GE110 คำขอของประมุขนิกายเพลิงเมฆา[ฟรี]
พ่ายแพ้… แต่ผู้ที่แพ้ไม่ได้มีเพียงไป๋เฟยเถิง แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด...
เวลาผ่านไปครึ่งเดือน เหล่าผู้เชี่ยวชาญยังคงอยู่ในนิกายกุ่ยเชว่ พวกมันแต่ละคนโศกเศร้าเสียใจ ราวกับบิดาของพวกมันได้จากไป
หยกสวรรค์หลุดลอย… ผู้ที่เดิมพันว่าหนิงฝานแพ้เสียหยกสวรรค์หมดตัว...
ชู่ปู้ยวินก็ไม่ต่างกัน
จื่อเฮ่อและซือซือเดิมพัน 1 แสน ได้รับกลับมา 2 แสน พวกนางมีความสุข เพราะได้หยกสวรรค์เป็นจำนวนมาก
หลานเหม่ยก็เช่นกัน ยามที่นางนำหยกสวรรค์จำนวนมากยื่นส่งให้กับกุ่ยเชว่สื่อ มันถึงสั่นสะท้าน แม้มันจะเป็นประมุขนิกาย แต่หยกสวรรค์ 1 แสนก็ทำให้มันหวั่นไหว
ไป๋ลู่ก็ได้หยกสวรรค์มา 1 หมื่นจากที่เดิมพัน นางนำหยกสวรรค์จำนวนนั้นกลับไปยังโถงขัดเกลาผสาน แจกจ่ายให้กับศิษย์ทุกคน... หยุนฮว๋า ฮูหยินแห่งประมุขนิกายเพลิงเมฆา นางตกตะลึงจนปากไม่อาจหุบ นางถือหยกสวรรค์ 1 แสนด้วยความดีใจ
เหตุที่นางยอมทุ่ม 1 แสนหยกสวรรค์ก็เพื่อซื้อใจหนิงฝาน เพาะเมล็ดแห่งความหวังดีให้ แต่นางคาดไม่ถึงว่าการที่ยอมทุ่มหยกสวรรค์มากขนาดนั้น จะทำให้นางได้รับผลตอบแทนมหาศาลกลับมา
“สามีข้า… สายตาท่านเฉียบคมนัก...” นางกล่าวชื่นชมในใจ แต่ในยามนั้น เสียงที่มั่นใจในตัวเองก็ดังขึ้นในหัวของนาง
“แน่นอน… เพราะสามีของเจ้าเป็นประมุขนิกายเพลิงเมฆาเชียวนะ...” สัมผัสเทพของประมุขนิกายเพลิงเมฆากวาดผ่าน และกล่าวกับหยุนฮว๋า มิแปลกที่นางดูผ่อนคลาย เพราะสามีของนางเฝ้าจับตาดูอยู่
ชู่ปู้ยวินไม่ได้ในสิ่งที่หวัง มันมานิกายกุ่ยเชว่เพื่อตามหาคนผู้หนึ่ง แต่ไม่พบ
อารมณ์ของมันจึงไม่ค่อยดีนัก สีหน้าเย็นชา มันอยากเร่งออกไปจากนิกายกุ่ยเชว่ เพื่อเลี่ยงสายตาเว้าวอนของเหล่าผู้เชี่ยวชาญที่แพ้เดิมพัน ยามนี้มันยังไม่ได้จ่ายหยกสวรรค์ให้หนิงฝาน 5 หมื่น จากที่หนิงฝานได้เดิมพันเอาไว้
เมื่อสิ้นสุดการประลอง หนิงฝานได้รับสมญานามว่าปีศาจหนิง อีกไม่นานเขาจะต้องเผชิญทัณฑ์สวรรค์เพื่อก้าวไปยังขอบเขตแก่นทองคำ และต้องตัดสิ้นหัวใจแห่งปีศาจ เวทีประลองแห่งนี้จึงไม่เหมาะให้ทำเช่นนั้น
