บทที่ 51 เครื่องตามรอย
บทที่ 51 เครื่องตามรอย
“นี่ ตื่นๆ”
หลิงม่อเอามือจับปลายคางหวังหลิ่นให้ใบหน้าของเธอมันมาทางตัวเองตรงๆ หวังหลิ่นที่อยู่ในอาการหมดสติขมวดคิ้ว สีหน้าซีดขาว ดูเหมือนตกใจสุดขีด
พอได้ยินเสียงร้องตะโกนแล้ว หวังหลิ่นก็ลืมตาขึ้นช้าๆ จากนั้นก็ดีดดิ้นขึ้นมาในทันทีทันใด ปากก็ยังตะโกนด้วยความตื่นตระหนก “อย่าแตะฉัน! อย่าแตะฉัน!”
“สงบสติอารมณ์หน่อย!” หลิงม่อรีบจับหวังหลิ่นไว้พร้อมเอ่ยเสียงทุ้มต่ำ เธอพยายามตะเกียกตะกายด้วยอารามตื่นกลัว แต่ถึงยังไงเธอก็เพิ่งจะตื่นขึ้นมา เรี่ยวแรงจึงไม่เยอะมาก แม้เธอจะเคลื่อนไหวเล่นใหญ่ แต่ก็ไม่ได้สะบัดหลิ่งม่อหลุด
เสียงตวาดทำให้หวังหลิ่นนิ่งไปชั่วขณะ จากนั้นเธอก็ได้สติขึ้นมาทันที “นายมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? หา! ซอมบี้ ซอมบี้สองตัวนั้นล่ะ!” เธอถามแล้วก้มหน้ามองเสื้อผ้าบนร่างกายตัวเองแวบหนึ่งด้วยความกังวล
พอเห็นท่าทางเธอไม่เหลือแม้แต่เงาของคนที่เย่อหยิ่งเผด็จการแบบนี้แล้ว หลิงม่อยิ้มเย้ยหยันทันที
หลังจากที่หวังหลิ่นกลัวจนหมดสติไป เขาก็รีบพาซย่าน่าและเย่เลี่ยนมา ส่วนหวังเฉิงก็ถูกหุ่นซอมบี้ตัวนั้นคุมอยู่
ถึงอย่างไรจุดประสงค์ของเขาก็ไม่ใช่การสั่งสอนหวังหลิ่นง่ายๆ แบบนี้ แต่ต้องรู้ให้แน่ชัดว่าเธอตามหาตนเจอได้อย่างไร
เห็นหวังหลิ่นยังกลัวไม่หาย หลิงม่อก็เลิกคิ้วโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า ชี้นิ้วไปที่ประตู “อยู่ตรงนั้น”
หวังหลิ่นมองตามทิศทางที่นิ้วของหลิงม่อชี้ แล้วถอนหายใจยาวๆ ทันที ซากซอมบี้สองตัวนั้นนอนขวางประตูอยู่ และซย่าน่ากับเย่เลี่ยนก็ยังยืนอยู่ข้างนอกด้วย
“นาย…” หวังหลิ่นหันมามองหลิงม่อ ถามด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย “หรือว่านายช่วยฉัน?”
นี่แหละคือสิ่งที่ต้องการ! แม้จะเป็นละครที่กำกับเองเล่นเอง แต่ใครจะไปคิดว่าซอมบี้จะเกี่ยวข้องกับเขาล่ะ?
อีกอย่างหวังหลิ่นเองก็คิดไม่ถึงจริงๆ ความจริงแล้วเธอเข้าใจมาถึงตอนนี้ว่า นั่นคือซอมบี้ ‘รูปแบบใหม่’ และยังเป็นซอมบี้หื่นกามด้วย
หลิงม่อหัวเราะเยาะ “เธอแหกปากร้องดังเหลือเกิน...”
