42 คุณมาจากครอบครัวร่ำรวย แล้วยังไงเหรอ?
42 คุณมาจากครอบครัวร่ำรวย แล้วยังไงเหรอ?
“สบายใจได้ นายปล่อยให้ฉันดูแลพี่สาวของนายเอง ฉันมีพอจะมีเพื่อนอยู่ในกระทรวงเกษตรอยู่บ้าง” หวังหมิงเปาให้คำรับรอง
“ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นนายก็บอกฉันด้วยนะ” หวังเย้าพูด
“ได้”
ทั้งสองพูดคุยกันอยู่นาน แล้วหวังหมิงเปาก็ลุกขึ้นและจากไป
...
บนเกาะที่ห่างออกไปหลายร้อยกิโลเมตร ในวิลล่าหรูแห่งหนึ่ง
มีคนสามคนอยู่ในห้องโถง—ชายวัยกลางคน ชายวัยหกสิบ และหญิงสาวรูปร่างหน้าตาดี ชายวัยกลางคนคือเทียนหยวนถูที่ไปเอาอันเฉินซานมาจากหวังเย้า ชายวัยหกสิบถือขวดยาเอาไว้ในมือและจิบลงไปเล็กน้อย
“เป็นยังไงบ้างครับลุงกู่?” หญิงสาวถาม
ชายแก่ไม่ได้พูดอะไรออกมาแล้วจึงลืมตาขึ้นมา ตาของเขาเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“โสม ตังกุย รากชะเอม...”
ถ้าหากหวังเย้าอยู่ที่นี่ด้วยเขาคงจะต้องตกใจมาก เพราะชายแก่สามารถบอกสมุนไพรทุกชนิดที่เขาใส่ลงไปในยาได้ทั้งหมด ด้วยการจิบแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ช่างเป็นความสามารถที่น่าตกใจมาก
“ยาดี!” ชายแก่แซ่กู่พูด
“อาจารย์กู่ หรงเฉิงสามารถใช้ยานี้ได้ไหมครับ?” เทียนหยวนถูถาม
“ได้สิ ผมบอกคุณแล้วว่าผมไม่ได้เป็นอาจารย์” กู่ยิ้มแล้วพูด “คุณไปเอายาตัวนี้มาจากไหนเหรอ?”
“เหลียนชานครับ ผมได้มาโดยยังเอิญ”
“โอ้? คุณสามารถแนะนำผู้เชี่ยวชาญระดับสูงที่ทำยาตัวนี้ออกมาให้ผมรู้จักได้ไหม?” กู่ถาม
“กฎ...กฎเกณฑ์ที่ชายคนนั้นตั้งขึ้นมาค่อนข้างแปลกน่ะครับ”
เทียนหยวนถูรู้สึกอาย มันเป็นเรื่องที่ดีที่สามารถได้รับความสนใจจากคุณกู่ เขาถึงกับเรียกคนที่ทำยาตัวนี้ว่าผู้เชี่ยวชาญระดับสูง ซึ่งมันทำให้เทียนหยวนถูรู้สึกตกใจกับความสำคัญที่คุณกู่มีให้
ชายแก่ดูเป็นคนใจดี แต่ความคาดหวังที่เขามีนั้นสูงมาก ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่เขาจะชื่นชมใครสักคนออกมา นั้นก็หมายความว่า หวังเย้าและอาจารย์ของเขานั้นต้องเป็นคนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ เขาควรรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับหวังเย้าเอาไว้ ในเมื่อทุกคนสามารถเจ็บป่วยได้ตลอดเวลา แต่เขาก็สามารถประจบอาจารย์กู่ด้วยการแนะนำหวังเย้าได้อีกด้วย แต่ถ้าทำอย่างนั้นหวังเย้าอาจจะไม่พอใจได้ถ้าอยู่ๆก็แนะนำเขาให้กับคนอื่น
“ไม่เป็นไรหรอก ผมแค่สงสัยเท่านั้น มันมีสมุนไพรเวทมนต์อยู่ในยาตัวนี้ด้วย” กู่พูด “คุณสามารถนัดมาได้เลยแล้วบอกผมถ้าเขายินดีที่จะพบกับผม”
“ได้ครับ” เทียนหยวนถูเห็นด้วย
“แล้วหรงเฉิงใช้ยาตัวนี้ได้ไหมครับ?”
“ได้ แล้วยาตัวนี้ใช้ยังไงเหรอ?” กู่ถามเทียนหยวนถู
“ต้องทำให้ยาอุ่นก่อนที่จะดื่มมัน และต้องดื่มให้หมดภายในสามวันครับ” เทียนหยวนถูพูด
อยู่ดีดีกู่ก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ “เขาเป็นคนที่รักษาภรรยาของคุณรึเปล่า?”
