ตอนที่แล้ว36 การกระทำที่อาจหาญ ขึ้นมาบนเนินในกลางดึก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไป38 ต้องการยารักษา

37 ฝนฤดูใบไม้ร่วง, เนินเขาหนานชานที่เงียบสงบ


37 ฝนฤดูใบไม้ร่วง, เนินเขาหนานชานที่เงียบสงบ

หวังเย้าใช้ไฟฉ่ายตรวจสมุนไพรในแปลงของเขา มีความเสียหายเพียงเล็กน้อย ใบของต้นหลงตานถูกเด็ดออกไปจำนวนหนึ่ง หวังเย้ารู้สึกว่าขโมยคนนี้ระตัวมาก เขาคงจะวิ่งหนีทันทีที่ได้ยินเสียงจากในกระท่อม

หวังเย้ามองออกไปทางหมู่บ้าน หมู่บ้านนั้นดูเงียบสงบอยู่ภายใต้แสงของดวงจันทร์

สำหรับคนบางคน ถ้าไม่เห็นโลงศพก็คงไม่หลั่งน้ำตา! หวังเย้าคิด

ฝนเริ่มตกลงมาในเช้าของอีกวัน ฝนฤดูใบไม้ร่วงที่หนาวเย็น

หวังเย้ายังคงรดน้ำสมุนไพรด้วยน้ำแร่โบราณ ถึงแม้ว่าจะมีฝนตกลงมาก็ตาม หลังจากนั้นเขาจึงกลับเข้าไปในกระท่อมเตรียมสมุนไพรและลงมือต้มยา

ใบมัลเบอร์รี่ รากชะเอม เจี๊ยเกิง มิ้น เหลียนเฉียวชู ลู่เจิน...

ภายในกระท่อม มีชายหนึ่งคน หม้อหนึ่งใบ ไฟหนึ่งกอง และกลิ่นของสมุนไพร ด้านนอกกระท่อม ฝนฤดูใบไม้ร่วงยังคงตกลงมาบนเนินเขาหนานชานที่เงียบสงบแห่งนี้เรื่อยๆ

มีเรื่องพิเศษหลายอย่างสามารถทำได้ในช่วงเวลานี้เท่านั้น เช่นการจิบกาแฟอยู่ในมุมเงียบๆ อ่านหนังสืออยู่ในบ้าน ทำสมาธิ หรืออาจจะงีบหลับก็ได้ ในวันที่ฝนตกมักจะเป็นช่วงเวลาที่เงียบสงบ

หวังเย้านั่งอยู่ด้านในกระท่อมของเขาและมองไปที่กองไฟ เขาสามารถได้กลิ่นหอมของสมุนไพรที่ลอยออกมาจากหม้อ มันทั้งสนุกและมีความหมายมากสำหรับเขากับการต้มยาสมุนไพร

หนิ่วป้าง เมาโป้วเหอ เหรินตง ใบไผ่ ฉางจู ฟู่หลิง ฮวยซัว เม็ดบัว รากชะเอม...

บางทีอาจจะเป็นเพราะฝนตกจึงทำให้หวังเย้ารู้เงียบและสงบ เขาสามารถทำสูตรยาสำเร็จได้ถึงสามสูตรในหนึ่งวัน หวังเย้ารู้สึกผ่อนคลายหลังจากที่ทำสำเร็จ เขาดับไฟ ทำความสะอาดหม้ออเนกประสงค์ และยืดตัวเล็กน้อยเพื่อคลายกล้ามเนื้อ

วันนี้พอก่อนดีกว่า หวังเย้าคิด

หวังเย้าทำสูตรยาสำเร็จไปสี่สูตรในเวลาไม่ถึงสองวัน ขั้นตอนต่างๆกลับราบรื่นกว่าที่เขาคิดเอาไว้ เขาจึงไม่จำเป็นต้องรีบอีกต่อไป

เขานั่งบนเก้าอี้และนำหนังสือคัมภีร์หลักธรรมชาติออกมาแล้วเริ่มอ่าน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยเข้าใจความหมายของหนังสือเล่มนี้มากนัก แต่เขาก็รู้สึกได้ว่ามันเป็นหนังสือที่มีความลึกล้ำมาก สิ่งที่ทำให้หวังเย้ารู้สึกตื่นเต้นมากที่สุดก็คือการที่เขารู้สึกได้ถึงการรวบรวมพลังฉีภายในร่างกายเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน

หายใจเข้า หายใจออก...

