GE103 กระบี่แยกสวรรค์ กระบี่ใหญ่ [ฟรี]
เพียง 4 เดือน วิชาของหนิงฝานยกระดับ ทำลายศิลาทดสอบกระบี่พังทะลาย
ในเดือนที่ 5 ของการเก็บตัวฝึกฝน ผนังถ้ำภายในเต็มไปด้วยรอยกระบี่อันร้อนแรง
ในเดือนที่ 6 ภายในถ้ำปรากฏเสียงดังสนั่นออกมาอย่างต่อเนื่อง เป็นเสียงกระทบของโลหะ
เมื่อผ่านไปครึ่งปี ถ้ำก็คืนสู่ความเงียบสงบอย่างช้าๆ เหลือเพียงเสียงของเพลิงพิภพที่ชำระบางสิ่ง
สิ่งที่เกิดขึ้นคล้ายการหลอมสร้าง
หนิงฝานบรรลุวิชาระดับสูง ปราณกระบี่ใช้ได้อย่างคุ้นเคยและพลิกแพลง นอกจากนี้ เขายังบรรลุวิชา ‘กายาหกจ้าง’ เป็นวิชาขัดเกลาร่างกาย วิชาลับสัมผัสลวงและวิชาลับสัมผัสป้องกันเองก็บรรลุระดับไม่น้อย
ภายในถ้ำ… หนิงฝานไพล่มือไว้ข้างหลังหนึ่งข้าง อีกข้างขยับเคลื่อนไหวใช้วิชากระบี่เพลิงผันแปร่จู่โจม
เท้าข้างหนึ่งเหยียบพื้น เงากระดูกขาวจำนวนมากปรากฏ
หนิงฝานถอนปราณกระบี่ทั้งสอง ใบหน้าเผยรอยยิ้ม เมื่อครู่หนิงฝานสำแดงปราณกระบี่ 2 ชนิด ยามนี้ ปราณกระบี่เขาก้าวหน้าไปอีกระดับ แม้ไม่พึ่งพากระบี่ก็สามารถใช้ปราณกระบี่ได้
หนิงฝานหลับตา นิ้วสัมผัสหน้าผาก ทั่วร่างเปล่งแสงสีขาวเจิดจ้า ร่างกายขยายขนาดสูง 1 จ้าง 6 ฉื่อ หนิงฝานในยามนี้ดูกำยำเต็มไปด้วยมัดกล้า ไม่ได้ดูผอมบางอ่อนแอเหมือนก่อน
นี่คือผลจากวิชาขัดเกลาร่างกาย ผู้ที่ฝึกฝนวิชาขัดเกลาร่างกายนั้น สามารถขยายขนาดร่างกายให้สูงใหญ่ถึงพันจ้าง เฉกเช่นร่างปีศาจกระดูกขาวของจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ ดังนั้นร่างสูง 1 จ้าง 6 ฉื่อของหนิงฝานจึงไม่ควบค่าให้กล่าวถึง เพียงแต่นี่เป็นครั้งแรกที่หนิงฝานฝึกฝนวิชาขัดเกลาร่างกาย ทั้งยังบรรลุระดับนี้ได้นับว่าหายาก ความแข็งแกร่งร่างกายหนิงฝานเพิ่มขึ้นมาก แค่มือเปล่าก็สามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณได้
การที่สำเร็จวิชาขัดเกลาร่างกายเช่นนี้ ในอนาคตหากปราณของเขาถูกผลาญจนหมด เขายังมีวิชาขัดเกลาร่างกาย ให้ใช้ต่อสู้ได้ เพราะวิชานี้ไม่ได้ผลาญปราณแม้แต่น้อย
เมื่อกลับคืนสู่ร่างเดิม หนิงฝานพักผ่อนเล็กน้อย ก่อนที่ร่างกายจะแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็วอีกครั้ง!
เมิ่งฉู่ ชูชิง ซัวหมิง หนานหยางสื่อ ยุ่ยฉี กุ่ยเชว่สื่อ!