หวังหลิ่นผงะ จากนั้นใบหน้ารูปไข่ก็แดงก่ำ เธออ้าปากอยากจะโต้แย้ง แต่พอคิดว่าอีกฝ่ายเพิ่งจะช่วยตน จึงได้แต่ปิดปากด้วยความหงุดหงิด แล้วแค่นเสียงขึ้นจมูก
“ทำไม ฉันช่วยเธอแล้ว แม้แต่คำขอบคุณก็ไม่มีเหรอ?” หลิงม่อกลอกตา ยัยคนนี้ไม่มีความน่ารักเลยสักนิด
สีหน้าหวังหลิ่นกระดากนิดๆ แต่พอได้สัมผัสสายตาเย้ยหยันของหลิงม่อแล้ว เธอก็เอ่ยขึ้นเรียบๆ ว่า “อย่างมากฉันก็ให้มีดสั้นนายไปแล้ว”
พอได้ยินคำพูดนี้ หลิงม่อก็โมโหนิดๆ ทันที
“ที่แท้ชีวิตเธอก็มีค่าแค่มีดเล่มเดียวเหรอ” หลิงม่อแค่นเสียงหึเย็นชาแล้วลุกขึ้นยืน “เธอรู้ไว้ด้วยนะว่า ตอนนี้มีดเล่มนี้เป็นของฉันแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องมาให้ฉัน”
“นาย!” หวังหลิ่นเดือดดาลเล็กน้อย แต่เห็นสีหน้าดูถูกเหยียดหยามของหลิงม่อแล้ว เธอก็อดรู้สึกผิดขึ้นมานิดๆ ไม่ได้
พอเห็นหลิงม่อไม่ได้มีทีท่าจะช่วยดึงเธอขึ้น หวังหลิ่นก็กัดฟันแล้วพยุงตัวเองลุกขึ้นช้าๆ “แล้วนายจะเอายังไง? ที่ตัวฉันไม่มีอย่างอื่นจะให้นาย อ้อ ใช่แล้ว ดาบวงพระจันทร์ของฉัน!”
เธอหาบนพื้นอยู่รอบหนึ่งแต่ว่าไม่เจออะไรเลย ก็พลันใจหายวาบ ส่งสายตาไปหาหลิงม่อ
เมื่อเห็นเธอมองมาอตามคาด หลิงม่อก็ดึงดาบวงพระจันทร์จากหลังเอวออกมาถือเล่นไว้ในมือ เห็นหวังหลิ่นจะมาแย่ง เขาไม่เพียงแต่ไม่มีทีท่าจะให้เธอ แต่ยังยิ้มเยาะออกมาด้วย
“นายอย่าให้มันมากเกินไปนักนะ! มีดสั้นฉันก็ให้นายแล้วไง นายยังจะเอาดาบนี้ไปอีกหรือไง?” แม้หวังหลิ่นจะมือเท้าอ่อนแรงอยู่บ้าง แต่เธอก็ยังกระโจนเข้ามาด้วยความรู้สึกที่ยอมไม่ได้
แต่ทักษะของหลิงม่อไม่ได้ด้อยไปกว่าเธอ แค่เขาเอียงตัวนิดๆ ก็ทำให้เธอกระโจนเข้าหาความว่างเปล่า
หวังหลิ่นอึกอัก พอเธอเห็นว่าตัวเองแย่งดาบจากหลิงม่อไม่ได้ ก็หันไปคำรามใส่ซย่าน่า “ซย่าน่า! ถึงยังไงฉันก็เป็นน้องพี่นะ ทำไมพี่ถึงช่วยคนนอกรังแกฉันล่ะ!”
ซย่าน่าได้ยินเสียงตะโกนแล้วก็เงยหน้ามองเจ้าของเสียงแวบหนึ่ง จากนั้นก็หันไปโดยไร้สีหน้า
การกระทำของอีกฝ่ายยั่วโมโหหวังหลิ่นสุดๆ แต่เธอเพิ่งจะขยับก้าวเท้า หลิงม่อก็เอาแขนมากันไว้ “หยุด” สายตาของเขาแปรเปลี่ยนเป็นเฉียบคมในทันที “เธอพูดว่าใครเป็นคนนอก?”
“ฉันกับซย่าน่าคุยกันนายจะสอดทำไม...”
“ท่าทีที่เธอแสดงกับซย่าน่า เธอมีสิทธิ์อะไรไปต่อว่าซย่าน่า? ฉันจะบอกให้นะ ตอนที่เธอพึ่งซ่งเทียนกดขี่ข่มเหงคนอื่น ซย่าน่าพึ่งตัวเองคนเดียว เลี้ยงคนสิบกว่าคน เธอทำได้แบบนั้นไหม? ไม่ว่าจะมองจากด้านไหน ซย่าน่าก็เหนือกว่าเธอหลายขุม!”
หวังหลิ่นผงะ สีหน้าหม่นเศร้าทันที มุมปากกระตุก “อย่านึกว่านายช่วยฉันแล้วจะ...”
“เพียะ!”
เสียงที่ดังชัดเจนนั้นทำให้หวังหลิ่นถลึงตาโต ตัวแข็งทื่อไปทั้งตัว
เธอกุมพวงแก้มครึ่งหนึ่งของตัวเอง มองหลิงม่ออย่างไม่อยากเชื่อ “นายกล้าตบฉัน...” แต่ยังไม่ทันพูดจบ ความเย็นเฉียบก็พุ่งขึ้นมาจากใต้ฝ่าเท้าทันที
สายตาที่หลิงม่อมองเธอนั้นเย็นยะเยือกสุดๆ ไม่เคยมีใครใช้สายตาแบบนี้มองเธอมาก่อน “ตบเธอ? นี่ยังเบาๆ ถ้าไม่เห็นแก่ที่เธอเป็นน้องสาวของซย่าน่า และเห็นแก่ที่เป็นน้องเมียฉันครึ่งหนึ่ง ตอนนี้เธอได้ถูกซอมบี้ฉีกเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว”
“นายมีสิทธิ์อะไรมาตบฉัน!” หวังหลิ่นเพิ่งจะพุ่งมาข้างหน้าได้ก้าวเดียวก็ถูกตบหน้าแรงๆ อีกที
“สิทธิ์ที่ฉันแข็งแกร่งกว่าเธอ” ตบฉาดนี้ทำเอาหวังหลิ่นหน้าซีดขาว ทว่าหลิงม่อกลับทำหน้าเย็นชาเดินเข้ามาใกล้อย่างช้าๆ “สิทธิ์ที่ตอนนี้โลกนี้คุยกันด้วยกำลังความสามารถ”
“นาย…” ภายใต้สายตาดูหมิ่นของหลิงม่อ หวังหลิ่นที่สองแก้มแสบร้อนพลันรู้สึกถึงความกลัวขึ้นมาในทันใด
เธอถอยหลังไปสองก้าวโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความสับสน “นายบอกว่าฉันเป็นน้องเมียนายไม่ใช่เหรอ...”
“นั่นก็ต้องดูว่าฉันยอมรับเธอไหม เธอเพิ่งจะบอกไม่ใช่เหรอว่าฉันเป็นคนนอก? ประโยคนี้ฉันขอคืนให้เธอ” แค่หลิงม่อยกมือขึ้น...ก็ทำเอาหวังหลิ่นตัวสั่นทันที ทั้งยังหรี่ตาลงอย่างอดไม่ได้ แต่หลิงม่อแค่ยิ้มเยาะพร้อมตบหน้าเธอเบาๆ “ฟังนะ ฉันหลิงม่อไม่ใช่คนต่ำช้าเลวทรามอะไร แต่เวลาที่คนอื่นพยายามหาเรื่องเดือดร้อนมาให้ฉัน ฉันก็ไม่รับประกันว่า ฉันจะทำอะไรลงไปได้บ้าง”
“นายคิดจะทำอะไร...ซย่าน่าไม่มีทางปล่อยให้นายทำอะไรบ้าๆ...” สีหน้าของหวังหลิ่นกลายเป็นซีดเผือดสุดๆ ท่าทางของหลิงม่อทำให้เธออดคิดถึงการกระทำของซอมบี้ตัวนั้นไม่ได้...หรือว่าหลิงม่อจะทำมิดีมิร้ายเธอ?!
คิดมาถึงตรงนี้ เธอก็ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ทันที “อย่านะ! อย่าบังคับ X ฉัน! ฉันเป็นน้องของซย่าน่า นายจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้...”
หลิงม่อผงะ แล้วหัวเราะเยาะ “บังคับ X? ฝันไปเถอะ ฉันไม่สนใจผู้หญิงแบบเธอ แล้วก็เธอเข้าใจผิดไปเรื่องหนึ่งนะ ซย่าน่าเป็นของฉัน การที่จะนับว่าเธอเป็นน้องหรือเปล่า มันขึ้นอยู่กับฉัน เข้าใจไหม?”
ไม่สนใจ?! ฝันไปเถอะ!
การเหยียดหยามอย่างรุนแรงทำให้หวังหลิ่นสั่นเทิ้มไปทั้งตัว แต่สายตาเย็นยะเยือกของหลิงม่อเมื่อครู่ และตบสองฉาดที่ไม่ปราณี กลับทำลายความกล้าของหวังหลิ่นหมดสิ้น
“ฉันมีคำถาม ทางที่ดีเธอตอบมาตรงๆ ไม่อย่างนั้นฉันจะทิ้งเธอไว้ที่นี่” เห็นหวังหลิ่นพยักหน้าด้วยความกลัว น้ำเสียงของหลิงม่อก็เปลี่ยนเป็นดุดันขึ้น ขณะเดียวกันมือซ้ายก็จับปลายคางหวังหลิ่น ริมฝีปากเกือบจะแตะริมฝีปากเด็กสาว “พูดมาซิว่า เธอตามมาที่นี่ได้ยังไง?”
“นายทำฉันเจ็บแล้วนะ...”
“แล้วก็ไม่ต้องบอกฉันว่าใช้เทคนิคพิเศษอะไรด้วย ฉันตรวจตัวเธอแล้ว ไม่มีอะไรเลย” สีหน้าหลิงม่อค่อยๆ เริ่มหมดความอดทน
“ฉันบอกไม่ได้...”
สีหน้าของหลิงม่อเปลี่ยนเป็นประหลาดใจขึ้นมานิดๆ อยู่ๆ เขาก็ก้มตัวลง โน้มเข้าไปข้างหูหวังหลิ่นแล้วบอก “เธอรู้ไหมว่าตอนที่เข้ามาฉันเห็นอะไร? รสชาตินั้น เธออยากจะลองดูใช่ไหมล่ะ?”
สีหน้าหวังหลิ่นกลายเป็นซีดขาวทันที เธอมองหลิงม่อด้วยแววตาเป็นประกาย อยู่ๆ ก็พึมพำขึ้นมา “แต่ถ้าฉันพูดไปแล้วนายก็อาจจะไม่เชื่อ”
“เชื่อหรือไม่เชื่อมันเรื่องของฉัน เธอพูดออกมาก่อน”
“แล้วถ้าฉันจะบอกว่า...ฉันมีความสามารถพิเศษล่ะ?” หวังหลิ่นกัดฟันบอก
พูดจบ เธอก็จ้องหลิงม่อเขม็ง อยากจะเห็นอะไรบางอย่างจากสีหน้าเขา พอเห็นหลิงม่อไม่พูด เธอก็กระวนกระวายขึ้นมา “ฉันว่าแล้วว่านายต้องไม่เชื่อ แต่ที่ฉันพูดเป็นความจริง!”
ความจริงหลิงม่อรู้สึกตกตะลึงสุดๆ ! อีกด้านหนึ่งเขาเชื่อคำตอบของเด็กสาว เพราะเขาเองก็มีความสามารถพิเศษเหมือนกัน!
ถ้าอย่างนั้นดูท่าว่า ตัวเขาก็ไม่ได้เป็นแค่คนที่มีความสามารถพิเศษเพียงคนเดียว!
เขาจ้องหวังหลิ่นเขม็งอยู่สักพัก จนกระทั่งตอนที่เธอเริ่มรู้สึกชาหนังศีรษะนิดๆ และเริ่มหลบสายตา หลิงม่อจึงได้เอ่ยขึ้น “ความสามารถพิเศษของเธอคืออะไร? เกี่ยวกับการติดตามฉันรึเปล่า?”
“นายเชื่อเหรอ?” ปฏิกิริยาของหลิงม่อเหนือความคาดหมายของหวังหลิ่นมาก แต่ภายใต้การจับจ้องของหลิงม่อ เธอก็จำต้องเอ่ยพูด “ตอบรับ คือพลังตอบรับ...”
ไม่เหมือนพลังการควบคุมหุ่นซอมบี้ของเขาจริงๆ ด้วย...
หลังจากที่ซักถามอย่างละเอียด หลิงม่อก็ค่อนข้างเข้าใจภาพรวมของพลังตอบรับของหวังหลิ่น พลังชนิดนี้เหมือนกับความสามารถในการควบคุมหุ่นซอมบี้ ล้วนแล้วแต่ต้องอาศัยพลังทางจิต แต่ดูจากผลงานแล้ว ความสามารถพิเศษนี้ของเธอช่างไร้ประโยชน์เห็นๆ
สิ่งที่เรียกว่าการตอบรับ ฟังดูแล้วเหมือนตัวเธอกลายเป็นเครื่องจับเรดาร์ แต่ก่อนที่เธอจะติดตามได้ ก็ต้องสัมผัสร่างกายกับเป้าหมายก่อน
ตอนที่หวังหลิ่นพูดมาถึงตรงนี้ หลิงม่อนึกถึงตอนที่กำลังจะจากกันทันทีที่เธอต่อยเขาทีหนึ่ง...
หลังจากที่มีสัมผัสทางร่างกายแล้วก็เท่ากับว่าเธอได้ติดตั้ง ‘เครื่องตามรอย’ ไร้รูปบนร่างหลิงม่อแล้ว จากนั้นเธอก็จะหาตำแหน่งของหลิงม่อได้คร่าวๆ ด้วยการตอบรับทางจิต
ความจริงแล้วหลังจากที่หลิงม่อไปจากแคมป์ เธอก็ตอบรับทิศทางของหลิงม่อมาตลอด ตอนแรกเธอยังกังวลว่าหลิงม่อจะไปไกลเกินไป แล้วจิตตอบรับระหว่างเธอกับ ‘เครื่องติดตาม’ ก็จะหมดประสิทธิภาพโดยอัตโนมัติ ยังดีที่หลิงม่อแค่อ้อมเป็นวงรอบๆ ทั้งสองฝ่ายดูเหมือนห่างกันค่อนข้างไกล แต่ระยะทางเส้นตรงความจริงไม่ถือว่าไกล อย่างน้อยก็ยังไม่ได้เกินขอบเขตการตอบรับของหวังหลิ่น
หลังจากที่สัมผัสได้ว่าหลิงม่อหยุดการเคลื่อนที่แล้ว ฟ้าก็เพิ่งจะสว่าง เธอจึงรีบพาหลี่อวี้และหวังเฉิงมุ่งหน้ามาทางที่อยู่ของหลิงม่อทันที เพื่อไม่ให้หลิงม่อจากไปเกินขอบเขตแล้วเธอจะติดตามเขาต่อไม่ได้อีก ไม่เพียงแค่นั้น เวลาที่ติดตามนี้ก็จะต่อเนื่องได้แค่สิบสองชั่วโมง หากเกินเวลาแล้วก็จะไร้ผลเช่นเดียวกัน
แต่เธอก็ไม่คิดเลยว่า ตัวเองจะได้มาเจอซอมบี้ประหลาดที่นี่ แล้วยังเกือบจะถูก X ...