“ใช่ครับ ด้วยยาสมุนไพร”
เทียนหยวนถูได้เคยขอร้องให้อาจารย์กู่รักษาภรรยาของเขามาก่อน เขาได้ฝังเข็มให้เธอและยังจ่ายยาให้กับเธออีกหนึ่งโดสด้วย มันได้ผลในช่วงแรกและอาการของเธอก็อยู่ในการควบคุมที่ดี แต่ถึงอย่างนั้น มันกลับมีผลข้างเคียงของยา ทำให้เธออ้วกและถ่ายไม่หยุด เธอจึงต้องหยุดกินยาไป
“อืม เดี๋ยวผมจะไปป้อนยาให้กับเขา”
เทียนหยวนถู กู่ และหญิงสาว ได้เดินลงไปชั้นล่าง พวกเขาเข้าไปในห้องนอนที่เต็มไปด้วยกลิ่นกำยานที่ช่วยบำบัดรักษาคนป่วยให้รู้สึกสบายตัว
มีหน้าต่างอยู่บานหนึ่งติดกับเตียง และบนเตียงมีคนคนหนึ่งนอนอยู่ เขาผอมแห้งซีดเซียว และมีถุงใต้ตา ดวงตาของเขาเกือบปิดและมีลมหายใจที่อ่อนแรง มีอุปกรณ์การรักษามากมายอยู่รอบเตียง
“เห้ออ” หญิงสาวถอนหายใจเมื่อพวกเขาเข้ามาในห้องนอน
เทียนหยวนถูมองไปที่คนที่นอนอยู่บนเตียง ชายคนนี้เคยหล่อเหลามาก่อน แต่ตอนนี้เขากลับมีร่างกายผอมราวกับท่อนไม้ ตอนนี้เขามีชีวิตได้ด้วยยาเท่านั้นและสามารถจากไปได้ตลอดเวลา
หญิงสาวกระซิบข้างหูเขาแล้วจึงป้อนอันเฉินซานให้กับเขา กู่จับชีพจรของชายที่อยู่บนเตียงแล้วจึงลุกขึ้นยืน
“อาการยังเหมือนเดิม ยาจะต้องกินให้หมดในสามวันและต้องอุ่นอยู่เสมอ”
“ได้ค่ะ” หญิงสาวพูด
“พักผ่อนเยอะๆนะ”
เทียนหยวนถูอยู่ในวิลล่าสักพัก แล้วจึงลุกขึ้นและจากไป
“เสี่ยวสี เอายามาให้ฉัน” กู่พูดกับหญิงสาว เมื่อเทียนหยวนถูจากไปแล้ว หญิงสาวไม่ได้ถามอะไรออกไปและยื่นขวดยาให้กับชายแก่ไป ชายแก่หยิบขวดออกมาจากกระเป๋าของเขาแล้วจึงเทยาลงไปในนั้นเล็กน้อยและปิดฝา
“ลุงกู่ ยามีปัญหาอะไรรึเปล่าคะ?”
“ไม่มีปัญหาอะไร แต่ฉันแค่สงสัยเกี่ยวกับส่วนผสมของยาและอยากจะเอายาไปทดสอบสักหน่อย เสี่ยวสี เธอต้องดูแลเขาให้ดีดีนะ” กู่สั่ง
“ได้ค่ะ” หญิงสาวตอบ
“เธอทุกข์ใจมามากแล้ว”
ชายแก่มองไปที่หญิงสาวที่งดงามตรงหน้า เธอเพิ่งจะอยู่ในช่วงอายุสามสิบ ซึ่งควรจะเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมสำหรับเธอ เธอได้แต่งงานกับชายที่มีฐานะและเธอควรจะต้องมีชีวิตที่ดี
แต่กลายเป็นว่า สามีของเธอกลับป่วยด้วยโรคประหลาดโดยไม่มีสัญญาณเตือนใดๆ สำหรับเธอ การที่ต้องเป็นม่ายนั้นเป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก
“การอยู่ในครอบครัวที่ร่ำรวยมันค่อนข้างที่จะยุ่งยากและซับซ้อน แต่ฉันก็ต้องจัดการกับมันให้ได้” หญิงสาวพูด
ชายแก่มองไปที่หญิงสาวที่เหมือนกับลูกสาวของเขา เขาดูแลคนป่วยก็เพราะเขาคือสามีของเธอ ฐานะของเขาไม่ได้มีความหมายอะไรเลย
ด้านนอกห้องนั้นสว่างมาก
บนก้อนหินที่อยู่บนเนินเขาหนานชาน มีชายหนุ่มที่กำลังพยายามรวบรวมพลังฉีด้วยการทำสมาธินั่งอยู่
หวังเย้าหลับตาและเขารู้สึกถึงความอบอุ่นได้ถูกตัวของเขาจากทางทิศตะวันออก—พระอาทิตย์กำลังขึ้นแล้ว เขาหายใจเข้าออกแล้วปล่อยตัวไปตามแรงลม รวบรวมพลังฉีในตอนเช้าตรู่และท่องจำคัมภีร์ในตอนเย็น เป็นสิ่งที่หวังเย้าทำเป็นประจำทุกวัน
หวังเย้ากลับไปที่กระท่อมของเขาในเวลาเกือบเก้าโมงเช้า วันนี้เป็นวันที่เจ็ดของภารกิจแล้วและเหลือยาที่ต้องต้มเพียงตัวเดียวเท่านั้น
เลือกสมุนไพร ชั่งน้ำหนัก ล้างสมุนไพร แช่สมุนไพร จุดไฟและสุดท้ายต้มสมุนไพร ในทุกๆขั้นตอนเหล่านี้จะต้องทำด้วยความระมัดระวังและเป็นระบบระเบียบให้มากที่สุด
ยาหนึ่งโดสเท่ากับหนึ่งความสำเร็จ
‘ภารกิจ : ทำยาสิบชนิดภายในเวลาเจ็ดวัน สำเร็จ’
หวังเย้าได้ยินเสียงของระบบทันทีที่เขาทำยาตัวสุดท้ายสำเร็จ แต่กลายเป็นว่า สิ่งที่เขาได้รับกลับเป็นเพียงแค่คะแนนโบนัสพิเศษและไม่มีอะไรอีกเลย
เมื่อรวม 25 คะแนนที่ได้รับเข้ากับคะแนนที่มีอยู่ สามารถแลกเปลี่ยน องค์ประกอบห้าเส้น(หวูหางเจิ้นฟ่า)ได้แล้ว
หวังเย้าเปิดหน้าต่างร้านขายยาของระบบขึ้นมา แล้วจึงแลกองค์ประกอบห้าเส้นมาเป็นอันดับแรก มันใช้แค่ 5คะแนนเท่านั้น
เมื่อมองไปที่หนังสือโบราณที่อยู่ในมือของเขา มันทำให้หวังเย้าอดตื่นเต้นไม่ได้เมื่อเปิดหนังสือ มันอธิบายพื้นฐานของการจัดตั้งค่ายกล มันไม่ใช่ค่ายกลสำหรับสงคราม แต่เป็นค่ายกลสำหรับภูเขา แม่น้ำ ป่า และไม้ พวกมันส่วนใหญ่ใช้สำหรับการป้องกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่หวังเย้ากำลังต้องการ
เมื่อได้รับหนังสือมาแล้ว หวังเย้าได้ศึกษามันเมื่อเขาไม่ได้ทำงานในแปลงสมุนไพร รวบรวมพลังฉีและอ่านคัมภีร์ เมื่อเวลาผ่านไปอากาศก็เริ่มเย็นลง
...
หวังเย้าลงจากเนินเขาและออกจากหมู่บ้านไป เขาได้เข้าไปในเมือง เขาต้องการซื้อต้นกล้ามาปลูก
“อะไรนะ? คุณจะซื้อต้นกล้าแล้วจะทำเรือนกระจกงั้นเหรอ?” คนที่ได้ยินความต้องการของหวังเย้า ที่ต้องการซื้อต้นกล้าไปปลูกคิดว่าชายหนุ่มคนนี้ต้องบ้าแน่นอน
“ใช่!” หวังเย้าตอบง่ายๆ
“คุณอยากได้ต้นกล้าของต้นอะไรเหรอ? ช่วงนี้มันไม่ใช่ช่วงสำหรับปลูกต้นไม้ คุณรู้ใช่ไหม” ชายคนนั้นเตือนเขา “มันเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิและใกล้จะเข้าฤดูหนาวแล้ว แต่คุณก็ยังจะพยายามปลูกต้นไม้ตอนนี้เนี้ยนะ?”
“ต้นพุทรา ต้นนุ่น บอนไซ จำปี” หวังเย้ามองข้ามคำเตือนของชายคนนั้น
“ห๊ะ?!” ชายคนนั้นตกใจ