ตอนที่ 116 วิธีบ้าๆ
“เราควรลงมือตอนไหน?”
“ได้ทุกเวลา”ถังซูตอบกลับ
หานเซี่ยวพยักหน้าตกลง
ในชีวิตก่อนเขา กิลด์ขนาดใหญ่ได้ค้นพบภารกิจรางวัลรวมนี้ เพื่อผลกำไรสูงสุด กิลด์จึงประกาศข่าวภารกิจลงบนฟอรัม ดึงดูดผู้เล่นจำนวนมาก นี่ทำให้รางวัลเพิ่มสูงขึ้นและในที่สุด พวกเขาก็สามารถบรรลุภารกิจ ได้รับรางวัลจำนวนมาก
ตอนนี้ หานเซี่ยวคือคนแรกที่ทำภารกิจและแม้เขาจะไมได้สะสมรางวัล รางวัลพื้ฯบานก็นับว่ามากแล้ว ความยากหลักของภารกิจนี้คือทุกคนที่ครอบครองวัตถุโบราณจะสูญเสียมันเมื่อถูกฆ่า ทำให้การแข่งขันระหว่างผู้เล่นสูงขึ้น ดังนั้น ภารกิจจึงยากกว่าปกติ แต่ทว่า ในกรณีของหานเซี่ยว การขโมยของจากพิพิธภัณฑ์เป็นงานที่ง่ายกว่า
หานเซี่ยวไม่มีคู่แข่งอื่น ดังนั้นจึงตัดสินใจลงมือทันที
ถังซูเหลือบมองและหันมาถูมือเขา
“เราจะแบ่งรางวัลกันยังไง?”เขาถามด้วยรอยยิ้ม
หานเซี่ยวโบกมือ“ฉันไม่ต้องการรางวัลของนาย รีบลงมือกันเถอะ-ฉันมีเวลาทำงานน้อย”
เมื่อได้ยินว่าหานเซี่ยวไม่ต้องการรางวัล ถังซูก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เดี๋ยวนะ หากเขาไม่ได้มาเพื่อเงิน ทำไมเขาถึงมาร่วมการปล้นด้วยละ?
หัวใจของหลี่ซินเริ่มเต้นกระหน่ำ และภาพฉากมากมายก็ผุดขึ้นในหัวเธอ สองมือเธอวางอยู่บนหัวใจ และจ้องหานเซี่ยวด้วยความหลงใหล“อาจเป็นเพระฉัน.....”
“เธอคิดมากไป”
…
หานเซี่ยวและถังซูใช้เวลาเดินทางหนึ่งชั่วโมงเพื่อไปยังพิพิธภัณฑ์อีกฝั่งของเมือง
มันเป็นเวลาดึกแล้ว ดังนั้นประตูพิพิธภัณฑ์จึงปิดและถนนรอบๆก็ร้าง อย่างไรก็ตาม กล้องวงจรปิดยังคงทำงานอยู่
ทั้งสองซ่อนตัวในซอยฝั่งตรงข้ามพิพิธภัณฑ์ ถังซูกางแผนที่และอธิบายแผน
“พิพิธภัณฑ์เทศบาลมีทั้งหมดสามชั้น ชั้นแรกและสองเป็นโถงนิทรรศการและชั้นสามเป็นส่วนของพนักงาน นี่คือพิมพ์เขียว เป้าหมายเราอยู่พื้นที่จัดแสดงทางเหนือของชั้นสอง ฉันได้ทำการสำรวจแล้ว มีตู้โชว์มากมายทีท่ติดสัญญาณเตือนภัยเลเซอร์และเครื่องตรวจจับ หากเราเข้าไปใกล้หนึ่งเมตร มันจะส่งสัญญาณเตือนภัย มียามประจำอยู่รอบๆพิพิธภัณฑ์ และเราก็ไม่อาจทำให้พวกเขาตื่นตัวได้ แผนคือลอบเข้าจากหน้าต่างชั้นสามและจากนั้น....เห้ เห้!นั่นนายจะไปไหน?”
ถังซูยังพูดไม่จบ แต่หานเซี่ยวก็เดินไปทางประตูพิพิธภัณฑ์บนถนนใหญ่ ถังซูไม่อาจเรียกเขากลับได้ทันขณะที่หานเซี่ยวยกเท้าและเตะประตูจนปลิว เสียงของประตูดังไปทั่วถนน
ถังซูตกตะลึง
เกิดบ้าอะไรขึ้น!แล้วแผนลอบขโมยละ?