หนิงฝานจำต้องสะกดหัวใจแห่งปีศาจของตนอีกครั้ง เพราะหากไม่หาวิหาญสาบสูญให้พบ เขาจะเสียเวลาในการก้าวไปยังขอบเขตแก่นทองคำ
ในเมื่อหนิงฝานยังไม่มารับหยกสวรรค์กับชู่ปู้ยวิน มันก็ไม่กล้าจากไป... มันคือผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกที่ 2 หยกสวรรค์จำนวน 5 หมื่นที่ต้องมอบให้หนิงฝานนั้นถือเป็นเรื่องเล็กน้อย ถึงมันจะดูเป็นขอทานก็ตาม
ภายในโถงขัดเกลาผสาน… ถ้ำที่หนิงฝานเก็บตัวฝึกฝนก่อนหน้านี้ถูกทำลาย ยามนี้เขาจึงเปลี่ยนไปใช้ถ้ำของตำหนักโอสถแทน
ชูชิง...ศิษย์ของหนิงฝานก็ยืนเฝ้าหน้าถ้ำ เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่เห็นประหลาดใจ เพราะจากสายตาของชูชิงที่เป็นถึงนักปรุงโอสถผันแปรที่ 3 แล้ว เคารพหนิงฝานเป็นอย่างมาก
ชูชิงไม่ได้อธิบายกับผู้ใด เพราะหนิงฝานกล่าวว่า ห้ามบอกผู้ใดว่าตนคือนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4
ชูชิงยืนจ้องมองถ้ำไม่วางตา ก่อนหน้านี้มันนับถือหนิงฝานจากทักษาการปรุงโอสถ แต่เมื่อข่าวของงานประลองแพร่ออกมา ชายชราก็ตกตะลึงในความแข็งแกร่งของหนิงฝาน แม้ไป๋เฟยเถิงจะแข็งแกร่งรองลงมาจากประมุขนิกาย และไม่ได้ติดอันดับ 1 ใน 10 ผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดของแคว้นเยว่ แต่มันยังนับเป็น 1 ใน 20 ผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นเยว่เช่นกัน
แต่คนอย่างมันยังพ่ายแพ้ให้หนิงฝาน ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าหนิงฝานจะชนะ แต่เมื่อการประลองสิ้นสุด ผู้ที่เดิมพันไว้ก็ไม่อาจเปลี่ยนใจ
หนิงฝานก้าวเข้าสู่เส้นทางของผู้ฝึกตนเมื่อคราวอายุได้ 17 ปี เมื่ออายุเพิ่มขึ้นเป็น 18 ปี เขาก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าของแคว้นเยว่ และได้รับสมญานามว่า ปีศาจหนิงแห่งนิกายกุ่ยเชว่!
เพียงแต่มีบางสิ่งที่ทำให้ชูชิงประหลาดใจ คือหนิงฝานมีภรรยาหลายคน
มันยิ้มพลางหันมองเหล่าสตรีที่เฝ้ารออยู่นอกถ้ำ
จื่อเฮ่อ… ร่างทรงเสน่ห์
ไป๋ลู่... สตรีอันดับหนึ่งแห่งนิกายกุ่ยเชว่
หลานเหม่ย... นายหญิงน้อยแห่งนิกายกุ่ยเชว่
ซือซือ… สตรีที่ให้ความรู้สึกอันตราย ราวกับเผชิญหน้ากับกุ่ยเชว่สื่อ
“พวกนางคือภรรยาของอาจารย์… จะละเลยพวกนางไม่ได้...”
