตาแสบเคือง แล้วก็ทั้งน้อยใจและโมโห
ไม่ว่าคนในสถานีจะเมาท์เรื่องเธอมากขนาดไหน เธอก็แค่กล้ำกลืนฝืนทนไป แต่นี่แม้แต่เขาก็พูดแบบนี้ เธอรู้สึกผิดหวังมาก “ซ่งฉู่อี๋ ฉันจะบอกให้นะว่า ตอนที่แต่งงานกับคุณฉันยังบริสุทธิ์ทั้งตัว”
“นั่นสินะ จูบแรกก็ยังอยู่ด้วยนี่นา” ซ่งฉู่อี๋หัวเราะอย่างเย็นชา “ฉางฉิง ที่จริงผมรู้อยู่แล้วว่าคุณยังบริสุทธิ์อยู่ ครั้งนั้นที่ผมช่วยตรวจให้คุณ ผมสัมผัสโดนเยื่อด้านในของคุณแล้ว ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมผมถึงยอมแต่งงานกับคุณเร็วขนาดนี้ ตอนที่คุณบอกอาชีพให้ผมฟัง ที่จริงผมเองก็ประหลาดใจมาก คนที่ทำอาชีพอย่างพวกคุณมีน้อยคนมากที่จะยังรักนวลสงวนตัวแบบคุณอยู่”
“ที่แท้ก็...แล้วตอนนั้นคุณยังจะพูดจาให้ฉันอับอายขายหน้าอีก” ฉางฉิงหน้าแดง ร่างกายเหมือนถูกไฟไหม้ ดวงตาที่มีชีวิตชีวาดุจสายน้ำถลึงใส่เขาด้วยความอับอายและขุ่นเคือง แล้วเธอก็ก้มหน้าก้มตาลง
แล้วบริเวณที่เขาสัมผัสโดนวันนั้นก็ดูเหมือนว่าจะเกิดความรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา
เธอกัดริมฝีปาก ริมฝีปากเนียนนุ่มของเธอสีแดงชุ่มชื่นคล้ายกับเยลลี่ จนทำให้อยากจะขบกัดดูสักคำ
ซ่งฉู่อี๋ข่มอาการใจเต้นที่ไม่คุ้นเคยเอาไว้อย่างรู้สึกเสียดาย เขาพูดเสียงเรียบว่า “พอดีวันนั้นผมอารมณ์ไม่ดี ผมก็เลยอาจจะมีอคติกับคนในวงการอย่างพวกคุณไปหน่อย แต่เราก็ได้มาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันแบบนี้ บางทีผมอาจจะยังไม่เข้าใจคุณมากพอ บางทีการแต่งงานของเราอาจจะเป็นความผิดพลาด ผมจะไม่บังคับคุณ เอาไว้อีกหนึ่งปีเราค่อยไปทำเรื่องหย่ากัน”
“หย่า?” ฉางฉิงตกใจตัวแข็งทื่อ
แม้ว่าเธอกับซ่งฉู่อี๋จะไม่ได้แต่งงานกันด้วยความรักตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เธอก็ไม่เคยคิดถึงเรื่องหย่ามาก่อน
ทำไมจู่ๆ เขาก็พูดถึงเรื่องหย่าขึ้นมา หรือว่าเขาจะรู้ตัวแล้วว่าคนที่เขารักที่สุดยังคงเป็นกว่านอิง ก็เลยนึกเสียใจที่แต่งงานกับเธอ
“อืม ยังไงเราก็เพิ่งแต่งงานกันได้ไม่นาน จู่ๆ พูดว่าจะหย่า ก็คงอธิบายกับครอบครัวเราได้ลำบาก” ซ่งฉู่อี๋หันไปอีกทาง แสงไฟที่ไม่ค่อยจะสว่างไสวในสวนดอกไม้สาดส่องเข้าที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา ใบหน้าของเขาดูมืดมน “อีกหนึ่งปีค่อยหย่า แล้วต่างคนต่างก็บอกไปว่าไม่เหมาะที่จะอยู่ด้วยกัน เป็นคำอธิบายที่ฟังดูมีเหตุผลดี แล้วอีกหนึ่งปีบริษัทของพ่อคุณเองก็คงจะเข้าที่เข้าทางแล้วด้วย”
สำหรับฉางฉิงแล้วนี่นับเป็นข่าวดีจริงๆ แต่ภายในใจเธอกลับรู้สึกหงุดหงิดอย่างอึดอัดใจ
ฉางฉิงคิดว่าอาจเป็นเพราะเธอรู้สึกว่าเสน่ห์ของตัวเองไม่ได้เรื่องเลย
เธอก้มหน้าก้มตา ส่วนซ่งฉู่อี๋ก็พินิจพิเคราะห์ดูการแต่งเนื้อแต่งตัวของเธอในวันนี้
ชุดเดรสเกาะอกสีขาวแนบไปกับเรือนร่างที่สวยงามของเธอจนเห็นสัดส่วนโค้งเว้าที่สมบูรณ์แบบ บนตัวกระโปรงปักรูปดอกกุหลาบแต่ละดอกอย่างสวยประณีต เธอสวมรองเท้าส้นสูงสีเงิน ส่วนเส้นผมดำขลับยาวระบ่าที่ขาวดุจหิมะ เผยให้เห็นถึงความงดงามอันบอบบางและเซ็กซี่
ในค่ำคืนนี้หญิงสาวคนนี้สวยงามเสียจนไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็เกิดความรู้สึกอยากจะโอบกอดเธอ
กระดูกไหปลาร้าของเธอ ไหล่ของเธอ ผิวพรรณขาวเนียนบริสุทธิ์ผุดผ่องไปหมดทุกส่วน
............................................