GE109 ปีศาจหนิง [ฟรี]
เมื่อก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่ปรากฏ พื้นที่บนเวทีประลองกินวงกว้างกว่างหมื่นจ้าง ถูกความเย็นที่รุนแรงปกคลุม ทั้งยังปรากฏหิมะร่วงโปรย
วิชาที่ไป๋เฟยเถิงใช้นั้นถือเป็นวิชาที่ยาก แต่อานุภาพก็ทรงพลังไม่ธรรมดา ทำให้ผู้ชมทุกคนหายใจได้ลำบาก
ดวงตะวัน จันทรา และดารา ทั้งสามสิ่งทรงพลังและแฝงไปด้วยอำนาจแห่งสวรรค์ แต่หากวิชาใดเทียบเคียงได้กับดวงตะวัน จันทรา และดารา สิชานั้นก็จะทรงพลังดุจดั่งอำนาจสวรรค์ แม้วิชาของไป๋เฟยเถิงจะเป็นเพียงวิชาระดับแก่นทองคำ แต่อานุภาพของมันไม่ต่างจากดวงตะวันที่เย็นเฉียบ ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสุดท้ายก็ต้านรับได้ยาก
“หากเจ้ารับวิชานี้ได้ ข้าจะยอมแพ้… แต่เจ้าไม่มีทางรับมันได้!” ไป๋เฟยเถิงดวงตาเป็นประกาย มันไม่คิดว่าตนจะแพ้เลยแม้แต่น้อย
แต่เมื่อมันเห็นหนิงฝานพุ่งทะยานตรงไปยังก้อนน้ำแข็ง จิตใจที่สงบของมันกลับปั่นป่วนทันที
ไม่เพียงแค่ไป๋เฟยเถิง แต่ผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆก็ไม่ต่างกัน เพราะหนิงฝานกล้าทะยานเข้าเผชิญหน้ากับก้อนน้ำแข็งขนาดใหญ่นั่น
“เป็นไปไม่ได้… วิชาที่แฝงด้วยอำนาจสวรรค์… ร่างกายมนุษย์ไม่อาจทนรับได้!”
ไป๋เฟยเถิงตกตะลึงจนเสียอาการ
เมื่อหนิงฝานรับปากจะช่วยเหลือสตรีลึกลับนางนั้น แววตาเขาก็มุ่งมั่น เหยียบย่างรุ้งหิมะตรงไปยังน้ำแข็งขนาดใหญ่
เมื่อเข้าใกล้ก้อนน้ำแข็ง ต้องสัมผัสกับแสงของมัน ทำให้ร่างกายของหนิงฝานถูกแช่แข็งอย่างรวดเร็ว แม้ใช้วิชาลับสัมผัสป้องกันยังยากจะต้านทาน
หนิงฝานพบว่าตนเองดูถูกวิชาของไป๋เฟยเถิงเกินไป เพียงแต่ส่วนที่น่ากลัวไม่ใช่วิชาของมัน แต่เป็นปราณน้ำแข็งม่วง
ตะวันโผล่พ้นขอบฟ้า...จันทราดับลับโลก ทั้งสองสิ่งคืออำนาจสวรรค์ ไม่มีผู้ฝึกฝนตนคนใดฝืนความคุมได้ ตำนานกล่าวขาน ดวงตะวันเฉกเช่นเทพ จันทราเฉกเช่นจักรพรรดิ
แม้ต้องเผชิญหน้ากับก้อนน้ำแข็งยักษ์ หนิงฝานไม่ปตกตื่น แม้วิชาลับสัมผัสป้องกันของตนไม่อาจต้านทานได้ แต่เขายังมีวิธีสุดท้าย นั่นคือใช้ร่างวิญญาณของตน มันมีพลังในระดับกึ่งดวงจิตแรกเริ่ม ย่อมรับมือกับสถานการณ์นี้ได้
แต่ก่อนที่หนิงฝานจะนำร่างวิญญาณของตนออกมา เขากลับหวนนึกถึงสิ่งที่สตรีลึกลับกล่าว ว่าต้องลดทอนอานุภาพของปราณน้ำแข็งม่วงให้ได้ 9 ใน 10 ส่วน ก่อนที่จะให้นางได้ดูดกลืนมัน
“หากท่านดูดกลืนมันไม่ได้ ข้าจะทำลายมันทิ้งทันที” หนิงฝานกล่าวอย่างเรียบเฉย
