ตอนที่แล้วบทที่ 52 เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 54 ลาดตระเวน

บทที่ 53 ที่อยู่ใหม่


บทที่ 53 ที่อยู่ใหม่

 

หวังหลิ่นถูกทิ้งอยู่ในโรงแรม คิดว่าหลังจากที่เธอได้สติแล้วก็คงจากไปเอง ส่วนที่ว่าเธอจะหาหลี่อวี้เจอไหม ก็ขึ้นอยู่กับโชคของพวกเขาแล้ว

 

ส่วนที่ว่าจะจัดการหวังเฉิงยังไง หลิงม่อกลับลังเลนิดหน่อย

 

สำหรับหวังเฉินที่ค่อนข้างเป็นคนคิดชั่วและมีนิสัยโหดเหี้ยมอดทน หลิงม่อไม่ค่อยรู้สึกดีด้วยเท่าไรนัก

 

เดิมนึกว่าพออีกฝ่ายไปถึงแคมป์ผู้รอดชีวิตแล้วอย่างน้อยก็คงสงบเสงี่ยมเจียมตัวสักพัก แต่ไม่คิดเลยว่าจะป่ายปีนเกาะ ‘ต้นไม้ใหญ่’ อย่างหวังหลิ่น มีคนแบบเขาอยู่ที่แคมป์ หลิวอวี่หาวก็คงไม่มีโอกาสได้หลุดพ้น ไม่แน่ว่าอาจจะถูกเพื่อนร่วมชั้นสองคนนี้ใช้ประโยชน์จนตายเลยก็ได้

 

และอีกฝ่ายก็รู้เรื่องที่เกี่ยวกับเขามามากเกินไป แม้จากการแสดงออกของหวังหลิ่นจะดูออกว่า หวังเฉิงไม่ได้จะพูดเรื่องที่ซย่าน่ากลายเป็นซอมบี้ แต่ก็ยากจะรับประกันได้ว่าต่อไปอีกฝ่ายจะไม่หาเรื่องวุ่นวายมาให้เขาอีก

 

“ถือว่าทำบุญแล้วกัน” หลิงม่อแอบคิดในใจ ปิดตาทั้งคู่ลงช้าๆ จนตอนที่เขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง สายสัมพันธ์ทางจิตระหว่างเขาและซอมบี้ตัวนั้นก็ตัดขาดจากกัน

 

ซอมบี้ตัวที่หลุดจากการควบคุมหนึ่งตัว และคนเป็นๆ ที่ยังไม่ได้สติหนึ่งคน จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นก็ไม่จำเป็นต้องไปคิด...

 

น่าจะเพราะได้รับผลกระทบจากกลิ่นอายดุเดือดรุนแรง ทำให้ตอนที่หลิงม่อฆ่าคนครั้งแรกไม่รู้สึกตื่นตระหนกเท่าไรนัก แต่นี่ก็ไม่ได้แสดงว่านับจากนี้เขาจะกลายเป็นคนบ้าเลือด ดังนั้นตอนที่ตัดสายสัมพันธ์ทางจิต หลิงม่อถึงยังลังเลนิดๆ

 

แต่ความลังเลนี้ก็ถูกขับออกจากหัวของเขาไปในวินาทีที่เขาหลับตา

 

ในวันโลกาวินาศ ถ้าหากไม่โหดพอก็จะถูกคนอื่นปฏิบัติด้วยแบบคนอ่อนแอ...

 

คนกลุ่มหนึ่งเดินอยู่ครึ่งค่อนวันอย่างระมัดระวัง ระหว่างทางสังหารซอมบี้ไปไม่น้อย ในที่สุดจึงได้เลี้ยวเข้าไปในตึกที่พักอาศัยแห่งหนึ่ง นี่คือที่ที่หลิงม่อเลือกให้เป็นฐานที่มั่น

 

เดิมเป้าหมายของเขาคือมหาวิทยาลัยเมือง X แต่เพราะถูกพวกหวังหลิ่นทำให้ล่าช้าอยากจะรีบไปให้ถึงมหาวิทยาลัยเมือง X ภายในวันนี้ก็คงเป็นไปไม่ได้ ดีที่ ที่นี่นับว่าอยู่ใกล้มหาวิทยาลัยเมือง X มากๆ

 

ละแวกตึกที่พักเป็นโรงงานที่ถูกทิ้งร้าง ตัวอาคารนอกจากจะถูกทำเป็นโรงจอดรถแล้ว สภาพแวดล้อมโดยรอบก็ทึบทึมอย่างเห็นได้ชัด แต่ยังดีที่รอบๆ มีซอมบี้ไม่เยอะ และหลิงม่อไม่ได้คิดจะกำจัดพวกมันให้เรียบ ตรงกันข้ามคือต้องการอาศัยรถยนต์บดบังร่องรอยของพวกเขา เพื่อเข้าไปในตัวอาคารเงียบๆ