หานเซี่ยวหันไปหาถังซูและตะโกน“ยืนฝันหวานอะไรอยู่?เข้าไปสิ”
“นั่นนายทำบ้าอะไร?!”ถังซูตกตะลึง
“แผนของนายซับซ้อนเกินไป มันก็แค่พิพิธภัณฑ์ อย่างมาก ก็มีตำรวจแค่ไม่กี่คน อย่าเสียเวลาเล่นAssasin’Creedเลย การเล่นเป็นนักรบเถื่อนย่อมเหมาะกว่า”
ถังซูสังเกตเห็นผู้อยู่อาศัยโผล่หัวออกจากหน้าต่าง อยากรู้เกี่ยวกับแหล่งที่มาของเสียงและบางคนก็โทรหาตำรวจภายในสามนี ถังซูไม่มีทางเลือกนอกจากตามหานเซี่ยวไป เขาทำได้แค่หวังว่าหานเซี่ยวจะเชื่อถือได้จริงๆ แม้จะไม่น่าเป็นไปได้ก็ตาม
ทั้งสองวิ่งหาเป้าหมายบนชั้นสอง หานเซี่ยวทุบตู้โชว์โดยไม่ลังเลและนำวัตถุโบราณทั้งสิบออกมา พฤติกรรมที่รุนแรงเช่นนี้ทำให้เกิดสัญญาณเตือนทันที และยามของพิพิธภัณฑ์ก็ต่นขึ้นจากการนอนหลับ
“ขโมย!”
“จับพวกมัน!”
หานเซี่ยววิ่งหนีไปพร้อมกับวัตถุโบราณในอ้อมแขน ขณะที่ถังซูรีบวิ่งตามมา
ในไม่ช้าพวกเขาก็กลับไปยังทางเข้าพิพิธภัรฑ์ เห็นแค่ตำรวจ4นายที่กำลังขวางทางวพกเขา
หานเซี่ยว ด้วยวัตถุโบราณในแขน เขาไม่อาจยกหมัดขึ้นได้ ดังนั้นจึงบอกถังซู“มันถึงเวลาเฉิดฉายของนายแล้ว”
ถังซูชี้ตัวเองด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ“ฉันเหมือนคนที่สามารถสู้ได้อย่างนายรึไง?นายเลือกแผนนี้ นายก็ควรเป็นคนแก้สถานการณ์สิ”
ขณะที่ยังคงคุยกัน ยามก็พุ่งพรวดมา
“หยุดลังเลได้แล้ว”หานเซี่ยวเตะก้นของถังซูและพุ่งใส่ยาม“นั่น ฉันเพิ่มให้นาย!”
เหล่ายามเหวี่ยงกระบอง ถังซูรู้สึกหวาดกลัว และเขาก็หยิบชะแลงออกมาเพื่อปกป้องตัวเองและต่อสู้กับยาม อย่างไรก็ตาม หัวของเขากลับถูกทุบตีจนผิดรูบ เขาไม่อาจรับความเจ็บปวดได้และรีบวิ่งไปหาหานเซี่ยว“มันเป็นไปไม่ได้ ฉันอ่อนแอเกินไป”
“จิ๊ ฉันจะสอนคาถาลึกลับที่ช่วยเพิ่มความสามารถให้นายสองเท่า พูดตามฉัน ย๊า!”
จากนั้น หานเซี่ยวก็เตะถังซูกลับไปยังกลุ่มยามขณะที่เขายังคงสับสนกับเหตุการณ์
ถังซูไม่อาจขัดคืนหานเซี่ยวได้และโกรธมาก เขาทำได้แค่ระบายความโกรธเขาโดยการต่อยยามและสามารถโค่นยามได้สองคน แต่ทว่า ในไม่ช้าเขาก็ถูกฟาดใส่หลังหัวโดยยามคนหนึ่นงและเหตุนั้น ดาวก็เริ่มหมุนรอบดวงตาเขา เขาวิ่งกลับไปหาหานเซี่ยว ร้องออกมาอย่างหมดหวัง“ฉันทำไม่ได้จริงๆ ฉันขอร้องนาย นายมีปืน และนายก็สามารถต่อสู้ได้ นายช่วยจัดการพวกมันได้ไหม?!”
