39 หญิงสาวที่นุ่มนวลและบอบบาง แต่น่ารำคาญ
39 หญิงสาวที่นุ่มนวลและบอบบาง แต่น่ารำคาญ
เมื่อหวังเย้ากลับมาถึงบ้าน เขาก็พบกับหวังรุ่ย พี่สาวของเขาก็อยู่ที่บ้านด้วย
“ไฮ้ พี่” หวังเย้าพูด
“เย้า แม่บอกว่าเธออยู่บนเนินเขาตลอดเวลา แล้วยังนอนค้างคืนที่นั้นด้วย นายถูกผีสิงอยู่รึเปล่า? ฉันคิดว่านายจะไปหางานดีดีทำในเมืองไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้?” หวังรุ่ยเริ่มบ่นหวังเย้าก่อนที่เขาจะได้นั่ง
“อย่าพยายามเปลี่ยนเรื่อง เมื่ออาทิตย์ที่แล้วลูกบอกแม่ว่าลูกหาแฟนได้แล้ว” จางซิวหยิงพูดพร้อมกับเอามือตบโต๊ะ
“หนูทิ้งเขาไปแล้ว” หวังรุ่ยพูดด้วยรอยยิ้ม
“ทำไมล่ะ?” จางซิวหยิงพูดด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง
“เราเข้ากันไม่ได้ค่ะ” หวังรุ่ยพูด
“อีกแล้วเหรอ? ลูกรัก ครั้งหน้าลูกช่วยหาคนที่เข้ากับลูกได้จริงๆสักทีจะได้ไหม?” จางซิวหยิงพูด
“แม่คะ ทำไมจะต้องมาวุ่นวายกับเรื่องพวกนี้ด้วย? หนูเองยังไม่กังวลเลย” หวังรุ่ยพูดด้วยความหงุดหงิด
“แม่ต้องวุ่นวายสิ! แม่แทบไม่กล้าจะออกจากบ้านแล้ว เพราะมีแต่ชาวบ้านคอยถามแม่ว่าเมื่อไหร่ลูกจะแต่งงานสักที และลูกก็ยังไม่รู้ว่าพวกเขาพูดอะไรลับหลังเราบ้าง!” จางซิวหยิงพูดด้วยความโกรธ
“ใครมันมาพูดลับหลังหนู? พวกชอบซุปซิปบ้าบอ!” หวังรุ่ยกรอกตาและตบโต๊ะในตอนที่เธอลุกขึ้น
“นั่งลง!” จางซิวหยิงตะโกน หวังรุ่ยจึงนั่งลงอย่างเชื่อฟัง
หวังเย้าเริ่มรู้สึกถึงบรรยากาศที่กดดัน เขาจึงลุกขึ้นและเดินไปที่ห้องของเขาก่อนที่พวกเธอจะเปลี่ยนมาพูดเรื่องของเขา
“ลูก! ลูกจะไปไหน?” จางซิวหยิงเงยหน้าและพูดกับหวังเย้า
เชี่ย! หวังเย้าคิด
“เมื่อไหร่ลูกจะหาแฟนได้สักที?” จางซิวหยิงถาม
“คือว่า แม่ควรจะสนใจเรื่องแฟนของพี่ก่อนคนแรก เพราะพี่เขาแก่กว่าผม รอให้พี่แต่งงานก่อนแล้วผมค่อยหาก็ยังทัน จริงไหมครับ?” หวังเย้าพูด
“นายพูดเรื่องอะไร...” หวังรุ่ยชี้ไปที่หวังเย้าด้วยความโกรธ
“แม่เห็นด้วยกับเย้า ลูกควรจะรีบหาแฟนให้ได้ภายในเดือนหน้านี้!” จางซิวหยิงพูด
“แม่! แม่เคยบอกหนูว่าให้หนูหาแฟนให้ได้ตอนปีใหม่จีน แล้วมาเปลี่ยนเป็นเดือนหน้าได้ยังไงกัน?” หวังรุ่ยพูด
“อย่ามาต่อรองกับแม่นะ!” จางซิวหยิงพูดเสียงแข็ง
หวังเฟิงฮวาไม่ได้กลับมาทานข้าวที่บ้าน เพราะเขามีนัดแล้ว หวังเย้าจึงไม่ได้กินข้าวกับแม่และพี่สาวอย่างมีความสุข เพราะพ่อของเขาไม่ได้อยู่ด้วย หวังเย้าจึงรีบทานข้าวให้เสร็จแล้วหลบเข้าไปในห้องของเขา เขาเริ่มอ่านหนังสือเกี่ยวกับยา แต่ก็ทำได้ไม่นานเพราะหวังรุ่ยเข้ามาในห้องของเขา
“บทสรุปเกี่ยวกับยา สูตรยาที่หาค่าไม่ได้สำหรับอ้างอิง นายกำลังทำอะไร? ศึกษาเรื่องยางั้นเหรอ?” หวังรุ่ยถามด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะของหวังเย้า
“งานอดิเรกน่ะ” หวังเย้าพูดด้วยท่าทีสบายๆ
“การสอบรับราชการใกล้จะเริ่มแล้วนะ มีตำแหน่งว่างมากมายทั้งในเมืองและตัวจังหวัด พี่คิดว่านายควรจะเตรียมตัวสำหรับการสอบได้แล้วนะ!”