หนิงฝานเคยเห็นคนเหล่านี้ ทั้งหมดนั้นมีขอบเขตสัมผัสเทพที่ต่ำกว่าหนิงฝาน ดังนั้น เขาจึงสามารถแปลงร่างเป็นทุกคนได้ ทั้งกลิ่นอายที่แผ่ออกมายังดูราวกับเป็นตัวจริง
วิชาลับสัมผัสลวง! เป็นวิชาที่ใช้ปลอมแปลง อำพราง หรือปกปิด มีเพียงผู้ที่มีระดับสัมผัสเทพที่สูงหว่าหนิงฝานเท่านั้นที่มองออก! ยามนี้ สัมผัสเทพของหนิงฝานบรรลุกึ่งดวงจิตแรกเริ่ม นั่นหมายความว่า ผู้เชี่ยวชาญทั้งแคว้นเยว่จะไม่มีใครมองเขาออก
หนิงฝานถอนวิชาลับสัมผัส ค่อยๆกลับตา ทำจิตใจให้สงบ กลิ่นอายที่แผ่ออกมาจากร่างค่อยๆลดลง
เมื่อคืนสู่ปกติ หนิงฝานก็สัมผัสกระเป๋า นำกระบี่บินระดับกลางเล่มหนึ่งออกมา ทำมือขยับเคลื่อนไหว กระบี่บินเคลื่อนออกจากกาย 3 จ้าง ก่องพุ่งเข้าใส่หน้าอกของตน
กระบี่บินระดับกลาง! หากไม่เพราะหนิงฝานฝึกฝนกายาหกจ้าง กระบี่คงทะลวงหน้าอกไปแล้ว!
สิ่งที่แปลกคือ กระบี่บินไม่ได้สัมผัสกายหนิงฝาน มันถูกม่านพลังบางอย่างขวางกัน ห่างกับหนิงฝาน 3 ฉื่อ
ม่านพลังที่ว่าพลังมิติที่สั่นพ้องเปนระรอกราวกับคลื่นที่แผ่วเบา มันเกิดการสัมผัสเทพ หากผู้เชี่ยวชาญคนอื่นๆเห็นคงตกตะลึง เพราะเพียงสัมผัสเทพก็สามารถป้องกันกระบี่บินได้
นั่นคือผลของวิชาลับสัมผัสป้องกัน!
หนิงฝานยิ้มอย่างพึงพอใจ การเก็บตัวฝึกฝนครั้งนี้ทำให้เขาก้าวหน้าเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะวิชาลับสัมผัสเทพทั้ง 2 ที่ก้าวหน้า
หนิงฝานคาดไม่ถึงว่าวิชาลับสัมผัสเทพ จะเป็นวิชาที่ลึกล้ำมากขนาดนี้ มันไม่ได้ด้อยกว่าวิชาแปลงหยินหยางด้วยซ้ำ
วิชาลับสัมผัสลวง เพียงแค่คิดก็อำพรางเร้นกาย ผู้เชี่ยวชาญระดับต่ำกว่าดวงจิตแรกเริ่ม ไม่มีผู้ใดมองออก
วิชาลับสัมผัสป้องกัน เพียงแค่คิดก็สร้างม่านพลังที่ทรงพลังพอจะต้านทานการจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญดวงจิตแรกเริ่มได้!
แต่ถึงอย่างนั้น หนิงฝานยังไม่บรรลุถึงจุดสูงสุดของวิชา หากทำได้ วิชาลับสัมผัสเทพจะช่วยให้เขาเร้นกายได้เกินกว่าที่เขาจะจินตนาการ… วิชาลับสัมผัสป้องกัน ยามนี้หนิงฝานใช้ได้เพียง 1 ครั้งต่อวัน หากใช้ 2 ครั้งสัมผัสเทพเสียหาย หากใช้ 3 ครั้ง ทะเลสติจะแตกเป็นเสี่ยงๆ
หากหนิงฝานต้องการให้วิชาลับสัมผัสเทพก้าวหน้ามากกว่านี้ เขาต้องหน้าหญ้ากลั่นวิญญาณ และสมบัติวิญญาณเพิ่ม โชคดีที่สมบัติวิญญาณยังหาได้ในโลกพิรุณใบนี้ แต่กับหญ้ากลั่นวิญญาณนั้นยากจะจินตนาการ หากไม่ได้เมิ่งฉู่ในวันนั้น เขาคงไม่พบหญ้ากลั่นวิญญาณโดยบังเอิญ
การเก็บตัวฝึกฝนครึ่งปีนี้ หนิงฝานก้าวหน้าเป็นอย่างมาก แม้ปราณของตนจะไม่เพิ่ม แต่วิชาความสามารถกลับเพิ่มพูนหลายเท่า
ยามนี้จะเหลือก็เพียงเรื่องสุดท้าย… นั่นคือยกระดับกระบี่แยกสวรรค์!