“ช่วยไม่ได้ละนะ”หานเซี่ยวไม่ขยับนิ้ว และไม่ลังเล เขาเตะถังซูกลับไปสู้เป็นครั้งที่สาม“ฉันจะสนับสนุนนายด้วยจิตวิญญาณและหากนายต้องการจริงๆ ฉันจะมอบบัฟเพื่อเพิ่มความสามารถนายให้”
ถังซูอยู่ในจุดย่ำแย่ ท้ายที่สุดเขาก็หมดแรงหลังทุ่มความพยายาม ใบหน้าเขาถูกทารุณอย่างเต็มที่และหอบอย่างหนัก ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกเหมือนมีลมพัดผ่าน-หานเซี่ยววิ่งออกประตูไป
“นายควรรอฉัน!”ถังซูติดตามไป โกรธและเหนื่อย
เมื่อทั้งสองเดินผ่านซอยและร้านขายของชำ หานเซี่ยวก็ทุบประตูและค้นหากระเป๋าสะพายหลายใบจากร้าน จากนั้นเขาก็วางวัตถุโบราณใส่ในกระเป๋าและยัดฟองน้ำกันความเสียหาย เขารู้สึกสบายใจมากขึ้นหลังล้างมือ
ทันใดนั้นสัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้น และตำรวจ4นายที่กำลังลาดตระเวนอยู่ก็รีบวิ่งไป พวกเขาขวางทางเข้าซอย เมื่อเห็นหานเซี่ยวที่กำลังแบกกระเป๋า พวกเขาก็ชักปืนทันที
“อย่าขยับ!”
ข้างๆ ถังซูทำหน้าโง่งม
ทันใดนั้น หานเซี่ยวก็คว้าคอของถังซูและใช้เขาเป็นโล่ เขาหยิบปืนพกออกมาเล็งหัวถังซู“วางปืนลงกับพื้น!ฉันมีตัวประกัน!”
ถังซูตกตะลึงเกินจะเข้าใจ
นี่มันแผนบ้าอะไรกัน?!
ตำรวจ4นายมีสีหน้าเหลือเชื่อ พวกเขาหมดคำพูด ตำรวจหนุ่มจึงอดพูดไม่ได้“คุณกำลังพยายามจะหลอกเด็กรึไง?เขาเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดของคุณ!”
“จิ๊ เดาอยู่แล้วว่าแผนของไม่ได้ผล”หานเซี่ยวเย้ยหยัน
ถังซูหันมาและตะโกนใส่หานเซี่ยว“นี่นายคิดจริงๆว่ามันจะสำเร็จงั้นเรอะ?!”
“อืม ฉันแค่พยายามเสี่ยงโชค เราไม่มีอะไรต้องเสียอยู่แล้ว”
จากนั้นหานเซี่ยวก็โยนกระเป๋าใส่มือของถังซูและคว้าคอเสื้อเขา ภายในเสี้ยววินาที เขาเปิดใช้งานรองเท้าแม่เหล็กไฟฟ้าและวิ่งไปยังปากซอย ตำรวจ4นายตกตะลึงกับความเร็วและยิงปืน แต่เกราะแม่เหล็กกลับเบี่ยงกระสุนไปทุกนัด
หานเซี่ยวไขว้แขนและใช้ความเร็วสูงสุดในการเคลื่อนที่ เขารีบวิ่งไปหาตำรวจเหมือนลูกโบว์ลิ่ง
Strike!
ลมพัดผ่านพวกเขา และปากของถังซูก็เปิดกว้าง ส่วนเขาก็ถูกหานเซี่ยวลากไป ลมแรงไหลลงคอเขาและริมฝีปากเขาก็สั่นไหว
แม้หานเซี่ยวจะเก็นสภาพย่ำแย่ของถังซู เขาก็ยังตัดสินใจเพิ่มความเร็ว
...
มันเป็นบาร์ในเมืองนกนางรวล แสงเจิดจ้า และเพลงก็ดังกระหึ่ม ฟลอร์เต้นเต็มไปด้วยชายหญิงที่โยกย้ายร่างกายด้วยท่าทางมึนเมา มันให้บรรยากาศหรูหรา
ภูเขาไฟและนักล่าต่างก็มีสาวสวยอยู่ข้างๆ โอบกอดพวกเขาไปทั่วร่าง โต๊ะเต็มไปด้วยขวดเหล้า
ทั้งคู่เมากันเล็กน้อยขณะเดินออกบาร์พร้อมสาวสวย พวกเขาตั้งใจไปพักโรงแรมใกล้เคียง
หลังก้าวไปในซอยเล็กๆ นักล่าก็เหยียบลงแอ่งน้ำนิ่ง เสียงของน้ำที่สาดกระจายดังชัดในซอยที่เงียบสงัด
ลมยามค่ำคืนพัดผ่าน และทั้งสองก็เริ่มระมัดระวัง
แม้จะเมา พวกเขาก็ยังคงตื่นตัว สังเกตสภาพแวดล้อมอยู่เสมอ พวกเขาสังเกตเห็นคนติดตามจากแผนก13ก่อนหน้า แต่ก็เลือกไม่ใส่ใจ
แต่ทว่า พวกเขากลับไม่ตระหนักว่าในอากาศด้านหลังพวกเขา มีดวงตาคู่หนึ่งกำลังเบิกกว้าง!