มันจึงยิ้มให้พวกนางทีละคน จื่อเฮ่อผู้บริสุทธิ์คารวะตอบอย่างนอบน้อม ซือซือ...หรือซื่อหวูเสียพยักหน้าเล็กน้อย นางจะทำตัวเหมือนเด็กสาวเมื่ออยู่ต่อหน้าหนิงฝานเท่านั้น
แต่ผู้ที่ชายชรายิ้มให้อย่างไม่เต็มใจนักคือไป๋ลู่ นางเป็นเพียงศิษย์นิกาย แต่หลานเหม่ยยังพอทำเนา เพราะนางคือนายหญิงน้อยของนิกาย… โดยทั่วไปแล้ว ชูชิงคือนักปรุงโอสถผู้หยิ่งทะนง ยามที่มันเผชิญหน้ากับผู้เชี่ยวชาญระดับกุ่ยเชว่สื่อ มันแสดงออกทางสีหน้าว่าไม่ได้ด้อยกว่า
แต่วันนี้ ชูชิงแสดงความเคารพเป็นพิเศษ จนดูราวกับมันเป็นผู้เยาว์… ทำให้หลานเหม่ยไม่คุ้นชิน แต่ก็พอเดาได้ว่าเหตุชายชราถึงแสดงความเคารพเช่นนี้ นั่นย่อมเกี่ยวพันกับหนิงฝาน
ผู้ที่กระอักกระอ่วนที่สุดคือไป๋ลู่ ถึงนางจะเป็นเหมือนผู้อาวุโสของโถงขัดเกลาผสาน แต่เมื่อมาตำหนักปรุงโอสถ นางก็ไม่ต่างจากศิษย์นิกายทั่วไป นางไม่อยู่ในสายตาชูชิง นางไม่พอใจ
วันนี้ชูชิงเคารพไป๋ลู่เป็นพิเศษ ที่เป็นแบบนั้น เพราะไป๋ลู่เป็นสตรีของหนิงฝาน
แม้สีหน้าของชูชิงจะยิ้ม แต่ในใจขมขื่น
ชายชราพบว่า เมื่อตนเองปล่อยวางความเย่อหยิ่ง จิตใจเมื่อตอนยังเป็นผู้เยาว์ก็กลับมา
ภายในถ้ำ หนิงฝานไม่รู้ว่าภายนอกเกิดอะไรขึ้นบ้าง ตั้งแต่ได้ปราณน้ำแข็งม่วงมา สตรีลึกลับนางนั้นก็เข้าสู่นิทรา แต่หนิบฝานยังสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลง
เมื่อหนิงฝานสะกดหัวใจแห่งปีศาจได้แล้ว เขายังไม่ออกมาจากถ้ำทันที เขาหวนนึกถึงภาพการต่อสู้ที่ผ่านมา
มุกทำลายภาพลวงตา เมฆเซียนระดับ 4 ปราณน้ำแข็งม่วง ธงจิตวิญญาณ กระบี่มังกรน้ำแข็งไร้เขา วิชาเจ็ดกระบี่… ทั้งหมดที่ไป๋เฟยเถิงใช้ไม่ได้อ่อนด้อยจนน่าดูแคลน ที่สำคัญ มันยังมีประสบการณ์การต่อสู้มากมาย
ผู้ที่มีประสบการณ์การต่อสู้จริง กับผู้ที่ทำเพียงฝึกฝน ทั้งสองผู้นี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หากจะบรรลุขอบเขตแก่นทองคำ หนิงฝานต้องไปวิหารสาบสูญ เพราะมันจะช่วยร่นเวลาได้ เรื่องตำแหน่งของวิหารนั้น หนิงฝานก็ยังไม่ทราบ สตรีลึกลับยังๆไม่บอก ทั้งยามนี้นางยังเข้าสู่นิทรา
วิหารสาบสูญนั้น คงเหมือนศาลาไร้ธรรม ที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วโลกพิรุณ ในแคว้นหวู่และแคว้นฉู่อาจจะมี แต่มนแคว้นเยว่ไม่มี
ดังนั้นยามนี้ หนิงฝานต้องเดินทางข้ามแคว้น มุ่งไปยัง ‘แคว้นสมุทร’ โดยสารเรือล่องสวรรค์ เพื่อเดินทางต่อไปยัง ‘ทะเลไร้สิ้นสุด’
ทะเลไร้สิ้นสุดอยู่ทางตะวันออกของโลกพิรุณ เป็นสถานที่ห่างไกลและต้องห้ามของเหล่าผู้เชี่ยวชาญ แต่ที่นั่น มีเผ่าเทพ อสูร เผ่าภูติผี และเผ่าปีศาจยักษ์อยู่
แต่การจะไปที่นั่นต้องใช้เวลาเดินทางหลายปี หนิงฝานจึงยังขบคิดว่าจะไปดีหรือไม่
ยามนี้ศัตรูในแคว้นเยว่ของตนก็เพิ่มมากขึ้น กองทัพปีศาจทมิฬของตนก็ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะปกป้องเมืองหนิงและเมืองฉีเหม่ย หากตนจากแคว้นเยว่ไปยามนี้ คงไม่ใช่เรื่องที่ดีนัก
ในโลกของผู้ฝึกตนมีคำกล่าวอยู่ว่า การฝึกตนไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต...แต่มันคืออิสระ หากจิตใจยังถูกตรวน...ก็ไม่อาจฝึกตนได้
ยามนี้หนิงฝานเข้าใจเรื่องนี้ดี เพราะยังมีปัญหาอีกมากมายที่คอยรั้งตรึงเขาไว้ แต่เขายังสัมผัสได้ว่า สิ่งที่คอยรั้งตรึงเหล่านั้น กลับทำให้ตนเองมีความสุข
“นานแล้วที่ข้าไม่ได้อาบแสงตะวัน...” หนิงฝานนึกถึงหานหยวนจี๋ นึกถึงหนิงกู่ เขาหลับตาพลางถอนหายใจ
นึกถึงนิกายจี๋หลิน นึกถึงเทพกษัตริย์เนี่ย… 1 ปีแล้วที่เขาได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางของผู้ฝึกตนฝ่ายอธรรม มือของเขาอาบโลหิตมามากมาย ทำเรื่องชั่วช้ามามากมาย
หนิงฝานต้องอาบแสงตะวัน… หานหยวนจี๋เคยกล่าวว่า หากจะสะกดหัวใจแห่งปีศาจนั้น ต้องอาบแสงตะวัน
เขาต้องออกไป!
หนิงฝานผลักเปิดประตูถ้ำเบาๆ ชูชิง และสตรีอีก 4 คนเฝ้ามองด้วยสายตาที่ห่วงใย
“ข้าตัดความรู้สึกไม่ได้!”
เมื่อไป๋ลู่เห็นหนิงฝาน นางขมวดคิ้ว แค่นเสียงเบาๆ และจากไป… นางไม่อยากกล่าวสิ่งใด แต่แผ่นหลังของนางกลับสั่นเทา ราวกับนางไม่อาจสงบใจ
หลานเหม่ยและซือซือสงวนท่าที แต่จื่อเฮ่อน้อยโผเข้าอ้อมกอดหนิงฝาน
“พี่ฝาน… เรารวยแล้ว!”
ด้วยที่ทั้งสองไม่พบกันเพียงไม่กี่เดือน จื่อเฮ่อจึงไม่เป็นอะไรมากนัก ยามนี้นางจึงสนใจเรื่องหยกสวรรค์มากกว่า
หนิงฝานปล่อยนางจากอ้อมกอด ลูบศีรษะนาง และมองไปยังหน้าถ้ำ
“พวกท่านคงรอข้าอยู่นานแล้ว...”
หนิงฝานกล่าวกับฮูหยินหยุนฮว๋าและชู่ปู้ยวินที่อยู่ไกลออกไป
ทั้งสองเร่งเดินเข้ามาหาหนิงฝาน
“ข้าคิดว่าจะทำลายถ้ำถ้าเจ้าไม่ออกมา… นี่ 5 หมื่นหยกสวรรค์ เจ้าชนะเดิมพัน...” ชู่ปู้ยวินนำกระเป๋าใส่หยกสวรรค์ 1 แสนโยนให้กับหนิงฝาน
“หากครั้งหน้าท่านเป็นเจ้ามือเดิมพัน ข้าไม่พลาดแน่” หนิงฝานป้องมือคารวะอีกฝ่าย
“ไม่หล่ะ… ข้าไม่คิดจะเป็นเจ้ามือเดิมพันอีกแล้ว ลาก่อน… อ้อจริงสิ...เจ้าเคยเห็นหยกสีฟ้าหรือเปล่า...” จู่ๆชู่ปู้ยวินก็ถามขึ้น ดูเหมือนมันจะรอถามเรื่องนี้กับหนิงฝาน
“หยกฟ้า?” หนิงฝานทำหน้าแปลกใจ
“อืม.. ช่างเถอะ ข้าไม่น่าถาม...” ชู่ปู้ยวินไม่กล่าวมากความ เมื่อเห็นหนิงฝานทำหน้าสงสัย มันก็รู้ว่าหนิงฝานไม่เคยเห็น จึงไม่กล่าวอะไรอีก
แม้คำที่มันกล่าวจะดูสับสน แต่มีความหมาย หนิงฝานรู้ว่ามันไม่ได้มาตามหาหยก แต่มาตามหาคน
ชู่ปู้ยวินผู้นี้คือผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกของวิหารพิรุณ เรื่องที่วิหารพิรุณส่งคนมา 800 เพื่อตามหาคนผู้หนึ่ง ไม่ว่าใครก็รู้
แต่ตามหาใครนั้น ไม่มีผู้ใดรู้
“คนของวิหารพิรุณตามหาผู้ที่ครอบครองหยกฟ้านั่น!”