หนิงฝานนำเตาหลอมกระบี่ออกมา ชักนำเพลิงพิภพ นำกระบี่แยกสวรรค์ออกมาแล้วแยกส่วน ถือพวกมันไว้พลางมองด้วยความเสียดาย
การเสริมอานุภาพให้กระบี่นั้น หนิงฝานจำเป็นต้องใช้หยกเซียนหยกสวรรค์เสริม เพื่อป้องกันการชักนำของดวงดาว และใช้ข่ายอาคมระดับแก่นทองคำเพื่อกักกลิ่นอายของการหลอมสร้างไม่ให้เล็ดลอด เพียงแต่เขาไม่มีข่ายอาคมระดับนั้น
ยามนี้หนิงฝานไม่ใช้ผู้ฝึกตนที่โง่เขลา เมื่อคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองฉีเหม่ย ที่อวดว่าตนเองนั้นแข็งแกร่ง แต่หากรู้ไม่ว่านั่นเป็นสิ่งที่อันตรายมาก ในอดีตคราวนั้น แม้หนิงฝานจะได้รับสืบทอดความทรงจำมาจากจักรพรรดิสวรรค์ แต่ตนเองยังเป็นเด็ก ประสบการณ์ที่มีก็ได้มาจากความทรงจำผู้อื่น ไม่ใช่ของตน
แต่เมื่อได้เริ่มลงมือสังหาร หนิงฝานจึงได้เข้าใจธรรมชาติของโลกผู้ฝึกตน มันไม่ได้ชั่วร้ายเลวทรามอย่างที่คิด มันซับซ้อน เพราะโลกของผู้ฝึกตนนั้นมีทั้งรัก เล่ห์กล ความเกลียดชัง และอื่น… โลกของมนุษย์ทั่วไปคงไม่ต่างกัน หากไม่ระวังก็ถูกสังหารได้ง่ายๆ
ในโลกของผู้ฝึกมีคำกล่าวว่า ตัวเจ้าไม่มีทางรู้ว่าศัตรูแอบซุ่มอยู่ที่ไหนบ้าง!
แม้หนิงฝานจะครอบครองสัมผัสกระบี่ที่ทรงพลัง แต่ดูเหมือนอัสนีแดงแห่งขอบเขตสมบูรณ์แบบของจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่จะทรงพลังยิ่งกว่า
หนิงฝานครอบครองความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์ ผู้นำศาลาไร้ธรรมเองก็สืบทอดความทรงจำมาเช่นกัน ดังนั้นผู้สืบทอดความทรงจำของเหล่าจักรพรรดิเซียนและเทพนั้น ย่อมมีมากมายราวกับห่าพิรุณ
หมายความว่า ภายนอกนั้นยังมีคนที่แข็งแกร่งกว่าตนอยู่… นั่นทำให้หนิงฝานรู้ระดับของตน
หากไม่ระวังจะทำให้เกิดความปั่นป่วนวุ่นวาย
ยามนี้เขาคิดหลายๆสิ่ง แต่เมื่อคิดมากจนเกินไปเขาก็ถอนหายใจ นำชิ้นส่วนของกระบี่แยกสวรรค์ใส่ลงไปในเตา
“ในความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์ มีวิชาหลอมสร้างสมบัติ เรียกว่า ‘วิชากลั่นพันครั้ง’ มีคำกล่าวว่า… กลั่นร้อยครั้งได้โลหะ กลั่นพันครั้งสมบัติ กลั่นหมื่นครั้งได้ชีวิต… หากต้องการหลอมสร้างสมบัติ อย่างน้อยต้องกลั่นพันครั้ง แต่หากจะหลอมสร้างสมบัติที่มีจิตวิญญาณ อย่างน้อยต้องกลั่นหมื่นครั้ง… แต่ในความเป็นจริงแล้ว สมบัติที่มีจิตวิญญาณใช่ว่าจะดีเสมอไป เหมือนอย่างกระบี่บินที่ดี จะวัดกันด้วยความสามารถเสริม... ส่วนกระบี่ใหญ่หากไม่มีจิตวิญญาณยิ่งดี!”
หนิงฝานพึมพัม… อาวุธของผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่คือกระบี่บิน เพียงเคลื่อนมือเป็นท่าทางก็สามารถสังหารศัตรูได้ แต่ในสมัยโบราณนั้น เหล่าเทพผู้ทรงพลังได้ต่อสู้กับด้วยมือเปล่า
กระบี่ที่ถือเข้าไปฟาดฟันศัตรูเรียกว่ากระบี่ใหญ่ ส่วนกระบี่บินคือกระบี่ที่มีขนาดเล็ก เบา และคล่องแคล่ว แต่กระบี่ใหญ่นั้นอานุภาพการทำลายมากกว่า
หากกระบี่บินมีความสามารถพิเศษเสริม มันจะเข้าสังหารศัตรูได้อย่างแม่นยำมากขึ้น และใช้สัมผัสเทพควบคุมน้อยลง ส่วนกระบี่ใหญ่นั้นใช้งานได้ยาก แต่เมื่อยามฟาดฟันศัตรู อานุภาพก็ทรงพลังเกินบรรยาย
กระบี่แยกสวรรค์ของหนิงฝานไม่จำเป็นต้องมีจิตวิญญาณ… เพราะหนิงฝานตั้งใจจะหลอมให้กระบี่แยกสวรรค์ กลายเป็นกระบี่ใหญ่!