“อืม… ข้าจะถ่ายทอดวิชาหนึ่งในเจ้า มันสามารถต้านทานอำนาจแห่งตะวันได้… แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่ถือเป็นการตอบแทนเจ้า… เพียงแต่เจ้าห้ามถ่ายทอดวิชาให้ผู้ใดเด็ดขาด มิเช่นนั้น...” นางเป็นกังวล
“ข้าจะไม่ถ่ายทอดให้ผู้ใด” หนิงฝานกล่าวเบาๆ
หากนางถ่ายทอดวิชาให้ล่าช้ากว่านี้ หนิงฝานอาจถูกปราณน้ำแข็งม่วงกัดกร่อน และเมื่อถึงยามนั้น ต่อให้เขาใช้ร่างวิญญาณ ก็คงไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้
“อืม… ฟังเคล็ดความให้ดี! ‘ทะเลเหนือมีปลา นามอสูรทะเล… ทะเลเหนือมีเทพ นามเทพอสูรทะเล… ทะเลเหนือมีสวรรค์ นามผสานหยิน… ทะเลเหนือมีอัสนี นามว่าอัสนีแห่งความโศกเศร้า...’”
นางร่ายเคล็ดความ แต่จู่ๆนางกลับหยุดกลางคัน ยังเหลือเคล็ดวิชาอีกบางส่วนที่ยังไม่ได้
แต่เมื่อได้ยินเคล็ดความ สีหน้าหนิงฝานกลับแปรเปลี่ยน เคล็ดความเพียง 4 ส่วน กลับทำให้การกัดกร่อนของปราณน้ำแข็งม่วง กลายเป็นเพียงสายลมเย็นที่พัดผ่าน มันไม่อาจทำอันตรายหนิงฝานได้ และยามนี้ หนิงฝานก็เริ่มดูดกลืนปราณน้ำแข็งม่วงอย่างช้าๆ
พลังในการกัดกร่อนของปราณน้ำแข็งม่วง ทีชื่อเรียกว่า ‘อำนาจแห่งตะวัน’ เป็นอำนาจทีาแม้แต่เทพกษัตริย์แห่งโลกพิรุณยังไม่อาจต้านทาน
แม้หนิงฝานจะดูดกลับปราณน้ำแข็งม่วงเข้ามา แต่ด้วยที่ตนเองมีระดับพลังอ่อนด้อยเกินไป จึงได้ส่งต่อไปยังสร้อยหยินหยางทันที แต่ถึงอย่างนั้น ความรู้สึกแห่งอำนาจแห่งตะวันยังคงหลงเหลือในความรู้สึก แม้เขาจะไม่เข้าใจก็ตาม
สิ่งที่ทำให้หนิงฝานประหลาดใจมากที่สุดคือ ระฆังทะเลตะวันออกที่อยู่ในกระเป๋านั้น ยามนี้ได้ส่งเสียงดังกังวล สะท้อนก้องอยู่ภายในใจของเขา
“ทะเลเหนือ… ทะเลตะวันออก… บางทีระฆังทะเลตะวันออกอาจเกี่ยวพันกับเคล็ดความที่นางถ่ายทอดให้ข้า...” แม้จะเพียงคาดเดา แต่หนิงฝานก็รู้ว่ามันเกี่ยวข้องกัน
แม้เขาจะยังไม่เข้าใจเคล็ดความที่นางถ่ายให้ แม้เขาจะไม่เข้าใจว่าระฆังทะเลตะวันออกคืออะไร แต่ยามนี้ เขารู้ว่ามันไม่ธรรมดา
หนิงฝานหวนคิดถึงโลกแห่งหยินที่อยู่ภายในสร้อยคอ หวนนึกถึงดวงตะวันครึ่งขาวครึ่งดำดวงนั้น
ยามนี้ปราณน้ำแข็งม่วงไม่อาจทำร้ายหนิงฝานได้อีก สตรีลึกลับที่อยู่ในสร้อยหยินหยางเองก็ใช้โอกาสนี้ในการดูดกลืนปราณน้ำแข็งม่วง แม้นั่นจะทำให้นางเหน็ดเหนื่อยมาก แต่ดูเหมือนปราณน้ำแข็งม่วงสำคัญกับนางมากเช่นกัน