จากสายตาของหวังหลิ่น หลิงม่อมั่นใจว่าสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง เพราะเธอก็ถูกทำให้ผวาสุดขีดแล้ว
“ในเมื่อเป็นความสามารถพิเศษ แต่จะทำยังไงให้ผลลัพธ์มันหายไปได้ล่ะ?” หลิงม่อยังรู้สึกว่ามันยากที่จะเชื่อ พลังความสามารถในการควบคุมซอมบี้ของเขามีแต่จะพัฒนาขึ้นตลอด ทำไมพลังของหวังหลิ่นถึงได้ไม่ค่อยมีประโยชน์เลยล่ะ!
หวังหลิ่นส่ายหน้า “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ว่าฉันจะใช้ยังไงมันก็ไม่พัฒนา”
“ที่ฉันรู้ฉันก็พูดไปหมดแล้ว...นายปล่อยฉันไปเถอะ...” หวังหลิ่นเงยหน้ามองหลิงม่อแวบหนึ่ง พร้อมถามขึ้นอย่างระมัดระวัง เธอถามเสร็จแล้วก็เอ่ยเสริมอีกด้วยความประหม่า “ฉันจะไม่หาเรื่องเดือดร้อนมาให้นายอีกแล้ว! จริงๆ นะ...”
ท้าให้เธอก็ไม่กล้าหรอก...ในใจของหลิงม่อคิดแบบนั้น แต่เขากลับเผยให้เห็นรอยยิ้มกระเซ้าแหย่ “เธอจะลองขอร้องฉันดูก็ได้นะ”
ขอร้อง?! หวังหลิ่นถลึงตาโตอีกครั้ง ชาตินี้เธอไม่เคยเอ่ยปากขอร้องใครมาก่อน ตอนนี้กลับต้องมาขอร้องความเมตตาจากคนๆ นี้น่ะเหรอ?!
แต่พอมองรอยยิ้มของหลิงม่อ ในใจของหวังหลิ่นกลับรู้สึกผวาสุดขีด เธอไม่สงสัยในคำพูดของหลิงม่อสักนิด ถ้าหากตัวเองดื้อดึง เขาจะต้องทำให้คำขู่พวกนั้นกลายเป็นจริงแน่!
หวังหลิ่นเม้มปาก อยากร้องไห้แต่ก็ไม่กล้าร้องออกมา นอกจากหลิงม่อแล้ว เธอก็ไม่เคยถูกใครตีมาก่อน และยิ่งไม่เคยถูกใครข่มขู่แบบนี้มาก่อนด้วย
เธอกลัวแล้วจริงๆ ตอนที่หลิงม่อจ้องเธอราวกับมองคนตาย หวังหลิ่นก็รู้สึกถึงความหนาวเยือกที่ออกมาจากข้างในหัวใจ
“…พี่เขย...ฉันผิดไปแล้ว...” สองสามคำนี้แทบจะเค้นลอดไรฟันออกมา ตอนที่เธอพูดจบ ก็พลันรู้สึกว่าทั่วร่างพังทลาย คล้ายพละกำลังทั้งร่างถูกสูบออกไปจนหมด
“เธอน่ะ ขาดการอบรม!” หลิงม่อยิ้มพร้อมตบๆ ใบหน้ารูปไข่ของหวังหลิ่น มองเห็นนัยน์ตาทั้งคู่ของเธอรื้นน้ำขึ้นมาแล้วก็พลันรู้สึกเบิกบานใจ
“เห็นแก่ที่เธอค่อนข้าง...ค่อนข้างโง่หรอกนะ” หลิงม่อตั้งอกตั้งใจคิดคำบรรยายลักษณะ “ดังนั้นฉันจะเตือนเธออีกครั้งเดียว น้องเมีย ต่อไปห้ามทำเรื่องโง่ๆ อีกนะ”
หวังหลิ่นกัดฟันแล้วก้มหัวช้าๆ “รู้แล้ว”
“เสียงดังหน่อย ฉันได้ยินไม่ชัด”
“รู้แล้ว!”
++++++++++