 

ซอมบี้ในตึกมีไม่เยอะ อีกทั้งห้องส่วนใหญ่ประตูเปิดกว้าง ด้านในนอกจากจะมีเฟอร์นิเจอร์แตกๆ หักๆ บางส่วนแล้ว อย่างพื้นๆ ก็จะมีเตียงเสริม ดูท่าจะเป็นที่พักอาศัยของพวกคนงานตอนที่สร้างตึก ผู้อยู่อาศัยที่อยู่ในตึกแต่เดิมก็น่าจะย้ายออกไปนานแล้ว

 

อาศัยประสาทสัมผัสเฉียบไวของเย่เลี่ยนและซย่าน่า และพลังในการสังหารที่รวดเร็วและรุนแรง ไม่นานก็จัดการซอมบี้ในตึกได้หมดจด อีกทั้งยังเอาซากซอมบี้มารวมกันไว้ในห้องหนึ่ง จากนั้นก็ปิดล็อคประตูหน้าต่าง แบบนี้กลิ่นคาวเลือดก็จะดึงดูดซอมบี้ได้ยากขึ้น หลิงม่อยังตั้งใจว่าอีกสักพักจะไปหาของจำพวกปูนขาว มาปิดผนึกช่องประตูให้สนิท

 

เขาคิดว่าสถานที่นี้เหมาะกับการแอบซ่อน ห่างออกไปร้อยเมตรคือถนนใหญ่ รอบๆ เป็นเขตซอมบี้ชุกชุม ขณะที่ ที่นี่กำลังทำการก่อสร้าง เทียบกันแล้วก็ถือว่าเป็น ‘ดินแดนบริสุทธิ์’

 

ตอนที่เย่เลี่ยนและซย่าน่าเก็บกวาดซอมบี้ หลิงม่อก็ตั้งใจหาห้องที่เหมาะๆ สำหรับสามคนพัก

 

โชคดีที่ในห้องพักบนตึกชั้นสาม หลิงม่อเจอน้ำสะอาดสองสามถัง มีกระทั่งถังแก๊สและกะทะ เหลือเชื่อมากที่ไม่เปื้อนเลือดสาด มีแค่ฝุ่นเกาะนิดหน่อยเท่านั้น

 

ไม่เพียงแค่นั้น เขายังเจอบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปครึ่งลังอยู่ในห้อง และชานมปรุงสำเร็จอีกสองสามแก้ว

 

ในไซต์งานมีของดีจริงๆ... หลิงม่อทำความสะอาดที่นอนสปริงสองสามชิ้น จากนั้นก็เริ่มเตรียมต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปร้อนกรุ่น ที่นี่ตั้งอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง ไม่ดึงดูดความสนใจของซอมบี้เหมือนแถบที่ประชากรแน่นขนัด เพียงแต่ต้องระวังนิดหน่อย ก็จะไม่เกิดปัญหา อีกทั้งตอนนี้ยังไม่มืด เปลวไฟก็ไม่อาจจะดึงซอมบี้มาได้

 

เนื่องจากกินอาหารแห้งมาเป็นเวลานาน หลิงม่ออยากจะอ้วกมานานแล้ว หายากที่จะได้กินอาหารร้อนๆ ความรู้สึกเขาคือดีใจมากๆ แต่น่าเสียดายที่เย่เลี่ยนและซย่าน่าต่างก็เป็นซอมบี้ ไม่สนใจอาหารทั่วๆ ไป ไม่อย่างนั้นพวกเธอคงมีของลาภปากแล้ว...

 

“หอมจัง...”

 

ก่อนวันโลกาวินาศ หลังม่อไม่ค่อยได้กินบะหมี่สำเร็จรูปเท่าไร แต่หลังจากวันโลกาวินาศ เขาก็แทบจะกินแต่อะไรแห้งๆ

 

เขาไม่ได้กลิ่นรสชาติอาหารที่หอมเข้มข้นแบบนี้มานานมากแล้ว...

 

อาหารที่พวกขี้แพ้ตามแบบฉบับต้องมีติดไว้ก่อนวันโลกาวินาศแบบนี้ ตอนนี้กลับทำให้หลิงม่ออยากจะดื่มด่ำ น้ำลายเกือบจะไหลออกมา แม้แต่ซย่าน่ากับเย่เลี่ยนก็ยังถูกกลิ่นนี้ดึงดูดจนหันมามองอยู่หลายรอบ

 

พอเส้นบะหมี่กระจายตัว หลิงม่อก็เอาตะเกียบคีบบะหมี่ในหม้ออย่างอดใจไม่ไหว จากนั้นเป่าให้เย็น แล้วสูดเข้าปากดังซู้ดอย่างสำราญใจสุดๆ

 

“เห้อ...ฟิน!”

 

สำหรับผู้รอดชีวิต การได้กินบะหมี่ร้อนๆ แบบนี้ในวันสิ้นโลกก็คงจะเป็นอะไรที่หรูหรามากๆ อย่างหนึ่ง

 

คิดๆ ดูแล้วก็รู้สึกน่าขำ ก่อนวันสิ้นโลกมีสิ่งของให้ต้องนึกถึงมากเกินไป แม้ชีวิตจะอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัย แต่ก็กลับมีความพึงพอใจน้อยมากๆ กลับกันพอทุกหนแห่งมีแต่อันตราย ในวันสิ้นโลกที่อาจจะตายเมื่อไรก็ได้ กลับตื่นเต้นสุดๆ กับแค่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชามเดียว

 

การมีชีวิตอยู่ต่อไปคือเรื่องเดียวที่ผู้รอดชีวิตทุกคนคิด ทว่าสำหรับหลิงม่อแล้ว สิ่งที่สำคัญกว่าการมีชีวิตอยู่ต่อไปก็คือทำให้เย่เลี่ยนได้ฟื้นคืนสติรับรู้ ทำให้ซย่าน่าได้ค่อยๆ ฟื้นคืนสภาพปกติ

 

หลังจากกินบะหมี่และเก็บล้างกะทะอย่างง่ายๆ แล้ว หลิงม่อก็นั่งลงข้างเย่เลี่ยน

 

แม้จะระหกระเหินมาหนึ่งวัน แต่ไม่ว่าเย่เลี่ยนหรือซย่าน่าก็ไม่ได้แสดงท่าทีเหนื่อยล้าใดๆ เลย นี่เป็นสิ่งที่ไม่ยากเกินความเข้าใจ เวลาที่ซอมบี้ไม่ได้ต่อสู้พลังงานของพวกมันถูกเผาเผลาญไปน้อยมาก แม้ว่าเย่เลี่ยนและซย่าน่าจะลงมือต่อสู้ไปมากตลอดทางที่ผ่านมา แต่ส่วนใหญ่หลิงม่อจะใช้พลังควบคุมหุ่นซอมบี้ควบคุมฝ่ายตรงข้าม แล้วค่อยให้พวกเธอลงมือสังหาร ดังนั้นพวกเธอก็ย่อมใช้พลังงานไปไม่มาก

 

หนึ่งวันมานี้ ประสิทธิภาพของซย่าน่าทำให้หลิงม่อประหลาดใจเป็นพิเศษ เดิมเขาแค่รักษาสายสัมพันธ์ทางจิตกับซย่าน่าไว้ แต่ไม่ได้ควบคุมการกระทำของเธอ ในขั้นนี้ทำให้หลิงม่อรู้สึกว่ายุ่งยากนิดหน่อย แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดคือ น่าจะเป็นเพราะว่าสติรู้ฟื้นคืนมาบางส่วน จึงทำให้ซย่าน่ารู้จักให้ความร่วมมือเวลาที่อยู่ในการต่อสู้

 

บวกกับเดิมนั้นวิชาดาบของเธอก็เยี่ยมยอดอยู่แล้ว กระทั่งไปถึงขั้นที่อยู่ในสัญชาตญาณ หลังจากที่ได้สติรู้กลับมาบางส่วน พลังการต่อสู้ของเธอก็พัฒนาขึ้นอย่างมากในทันทีทันใด ค่อยๆ แสดงความโดดเด่นของวิชาดาบออกมาให้เห็น

 

อีกทั้งเพราะทั้งสองคนมีสายสัมพันธ์ทางจิต ดังนั้นจึงร่วมมือกันได้อย่างรู้ใจกัน ทั้งยังไม่ด้อยไปกว่าการร่วมมือระหว่างเขากับเย่เลี่ยนเท่าใดนัก นี่ถือเป็นข่าวดีที่อยู่เหนือความคาดหมาย

 

แต่พอเห็นซย่าน่าใช้ดาบยาว หลิงม่อก็เกิดรู้สึกว่าไม่อาจทนเห็นเย่เลี่ยนใช้มือต่อไปได้ แม้เธอจะจู่โจมได้อย่างรวดเร็ว และสิบนิ้วก็มีพละกำลังมาก แต่ในใจหลิงม่อกลับคอยแต่รู้สึกว่า สองมือนั้นที่ดูเรียวยาวและนุ่มเนียน กลับต้องเอามาทำเรื่องโหดร้ายกระหายเลือด ก็ค่อนข้างจะน่าเกลียดไปหน่อย...

 

เดิมเขาอยากจะเอากริชของตัวเองให้เย่เลี่ยนใช้ แต่ความจริงกริชเล่มนี้สั้นไปหน่อย พลังการสังหารมีจำกัด เวลาปกติก็ใช้ได้ดี แต่ในการต่อสู้กลับไม่ได้เรื่องได้ราวอย่างเห็นได้ชัด ทว่าอาวุธทั่วไปก็ไม่คู่ควรกับเย่เลี่ยน เพราะไม่เพียงไม่ช่วยอะไรเธอแล้ว ยังจะถ่วงพลังการโจมตีของเธอให้ต่ำลงอีกด้วย

 

การปรากฎตัวของหวังหลิ่นช่วยแก้ปัญหานี้ได้พอดี เด็กบ้านี่ก็ยังนำความช่วยเหลือมาให้ในคราวที่จำเป็นได้จริงๆ...

 

คิดมาถึงตรงนี้ หลิงม่อก็อดหัวเราะไม่ได้ พลางยื่นมือออกไปดึงดาบวงพระจันทร์ที่หลังเอวออกมา ดาบวงพระจันทร์นี้เหมาะให้ผู้หญิงใช้มาก ด้ามดาบไม่ยาวและยังเล็กแคบนิดๆ ตัวดาบโค้งแบบพระจันทร์ น้ำหนักโดยรวมเบามาก แค่มองด้วยตาก็รับรู้ได้ถึงความคมของมัน แม้จะเกรดต่ำว่ามีดสั้นในมือเขา แต่เวลาใช้ตัดหัวซอมบี้ก็ใช้ได้เหมือนกัน

 

หวังหลิ่นคนนี้แม้จะเป็นคนหยิ่งยโส แต่ดูจากที่เธอผลิตอุปกรณ์จำพวกมีดแล้ว เธอก็มีสิทธิ์ที่จะทำตัวเย่อหยิ่งได้จริงๆ อายุยังน้อยก็มีเทคนิคทำมีดได้ดีขนาดนี้ ที่บ้านคงจะให้ความสำคัญกับเธอมากเลยสินะ อีกอย่างเธอยังมีวิชาดาบที่ทั้งเร็วและทรงพลัง มีหรือจะเห็นคนธรรมดาอย่างเขาอยู่ในสายตา

 

แต่หลังจากได้รับบทเรียนมาครั้งหนึ่งแล้ว เธอคงไม่เพียงเห็นหลิงม่ออยู่ในสายตา แต่จะยิ่งจำขึ้นใจด้วย

 

หลิงม่อส่งดาบวงพระจันทร์ให้ไว้ในมือเย่เลี่ยน จากนั้นก็บังคับให้กวัดแกว่งดูสองสามที รู้สึกคล่องมือจริงๆ ครั้งนี้สรุปแล้วก็ไม่ต้องให้เย่เลี่ยนใช้มือตัวเองแล้ว ถึงยังไงต่อให้สิบนิ้วแรงเยอะขนาดไหนก็เทียบกับมีดดาบไม่ได้หรอก

 

ช่วงเวลาก่อนที่ฟ้าจะมืดหลิงม่อก็ไม่ได้อยู่ว่างๆ เขาเข้าไปหาในไซต์ทำงานอยู่พักหนึ่ง ได้ผงปูนขาวมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็โปรยทั่วหน้าประตูที่โยนซากซอมบี้ทิ้งไว้ ยังไม่พอ เขายังวิ่งไปหาท่อเหล็กเอามาขวางประตูทางเข้าตึกผุๆ พังๆ ไว้ด้วย หนึ่งอัน ซึ่งได้ผลดียิ่งกว่าการล็อคประตูมาก

 

หลังจากที่หลิงม่อจัดการธุระพวกนี้เสร็จ ฟ้าก็มืดแล้ว ในเมืองกลายเป็นโลกของซอมบี้อีกครั้ง ผู้รอดชีวิตทุกคนคงจะกลับเข้าที่ซ่อนตัวแล้ว

 

ภายในห้อง เย่เลี่ยนเอาที่นองสปริงชนกันด้วยการควบคุมของหลิงม่อ แล้วพลิกด้านผ้าฝ้ายนุ่มๆ ปูไว้ข้างบน

 

“คืนนี้เราคงต้องนอนร่วมเตียงกันแล้วล่ะ!”

 

+++++

 

第五十四章踩点

天色刚蒙蒙亮,凌默就醒了。

他今天要做的事情有很多,比如狩猎变异丧尸,补充已经消耗殆尽的病毒凝胶,以及……补充食物储备!

之前搜集到的食物已经没剩多少了,而昨天虽然收获到了半箱方便面,但对于凌默来说还是不够。

大量的战斗,以及长时间的行走,还有精神力的不断消耗,让凌默的食量变得越来越惊人了。

当然造成这种情况,很大一部分原因是因为能搜集到的食物,很多都是没什么营养的东西,吃再多也无法补充体能的消耗。

光是吃饱,是远远不够的。

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด