45 สนหนึ่งต้น แม่น้ำหนึ่งสาย
45 สนหนึ่งต้น แม่น้ำหนึ่งสาย
เขาออกจากแปลงสมุนไพรมาและมองกลับไป เขามองไปที่ต้นกล้าเหล่านั้น พวกมันบอบบางมากและสามารถเสียหายได้ง่าย มีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังต้นกล้าเหล่านั้น
อากาศรอบๆชายหนุ่มคนนั้นหนาแน่นขึ้นและหนาขึ้นเรื่อยๆ!
เขาต้องตกตะลึงเพราะต้นกล้าพิศวงเหล่านั้น แต่เขาก็กลับมาเป็นปกติเมื่อได้คุยกับหวังเย้า นอกจากนี้เขายังพบว่าชายหนุ่มข้างๆเขานั้นแปลกไปและความละเอียดอ่อนทางด้านอารมณ์ของเขาก็เห็นได้อย่างชัดเจน
หวังเย้าดูคล้ายกับต้นสนในป่าใหญ่ แม่น้ำลึกในหุบเขา และเมฆบนท้องฟ้า
เขาดูอยู่ห่างไกลจากโลกใบนี้และไม่เข้ากับความธรรมดาทั่วไปเลย
“เขาแสดงออกมากเกินไปรึเปล่า?” เขายืนอยู่หน้ากระท่อมและมองไปที่ต้นกล้า หวังเย้าหนวดขมับของเขาเมื่อเห็นอาการตกตะลึงที่เทียนหยวนถูแสดงออกมา
โชคดีที่ ที่ที่เขาปลูกต้นกล้าเอาไว้นั้นติดกับกระท่อมและอยู่ในสถานที่ที่ห่างไกล จากสิ่งที่เขารู้ นอกจากพ่อแม่และหวังหมิงเปาก็ไม่มีใครมาที่นี่ ดังนั้นปัญหาจึงลดลงไปได้มาก
เมื่อเห็นว่าเทียนหยวนถูได้จากไปแล้ว หวังเย้าจึงไปเด็ดใบของสมุนไพรดอกแสงจันทร์มาสองใบและเข้าไปในกระท่อมเพื่อต้มอันเฉินซาน การต้มด้วยไฟทำให้กลิ่นหอมของสมุนไพรลอยออกจากกระท่อมไปตามแรงลม
หวังเย้าต้มด้วยความชำนาญ แต่เขาก็ยังคงระมัดระวังและจริงจังอยู่เสมอ
“เรียบร้อย”
หนึ่งขวดกระเบื้องและหนึ่งยาช่วยชะล้างและปลอบประโลมจิตใจ
ในตอนกลางวัน หวังเย้าได้เริ่มอ่านคัมภีร์และฝึกการหายใจ มันได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตของเขาไปแล้ว
วันต่อมา เทียนหยวนถูได้มารับยาและก็จากไป เมื่อเขาจากไป หวังเย้าก็ศึกษาหนังสือของเขาต่อจนแสงอาทิตย์หมดลง อากาศในปลายเดือนพฤศจิกานั้นเริ่มเย็นลงและบนเขาก็หนาวเย็นมากเช่นกัน ดังนั้นจึงมีคนขึ้นมาบนเขาน้อยลง
บางครั้งในตอนที่หวังเย้าอ่านหนังสือ เขาก็มักจะมองขึ้นไปบนภูเขาและท้องฟ้า ภูเขาและท้องฟ้านั้นเงียบสงบมาก
ทันใดนั้น ร่างกายของเขาก็สั่นขึ้นมา
พลังฉีเริ่มจากในท้องน้อยของเขาและหมุนไปรอบๆเอวของเขา เป็นแบบนี้อยู่หลายครั้ง
เขารับรู้ได้ถึงความอบอุ่นทั่วท้องของเขา ก่อนที่มันจะไหลไปจนทั่วทั้งร่างกายของเขา หวังเย้ามีความสุขมาก เส้นเลือดทุกเส้นได้ปล่อยให้พลังฉีไหลไปทั่วร่างกายของเขาอย่างอิสระ
เขาไม่รู้ว่าเขาได้ประโยชน์อะไรจากมัน เขาจึงเปิดหน้าต่างระบบ และดูที่ค่าคุณสมบัติร่างกายของเขาที่เปลี่ยนไป
ร่างกาย 2.0
กำลัง 1.5
สติปัญญา 1.8
ความว่องไว 1.5
ความตั้งใจ 1.7
ค่าสถานะทุกอย่างของเขานั้นเพิ่มขึ้น
มันเป็นความสุขใจอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่เขากลับมาเป็นปกติ เขาใจเย็นลงมาก เขาได้กลายเป็นคนที่ไม่สนใจชื่อเสียงและเงินทองอีกต่อไป
กริ้ง กริ้ง! ในเวลานั้น มือถือของหวังเย้าได้ดังขึ้นมาและเขาได้มองไปที่หน้าจอมือถือ มันเป็นเบอร์แปลกเขาจึงไม่รับสาย มือถือดังอยู่สักพักก่อนที่จะเงียบไป อีกครึ่งชั่วโมงต่อมาเบอร์เดิมก็โทรเข้ามาอีกครั้ง
“ฮัลโหล?” หวังเย้ารับสาย
“ฮัลโหล หวังเย้าใช่ไหม?” มันเป็นเสียงของผู้หญิง เสียงของเธอนั้นไพเราะและชัดเจน
“ใช่ ใครพูด?”
“นี่คือกั๋วซือหรง”
กั๋วซือหรง? เมื่อได้ยินชื่อ หวังเย้าคิดกลับไปถึงหญิงสาวที่งดงามที่เคยมาที่เนินเขาเพื่อขอยาจากเขา ไม่เพียงแค่เธอจะงดงามเท่านั้น แต่เธอยังมีความมั่นใจและอำนาจมาก
“สวัสดีคุณกั๋ว มีอะไรรึเปล่าครับ?”
“คุณยังอยู่ที่เนินเขาหนานชานไหมคะ?”
“ครับ”
“คุณว่างรึเปล่าคะ? ฉันอยากจะไปพบคุณ” กั๋วซือหรงพูด
“เมื่อไหร่ครับ?”
“กลางวันนี้จะได้ไหมคะ?” กั๋วซือหรงคิดและจึงพูดออกมา
“ได้ครับ”
“ทำไมกั๋วซือหรงถึงอยากมาที่นี่กัน?” หวังเย้าไม่เข้าใจเมื่อวางสายไปแล้ว แต่เขาก็ไม่คิดมากอะไร แล้วเขาก็ออกมาจากกระท่อมเพื่อมาปรับแก้ค่ายกลที่ด้านนอก เขาตัดส่วนที่เป็นทางเดินไปที่แปลงสมุนไพรออก เพราะเขาไม่อยากให้เกิดปัญหาโดยไม่จำเป็น
ในตอนกลางวัน มีรถธรรมดาคันหนึ่งขับเข้ามาในหมู่บ้านแล้วจอดตรงด้านล่างของเนินเขา มีคนอยู่สองคนในรถ หนึ่งชาย หนึ่งหญิง หญิงสาวมีรูปร่างที่สวยงามและเธอสวมแว่นตาเอาไว้บนหน้าของเธอ จึงทำให้เห็นหน้าของเธอไม่ชัดเจน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมองออกได้ว่าเธอเป็นคนที่หน้าตาดี ชายที่มาด้วยดูมีอายุประมาณ 40และมีนูปหน้าที่ยาว เขามีผิวสีแทนและสวมเสื้อสูทแบบจีน เขาดูเป็นคนลึกลับ
“คุณลุง ทำไมถึงยังกังวลเกี่ยวกับฉันอยู่อีกคะ?” หญิงสาวพูดด้วยรอยยิ้ม
“คุณหนูมีฐานะที่ไม่ธรรมดาและการรักษาความปลอดภัยในห่ายชิวก็ค่อนข้างมีปัญหาในช่วงนี้ แล้วอีกอย่างผมก็ไม่มีอะไรให้ทำ ก็เลยมาเป็นเพื่อนคุณหนูได้น่ะครับ”