ภายในจิตใจของหนิงฝาน… ยามนี้หัวใจแห่งปีศาจเริ่มปั่นป่วน เขาเห็นส่วนที่มืดมนและเย็นเฉียบ เป็นส่วนที่เก็บเรื่องราวที่น่าเศร้าในวัยเด็ก เรื่องที่เกิดขึ้นในนิกายเหอหวน
อารมณ์ในด้านลบเริ่มก่อตัว หนิงฝานรู้ดีว่า อีกไม่นานตนเองต้องตัดขาดหัวใจแห่งปีศาจ.... หากเทียบกับอารมณ์ด้านลบแล้ว ความรู้สึกน่ากลัวที่สุด
ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำจำเป็นต้องตัดขาดความรู้สึก ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่ที่กำลังจะทะลวงขอบเขตนั้น จะไม่ไปหามิตรสหาย เพื่อเลี่ยงกับการเผชิญกับอารมณ์เหล่านั้น
แบบนั้นแล้ว จะทำให้หัวใจปีศาจของตนไม่ยึดติด ง่ายต่อการตัดขาด… แต่หากผู้เชี่ยวชาญที่ไม่อาจตัดขาดความรู้สึก ย่อมบรรลุขอบเขตแก่นทองคำได้ยาก
หากเลือกได้ หนิงฝานไม่อยากรู้จักจื่อเฮ่อและคนอื่นๆ เขาไม่อยากทิ้งความรู้สึกเหล่านั้น แต่นั่นก็ทำให้ทะลวงขอบเขตแก่นทองคำได้ยาก
ช่างน่าเศร้า หากต้องการทะลวงขอบเขตแก่นทองคำ หนิงฝานต้องตัดความรู้สึกที่มีให้เหล่าสตรีของตนไปให้หมด
“ข้าทำได้...”
หนิงฝานลืมตา จ้องมองไปยังปราณน้ำแข็งม่วงที่กำลังดูดกลืน
หากตนเองไม่ทะลวงขอบเขตแก่นทองคำ อีก 100 ปี ข้างหน้าที่เทพกษัตริย์เนี่ยมาเยือน เขาต้องไม่รอดแน่
เขาต้องตัดหัวใจแห่งปีศาจ ตัดความรู้สึกที่มีต่อจื่อเฮ่อและคนอื่นๆ แต่สุดท้าย...เขาก็ยังมีพวกนางเป็นกระถางขัดเกลา เมื่อถึงยามที่ต้องเผชิญหน้ากับเทพกษัตริย์เนี่ย เขาก็จะปกป้องพวกนางได้
ยามนี้ หัวใจแห่งปีศาจของหนิงฝานปั่นป่วนมากขึ้นเรื่อยๆ!
ความผันผวนของจิตใจส่งเป็นแรงกดดันเข้าสู่ร่างกาย ไหลซึมออกสู่ร่าง ก่อตัวเป็นหมู่เมฆ ชี้นำทัณฑ์สวรรค์เพื่อบรรลุไปยังขอบเขตแก่นทองคำ!
หนิงฝานตกตะลึง เขาคาดไม่ถึงว่าช่วงเวลาอันตรายเช่นนี้ ตนเองกลับจะบรรลุขอบเขตแก่นทองคำ
ยามนี้อัตราความสำเร็จไม่ใช่เรื่องสำคัญ หากพลาดโอกาสนี้ไป อย่างน้อยๆต้องเก็บตัวฝึกฝนอีก 10 ปีจึงจะมีโอกาสทะลวงขอบเขตแก่นทองคำอีกครั้ง… เดิมที หนิงฝานตั้งใจจะเดินทางไปยังวิหารสาบสูญตามสตรีลึกลับได้บอกกล่าว เพราะเวลาของที่นั่นจะรวดเร็วกว่าความเป็นจริงมาก ช่วยให้เขาลดเวลาฝึกฝนได้
เม็ดเหงื่อผุดออกจากหน้าผากหนิงฝาน แรงกดดันของหัวใจแห่งปีศาจไหลออกจากร่าง ก่อตัวเป็นหมู่เมฆที่ชักนำทัณฑ์สวรรค์
หนิงฝานไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่ยามนี้ ทัณฑ์สวรรค์ยังไม่แสดงอานุภาพ
ร่างของหนิงฝานทะลวงก้อนน้ำแข็งออกมา เขาไร้ซึ่งอาการบาดเจ็บ และกำลังจะทะลวงขอบเขตแก่นทองคำ!