ถ้าเป็นเมื่อไม่กี่เดือนก่อนหวังเย้าคงจะเชื่อฟังสิ่งที่พี่สาวของเขาพูด แต่ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจเลย
“พี่ ผมไม่สนใจเรื่องสอบเป็นข้าราชการหรอก” หวังเย้าพูด
“แล้วเธอจะทำงานอะไรล่ะ? ปลูกสมุนไพรแล้วก็กลายเป็นหมอเถื่อนอย่างนั้นเหรอ?” หวังรุ่ยประชด
“ผมเป็นแพทย์ปรุงยา”
“ปรุงยาอะไร? ใช่ศึกษาหาข้อมูลเรื่องยารึเปล่า?”
“พี่ ผมคิดว่าหน้าที่ของพี่ก็คือการหาแฟน อย่ากังวลเกี่ยวกับตัวผมและงานของผมเลย!” หวังเย้าพูด
“พี่สาวของนายคนนี้สวยเหมือนกับดอกไม้มีแต่คนมารุมจีบย่ะ” หวังรุ่ยพูด
“ผมชื่นชมความมั่นใจของพี่จริงๆ ถ้าเป็นอย่างที่พี่ว่าจริง ตอนนี้พี่ก็เลือกใครสักคนที่ว่างอยู่มาเป็นแฟน แล้วพามาบ้านซะสิ!” หวังเย้าพูด
“นายหมายความว่าอะไร?” หวังรุ่ยพูด
“ผมจะนอนแล้ว พี่ควรจะออกไปคุยกับแม่ที่ด้านนอกดีกว่านะ” หวังเย้าพูดแล้วจึงดันหวังรุ่ยออกไปจากห้องของเขา
หลังจากที่ส่งพี่สาวของเขาออกไปจากห้องแล้ว หวังเย้าจึงเข้านอนหลังจากอ่านหนังสือได้สักพัก
เขาตื่นแต่เช้า และได้เริ่มงานประจำวันของเขา เขารดน้ำแปลงสมุนไพร ขึ้นไปบนเขาแล้วฝึกการหายใจ แล้วจึงไปที่กระท่อมเพื่อต้มยา ในตอนที่เขากำลังจะเริ่มต้มยา ก็มีคนมาหาเขา
“ไฮ้ นี่อะไรน่ะ?” เธอคือหวังรุ่ยพี่สาวของเขา “อันนี้ดูดีนี่ นายเอาสมุนไพรมากมายพวกนี้ไปทำอะไรเหรอ?”
หวังรุ่ยถามคำถามของเธอไปเรื่อยๆ เธอมองไปรอบๆ ดูนั้น ดูนี่และทำทุกอย่างยุ่งเหยิง หวังเย้าต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะไล่เธอกลับไปได้ แต่กว่าที่หวังรุ่ยจะไปก็เป็นเวลาสำหรับมื้อกลางวันพอดี
โชคดีที่หวังรุ่ยไม่ได้กลับขึ้นมาอีกและหวังเย้าก็ทำสูตรยาอีกสูตรได้สำเร็จ เขายังได้ทำอันเฉินซานสำหรับเพื่อนของเทียนหยวนถูเอาไว้ด้วย เมื่อเขากลับไปบ้านในตอนเย็น เขาก็พบว่าพี่สาวของเขายังอยู่ที่บ้าน
“ไฮ้ พี่ไม่ไปทำงานเหรอ?” หวังเย้าถาม
“วันนี้มันเป็นวันเสาร์” หวังรุ่ยตอบ
หวังเย้าไม่ได้รู้ตัวเลยว่าวันนี้เป็นวันเสาร์เพราะเขามัวแต่ยุ่งอยู่บนเนินเขา
“แต่ถึงยังไง ปกติพี่ก็ไม่ค่อยกลับมาบ้านช่วงเสาร์อาทิตย์อยู่แล้ว แล้วอาทิตย์นี้มันเกิดอะไรขึ้น?” หวังเย้าถาม
มือถือของหวังรุ่ยดังขึ้นมาในตอนที่เธอกำลังจะพูด เธอมองไปที่หน้าจอมือถือแล้วขมวดคิ้ว แล้วจึงโยนมือถือของเธอออกไป
“ใครโทรมาเหรอ? แล้วทำไมพี่ไม่รับสาย?” หวังเย้าถาม
“คนน่ารำคาญบางคนน่ะ!” หวังรุ่ยพูดด้วยใบหน้าที่หงุดหงิด
“หนึ่งในคนที่จีบพี่อยู่เหรอ?” หวังเย้าแซวเล่น
