ตอนที่ 240 เกิดเหตุที่ค่ายทหาร
ตอนที่ 240 เกิดเหตุที่ค่ายทหาร
เฟิงเฟินไดเอนกายลงบนรถม้าและหลับตาลงครุ่นคิดอะไรมากมาย หลังจากนั้นครู่หนึ่งนางสั่งเป่ยเอ๋อ “เมื่อเรากลับไปที่คฤหาสน์ หาคนที่จะไปสืบข่าวตำหนักลี ข้าต้องรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับตำหนักลี นอกจากนี้ยังไปตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นกับต่างหูแก้วผลึกสีขาวที่พี่ใหญ่มอบให้ข้า และผลักข้าเข้าสู่หลุมลึกที่รู้จักกันในชื่อตำหนักลี ดังนั้นเราต้องใช้โอกาสนี้เพื่อพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส”
ฮันชิกลัวเล็กน้อย “เจ้าจะทำอะไรกันแน่”
ไม่รอให้เฟิงเฟินไดตอบ เป่ยเอ๋อไตร่ตรองเล็กน้อยจากนั้นก็เริ่มปลอบฮันชิ “อนุฮัน คุณหนูสี่ทำเช่นนี้ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ”
“เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไร ?” ฮันชิโกรธเป่ยเอ๋อ ด้วยความโกรธทำให้น้ำตาไหลพรากออกมาจากความเจ็บใจ
อย่างไรก็ตามเฟิงเฟินไดกลอกตา “ทำไมท่านรีบร้อนอย่างนี้ ? ทำไมท่านไม่ฟังเป่ยเอ๋อพูดให้จบ ?”
ฮันชิพูดด้วยความโกรธ “นางพูดอะไรดีได้บ้าง”
“อนุฮัน !” เป่ยเอ๋อรู้สึกผิด และกล่าวว่า “วิธีคิดที่คุณหนูสี่พูดมานั้นถูกต้องจริง ๆ เจ้าค่ะ! เมื่อคิดเกี่ยวกับคฤหาสน์มันไม่ได้มีฮูหยินใหญ่และอนุหรือเจ้าค่ะ? ไม่ต้องพูดถึงนี่เป็นตำหนักขององค์ชาย แม้แต่นายท่านของคฤหาสน์ก็ยังมีเจ้าค่ะ!”
เมื่อได้ยินเรื่องนี้ฮันชิก็โกรธมากขึ้น แต่นางก็ไม่ได้ทำอะไร นางทนและอนุญาตให้เป่ยเอ๋อพูดต่อไป
เป่ยเอ๋อกล่าวต่อว่า “องค์ชายลีเป็นเจ้าชาย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่พระองค์จะมีผู้หญิงเพิ่มขึ้นอีกสองสามคน ยิ่งกว่านั้นพวกเขาทั้งหมดก็ถูกพาเข้ามาก่อนที่พระองค์จะได้พบกับคุณหนูสี่ ไม่จำเป็นที่เราจะต้องโกรธ สิ่งสำคัญคือต้องไม่มองย้อนกลับไปในสิ่งที่องค์ชายลีเคยทำ เราต้องดูว่าพระองค์จะทำอะไรเจ้าค่ะ !”
ฮันชิขมวดคิ้ว “ที่เจ้าพูดหมายความว่าอะไร?…”
“ตราบใดที่คุณหนูสี่สามารถมัดใจขององค์ชายลีได้ ไม่ใช่ว่านางสนมทุกคนต้องก้มหัวให้กับคุณหนูสี่หรอกหรือ ? สำหรับพระชายารองคนอื่น ๆ ที่ไม่ได้เป็นที่โปรดปราน สามารถจัดการพวกนางได้ภายหลัง ตราบใดที่หัวใจองค์ชายลีอยู่กับคุณหนูสี่ อำนาจจะอยู่ในมือของคุณหนู”
ในที่สุดฮันชิก็เข้าใจ แต่นางยังคงขมวดคิ้วต่อไป “เจ้าวางแผนที่จะมัดใจของผู้ชายแบบนี้ได้อย่างไร ? คุณหนูสี่อายุเท่าไหร่ ? มีความเป็นไปได้ว่าองค์ชายห้าจะเย็นชาก่อนที่เจ้าจะแต่งงานเข้าตำหนัก”
“จากนั้นเราจะผูกติดกับองค์ชายลีตลอดเวลา ! คงเป็นการดีถ้าหากพระองค์ไม่เย็นชา” เป่ยเอ๋อมองที่เฟิงเฟินได และพูดว่า “หลังจากกลับไปที่คฤหาสน์ บ่าวรับใช้คนนี้จะส่งคนไปสืบเรื่องแก้วผลึกสีขาวทันที เราต้องคิดอย่างถี่ถ้วนและละเอียดเพื่อจะได้จับองค์ชายห้า ตราบใดที่คุณหนูได้รับความโปรดปรานจากพระองค์ ไม่มีใครกล้าทำให้เราเดือดร้อนเจ้าค่ะ”
เฟิงเฟินไดยิ้มปากฉีกถึงหู “ถูกต้อง โอ้ เป่ยเอ๋อ มีเจ้าเป็นบ่าวรับใช้ส่วนตัวนี้ดีจริง ๆ เจ้ามีความคิดคล้ายกันมากกับข้า ตอนแรกข้าสงสัยว่าทำไมองค์ชายห้าถึงสนใจข้า แต่มันเกี่ยวกับต่างหูคู่นั้นจริง ๆ นี่ก็เป็นสิ่งที่ดี อย่างน้อยมันก็ทำให้เราเริ่มต้นใหม่”
“นั่นก็ดีเช่นกัน” ฮันชิรู้สึกว่าเฟิงเฟินไดดูเหมือนจะโตขึ้น และแผนการของนางก็ยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าจะมีบางอย่างเช่นนี้เกิดขึ้นนางก็ไม่รู้สึกท้อถอย นางสามารถวิเคราะห์สถานการณ์และตัดสินใจได้ทันที ถ้านี่เป็นตัวนางเอง นางจะทำไม่ได้แน่นอน “แต่ข้ายังคงกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับคุณหนูใหญ่ นางให้ต่างหูคู่นั้นเห็นได้ชัดว่ามีความตั้งใจที่จะทำร้ายเจ้า เกิดอะไรขึ้นถ้านางวางแผนหลังจากที่เจ้ากลับไป ?”
“ข้าจะวางแผนตอบโต้นาง และเราจะได้เห็นดีกันว่าใครชนะใคร !” ภาพที่ดูเคร่งขรึมปรากฏขึ้นอีกครั้งในสายตาของเฟิงเฟินได “เฟิงเฉินหยูไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าดอกไม้ที่ถูกทำลาย นางยังคงฝันที่จะเป็นฮองเฮาอีกหรือ ? เชอะ ! นางไม่ตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาของตัวเองบ้างเลย”
เป่ยเอ๋อแนะนำนางว่า “ดีแล้วที่คุณหนูสี่รู้ตัว แต่คำพูดเหล่านี้ควรพูดอย่างระมัดระวัง นอกจากนี้คุณหนูใหญ่ไม่ได้ถูกทิ้งจริง ๆ ท้ายที่สุดนางยังคงได้รับการสนับสนุนจากตระกูลเฉิน ดังนั้นเราจะต้องไม่ยอมให้พวกเขามีแผนการลับอื่น ๆ”
“ถูกต้อง” ฮันชิเตือนนาง “หลังจากปีใหม่เจ้าจะอายุ 11 ปี นั่นจะหมายถึงอีก 4 ปีจนกว่าเจ้าจะแต่งงาน การล่าช้าเป็นเวลานานหมายถึงปัญหา ดังนั้นเจ้าจะต้องคิดอย่างรอบคอบก่อน”
“ข้าเป็นผู้ที่กลัวความล่าช้าจะนำไปสู่ปัญหางั้นหรือ ?” เฟิงเฟินไดยกมุมปากของนาง “ถึงแม้จะมีผู้หญิงหลายคนในตำหนักลี แต่เมื่อข้ามองมันก็คงไม่มีผู้หญิงสูงศักดิ์มากมาย ส่วนใหญ่ของพวกเขาพบโดยองค์ชายในหมู่สามัญชน เพียงดูความเย่อหยิ่งของนางสนมก่อนหน้านี้ ก็ทำให้เห็นได้ชัดว่าพระชายารองในตำหนักน่าจะไม่มีจุดยืนใด ๆ โชคดีที่ข้าได้รับการหนุนหลังจากคฤหาสน์ของเสนาบดี แม้ว่าองค์ชายห้าจะไม่ไว้หน้าพระภิกษุ แต่ยังคงต้องไว้หน้าพระพุทธรูป 1 คงไม่เป็นการดีที่จะกลับคำพูดของตัวเอง”
“บ่าวรับใช้คนนี้จะไปตรวจสอบต้นกำเนิดของพระชายาเอกองค์ชายลีในภายหลัง” เป่ยเอ๋อกล่าว “นี่ควรจะง่ายต่อการตรวจสอบ เมื่อเข้าใจที่มาของพวกนางแล้ว เราสามารถจัดการได้เร็วขึ้น”
ขณะที่นางพูด เฟิงเฟินไดหันความสนใจไปหาฮันชิ
ฮันชิหดคอด้วยความกลัว นางกลัวการจ้องมองจากเฟิงเฟินไดมากที่สุด ทุกครั้งที่นางแสดงภาพลักษณ์นี้มันก็เป็นการโหมโรงก่อนที่นางจะถูกตำหนิ
แน่นอนว่า “แม่รองต้องมีความเข้าใจเช่นกัน ลองคิดดูสิถ้าข้ากลายเป็นบุตรสาวของฮูหยินใหญ่ตระกูลเฟิง ไม่ว่าสถานการณ์จะเกิดขึ้นกับองค์ชายห้า พระองค์จะยังคงต้องเผชิญหน้ากับคฤหาสน์ของเสนาบดีใช่หรือไม่ ? เมื่อเวลานั้นมาถึงการแต่งงานเข้าตำหนักลี ใครจะยังคงกล้าที่จะใช้อำนาจในทางที่ผิด ? ดังนั้น แม่รอง ไม่ว่าข้าจะโดดเด่นหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับบุตรในท้องของท่าน !”
มือของเฟิงเฟินไดแตะที่ท้องส่วนล่างของฮันชิอย่างอ่อนโยน ทำให้ฮันชิเหงื่อซึมด้วยความกลัว
เพื่อปกป้องการหมั้นของนางกับองค์ชายห้า นางจึงคิดหลายวิธี อีกด้านหนึ่งรถม้าของเฟิงหยูเฮงกำลังวิ่งไปทางออกของเมือง หวงซวนนั่งข้างนาง นางสับสนและถามเฟิงหยูเฮงว่า “ทำไมคุณหนูถึงช่วยคุณหนูสี่ ?”
เฟิงหยูเฮงยิ้ม “เพราะข้าอยากทำตามแผนของคนนั้น ยอมรับความผิดพลาดและปรับให้เข้ากับมัน”
“องค์ชายสาม ?” หวงซวนยังไม่เข้าใจ “แต่ประโยชน์ในการทำเช่นนี้คืออะไรเจ้าค่ะ ?”
“มีประโยชน์มากมาย เพียงแค่รอดู พวกเขาต้องการวางแผนต่อต้านข้า จะมีวันหนึ่งที่เขาจะรู้ว่าเขายังขาดอยู่” รอยยิ้มบาง ๆ ที่ติดอยู่ที่ใบหน้าของหยูเฮงทำให้หวงซวนรู้สึกสบายใจและสงบนิ่ง
หวงซวนชอบท่าทางมั่นใจของนางและอดไม่ได้ที่จะมีความสุข จากนั้นนางก็นึกถึงฉากงูของคุณหนูของนางต่อหน้าองค์ชายสาม และอดไม่ได้ที่จะหัวเราะคิกคัก “ความพ่ายแพ้ขององค์ชายสามนั้นน่าสนใจมาก”
อย่างไรก็ตามเฟิงหยูเฮงไม่ตอบสนอง นางลุกขึ้นและยกม่านขึ้น “เราออกจากเมืองมาแล้วหรือ ?”
คนขับคือบานซูที่สวมหมวกไม้ไผ่ เมื่อเห็นเฟิงหยูเฮงออกมา เขาชี้ไปข้างหน้าแล้วพูดว่า “ดูสิขอรับ”
หยูเฮงมองตามนิ้วที่บานซูชี้ ไม่ไกลนางเห็นรถม้าอันงดงามอีกคันจอดอยู่บนถนน รถม้าทำจากไม้พะยูง แม้แต่ผ้าม่านก็ทำจากตาข่ายผ้าไหมที่หายากมาก
นางมีความสุขทันที “เขาไม่ได้บอกหรือว่าเขาจะรอข้าที่ค่ายทหาร ? ทำไมเขาถึงมาที่นี่ ?” เฟิงหยูเฮงยืนอยู่ข้างนอกรถม้าของนาง นางยกมือป้องปากก่อนตะโกนว่า “เป่ยจื่อ ๆ !”
คนที่ยืนข้างรถม้านั้นไม่มีใครนอกจากเป่ยจื่อ เขาเห็นเฟิงหยูเฮงมานานก่อนที่นางจะเริ่มโบกมือ ตอนนี้นางตะโกนออกมา เขาเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งยืนอยู่บนรถม้า เป่ยจื่อไม่สนใจ ความคิดของเขากลับคืนสู่ภูเขาทางตะวันตกเฉียงเหนือทันที ในเวลานั้นเฟิงหยูเฮงเป็นเพียงเด็กคนหนึ่งที่มีความรู้ทางการแพทย์เล็กน้อย เขาจะคิดได้อย่างไรว่าเด็กญิงที่อยู่บนภูเขาจะเป็นถึงบุตรสาวของเสนาบดี เขาจะคิดได้อย่างไรว่าเด็กหญิงที่เขาเจอครั้งนั้นจะกลายเป็นว่าที่พระชายาขององค์ชายเก้า
“องค์ชาย !” เขาดีใจและหันมายกม่าน “พระชายามาถึงแล้วขอรับ”
คนที่อยู่ในรถคือซวนเทียนหมิงที่สวมชุดสีม่วง เขายังคงนั่งอยู่ในรถเข็น แต่ขาใต้เสื้อคลุมของเขากลับมามีกำลังแล้ว เขาสามารถก้าวไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว
เมื่อเป่ยจื่อดูที่ขาของซวนเทียนหมิง ความรู้สึกที่เขามีต่อเฟิงหยูเฮงก็ยิ่งลึกซึ้งยิ่งขึ้น ในการได้พบแพทย์ผู้สูงศักดิ์ในฐานะพระชายาของพระองค์ พระองค์ช่างโชคดีอย่างแท้จริง !
รถม้าของเฟิงหยูเฮงมาถึงอย่างรวดเร็ว นางกระโดดลงไปโดยไม่รอให้รถม้าหยุด และไปหาซวนเทียนหมิงทันที
บานซูกัดฟันของเขาด้วยความโกรธ “คุณหนู! คุณหนูไม่กลัวที่จะตกลงมาตายหรือขอรับ ?”
ป้าป!
หวงซวนตีเขาอย่างรุนแรงจากด้านหลัง “หุบปากของเจ้าได้หรือไม่ ?”
บานซูไม่ได้พูดอะไร
ในขณะนี้เฟิงหยูเฮงปีนขึ้นรถม้าของซวนเทียนหมิงแล้ว เป่ยจื่อหัวเราะเสียงดังขณะที่ชี้ไปที่บานซู โดยไม่มีคำอื่นเขาเตรียมรถม้าพร้อมออกเดินทาง
บานซูและหวงซวนตามหลังพวกเขามุ่งหน้าไปยังค่ายทหารในเขตชานเมืองของเมืองหลวง
“ครั้งที่แล้วเจ้าพูดอะไรบางอย่างเกี่ยวกับความประหลาดใจ ดังนั้นข้าจึงคิดถึงมัน ถ้าข้าบอกเจ้าว่าข้าจะรอเจ้าที่ค่ายทหาร จากนั้นข้าก็มาที่นี่อย่างลับ ๆ ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องประหลาดใจใช่หรือไม่”
ซวนเทียนหมิงลูบหัวของเฟิงหยูเฮงเบา ๆ เมื่อมองที่เด็กผู้หญิงคนนี้ นางเอาคางของนางวางที่ขาของเขา นางดูเหมือนสัตว์เลี้ยงตัวเล็ก ๆ ถ้านางสามารถอยู่อย่างสงบสุขอย่างนั้นมันก็น่ารักดีเหมือนกัน
น่าเสียดายที่เฟิงหยูเฮงไม่ใช่คนที่นั่งนิ่ง ๆ เหมือนสัตว์เลี้ยง เขาลูบผมของนางสองครั้ง ก่อนที่เด็กหญิงจะไม่มีความสุขและปัดมือของเขาออกไป “ข้าไม่ใช่ลูกสุนัข ทำไมเจ้าต้องลูบหัวข้าตลอดเลย ?”
ซวนเทียนหมิงยังคงมองแบบเยือกเย็น “แล้วที่อื่นล่ะ ?”