เหตุที่ทัณฑ์สวรรค์ยังไม่สำแดงอานุภาพนั้น เป็นเพราะบนเวทีประลองมีปราณที่เบาบางเกินไป
แต่เหตุผลที่ทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญประหลาดใจ ไม่ใช่เพราะทัณฑ์สวรรค์ยังไม่สำแดงอานุภาพ แต่เป็นเพราะความเร็วในการฝึกฝนของหนิงฝานที่เร็วจนเกินไป!
ก่อนหน้าที่เข้าร่วมนิกาย หนิงฝานเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นกลาง เมื่อเข้าสู่ป่าแห่งภูติพราย 1 เดือน เขาทะลวงไปยังขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูง ผ่านไปอีก 6 เดือนกับการเก็บตัวฝึกฝน เขาทะลวงขอบเขตประสานวิญญาณขั้นสูงสุด และในระหว่างการประลอง เขาหลับกระตุ้นหัวใจแห่งปีศาจ และเตรียมที่จะทะลวงขอบเขตแก่นทองคำ
รวดเร็วเป็นอย่างมาก… เขาจะได้เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำที่มีอายุน้อยที่สุดของแคว้นเยว่! นับว่ามีพรสวรรค์ที่น่ากลัวราวกับปีศาจ
ในหมู่ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมด มีเพียงกุ่ยเชว่สื่อ ผู้อาวุโสซ่งเฟิง และชู่ปู้ยวินเท่านั้นที่เห็นว่าหัวใจปีศาจของหนิงฝานกำลังดิ้นรนขัดขืน ทั้งหมดถอนหายใจเล็กน้อย
กุ่ยเชว่สื่อเข้าใจว่าเหตุใดหนิงฝานถึงได้ดิ้นรนขัดขืน เพราะแม้หนิงฝานยังเด็ก แต่เขากลับมีสตรีมากมาย ยามนี้ยังต้องเลือกที่จะลืม
หากหนิงฝานบรรลุขอบเขตแก่นทองคำ เขาจะไม่เป็นสองรองใครในแคว้นเยว่ แต่เหตุใด...หนิงฝานถึงได้เลือกที่จะเร่งร้อนทะลวงระดับเช่นนี้?
กุ่ยเชว่สื่อรู้สึกอาย ก่อนที่มันจะบรรลุขอบเขตแก่นทองคำ มันตัดขาดความรู้สึกทุกสิ่ง แต่เมื่อบรรลุขอบเขตแก่นทองคำและได้พบกับมารดาของหลานเหม่ย มันก็กลับมามีความรู้สึกอีกครั้ง และมันไม่กล้าตัดความรู้สึกเหล่านั้นทิ้ง
สีหน้าไป๋เฟยเถิงย่ำแย่ลงอย่างต่อเนื่อง กระทั่งเริ่มกลับมาหวาดกลัวอีกครั้ง
เพราะวิชาน้ำแข็งร่วงหล่นของมันไม่อาจทำอันตรายหนิงฝานได้ ไม่อย่างนั้น หนิงฝานคงไม่อาจชักนำทัณฑ์สวรรค์ได้
ไม่นานนัก แววตาของไป๋เฟยเถิงสั่นเครือ มันเห็นว่าก้อนน้ำแข็งของมันกำลังพังทะลาย
“อำนาจแห่งสวรรค์!”
ไป๋เฟยเถิงถอยหลัง 2 ก้าว มันโคจรวิชาเพื่อก่อตัวเป็นก้อนน้ำแข็งอีกครั้ง ในชั่วลมหายใจนั้น หางตาของมันกลับเหลือบไปเห็นสิ่งที่น่ากลัว
เพราะเพลิงสีดำทมิฬได้พวยพุ่งขึ้นภายในก้อนน้ำแข็ง เผาน้ำแข็งทั้งหมดจนระเหย
“ทำลาย!”