“กำลังภายในของเต๋าคือสิ่งลึกลับและมองไม่เห็น ความลึกล้ำของเต๋านั้นดำมืดและเงียบเชียบ—มองไม่เห็นและไม่ได้ยิน โอบล้อมวิญญาณด้วยความสงบนิ่ง ร่างกายของคุณจะปรับเปลี่ยนด้วยตัวของมันเอง ความหมายของธรรมชาตินั้นคือความชัดแจ้ง ความหมายของหยินและหยางนั้นคือความสงบและความหมายของมนุษย์นั้นคือนิรันดร์ ตามชื่อของหนังสือ ‘คัมภีร์หลักธรรมชาติ’ เต๋าที่ยิ่งใหญ่คือสิ่งที่มองไม่เห็น ท้องฟ้าและผืนดินนั้นกว้างใหญ่ เต๋าที่ยิ่งใหญ่นั้นไร้ความปราณี พระอาทิตย์และดวงจันทร์ขึ้นลงเสมอ เต๋าที่ยิ่งใหญ่นั้นไร้ชื่อเสียง ทุกสิ่งอย่างในโลกนี้จะถูกชะล้าง—มนุษย์ กฎเกณฑ์ และผืนดิน—ผืนดิน กฎเกณฑ์ และท้องฟ้า—ท้องฟ้า กฎเกณฑ์ และเต๋า กระบวนการของเต๋านั้นคือธรรมชาติ”

หนังสือเล่มนี้ ‘คัมภีร์หลักธรรมชาติ’ นั้นไม่ได้หนามาก มันใช่เวลาในการอ่านบทบทหนึ่งเพียงไม่นาน หวังเย้าจึงไม่รีบร้อน ในทางหนึ่ง ข้อความเหล่านี้ไม่ง่ายเลยที่จะทำความเข้าใจ แต่อีกทางหนึ่งหวังเย้าก็ต้องการที่จะเข้าใจหลักปรัชญาที่สือออกมา ท้องฟ้าเริ่มมืดลง แต่หวังเย้ากลับไม่รู้สึกตัว เขายังคงอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ

ทันใดนั้นมือถือของเขาก็ดังขึ้น หวังเย้าปิดหนังสือและเก็บมันเอาไว้ในช่องเก็บของ น่าเสียดาย! หวังเย้าคิด

เขาเพิ่งจะเริ่มเข้าใจความหมายในหนังสือ คล้ายกับว่าเขากำลังพบเจอกับความมหัศจรรย์ เห็นบางอย่างที่น่าอัศจรรย์ และรู้สึกถึงความแตกต่าง แต่เสียงของมือถือกลับหยุดทุกอย่างลง

หนังสือเล่มนี้มันไม่ธรรมดาเลยจริงๆ! หวังเย้าคิด

“ฮัลโหล แม่เหรอครับ?” หวังเย้ารับโทรศัพท์

“กลับบ้านมาทานมื้อเย็นได้แล้ว วันนี้แม่ไม่ได้เจอลูกเลย!” เสียงของจางซิวหยิงดูมีความเป็นห่วงอยู่ในนั้น