เฟิงหยูเฮงคิดอย่างรวดเร็วและยื่นมือเล็ก ๆ ของนางออกมา “เอาไป”
เขาเริ่มเศร้าหมองและจับมือเล็ก ๆ เขาไม่พูดอีกต่อไป
นางยิ้มมือกว้าง ๆ แล้วนั่งลงบนพื้นตรงหน้าเขา จากนั้นนางก็เริ่มตรวจสอบขาของเขา
“การฟื้นฟูเป็นไปด้วยดี กระดูกควรจะสมานตัวกันดีแล้ว” นางเงยหน้าขึ้นมองเขา “อีกไม่กี่วันเมื่อข้าถอดเฝือกออก ขาของเจ้าจะกลับสู่สภาพเดิมและเจ้าต้องหัดเดินได้ทุกวัน”
“ดีมาก” เขาพยักหน้ารู้สึกมีความสุขขึ้นเล็กน้อย “เมื่อขาของข้าหาย ข้าจะพาเจ้าออกไปเดินเล่น”
“จริงหรือ ?” ดวงตาของเฟิงหยูเฮงเป็นประกายขึ้นมา “ข้าจะไปทุกที่ที่ข้าต้องการได้หรือไม่ ?”
“ไม่” เขาพยักหน้า “โลกมันกว้างเกินไป”
นางหัวเราะคิกคักในขณะที่นางอยากจะบอกเขาว่าโลกนี้ใหญ่จริง ๆ มันไม่ได้จำกัดเพียงแค่ 4 อาณาจักรรอบราชวงศ์ต้าชุน ไกลออกไปมีอาณาจักรอื่น ๆ อีกมากมายอยู่อีกด้านหนึ่งของมหาสมุทร ยังมีอีกหลายที่ที่ผู้คนไม่ได้คล้ายกับคนของราชวงศ์ต้าชุน
นางไม่สามารถพูดได้ มีหลายสิ่งที่นางพูดไม่ออก นางอาจะถูกตัดสินว่าเป็นปีศาจ และนางไม่ต้องการถูกมองว่าเป็นปีศาจ ในยุคนี้ยังมีอีกหลายสิ่งที่ยังคงต้องทำ
“องค์ชาย !” ทันใดนั้นเป่ยจื่อก็ตะโกนออกมา หลังจากตะโกนนี้รถม้าก็หยุดลงอย่างกะทันหัน
เฟิงหยูเฮงลุกขึ้นแล้วกลับไปนั่งข้าง ๆ ซวนเทียนหมิง เมื่อเห็นม่านยกขึ้น เป่ยจื่อก็แหย่หัวเข้ามาและพูดว่า “รองแม่ทัพเฉียนมาถึงแล้วขอรับ”
“หืม ?” ซวนเทียนหมิงตกใจแล้วอธิบายกับเฟิงหยูเฮง “รองแม่ทัพเฉียนเป็นรองแม่ทัพค่ายทหาร โดยปกติเขาจะไม่ออกจากค่ายเว้นแต่…”
“ถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น” สีหน้าของเฟิงหยูเฮงจมลง ไม่พบแม่ทัพ และตอนนี้รองแม่ทัพก็รีบออกไป เป็นไปได้ไหมว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นที่ค่ายนี้ ?
“ให้เขาเข้ามา”
"พะยะค่ะ"
เป่ยจื่อหันกลับไปเร็วมาก ชายวัยกลางคนขึ้นมาบนรถม้า
ผู้ชายคนนี้สูงเกือบ 8 ฟุตซึ่งเป็นความสูงที่ไม่ค่อยเห็นในยุคนี้ เขาถูกล้อมรอบอย่างชัดเจนในรัศมีของความกล้าหาญ นี่คือสิ่งที่เฟิงหยูเฮงคุ้นเคย เขามีความรู้สึกของทหารที่ผ่านการต่อสู้มามากมาย
เขาไม่คิดว่าจะมีเด็กผู้หญิงอยู่ในรถม้า และไม่สามารถช่วยได้ อย่างไรก็ตามเขาถอนสายตาของเขา และคำนับซวนเทียนหมิงอย่างรวดเร็ว แล้วกล่าวว่า "มีบางอย่างเกิดขึ้นที่ค่ายทหารพะยะค่ะ"
1 : จะต้องเผชิญกับบุคคลที่สาม หรือผู้สนับสนุนที่มีประสิทธิภาพ