เสียงของผู้เยาว์ดังก้อง ก้อนน้ำแข็งขนาดยักษ์ปริแตกดังสนั่น ก่อนจะแตกเป็นเศษเล็กเศษน้อย
“จบแล้ว...”
ผู้เยาว์คนนั้นหัวเราะลั่น ดวงตาเปล่งประกายสีดำวาบผ่ายน เพลิงปีศาจทมิฬในมือแปรเปลี่ยนเป็นเสาเพลิงขนาดยักษ์ปิดล้อมไป๋เฟยเถิงเอาไว้
“พะ...เพลิงปีศาจทมิฬ หนึ่งในเพลิงชีพจรพิภพ เพลิงระดับ 5!”
ผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดลุกยืนด้วยความตกใจ พวกมันไม่เชื่อว่าจะได้เห็นเพลิงปีศาจทมิฬ
เพลิงชนิดนี้เป็นที่รู้จักกันในหมู่ผู้เชี่ยวชาญ เพราะเพลิงนี้ ครั้งหนึ่งหานหยวนจี๋เคยใช้ แม้ระดับพลังของชายชราในยามนั้นจะเป็นเพียงผู้เชียวชาญประสานวิญญาณขั้นสูงสุด แต่ความแข็งแกร่งก็ไต่เต้ามาจนได้เป็น 1 ใน 10 ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในแคว้นเยว่
นอกจากนี้ ทุกคนยังรู้ว่าหนิงฝานเป็นศิษย์ของหานหยวนจี๋ ชายชราจุึงสมควรถ่ายทอดเพลิงชนิดนี้ให้
“เป็นถึงเพลิงเส้นชีพจรพิภพ… เพลิงน้ำแข็งระดับ 4 ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้… การประลองจบแล้ว” ผู้อาวุโสซ่งเผยสีหน้าตกตะลึง มันจ้องมองศัตรูคู่อาฆาตของมัน ที่อีกไม่นานกำลังจะแพ้ให้กับผู้เยาว์
พลังที่หนิงฝานแสดงออกมานั้น แข็งแกร่งมากจนเกินไป ไกลจนไป๋เฟยเถิงเอื้อมไม่ถึง!
“ไม่ ข้าไม่แพ้ ข้ามีเกราะสวรรค์...” ไป๋เฟยเถิงกลายเป็นบ้า มันโคจรปราณในร่างมารวมไว้ที่เกราะสวรรค์ เพื่อจะต้้านรับการจู่โจมของเขา
เกราะสวรรค์เปล่งเสียงหึ่งๆราวกับตื่นเต้น เพราะมันกำลังจะได้ลองต้านทานเพลิงปีศาจทมิฬ
แต่ในชั้วลมหายใจนั้นเอง หนิงฝานได้โคจรอีกวิชา
“วังวนมังกรเพลิงที่ 1”
ในตอนนั้นเอง เสาเพลิงทมิฬเริ่มหมุนวน เพราะสวรรค์ที่เปล่งเสียงหึ่งๆได้เงียบไป มันปรากฏรอยมากมาย
“ไม่มีทาง!” ไป๋เฟยเถิงนำยันต์ระดับแก่นทองคำออกมาหลายใบ ติดเข้าที่เกราะสวรรค์ แสงสีเขียวเปล่งประกายเจิดจ้าท่ามกลางเสาเพลิงทมิฬ ก่อเป็นเกราะคุ้มกัน
ในที่สุดเกราะสวรรค์ก็สามารถก็ต้านวังวนมังกรเพลิงที่ 1 ของหนิงฝานได้!