“ใคร? ใครจีบใคร?” จางซิวหยิงได้ยินเรื่องที่พวกเขาคุยกันแม้ว่าเธอจะอยู่อีกห้องหนึ่งก็ตาม เธอรีบเข้ามาในห้องพร้อมกับมือที่ยังถือมีดเอาไว้อยู่
“อะไรกันเนี้ย แม่?” หวังเย้าและพี่สาวของเขากระโดดหนีเมื่อพวกเขาเห็นมีด
“ลูกพึ่งจะพูดว่ามีคนจีบลูกอยู่ใช่ไหม?” จางซิวหยิงวางมีดลงบนโต๊ะแล้วพูดด้วยความตื่นเต้น
“เพื่อนร่วมงานของหนูน่ะค่ะ” หวังรุ่ยพูดออกมาเมื่อเธอคิดว่าคงปิดบังต่อไปไม่ได้อีก
“นี่เป็นเรื่องที่ดี เขาชื่ออะไร? เขาเป็นคนยังไง? แล้วเขามีพี่น้องไหม?” จางซิวหยิงถามด้วยรอยยิ้ม ราวกับว่าเธอกำลังสอบประวัติอยู่
“เขาไม่ใช่คนดี เขาติดเหล้า ยา ผู้หญิงขายตัว และการพนัน แล้วเขาก็เพิ่งจะหย่ากับภรรยาของเขาด้วย!” หวังรุ่ยพูดด้วยความหงุดหงิด
“อะไรนะ?!”
จางซิวหยิงและหวังเย้าต่างตกใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้
“ขยะ!” หวังเย้าพูด
“ลูกจะต้องไม่ไปยุ่งกับเขานะ!” จางซิวหยิงพูดด้วยความเป็นห่วง
“แน่นอนค่ะ หนูแทบไม่อยากจะพูดกับเขาด้วยซ้ำ หนูก็เลยหนีมาหลบอยู่ที่บ้านยังไงละคะ” หวังรุ่ยพูด
“ดีแล้ว!” จางซิวหยิงจึงกลับเข้าไปในห้องครัว
“พี่ ชายคนนั้นเขาชื่ออะไรเหรอ?” หวังเย้าถาม
“หูเฉินกาน” หวังรุ่ยพูดออกมาเหมือนไม่มีอะไร แต่เธอรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เธอหันมาแล้วพูดกับหวังเย้า “เธอถามทำไม?”
“แค่สงสัยน่ะ ผมสงสัยว่าสถานะทางสังคมของเขาเป็นยังไง?”
“ทำไมล่ะ?” หวังรุ่ยถามด้วยความสงสัย
“ก็เพราะว่าพี่ไม่ใช่คนที่จะหนีหน้าคนอื่นแบบนี้ ผมเดาว่าคนคนนี้ถ้าไม่เป็นอันธพาล ก็จะต้องเป็นคนที่มีพื้นหลังที่ดีมาก แล้วผมก็ไม่คิดว่ากระทรวงเกษตรจะกล้ารับอันธพาลเข้ามาทำงานหรอก ดังนั้นเขาน่าจะต้องเป็นคนที่มีเส้นใหญ่มาก” หวังเย้าอธิบาย
“เยี่ยม ไม่เสียแรงที่เธอเคยดูยอดนักสืบโคนันมาก่อน!” หวังรุ่ยพูด “พ่อของเขามีธุรกิจขายหินได้เงินเป็นพันล้านหยวน ลุงคนหนึ่งของเขาเป็นผู้อำนวยการของกรมสรรพกร ฉันเลยไม่อยากมีปัญหากับเขา”
“ผมรู้แล้ว แต่ถ้าเขาข้ามเส้นเมื่อไหร่ ผมก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น!” หวังเย้าพูด
“ไม่ได้ ฉันยังอยากทำงานอยู่นะ ฉันไม่อยากให้หัวหน้าของฉันมาแทงข้างหลังฉันหรอกนะ!” หวังรุ่ยพูดด้วยใบหน้าบึ้งตึง
“พี่จะลาออกเมื่อไหร่ก็ได้” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม
“ลาออก? แล้วฉันจะไปทำงานอะไร? ปลูกสมุนไพรกับนายอย่างงั้นเหรอ?” หวังรุ่ยพูด
“อืม...ผมก็ไม่คิดว่ามันเป็นความคิดที่แย่เท่าไหร่นะ ผมก็ยังไม่มีคนงานด้วย”
“ไม่มีทางซะหรอก! ฉันคงจะโง่มาก ถ้าฉันลาออกแล้วมาปลูกสมุนไพรกับนาย!” หวังรุ่ยพูด