บทที่ 48 หงอยเหงาเศร้าซึม
บทที่ 48 หงอยเหงาเศร้าซึม
ตอนที่จั่วเชียนเจอฉางฉิงที่ลานจอดรถ หญิงสาวยิ้มเหมือนกับสุนัขจิ้งจอกตัวน้อยที่แอบขโมยกินน้ำตาล ดูหวานหยดย้อยมาก
“อารมณ์ดีเหรอ” จั่วเชียนนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เขารู้สึกงุนงงเล็กน้อย “ได้ยินผู้อำนวยการบอกว่าบทนางรองในละครตัดสินใจให้คุณแสดงแล้ว”
“ใช่ค่ะ” ฉางฉิงรีบหุบยิ้มทันที เธอจะดูอิ่มอกอิ่มใจเกินไปไม่ได้
“อยู่ต่อหน้าผมอยากจะยิ้มก็ยิ้มเถอะ ไม่ต้องเก๊กหรอก” จั่วเชียนเห็นแล้วรู้สึกขำ “ผมรู้ว่าคุณดีใจ”
ปากของฉางฉิงยิ้มกว้างขึ้นทันที เผยให้เห็นฟันสองซี่ข้างหน้าที่ขาวเป็นประกาย
ดวงตาอบอุ่นอ่อนโยนของจั่วเชียนฉายประกายมีความสุข แล้วลูบศีรษะเธอ
ฉางฉิงรู้สึกคุ้นๆ ชอบกล พอคิดไปคิดมา เธอก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อเช้าซ่งฉูฉู่เจ้าคนนิสัยไม่ดีนั่นก็ลูบศีรษะเธอเช่นกัน แต่เขาลูบเธอเหมือนกับลูบสุนัขเลย
เธอเบ้ปาก
“คิดอะไรอยู่เหรอ” จั่วเชียนเห็นเธอใจลอย ในใจเขาก็พลันแข็งทื่อ “กำลังคิดถึงฟู่อวี้เหรอ”
“เปล่าค่ะ ฉันนึกถึงคนที่น่ารังเกียจมากคนหนึ่ง อุ๊ย หัวหน้าผู้กำกับนัดประชุม รีบกินเถอะค่ะ เร็วหน่อย” พอดูเวลา ฉางฉิงก็ร้อนใจ แล้วพูดเร่งพลางวิ่งไปที่ลิฟต์
จั่วเชียนมองดูด้านหลังที่สวยงามของฉางฉิง แล้วจู่ๆ ก็แอบไม่อยากให้เธอไปเล่นละคร ถ้าเธอสามารถยืนอยู่ด้านหลังเขาไปแบบนี้ได้ตลอดชีวิตก็คงไม่เลวทีเดียว แต่เธอเป็นดั่งทองคำ ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องเปล่งประกายรัศมีที่ไม่เหมือนใครของเธอออกมา
เพียงแต่เมื่อถึงเวลานั้นเขายังคู่ควรกับเธออยู่หรือเปล่า
_ _ _ _ _ _ _ _
เวลาสามทุ่มกว่า หลังจากอัดรายการเสร็จแล้ว ฉางฉิง จั่วเชียนและแขกรับเชิญในวงการอีกสองสามคนก็ทานอาหารมื้อดึกด้วยกัน ซึ่งระหว่างนั้นกว่านอิงได้โทรมาหาฉางฉิงอยู่สองสามรอบ
ฉางฉิงเห็นว่าดึกพอสมควรแล้ว จึงขอตัวกลับแล้วขับรถไปที่โรงพยาบาล ตอนเย็นเธอโทรถามซ่งฉู่อี๋แล้ว วันนี้เขาไปทานข้าวกับเพื่อนร่วมงาน เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่าจะเจอกับเขา
กว่านอิงขับรถมินิของตัวเองมา ฉางฉิงยังจำได้แม่นว่าเมื่อวานตอนที่เจอกัน กว่านอิงบอกว่าฟู่อวี้จะซื้อรถสปอร์ตราคาหลายสิบล้านให้ แต่เธอปฏิเสธไป
ฉางฉิงนึกถึงสามีตัวเองขึ้นมาอีกแล้ว แล้วก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
คนเราเอามาเปรียบเทียบกันไม่ได้จริงๆ ด้วย
“ฉางฉิง เธอคิดว่าฉันแต่งตัวแบบนี้ได้หรือเปล่า” กว่านอิงสวมเสื้อถักสีเบจกับกางเกงยีนส์ ดูสวยใสน่ารักมาก
“สวยแล้วจ้ะ ดูเป็นกุลสตรีมากเลย คุณป้าต้องพอใจแน่นอน” ฉางฉิงงุนงงนิดหน่อย “เสี่ยวอิง เธอไม่กลัวเลยสักนิดเหรอว่าจะเจอกับแฟนเก่าน่ะ เขาเป็นคุณหมอที่ผ่าตัดให้กับคุณแม่ของฟู่อวี้นะ ฉันเองเคยเจอเขาอยู่สองสามหน”
“เธอบอกว่าเขาเลิกงานแล้วไม่ใช่เหรอ อีกอย่าง...เจอก็เจอสิ” กว่านอิงกัดริมฝีปากเบาๆ อย่างน้อยที่สุดตอนนี้เธอจะต้องคว้าจับต้นไม้ใหญ่อย่างฟู่อวี้เอาไว้ให้มั่น
หว่างคิ้วของฉางฉิงขมวดเข้าหากัน “ที่จริง...ฉันเคยเจอคุณหมอซ่งหนึ่งครั้ง ดูเหมือนว่าเขา...ก็ใช้ได้นะ แถมฉันยังได้ยินพี่ฉันบอกว่าค่าผ่าตัดของเขาแพงพอตัว แค่ผ่าตัดให้คุณแม่ของฟู่อวี้ครั้งนี้ก็ปาไปสองล้านแล้ว”
พอเอ่ยถึงเรื่องนี้ ฉางฉิงก็แอบโมโหเล็กน้อย ตาซ่งฉูฉู่คนนี้ทำงานได้เงินเยอะขนาดนี้ แต่ไม่เห็นจะบอกให้ภรรยาอย่างเธอรู้เลยสักแอะ ถ้าไม่ได้พี่สาวช่วยสืบถามในโรงพยาบาลให้ล่ะก็ เธอก็ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเลย
“จริงเหรอ” กว่านอิงตะลึงงันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วฝืนยิ้มพลางพูดว่า “เขาทำงานได้เงินเยอะก็จริง แต่เขาช่วยฉันเรื่องงานไม่ได้”
“...อ๋อ” ขนตาของฉางฉิงลู่ลง “งั้นเธอก็ปล่อยมือจากเขาแล้วใช่มั้ย”
“ที่จริง...เมื่อก่อนเขาก็ดีกับฉันมากๆ เลย” ทันใดนั้นกว่านอิงก็ดูหน้าเศร้าหมองเล็กน้อย “ในบรรดาผู้ชายหลายคนที่ฉันรู้จัก เขาเป็นผู้ชายที่ดีกับฉันที่สุด เอาใจใส่ฉันที่สุด...”
ความรู้สึกที่ยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดปรากฏขึ้นในใจของฉางฉิง
แม้ว่าบางครั้งซ่งฉู่อี๋จะค่อนข้างดีกับเธอพอสมควร แต่ก็คงห่างไกลเทียบไม่ได้กับกว่านอิงล่ะมั้ง
ใจเขาเองก็อาจจะไม่เคยปล่อยวางจากกว่านอิง ไม่อย่างนั้นเขาจะพาเธอไปร้านกาแฟที่กว่านอิงชอบทำไมกัน แล้วเขาก็ชอบโหดร้ายป่าเถื่อนกับเธอตลอดเลย...
บอกไม่ถูกเหมือนกันว่าเพราะอะไร เมื่อเช้ายังอารมณ์ดีอยู่เลย แต่ตอนนี้กลับหงอยเหงาเศร้าซึมเหลือเกิน
_ _ _ _ _ _ _ _
ในห้องคนไข้ มีพยาบาลอยู่เฝ้าแค่คนเดียว
เสิ่นลู่กำลังดูทีวีอยู่ พอเห็นฉางฉิงมา เธอก็ดีอกดีใจมาก
ฉางฉิงยิ้มตาหยีและเบี่ยงตัวให้กว่านอิงเดินเข้าไปก่อน จากนั้นก็เอ่ยแนะนำว่า “คุณป้าคะ นี่กว่านอิง เพื่อนสนิทหนูค่ะ แล้วก็เป็นแฟนของพี่ฟู่อวี้ด้วย พอกว่านอิงได้ยินว่าคุณป้าไม่สบาย ก็เลยอยากจะมาเยี่ยมคุณป้าน่ะค่ะ”
........................................