ทั้งสองเดินขึ้นไปบนเนินเขาตามเส้นทางที่ขรุขระ
“มันน่าประหลาดใจมากที่ได้เห็นชายหนุ่มที่ไม่เบื่อกับการปลูกสมุนไพรแบบนี้” หญิงสาวพูดล้อ
พวกเขาเดินขึ้นไปบนเนินเขา และยังมีเนินเขาอีกลูกอยู่ตรงหน้าของพวกเขา มีต้นไม้อยู่สิบกว่าต้นในระหว่างทางขึ้นเนินเขา และกระท่อม
“ฉันหวังว่าเขาจะมีเรื่องมาทำให้ฉันต้องประหลาดใจได้อีก”
ทั้งสองค่อยๆเดินไปพร้อมกับสายลมที่หนาวเย็น พวกเขาเห็นต้นกล้าเมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้กับกระท่อม
“ครั้งนี้เขาปลูกต้นไม้เหรอ?” กั๋วซือหรงพูดด้วยความประหลาดใจ
ชายวัยกลางคนมองไปที่ต้นกล้าแล้วจึงหยุดเดินในทันที “ต้นไม้บางชนิดสามารถปลูกได้ในฤดูนี้ แต่พวกมันส่วนใหญ่กลับไม่ใช่เลย”
“นั้น—นั้นมันคือ?”
“เกิดอะไรขึ้นคะลุงเหอะ?” กั๋วซือหรงพูด
“เป็นไปได้ยังไงกัน?” ชายวัยกลางคนตกตะลึงเป็นอย่างมาก เขาจึงวิ่งไปที่กระท่อมอย่างห้ามใจไม่ได้
ต้นกล้าที่บอบบางเอนไหวไปตามลม
ชายวัยกลางคนเดินไปที่ต้นกล้า เด็ดใบออกมาหนึ่งใบ แล้วจึงปล่อยทิ้งไป เขาพบก้อนหินอยู่ตรงช่องว่างระหว่างต้นกล้าสองต้น มันสูงพอๆกับตัวคนและบดบังการมองเห็นของเขา แต่เขากลับพบว่ามันว่างเปล่าเมื่อยื่นมือออกไป
“ใช่จริงๆด้วย!” ชายวัยกลางคนตัวสั่นไปด้วยความตื่นเต้น เขาเงยหน้าแล้วมองไปข้างหน้า แม้ว่าเขาจะถูกบดบังการมองเห็น แต่เขาก็รู้สึกกระตือรือร้นที่จะได้พบกับหวังเย้าเป็นอย่างมาก
“ลุงเหอคะ?” ในตอนนั้น เขาได้ยินเสียงเรียกชื่อของเขา เขาจึงรีบปรับอารมณ์ให้กลับมาสงบเหมือนเดิม เขาขยับไปทางซ้ายและถอยออกมาเพื่อสลัดภาพลวงตาออกไป
“ขอโทษครับคุณหนู! ที่ผมได้ทำเรื่องไม่เหมาะสมออกไป!” เขาพูดกับหญิงสาว
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่ฉันสงสัยว่าทำไมคุณลุงเหอถึงได้ทำแบบนั้นออกไปคะ? ที่ถึงกับทิ้งฉันไปเพียงเพราะต้นกล้าไม่กี่ต้นได้ยังไง?” กั๋วซือหรงถาม เธอคุ้นเคยกับนิสัยของชายตรงหน้าของเธอดี มันเป็นเรื่องยากมากที่เขาจะแสดงท่าทางแบบนั้นออกมา ครั้งสุดท้ายที่เขาทำเเบบนั้นคือเมื่อสามปีก่อนที่คุณปู่ของเธอล้มป่วย
“ต้นกล้าพวกนี้เป็นต้นกล้าทั่วไป แต่เมื่อปลูกพวกมันไว้ด้วยกันมันกลับต่างออกไป คุณหนูลองดูถ้าคุณไม่เชื่อผม” ชายวัยกลางคนชี้ไปตรงที่ต้นกล้าเหล่านั้น
“โอ้? ฉันจะลองดูค่ะ” กั๋วซือหรงเดินเข้าไปในนั้นด้วยรอยยิ้ม แล้วเธอก็ต้องตกตะลึง