“ได้ครับแม่” หวังเย้าพูด

เขาจึงล็อกประตูกระท่อมและลงจากเนินเขาพร้อมกับร่ม

ฝนตกภายในภูเขานั้นเงียบสงบ โดยเฉพาะเวลากลางคืน ภูเขานั้นยิ่งเงียบและน่ากลัว แต่หวังเย้าก็คุ้นเคยกับมันดี เขาลงจากเนินเขาและกลับบ้าน แม่ของเขาได้ทำอาหารเอาไว้แล้ว เธอทำอาหารไว้สี่จานและซุปหนึ่งถ้วย ที่มีปลาและเนื้ออยู่ในนั้น

“มื้อนี้หรูมาก วันนี้เป็นวันพิเศษอะไรรึเปล่าครับ?” หวังเย้าถามด้วยรอยยิ้ม

“เลิกเล่น แล้วไปล้างมือได้แล้ว” จางซิวหยิงพูด

“ครับ!” หวังเย้าพูด

หวังเย้าและพ่อแม่ของเขาได้ทานอาหารด้วยกันอย่างมีความสุข

“คืนนี้ลูกก็ยังจะขึ้นไปบนเนินเขาอยู่อีกเหรอ?” จางซิวหยิงถาม

“ครับ ผมต้องคอยเฝ้าแปลงสมุนไพร” หวังเย้าพูด

“แม่เป็นห่วงกับการที่ลูกต้องอยู่คนเดียวบนเขาในตอนกลางคืนแบบนี้!” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จางซิวหยิงพูดแบบนี้

“ผมก็มีซานเซียนอยู่เป็นเพื่อนนี่ครับ” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม

“หรือลูกจะให้พ่อไปอยู่เป็นเพื่อนดี?” จางซิวหยิงเสนอ

“แม่กำลังพูดเล่นใช่ไหม? มันมีแค่เตียงเล็กๆเตียงเดียวอยู่ในกระท่อม แล้วผมก็สบายดี อย่างกังวลเลยนะครับ!” หวังเย้าพูด

หวังเย้าต้องใช้ความพยายามเล็กน้อยเพื่อทำให้แม่ของเขาเชื่อว่าเขาสบายดี หลังมื้อค่ำ หวังเย้าอยู่คุยกับพ่อแม่ของเขาก่อนที่จะกลับขึ้นไปบนเนินเขา

“เฟิงฮวา ทำไมคุณไม่พูดอะไรซักอย่างเพื่อหยุดเขา!” จางซิวหยิงโทษสามีทันทีที่หวังเย้าออกไป

หวังเฟิงฮวาสูบบุหรี่และไม่ได้พูดอะไรออกมาซักคำ ผ่านไปสักพัก เขาจึงพูด “ปล่อยให้เขาทำตามที่เขาต้องการเถอะ”

“อะไรนะ? ไม่กี่อาทิตย์ก่อนมันเป็นคุณเองไม่ใช่เหรอที่ไม่อยากให้เขาปลูกสมุนไพรน่ะ” จางซิวหยิงพูด

หวังเฟิงฮวาไม่ได้ตอบอะไรออกไป เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาเพิ่งจะไปทานอาหารค่ำกับเลขาของหมู่บ้านมา หวังเจียนหลี่ เลขาหมู่บ้านหลังจากที่เขาดื่มไม่กี่แก้ว เขาก็เริ่มพูดออกมามากมายและหวังเฟิงฮวาก็เก็บเอาคำพูดบางคำของเขามาคิด

“ลูกของนาย หวังเย้า เขาเป็นคนหนุ่มที่ไม่ธรรมดาเลย! เขาเข้าใจผู้คนและโลกใบนี้เป็นอย่างดี คนหมู่บ้านต่างเข้าใจเขาผิด!” หวังเจียนหลี่พูด

ในหมู้บ้านนี้ หวังเจียนหลี่มักจะชื่นชมผู้คนมากมายแต่กลับไม่มีความจริงใจอยู่ในนั้นเลย ทุกคนที่รู้จักเขาเป็นอย่างดีจะรู้ว่า เขาจะยกย่องชื่นชมผู้คนด้วยความจริงใจก็ต่อเมื่อเขาเริ่มดื่มเบียร์เข้าไม่กี่แก้ว ความจริงแล้ว น้อยมากที่เขาจะพูดชื่นชมคนหนุ่มสาวออกมา ในตอนนั้นเองที่หวังเฟิงฮวาได้รู้ว่าลูกของเขาได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ

บางทีฉันควรจะปล่อยให้เขาได้ทำตามใจตัวเอง หวังเฟิงฮวาคิด

หวังเย้าขึ้นไปบนเนินเขาหนานชานพร้อมกับไฟฉ่ายในมือ เมื่อเขาไปถึง เขาก็รีบหลบเข้าไปในกระท่อมเพื่อหนีลมและฝนจากด้านนอก

เขาเปิดไฟและเริ่มอ่านคัมภีร์หลักธรรมชาติออกมาเสียงดัง ที่ด้านนอกฝนยังคงไม่หยุดตกจนเลยเที่ยงคืนไปแล้วถึงได้หยุดลง

วันต่อมานั้นหนาวมากกว่าเดิม

หลังจากที่รดน้ำสมุนไพรเสร็จ หวังเย้าได้เดินขึ้นไปบนเนินเขา และนั่งลงบนก้อนหินก้อนหนึ่ง เขาเริ่มฝึกวิธีการรวบรวมพลังฉีตามที่อ่านจากในคัมภีร์

เขาได้ลองหาข้อมูลจากในอินเตอร์เนต ข่าวลือมีอยู่ว่าหนังสือเล่มนี้ถูกเขียนโดยนักพรตเต๋าชื่อว่า กวงเฉิงจื้อ แต่รูปแบบที่เขาเจอในอินเตอร์เนตกลับต่างออกไปจากเล่มที่เขาได้รับมาจากระบบ ในอินเตอร์เนตข้อมูลจำนวนมากได้หายไปและไม่มีการพูดถึงวิธีรวบรวมพลังฉีเอาไว้ด้วย มันดูเหมือนกับฉบับย่อมากกว่า

หวังเย้าหลับตาลงและฝึกการหายใจเข้าออก ทันใดเขาก็รู้สึกได้ถึงแสงสว่างส่องเข้ามาในดวงตาของเขา แสดงให้รู้ว่าเป็นเวลาพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ตอนเช้าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการฝึกฝน ด้วยอากาศที่สดชื่นแล้วพระอาทิตย์ที่ยังอ่อนแสงอยู่

หลังจากที่นั่งอยู่บนก้อนหินประมาณชั่วโมงหนึ่ง หวังเย้าได้กลับไปที่กระท่อมและเริ่มต้มยาอีกครั้ง เราเริ่มเห็นผู้คนอยู่ตามเนินเขา

แบ่ะะ แบ่ะะ ม่ออ ม่ออ ฝูงของวัวและแกะถูกต้อนมาตามทางเดินบนเนินเขา

“สวัสดีครับคุณลุง วันนี้มาเช้ากว่าเดิมนะครับ” หวังเย้าทักทายชายที่เดินตามหลังฝูงสัตว์มา

“สวัสดี” ชายคนนั้นโบกมือให้เขา

“นั้นมันกลิ่นอะไรน่ะ?” ชาวบ้านถาม

“มันเป็นกลิ่นของสมุนไพรน่ะ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าลูกชายของเฟิงฮวากำลังทำอะไรอีก” ช่วบ้านอีกคนพูดขึ้นมา

“เขาอยู่บนเนินเขาหนานชานตลอดเวลา ไม่เคยคิดจะหางานดีดีทำเลย!” ชาวบ้านอีกคนพูด

“อืม การทำสวนมันก็ไม่แย่อะไรนี่!” ชายชราที่สูบบุหรี่อยู่พูด

“ไม่แย่เหรอ? แล้วเขาเงินได้บ้างไหมล่ะ?” ชายวัยกลางคนพูดขึ้นมาด้วยความดูถูก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด