บทที่ 54 ลาดตระเวน
บทที่ 54 ลาดตระเวน
ฟ้าเพิ่งจะสว่างรำไร หลิงม่อก็ตื่นแล้ว
วันนี้เขามีเรื่องต้องทำมากมาย เช่นออกล่าซอมบี้กลายพันธุ์ หาก้อนไวรัสที่ใช้ไปจนร่อยหรอมาเพิ่ม และ...หาเสบียงกลับมาเพิ่ม!
อาหารที่เก็บสะสมไว้ก่อนหน้านี้ก็เหลือไม่มากแล้ว แม้เมื่อวานจะได้บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปมาครึ่งลัง แต่สำหรับหลิงม่อแล้วก็ยังไม่พอ
การต่อสู้บ่อยครั้งและการเดินทางเป็นเวลานาน อีกทั้งการใช้พลังจิตอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณการกินอาหารของหลิงม่อยิ่งน่าตกใจขึ้นเรื่อยๆ
แน่นอนว่าที่เกิดสถานการณ์แบบนี้ ส่วนใหญ่แล้วสาเหตุคืออาหารที่หามาได้ไม่ใช่ของที่มีคุณค่าทางโภชนาการอะไรนัก ต่อให้กินมากแค่ไหนก็ช่วยเสริมแรงกายที่ใช้ไปไม่ได้
แค่กินอิ่ม ยังห่างไกลคำว่าเพียงพอนัก
หลิงม่อเคยชินกับการเตรียมตัวให้พร้อมก่อนออกไปข้างนอก ดังนั้นหลังจากตื่นนอนแล้ว เขาก็เริ่มจัดกระเป๋าเป้สะพายหลังทันที
หลิงม่อพอใจตึกที่พักแห่งนี้มาก มีความเหมาะสมลงตัวในฐานะที่เป็นที่ซ่อนตัว เพราะฉะนั้นภายในระยะเวลาสั้นๆ นี้ เขาจึงไม่คิดว่าจะไปจากที่นี่
แม้ความจริงแล้วเป้าหมายของเขาคือมหาวิทยาลัยเมือง X แต่ที่นี่ก็ใกล้กับที่นั่นมากแล้ว เมื่อวานระหว่างทางที่มาตึกแห่งนี้ หลิงม่อก็พบว่าจะเคลื่อนไหวในเมืองที่คึกคักแบบนี้นั้นยากมาก
ด้วยภูมิประเทศซับซ้อน สิ่งก่อสร้างมากมาย และจำนวนซอมบี้มากจนน่าตะลึง เมื่อเอาปัจจัยเหล่านี้มารวมกันแล้ว ในแถบพื้นที่นี้ก็กลายเป็นสถานที่ที่อันตรายสุดๆ
เทียบกับการที่จะโผล่ไปมหาวิทยาลัย X ที่สถานการณ์คลุมเครือ หลิงม่อยอมยึดที่นี่เป็นฐานที่มั่นก่อน จากนั้นเมื่อทำความเข้าใจในละแวกนี้แล้ว ก็ค่อยวางแผนต่อไป
นี่ก็คือสิ่งที่เรียกว่าการลาดตระเวนล่ะ แต่ปริมาณงานนั้นค่อนข้างเยอะ แน่นอนว่าในขั้นตอนลาดตระเวนก็สามารถเก็บสะสมสิ่งของเครื่องใช้ได้ ถ้าหากโชคดี ไม่แน่ว่าอาจจะพบสถานที่ที่เก็บซอมบี้กลายพันธุ์ก็ได้
คิดพิจารณาว่าซอมบี้ในละแวกนี้จะมีจำนวนมากกว่าแถบซานจงเกินเท่าตัว หลิงม่อจึงเอาของติดตัวที่ไม่จำเป็นทิ้งไว้ในห้องเพื่อลดภาระน้ำหนักของตัวเองให้เบาลง
ที่นี่ค่อนข้างอยู่ห่างไกล บริเวณที่จอดรดและไซต์งานต่างก็มีซอมบี้ป้วนเปี้ยนอยู่ แม้ผู้รอดชีวิตจะหนีมาถึงใกล้ๆ นี้ ก็คงไม่คิดว่าในตึกที่พักอาศัยจะมีคนอยู่ ดังนั้นเอาของซ่อนไว้ที่นี่ก็ยังค่อนข้างปลอดภัย
หลิงม่อห้อยมีดหนึ่งด้ามและกริชหนึ่งเล่มไว้ที่เอว ช็อคโกแล็ตสองสามแท่งสุดท้ายถูกยัดใส่ในกระเป๋าเสื้อ เพื่อสะดวกแก่การเสริมพลังงานได้ตลอดเวลา สุดท้ายเขายังหาขวดน้ำแบบทหารเอามาใส่น้ำแร่จนเต็ม ส่วนสิ่งของอื่นๆ ก็ถูกเทออกมาจากกระเป๋าเป้ เอากองไว้ในลังเดียวกับบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั้งหมด
ไม่ได้สะพายกระเป๋าเป้โล่งๆ ออกไปข้างนอกนานมากแล้ว แม้จะมีภารกิจที่หนักหน่วง แต่หลิงม่อก็ยังรู้สึกสบายขึ้นเยอะ
เพื่อความปลอดภัย ก่อนที่จะพาซย่าน่าและเย่เลี่ยนออกไปข้างนอก หลิงม่อก็จงใจเอาของในห้องซ่อนไว้ใต้เตียง แล้วทำเตียงให้ยุ่งๆ แสร้งทำเป็นว่าไม่มีใครอาศัยอยู่ และเปิดประตูไว้กว้างๆ จากนั้นจึงได้ออกไปอย่างวางใจ
ในฐานะที่เป็นย่านเจริญในเขตเมือง แม้ที่นี่จะไม่ได้มีถนนเส้นหลักอะไร แต่จำนวนซอมบี้ก็เยอะจนชวนให้ขนหัวลุก ร้านรวงรอบๆ ถูกทำลายในระดับสูงขึ้นมาก แค่ยานพาหนะที่ทิ้งไว้บนถนนและร่องรอยที่หลงเหลือหลังจากระเบิดก็ทำให้รู้สึกอกสั่นขวัญหาย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลือดที่เกาะตัวกันแข็งเต็มพื้น เหมือนพื้นถูกปูด้วยพรมสีเลือด
พอเดินไปถึงถนน หลิงม่อก็ทำหน้าจริงจังขึ้นมา แม้จะมีซอมบี้กลายพันธุ์สองตัวอย่างเย่เลี่ยนและซย่าน่าอยู่ด้วย แต่หากจะทำการเก็บสะสมและออกล่าในสถานที่อันตรายแบบนี้ แรงกดดันก็ยังสูงอยู่ดี
แค่เคลื่อนไหวเพียงนิดเดียวก็คงดึงดูซอมบี้ได้ฝูงใหญ่ เหมือนก่อนหน้านี้ที่ใช้วิธีดึงดูดซอมบี้ด้วยเสียงจากโทรศัพท์ แต่อยู่ที่นี่กลับทำไม่ได้เลย เพราะที่นี่ไม่เพียงจะไม่มีพื้นที่โล่งที่กว้างพอที่จะรองรับซอมบี้ที่ถูกดึงดูดแล้ว แต่ยังมีลักษณะพิเศษที่อันตรายถึงชีวิตสุดๆ ด้วย นั่นก็คือเป็นถนนที่เปิดทุกทิศทาง ทั้งสี่ทิศมีซอกซอยมากมาย
พอเสียงเพลงดังขึ้น ซอมบี้จากทั่วสารทิศก็จะแห่กรูกันเข้ามา ต่อให้เขาจะใช้พลังควบคุมหุ่นซอมบี้ สามารถรับประกันได้ว่าจะไม่ถูกฝังอยู่ในกระแสซากซอมบี้ แต่จะต้องติดแหง็กตายอยู่ที่นี่อย่างแน่นอน เรื่องที่เป็นการฝังศพตัวเองแบบนี้ หลิงม่อไม่มีทางทำ
วิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือวิธีที่โง่ที่สุด ซึ่งก็คือค่อยๆ ฆ่าพวกมันไปทีละนิด และยังต้องพยายามเต็มที่ไม่ให้ดึงดูดความสนใจซอมบี้ที่อยู่ห่างออกไปด้วย
แม้ซอมบี้พวกนี้จะมีอวัยวะครบ แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีจุดอ่อน ตอนที่ยังไม่เจอเหยื่อ โดยพื้นฐานพวกมันจะเดินโงนเงนช้าๆ พื้นที่เคลื่อนย้ายจะเล็กมาก ดังนั้นแม้ซอมบี้บนถนนจะเยอะ แต่ก็ไม่ได้มากระจุกตัวแน่นขนัด แค่ใช้ประโยชน์จากช่องว่างระหว่างพวกมันก็พอจะทำได้
เรื่องแบบนี้คนธรรมดาทั่วไปทำได้ยาก แต่หลิงม่อมีความสามารถในการควบคุมหุ่นซอมบี้ เวลาใช้พลังก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น
ก่อนอื่นเขามุดเข้าไปในรถโดยมีซย่าน่าช่วยบัง จากนั้นก็ควบคุมเย่เลี่ยนให้ไปอยู่ข้างหลังกลุ่มซอมบี้ที่อยู่ใกล้ที่สุด
เพื่อไม่ให้เลือดสดๆ ดึงดูดซอมบี้ที่อยู่ไกล หลิงม่อไม่ได้ให้เย่เลี่ยนใช้ดาบวงพระจันทร์ ทว่าใช้วิธีที่โหดร้ายกว่านั้น ซึ่งก็คือการหักคอ
ด้วยพละกำลังของเย่เลี่ยน ในพริบตาที่สองมือของเธอโอบหลังศีรษะของฝ่ายตรงข้าม ก็แทบจะได้ยินเสียง ‘กร๊อบ’ เบาๆ ทันที จากนั้นเธอก็ค่อยๆ วางซากซอมบี้ตัวนั้นลงพื้นช้าๆ แม้จะเสียงเบาขนาดนั้น แต่ก็ยังดึงดูดให้ซอมบี้สองสามตัวที่เหลือให้หันมามอง ทว่าซอมบี้ทั่วไปถ้าไม่ได้อยู่ในสภาพคลั่งก็จะไม่โจมตีพวกเดียวกัน ดังนั้นพวกมันแค่หันมา แต่กลับไม่ได้จู่โจมเย่เลี่ยนที่อยู่ในระยะประชิด
และในเวลานี้หลิงม่อก็ชะโงกศีรษะออกมาจากหลังรถ พริบตาที่ซอมบี้พวกนี้สังเกตเห็น เขาก็ใช้พลังควบคุมหุ่นซอมบี้ทันที แต่หลิงม่อก็สังเกตได้ในเวลานี้ว่า หลังจากที่ความสามารถเลื่อนระดับแล้ว พลังควบคุมซอมบี้ของเขาก็เหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย ก่อนหน้านี้เขาต้องประสานสายตาทั้งคู่กับพวกมันจึงจะควบคุมซอมบี้ได้ แต่ตอนนี้หลังจากที่แค่รวบรวมสมาธิจดจ่อ ซอมบี้สองตัวหันกลับไปค่อนข้างช้าซึ่งไม่ได้สบตาเขาเลยก็ได้ถูกเขาควบคุมไว้แล้ว
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมาคิดเรื่องพวกนี้ ด้วยการควบคุมหุ่นซอมบี้ของหลิงม่อ เส้นเชือกไร้รูปก็ตรึงซอมบี้พวกนั้นไว้แน่นทันที ขณะเดียวกันกับที่ควบคุมซอมบี้สองสามตัวสำเร็จ มุมปากของหลิงม่อก็ปรากฎรอยยิ้มชั่วร้าย
หลังจากที่ซอมบี้พวกนี้ถูกควบคุม พวกมันก็ฆ่าฟันกันเองทันที และด้วยการควบคุมอย่างระมัดระวังของหลิงม่อ พวกมันก็ตายเรียบ
หลิงม่อแหวกทางมาถึงหน้าทางเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆ ได้แล้ว ด้วยวิธีการต่อสู้ที่ระมัดระวังแบบนี้
ซุปเปอร์มาร์เก็ตแห่งนี้มีขนาดเล็ก แต่สินค้าที่เหลือทิ้งไว้กลับมีจำนวนไม่น้อย นี่เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยาก อย่างไรเสียก็ใช่ว่าผู้รอดชีวิตทุกคนจะมีความสามารถมาเก็บสะสมของกินถึงที่นี่ได้
หลังจากที่ให้ซย่าหน้าเฝ้าระวังที่ทางเข้า หลิงม่อก็รีบเข้าไปหาของในซุปเปอร์มาร์เก็ตกับเย่เลี่ยนอย่างรวดเร็ว
ของกินแต่ละแบบแต่ละอย่างกองใหญ่ถูกยัดเข้ามาในกระเป๋าเป้อย่างรวดเร็ว หลิงม่อก็พลอยเริ่มรู้สึกผ่อนคลายไปด้วย
ในวันโลกาวินาศ ถ้าเสี่ยงอันตรายได้มากเท่าไรก็จะเก็บเกี่ยวได้มากเท่านั้นจริงๆ
++++++++++