หนิงฝานเดาออก แต่การที่วิหารพิรุณตามหาคนนั้น พวกมันทำไปเพื่ออะไร?
“ช่างเถอะ… ข้าไปก่อน...” มันป้องมือให้หนิงฝานก่อนจะกลายเป็นลำแสงหายไปอย่างรวดเร็ว
เมื่ออีกฝ่ายจากไป หนิงฝานก็หันมองหยุนฮว๋าและยิ้มให้เล็กน้อย
“ฮูหยินมาหาข้ามีเรื่องอันใด?”
“โอ้? ปีศาจหนิงรู้ได้อย่างไร?”
“ท่านมาพบข้า ทั้งยังยอมทิ้งหยกสวรรค์จำนวนมากเพราะข้า ท่านย่อมต้องมีธุระสำคัญ”
“ข้ามีเรื่องอยากให้ปีศาจหนิงช่วย...”
บทสนทนาระหว่างหนิงฝานและหยุนฮว๋าดูราวกับมีเรื่องที่ลึกซึ้ง แต่หลานเหม่ยเดาว่าไม่ได้ลึกซึ้งขนาดนั้น นางจึงไม่ใส่ใจ แต่กับจื่อเฮ่อ เมื่อนางเห็นหนิงฝานจ้องมองสตรีอื่นด้วยสายตาเกี้ยวพา นางจึงไม่พอใจ
“จื่อเฮ่อน้อย… เจ้ารอข้าที่นี่สักครู่...”
หนิงฝานหันมองสตรีคนอื่นๆเป็นเชิงบอกใบ้ และบอกให้ชูชิงเปิดห้องปรุงโอสถระดับสูงให้เขาพูดคุยธุระกับหยุนฮว๋า
ภายในห้องปรุงโอสถระดับสูงมีข่ายอาคมระดับดวงจิตแรกเริ่มอำพราง ทั้งยังมีสัมผัสเทพเป็นโล่คุ้มกัน จึงเป็นสถานที่เหมาะสมในการพูดคุยความลับ เพราะกุ่ยเชว่สื่อเองก็มักจะเลือกที่นี่เป็นสถานที่พูดคุย แต่ชูชิงไม่ยอม ชายชรากล่าวว่าห้องปรุงโอสถมีไว้สำหรับปรุงโอสถเท่านั้น
แต่ด้วยหนิงฝานเป็นอาจารย์ เป็นนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4 และเป็นปีศาจหนิง ทั้งหมดนั้นทำให้เขามีสถานะที่ยิ่งใหญ่กว่าประมุขนิกาย ชายชราจึงไม่กล้าขัด
เมื่อภายในห้องปรุงโอสถมีเพียงหนิงฝานและหยุนฮว๋าแล้ว หนิงฝานก็เก็บคืนรอยยิ้ม และกล่าวอย่างเรียบเฉย
“ประมุขนิกายเพลิงเมฆา ท่านซ่อนตัวอยู่ในร่างฮูหยินเช่นนั้น คิดว่าข้าหนิงฝานจะสัมผัสไม่ได้หรือ?”
“ฮ่าฮ่า สมแล้วที่เป็นปีศาจทมิฬหนิง มีสัมผัสเทพที่เฉียบคมนัก เทียบกับข้าแล้ว ข้ายังสู้เจ้าไม่ได้ ทั้งยังสมแล้วที่เป็นถึงนักปรุงโอสถผันแปรที่ 4!”
ลูกเพลิงปรากฏออกมาจากร่างของหยุนฮว๋า แปรเปลี่ยนเป็นเงาร่างของคนผู้หนึ่ง
คนผู้นั้นคือประมุขนิกายเพลิงเมฆา ผู้เชี่ยวชาญกึ่งดวงจิตแรกเริ่ม ‘จิงสั่ว’
เป็นบุรุษผู้มีผมแดงคล้ายง้าว ดวงตาแดงฉาน แม้รอยยิ้มยังดูร้อนแรงราวกับเพลิง
เมื่อประมุขนิกายเพลิงเมฆาและได้ยินคำกล่าวของอีกฝ่าย หนิงฝานหลี่ตา น้ำเสียงแปรเปลี่ยนเย็นชา
“ท่านกล่าวเรื่องอะไร ข้าไม่เข้าใจ”
ถึงหนิงฝานจะกล่าวเช่นนั้น แต่เขาก็ประหลาดใจ เพราะสถานะของปีศาจทมิฬหนิง คงได้ถูกเปิดเผยเข้าสักวัน
ในโลกแห่งนี้ มีผู้เชี่ยวชาญมากที่เก่งกาจในศาสตร์การทำนาย หรือหาตัวตนของคนผู้หนึ่ง
เพียงแต่จิงสั่วอาจกล่าวไปเช่นนั้นเพื่อทดสอบหนิงฝาน เขาเองก็ฉลาดพอที่จะไม่รับ
“วางในเถอะสหายน้อย แม้ข้าจะดูเป็นอันตราย แต่ข้าก็จริงใจกับเจ้า เจ้าอาจไม่รู้ว่ายามนี้ นิกายจี๋หลินได้ร่วมมือกับนิกายเต๋าแห่งสวรรค์ เพื่อเตรียมจู่โจมเมืองหนิงของเจ้า!”
“...” หนิงฝานไม่ตอบ ยังคงสีหน้าเรียบเฉย บางทีคำกล่าวเมื่อครู่อาจเป็นการทดสอบ
“ฮ่าฮ่า… สหายน้อยรอบคอบนัก ดี! เจ้าไม่จำเป็นต้องปิดบังข้า ข้าเป็นสหายที่เจ้าไว้ใจได้ ข้าได้ข่าวจากแคว้นหวู่มาโดยบังเอิญ ทำให้รู้ตัวตนที่แท้จริงของเจ้า... สือหยินทุ่ม 1 หมื่นหยกสวรรค์ เพื่อให้นักพยากรณ์ทำนายสถานะที่แท้จริงของเจ้า… ข้ายืนยันว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องโกหกอย่างแน่นอน เจ้าไม่จำเป็นต้องปิดบังสิ่งใดกับข้า”
จิงสั่วเผยสีหน้าจริงจัง
แต่สำหรับหนิงฝานแล้ว เขาเชื่อเพียง 7 ส่วน อีก 3 ส่วนยังไม่เชื่อ แม้จิงสั่วจะรู้จริง แต่หนิงฝานก็ไม่ไว้ใจมัน
เป็นสหาย… ช่างน่าขัน!
จิงสั่วผู้นี้ก็ไม่ต่างไปจากสือหยิน พวกมันใช้หยกสวรรค์ ให้นักพยากรณ์ทำนายหาตัวตนที่แท้จริง
แต่สิ่งที่แตกต่างระหว่างจิงสั่วและสือหยินนั้น คือผู้หนึ่งรู้สถานะหนิงฝานแล้วเปิดเผย อีกผู้เก็บซ่อนไว้
แต่ถึงอย่างนั้น นิกายเพลิงเมฆาคือนิกายที่ต้องได้โอสถก่อดวงจิตเป็นอันดับแรก จิงสั่วจึงไม่อยากก่อสงครามกับหนิงฝาน เพื่อให้มันได้โอสถง่ายขึ้น
และเมื่อนั้น มันก็จะได้เป็นผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มเป็นอันดับหนึ่งของแคว้นเยว่
ส่วนนิกายจี๋หลิงนั้นเหลือเวลาอีก 10 ปี… จึงเป็นไปไม่ได้ที่มันจะรอนานขนาดนั้น! ฉะนั้นมันจึงเลือกที่จะช่วงชิง!
“ประมุขจิงสั่ว ท่านช่างหลักแหลม ดี...ข้าคือปีศาจทมิฬหนิง ท่านพอใจหรือยัง? ท่านมีธุระอะไรก็บอกมาเถอะ ไม่งั้นข้าจะถือว่าท่านเป็นศัตรู”
แววตาหนิงฝานเผยเจตนาสังหาร แม้เป็นจิงสั่วก็ไม่อาจสงบใจ ฮูหยินหยุนฮว๋าหน้าซีด
ที่แท้หนิงฝานคือปีศาจทมิฬหนิงจริงๆ!
และนั่นเป็นไพ่ลับที่น่าสะพรึงกลัวของหนิงฝาน
เด็กนี่ช่างหลักแหลม หากไม่พึ่งพานักพยากรณ์ที่เก่งกาจ คงไม่อาจรู้ความจริง
แต่สิ่งที่หนิงฝานไม่รู้คือ ยังมีอีกเรื่องที่จิงสั่วแตกต่างจากสือหยิน นั่นคือจิงสั่วให้นักพยากรณ์ทำนายสองสิ่ง
สิ่งแรกคือทำนายว่าหนิงฝานคือปีศาจทมิฬหนิงหรือไม่
สิ่งที่สองคือ หากมันคิดจับตัวหนิงฝาน จะสำเร็จหรือไม่
และผลที่ได้คือ...มันต้องตาย!
ดังนั้นมันจึงเลี่ยงที่จะเป็นศัตรูกับหนิงฝาน เพราะบางทีคนที่รู้ถึงความน่ากลัวของหนิงฝาน อาจมีเพียงมันคนเดียว
นอกจากนี้ นักพยากรณ์ยังบอกอีกว่า นิกายจี๋หลิงจะถูกทำลาย!
“ช่างน่าขัน… ในโลกของผู้ฝึกตนนั้นไม่อาจไว้ใจใคร แต่ข้าอยากเป็นสหายมิใช่ศัตรูของเจ้า… ข้ารอให้เจ้าปรุงโอสถก่อดวงจิตให้อย่างจดจ่อ เหตุใดข้าจะกล้าตั้งตัวเป็นศัตรูกับเจ้า”
แม้จะกล่าวเช่นนั้น แต่เจตนาสังหารของหนิงฝานยังไม่ลด มันจึงหุบยิ้มแล้วกล่าวอย่างจริงจัง “ก็ได้ ข้าจะบอกธุระที่มา… ข้าอยากเป็นพันธะมิตรกับเจ้า เพื่อทำลายนิกายจี๋หลิง!”
“เหตุใดต้องเป็นพันธะมิตร?” แววตาหนิงฝานกลับคืนปกติ และเผยความประหลาดใจ
ประมุขนิกายเพลิงเมฆาผู้หยิ่งทะนง เหตุใดจึงอยากเป็นพันธะมิตร? เหตุใดต้องทำลายนิกายจี๋หลิง?
นิกายจี๋หลิงคือศัตรูของหนิงฝาน หรือพวกมันก็เป็นศัตรูของจิงสั่วเช่นกัน?
เมื่อเห็นท่าทางสงสัยของหนิงฝาน แววตาจิงสั่วก็เผยความเศร้า เคียดแค้น ก่อนจะหันมองหยุนฮว๋าที่อยู่ใกล้ๆแล้วยิ้ม
“ข้าจะไม่ปิดบัง… สือหยินสังหารภรรยาข้า… เจ้าลองดูนางสิ...”
“ที่แท้เป็นเช่นนี้ มิน่ากลิ่นอายของฮูหยินฮวาจึงไม่ปกติ...”
หนิงฝานจ้องมองหยุนฮวาและเข้าใจความจริงกระจ่าง
เพราะเมื่อครั้งแรกที่เขาพบนาง เขาสัมผัสได้ว่านางคือศพ… ศพที่ถูกสร้างขึ้นเป็นพิเศษ!...