ดังนั้นหนิงฝานต้องทำลายรูปลักษณ์เดิมที่เป็นกระบี่บิน… วิชากลั่นพันครั้งของจักรพรรดิสวรรค์นั้น แม้ไม่ได้ส่วนที่ทำให้หน้าสนใจ แต่ก็มีส่วนที่ทำให้คนตกตะลึง
หากกลั่นกระบี่ได้ถึง 1 แสนครั้ง กระบี่เล่นนั้นจะสามารถแปรเปลี่ยนได้สองรูปร่าง!
นั่นคือสิ่งที่หนิงฝานคิด เขาอยากให้กระบี่แยกสวรรค์ของตน เป็นได้ทั้งกระบี่บินและกระบี่ใหญ่
หากกล่าวเรื่องนี้ออกไป คงได้ตกตะลึงกันทั่วแคว้นเยว่ แต่สำหรับโลกพิรุณแล้วนับเป็นเรื่องธรรมดา เพราะสมบัติที่แท้จริงมีอานุภาพที่ไม่ธรรมดา และแปรเปลี่ยนได้มากกว่าหนึ่งรูปแบบ
มีคำกล่าวว่า ในสมัยโบราณมี 2 วิชาที่แปรเปลี่ยนได้อย่างลึกล้ำ ได้แก่ ‘วิชา 36 เทพสวรรค์ผันแปร’ และ ‘วิชา 72 อสูรผันแปร’...
หนิงฝานเลิกคิดฟุ้งซ่าน เขาเริ่มควบคุมเพลิงพิภพหลอมแยกเอาส่วนต่างๆของกระบี่แยกสวรรค์ออกจากกัน และชำระชิ้นส่วนกระดูกของจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ไปด้วย
ชิ้นส่วนกระดูกของจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่นั้น เป็นชิ้นส่วนกระดูกของผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก มันมีจิตวิญญาณแฝงที่ทรงพลัง ขัดขืนไม่ยอมเป็นวัสดุสร้างสมบัติ เพลิงพิภพย่อมหลอมมันไม่ได้ง่ายๆ
จิตวิญญาณที่ว่าคือจิตวิญญาณที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ และทำให้จักรพรรดิปีศาจกู่สามารถวิชาเพื่อค้นหาชิ้นส่วนกระดูกของตนได้ จึงทำให้ทราบถึงตำแหน่งของหนิงฝานในคราวนั้น
จิตวิญญาณที่เกิดขึ้นตามธรรมชาตินั้นไม่สามารถขับออกได้ แต่สามารถชำระล้างได้!
แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา สัมผัสกระบี่แทรกเข้าไปในชิ้นส่วนกระดูก ชำระล้างกลุ่มหมอกสีขาวภายในด้วยเพลิงกระทั่งมันจางหายไป
เมื่อชำระจิตวิญญาณไปแล้ว จักรพรรดิปีศาจไป๋กู่จะไม่สามารถตามหาตำแหน่งของกระดูกชิ้นนี้ได้
หนิงฝานกลั่นกระดูกและกระบี่ถึง 3 วัน 3 คืน กระทั่งกระดูกขาวได้เปลี่ยนเป็นกระดูกหยก เมื่อถึงขั้นตอนนี้ หนิงฝานไม่อยากรั้งรอ เขาควบคุมเพลิงหลอมผสานกระดูกกับกระบี่
เมื่อส่วนที่เป็นแกนหลักของกระบี่ถูกแยกออกมาแล้ว กระบี่แยกสวรรค์ก็แทบจะลดระดับลง แต่ในยามนี้ หนิงฝานได้ควบคุมกระดูกหยกที่ชำระแล้ว ผสานกับแกนกระบี่ และเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น
เดิมกระบี่แยกสวรรค์ยาว 3 ฉื่อ ยามนี้ยาวขึ้นเป็น 7 ฉื่อ จากกระบี่สีขาวกระจ่าง กลายเป็นกระบี่สีขุ่นเหมือนกระดูก แต่กลับแผ่เจตนางสังหารที่รุนแรง และแรงกดดันที่น่าเกรงขาม
ยามนี้มันกลายเป็นกระบี่ใหญ่ เป็นกระบี่ใหญ่กระดูกขาว! ระดับของมันบรรลุสมบัติขั้นกลางระดับสูงสุด! เป็นการยกระดับข้ามขั้นในคราวเดียว!