“วังวนมังกรเพลิงที่ 2”
เสาเพลิงหมุนวนเร็วขึ้น เพลิงทวีความรุนแรงมากขึ้น กระทั่งผม หนวด และเคราของไป๋เฟยเถิงถูกเผา
รอยปริแตกบนเกราะสวรรค์เพิ่มมากขึ้น อีกไม่นานมันก็ทนไม่ไหว
“ข้าไม่ยอม!” ไป๋เฟยเถิงสัมผัสกระเป๋า นำขวดโอสถเสริมปราณออกมา
มันกลืนโอสถเข้าไปจนหมด เมื่อได้รับปราณมากขึ้น ก็ถ่ายปราณเหล่านั้นหนุนเสริมไปยังเกราะ เพื่อต้านวังวนมังกรเพลิงที่ 2 ของหนิงฝาน
วังวนที่ 2 นี้ แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำยังได้รับบาดเจ็บสาหัส อำนาจของเพลิงทรงพลังเท่าทวี
รอบข้างที่เหล่าผู้เชี่ยวชาญชมการประลอง เหงื่อกายทุกคนไหลริน อากาศราวกับหน้าร้อน สีหน้าแต่ละคนแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
เพลิงที่รุนแรงระดับนี้ มีผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่ไม่อาจต้านรับได้ ยิ่งไป๋เฟยเถิงที่บาดเจ็บสาหัส ทั้งยังถูกแผดเผาโดยตรง ชะตากรรมของมันยิ่งเลวร้ายมากกว่า
“วังวนที่ 2 ยังไม่พอ… หากเด็กนั่นใช้วังวนที่ 3 ได้… แต่หานหยวนจี๋เคยกล่าวไว้ว่าไม่จำเป็นห้ามใช้” ชายชราคนหนึ่งกล่าว
คำกล่าวของชายชราคนนั้นทำให้เหล่าผู้เชี่ยวชาญที่ได้ยินหวาดกลัว หากหนิงฝานทำลายการป้องกันของไป๋เฟยเถิงไม่ได้ การประลองก็จะถือว่าเสมอกัน
“เสมอกันไม่ได้… แต่ก็ช่างเถอะ ยังไงไป๋เฟยเถิงก็ไม่มีทางแพ้ ข้าเดิมพันข้างมันไว้มาก”
นั่นคือสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนคิด เพราะคนเหล่านี้ยังเชื่อว่าไป๋เฟยเถิงจะชนะ
แต่พวกมันก็ต้องผิดหวัง เพราะหนิงฝานใช้วิชาต่อไป!
“วังวนมังกรเพลิงที่ 3! มังกรทมิฬ กัดมัด!”
แววตาหนิงฝานเย็นชา เพลิงหมุนวนทวีความรุนแรง ก้นเสาเพลิงก่อตัวเป็นหัวมังกรขนาดยักษ์ มันกัดเข้าที่หัวไหล่ของไปเฟยเถิง แล้วกระชากทั้งเกราะทั้งไหล่ออกมาด้วย จนโลหิตสาดกระจาย
“อ้า~~”
ไป๋เฟยเถิงร้องอย่างน่าสังเวท หัวไหล่ของมันโดยกระชากไป!
มันเร่งนำสมบัติออกมานับ 10 ชิ้น แต่ละชิ้นล้วนเป็นสมบัติชั้นสูง
ยามนี้ไป๋เฟยเถิงได้ลืมเลือนทุกสิ่ง ลืมเลือนแพ้ชนะ ลืมเลือนการประลอง มันคิดเพียงว่าต้องหยุดการจู่โจมของหนิงฝานให้ได้
“ทำลาย… ทำลาย… ทำลาย!”
สมบัติที่ไป๋เฟยเถิงนำออกมาถูกทำลายอย่างบ้าคลั่ง แต่นั่นก็ช่วยสร้างช่องโหว่ให้เสาเพลิง มันจึงฉวยโอกาสนี้หนีไป ยามนี้เกราะของมันใกล้จะพังแล้ว
แต่อย่างน้อยๆ มันก็ต้านวังวนมังกรเพลิงที่ 3 ได้!
“ในที่สุด… ในที่สุดก็ป้องกันได้ ข้าไม่เสียหน้าแล้ว...” ยามนี้ไป๋เฟยเถิงไม่สนเรื่องแพ้ชนะ เพราะมันรู้ดีว่าสู้หนิงฝานไม่ได้
หนิงฝานเองก็ต้องทุ่มความพยายามกับไป๋เฟยเถิงเหมือนกัน เพราะมันมีประสบการณ์การต่อสู้ที่โชกโชน จึงรับมือได้ยาก
“วิชาพิรุณน้ำแข็ง!”
ยามนี้หนิงฝานเหลือปราณไม่มาก เขาจึงเปลี่ยนมาใช้วิชาพิรุณน้ำแข็งแบบไม่เต็มประสิทธิ์ภาพมากนัก
สำหรับผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆแล้ว วิชาพิรุณน้ำแข็งไม่ควรค่าให้กล่าวถึง พวกมันจึงแหงนมองหอกน้ำแข็งที่ปรากฏ ด้วยสายตาเย้ยหยัน
“ผลการประลองตัดสินแล้ว… พิรุณน้ำแข็งพวกนั้นทำอะไรข้าไม่ได้...”
หอกน้ำแข็งที่เข้ากระทบเกราะสวรรค์แตกสลายไป
เพียงแต่ไอความเย็นได้แผ่ไปทั่วเกราะสวรรค์ ทั้งยังเปล่งเสียง *แคร้ก*
หากโดนจู่โจมด้วยลูกศรน้ำแข็ง 1 ดอก ย่อมไม่เกิดผลกระทบ แต่หากระดมจู่โจมอย่างต่อเนื่อง เลือดลมของไป๋เฟยเถิงจะปั่นป่วน
แต่หนิงฝานกล่าวไว้ว่าเขาจะไม่ฆ่าไป๋เฟยเถิง แค่จำทำให้มันบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น!
“อะไรกัน… เกราะของข้าต้านรับมาจนถึงวังวนมังกรเพลิงที่ 3 แต่กลับต้องมาเสียท่าให้วิชาพิรุณน้ำแข็ง” ผู้เชี่ยวชาญทุกคนตกตะลึง ว่าเหตุใดหนิงฝานใช้วิชาได้ 2 ธาตุ
วิชาวังวนมังกรเพลิง หนิงฝานต้องมีเส้นชีพจรเพลิงจึงจะใช้ได้
วิชาพิรุณน้ำแข็ง แม้จะเป็นวิชาระดับต่ำ แต่หนิงฝานต้องมีเส้นชีพจรน้ำแข็งก่อน
หรือเป็นผู้เชี่ยวชาญ 2 ธาตุ!
เหล่าผู้เชี่ยวชาญจ้องมองหนิงฝานด้วยความไม่อยากเชื่อ แต่เหตุใดหนิงฝานถึงได้ยกระดับพลังรวดเร็วขนาดนี้… เส้นชีพจรที่เขามีคือคำตอบ
ผู้เชี่ยวชาญที่ครอบครอง 2 ธาตุนับว่าหาได้ยาก
“เจ้า… เจ้า...” ไป๋เฟยเถิงถูกกระหน่ำจู่โจม มันคิดอยากให้ตนเองตายไปเสียเดี๋ยวนี้ เพราะหากต้องเผชิญสายตาที่เย็นชาของผู้คน สู้มันตายไปยังดีเสียกว่า
“เหตุที่เจ้าพ่ายให้ข้า เพราะเจ้าดูถูกข้าเกินไป… ชื่อปีศาจไป๋ทำให้เจ้าอวดดี และหลงลืมไปว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้า… โลกแห่งการฝึกตนนั้นกว้างใหญ่ เจ้าไม่ใช่ผู้ที่ทรงพลังที่สุด แม้ผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกว่าทรงพลังแล้ว แต่พวกนั้นก็ยังไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด...”
ขณะกล่าวเมื่อครู่ หนิงฝานชำเลืองมองไปยังชู่ปู้ยวิน ก่อนจะเดินออกจากลานประลองเงียบๆ
“อย่าได้มารบกวนข้าอีก...”
หนิงฝานกล่าวเพียงเล็กน้อยก่อนจะตรงไปยังที่นั่งผู้ชม ยามนี้เขาตกเป็นเป้าสายตา แต่ถึงอย่างนั้น เหล่าผู้เชี่ยวชาญไม่มีผู้ใดกล้ากล่าว
เด็กนี่เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ แต่ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ ก็น้อยคนที่จะสูงหนิงฝานได้
“จากนี้ไป นิกายกุ่ยเชว่จะไม่มีปีศาจไป๋… จะมีเพียงข้า ปีศาจหนิงเท่านั้น!”
หนิงฝานได้รับขนานนามว่าปีศาจหนิง ทั้งยังเป็นผู้เชี่ยวชาญที่อายุน้อยที่สุด และรับการดูแลเป็นพิเศษจากประมุขนิกาย...