“กระบี่แยกสวรรค์ในรูปร่างของกระบี่ใหญ่… ข้าต้องกลั่นมัน!”
ในขณะที่กระบี่กำลังขึ้นรูปอยู่นั้น หนิงฝานสัมผัสกระเป๋า นำเอา ‘วารีอัสนี’ ออกมา แล้วเทใส่กระบี่
วารีอัสนีใช้สำหรับสร้างอาวุธเทพ ทำให้อาวุธเทพมีสายฟ้าเป็นความสามารถเสริม!
แต่น่าเสียดายที่วารีอัสนีมีน้อยเกินไป ในสมัยโบราณวารีอัสนีมีใช้อย่างแพร่หลาย แต่ยามนี้ หนิงฝานมีเพียงขวดเดียวเท่านั้น ไม่เพียงพอให้สำแดงได้เต็มอานุภาพ ได้เพียงส่วนผสมที่เจือจาง
แต่ถึงอย่างนั้น หนิงฝานได้นำวารีจันทรากระจ่างออกมาจากแหวน เทใส่กระบี่ผสมกับวารีอัสนี
แม้วารีจันทรากระจ่างจะถือกำเนิดจากน้ำพุธรรมชาติ แต่หากเทียบกับวารีอัสนีแล้ว มันไม่ต่างจากวารีทั่วๆไป และยามนี้ วารีทั้งสองชนิดก็ผสานกับกระบี่แล้ว
หนิงฝานสัมผัสเตาหลอม เร่งเพลิงให้รุนแรงมากขึ้น ยามนี้ กระบี่แยกสวรรค์เริ่มหมุนวน วารีที่เทลงไปสัมผัสกับความร้อนที่รุนแรงจนเกิดเสียง
วารีจันทรากระจ่างมีลักษณ์เป็นวารีใส แต่มีประกายของอัสนี ยามนี้มันเริ่มผสานเข้าไปในกระบี่ ก่อนร่างเป็นกระบี่ยาว 7 ฉื่อที่มีลายอัสนีสลักไว้
ในที่สุดก็หลอมกระบี่สำเร็จ!
หนิงฝานคว้ากระบี่แยกสวรรค์ด้วยมือเดียว แต่เมื่อนำมันออกมาจากเตาหลอม จู่ๆปลายดาบกลับร่วงปักลงพื้นถึง 3 ฉื่อ
กระบี่หนักมาก! อย่างน้อยๆต้องมีน้ำหนักถึงหมื่นจิน! ที่เป็นแบบนั้นอาจเป็นเพราะวารีอัสนี หากผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำใช้กระบี่เล่มนี้ สมควรสำแดงอานุภาพได้อย่างน่าสะพรึงกลัว แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำยังสังหารได้
*ฮึ่ม*
หนิงฝานแค่นเสียง ทั่วร่างเปล่งแสงสีเงิน พลังที่แข็งแกร่งเริ่มกระจายไปทั่วร่าง ก่อนจะกระชากกระบี่ขึ้นมาจากพื้น!
เสียงถอนกระบี่ดังสนั่น บริเวณที่ถูกกระบี่ปักลึกถึง 3 จ้าง แต่ศิลาที่ใช้สร้างผนังถ้ำนั้น ทนการจู่โจมของผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำได้
“กระบี่ใหญ่ไร้ปราณี แม้พิภพสวรรค์ยังไม่อาจสั่นคลอน...และล่าถอยในท้ายที่สุด เวลาช่างผ่านไปเร็วนัก… ชีวิตของผู้ฝึกตนก็เป็นเช่นนี้...”
หนิงฝานคิด กระบี่ใหญ่แปรเปลี่ยนเป็นกระบี่บินดังเดิม ก่อนจะเก็บไว้ในร่างกายตน
จากนั้นนั่งปรับลมหายใจเพื่อฟื้นฟูปราณ
ยามนี้ได้เลยเวลานัดประลองแล้ว… แต่ถึงจะช้าไปบ้าง สำหรับผู้เชี่ยวชาญแล้วไม่นับเป็นอันใด...