บทที่ 49 สวรรค์มีทาง แต่คุณไม่เดิน
บทที่ 49 สวรรค์มีทาง แต่คุณไม่เดิน
หวังหลิ่นย้อนกลับมาในแววตาเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ แต่ตอนที่เข้ามาในซอยเล็กๆ เธอก็ยังส่งสัญญาณให้หลี่อวี้กับหวังเฉิงหยุด
เธอมองไปรอบๆ อย่างระมัดระวัง ปรากฏว่าเพิ่งจะชะโงกหัวออกไป ก็ส่งเสียงกรีดร้องออกมาทันที
ซอมบี้ร่างโชกเลือดพุ่งมาจากด้านข้างอย่างไร้สุ้มเสียง ในมือของมันยังมีกระบองเหล็กด้วย! หวังหลิ่นเพิ่งจะโผล่หัวออกมา กระบอกเหล็กนั้นก็หวดมาตามขวางดัง ‘ฟวั่บ’
แม้จะหวดลงมาตรงแก้มของเธอ ไม่ได้โดนเธอจริงๆ แต่หวังหลิ่นก็ใจหายหมดแล้ว!
เธอไม่เคยเห็นซอมบี้ที่พรางตัว จากนั้นก็รอเวลาซุ่มโจมตี และยิ่งไม่เคยเห็นซอมบี้ที่ใช้อาวุธ...
แต่ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอยังถือว่าไม่เลว ท่ามกลางความตื่นตระหนกก็ยังโต้กลับไปโดยสัญชาตญาณ ดาบวงพระจันทร์ฟันลงมา โดยมีเป้าหมายคือมือของซอมบี้ที่ถือกระบองเหล็ก
ด้วยนิสัยของซอมบี้มักจะไม่ถอยหนี ตอนที่หวังหลิ่นลงดาบ ซอมบี้ก็จะต้องยกแขนสองข้างขึ้นโจมตีต่อไป แบบนี้เมื่อกำลังจากทั้งสองฝ่ายปะทะกัน แขนของมันจะต้องขาดแน่นอน
นี่คือประสบการณ์ที่หวังหลิ่นสรุปออกมาได้จากในสนามรบ อีกทั้งแทบจะกลายเป็นปฏิกิริยาโต้ตอบโดยสัญชาตญาณแบบหนึ่งเวลาที่เธอต่อสู้กับซอมบี้
แต่สิ่งที่ทำให้เธอคาดไม่ถึงเลยก็คือ ซอมบี้ตัวนี้ยังถอยหลังก้าวหนึ่งด้วย ขณะเดียวกับที่หลบดาบวงพระจันทร์ของเธอ ก็หวดกระบอกเหล็กมาที่เธออีกครั้ง!
นี่มันซอมบี้อะไรกันเนี่ย?!
หวังหลิ่นถลึงตากว้างทันที และในตอนนี้หลี่อวี้และหวังเฉินที่รีบตามมาเห็นสถานการณ์ผิดปกติ ก็เล่นเอาตกใจไปด้วยเหมือนกัน
พอเห็นกระบองเหล็กหวดลงมา หวังหลิ่นก็รีบหลบ แต่ร่างของเธอยืดหยุ่นและคล่องแคล่ว ขณะเดียวกับที่หมุนตัวหลบ ดาบวงพระจันทร์ก็ฟาดลงที่กระบองเหล็กในมือซอมบี้ด้วย
“เคร้ง!” โลหะกระทบกันส่งเสียงดังลอยมา ขณะเดียวกับที่หวังหลิ่นฟาดกระบองเหล็ก เธอก็พลิกข้อมือ ดาบวงพระจันทร์เปลี่ยนจากฟันเป็นวาดตามกระบองเหล็กไปที่มือขวาของซอมบี้ที่ถือกระบอง
เธอเคลื่อนไหวรวดเร็ว ปฏิกิริยาโต้ตอบก็ไวพอ บวกกับเทคนิคการจู่โจมที่แม่นยำ ในสายตาเธอการโจมตีนี้จะต้องสำเร็จ
แม้แต่หลี่อวี้ที่เตรียมจะพุ่งเข้ามาก็หยุด และแอบคิดในใจว่าทางดาบของหวังหลิ่นนั้นยอดเยี่ยม
แต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาคาดไม่ถึงก็คือ ตอนที่ความสนใจของทุกคนถูกซอมบี้ ‘พิเศษ’ ตัวนี้ดึงดูด อยู่ๆ ก็มีซอมบี้ตัวหนึ่งหล่นลงมาอยู่ด้านหลังหวังเฉินที่รั้งอยู่ท้ายสุด อีกทั้งมันยังใช้มือข้างหนึ่งอุดปากและลากเขาไปอีกข้างอย่างรวดเร็ว
ดาบนี้ของหวังหลิ่นไม่ได้คว้าน้ำเหลว ตามมาด้วยเลือดสาดกระจาย สามนิ้วของซอมบี้ถูกตัดเรียบ กระบองในมือก็หล่นลงพื้นดัง ‘เคร้ง’
การบาดเจ็บแบบนี้ไม่ได้ช่วยทำให้หยุดซอมบี้ได้ และหวังหลิ่นก็เข้าใจข้อนี้ดี หลังจากปลดอาวุธในมือซอมบี้ได้แล้ว เธอก็ขยับเท้าเตรียมจะเข้าใกล้ซอมบี้อีกก้าว แล้วใช้ดาบวงพระจันทร์ในมือฟันลงไปที่เป้าหมายอีกที
จากประสบการณ์ของเธอ ซอมบี้ไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะบาดเจ็บหรือไม่ ขอแค่ไม่กระทบกับการเคลื่อนไหวของพวกมัน พวกมันไม่มีทางหยุดโจมตี ดังนั้นเมื่อหวังหลิ่นฟันดาบลงไป ซอมบี้ก็น่าจะโดนดาบของเธอเต็มๆ...
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นกลับเกิดความคาดหมายของหวังหลิ่นมากขึ้นไปอีก!
หลังจากที่ซอมบี้ตัวนี้เสียอาวุธไปแล้ว มันก็หันขวับพุ่งเข้าไปในอาคารหลังหนึ่ง!
มันหนีไปแล้ว! ซอมบี้ตัวนี้หนีไปแล้ว!
สีหน้าของหวังหลิ่นแปรเปลี่ยนเป็นตื่นตระหนกไปชั่วขณะ และหลี่อวี้ที่อยู่ข้างหลังเธอก็อ้าปากค้าจนหุบไม่ได้!
ใช้ทักษะการต่อสู้ได้ ใช้อาวุธได้ หนีได้... ถ้าหากไม่ได้เห็นดวงตาแดงก่ำเลือดทั้งสองข้างและใบหน้าบิดเบี้ยวของมันในระยะใกล้ จะตีพวกเขาให้ตายก็คงไม่มีทางเชื่อว่านี่คือซอมบี้
และหวังหลิ่นที่เมื่อครู่เกือบจะถูกซอมบี้ตัวนี้สับ ตอนนี้เห็นซอมบี้วิ่งหนีไปก็โมโหจนควันออกหูทันที!
แกยังเป็นซอมบี้อยู่รึเปล่า! มีจิตสำนึกของการเป็นซอมบี้อยู่บ้างมั้ย...
หวังหลิ่นที่อยู่ในความตะลึงงันได้สติคืนมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นพอเธอกำลังจะรีบตามไป ก็ได้ยินเสียงหลี่อวี้กรีดร้อง “หวังเฉินล่ะ!”
หวังเฉินไม่อยู่แล้ว เขาอยู่ใต้จมูกพวกเขาแท้ๆ แต่กลับหายไปอย่างไร้สุ้มเสียง และกระทั่งรอยเลือดบนพื้นสักหยดก็ยังไม่มี
สถานการณ์ที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายนี้ทำให้สีหน้าหวังหลิ่นหม่นครึ้มขึ้นมาทันที และสายตาของหลี่อวี้ ก็ยิ่งเต็มไปด้วยความตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด!
เดิมหวังเฉิงไม่มีความสามารถในการต่อสู้อยู่แล้ว อีกทั้งยังติดตามพวกเขาอย่างใกล้ชิดตลอดทาง ถ้าจะบอกว่าเขาเป็นฝ่ายหนีไปเอง หลี่อวี้และหวังหลิ่นไม่เชื่อ แต่ทำไมอยู่ดีๆ คนเป็นๆ ทั้งคนถึงหายตัวไปได้ล่ะ...
“ต้องเป็นไอ้หลิงม่อแน่!” หวังหลิ่นขมวดคิ้วขึ้นมาทันที “หวังเฉิงอาจจะเห็นหลิงม่อเข้า ก็เลยหนีไปพึ่งมันเงียบๆ! นี่ก็แสดงว่า ไอ้หลิงม่อต้องอยู่แถวๆ นี้แน่”
หวังหลิ่นมองสำรวจอาคารสองสามหลังรอบๆ แต่ในใจกลับรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย ใครจะไปรู้ว่าซอมบี้พวกนั้นจะมีแค่ตัวเดียวหรือเปล่า ถ้าเผื่อว่าเจออีกล่ะ?
“ไม่งั้นก็ไม่ต้องสนใจหวังเฉิงแล้ว เราไปกันเถอะ” หลี่อวี้เสนออย่างระมัดระวัง “ซอมบี้ตัวเมื่อกี้...อย่างกับมีสมองอย่างนั้นแหละ นี่มันช่าง...เหลวไหลจริงๆ”
มุมปากของหวังหลิ่นอดกระตุกไม่ได้ แต่เธอยังคงแค่นเสียงหึอย่างไม่ยี่หระ “จะกลัวอะไร! ถึงยังไงซอมบี้ตัวนั้นก็เอาชนะฉันไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? มันก็อาจจะเป็นเหมือนซอมบี้กลายพันธุ์ แต่แค่ต่างกันนิดเดียวเท่านั้น นายไม่เห็นว่ามันเอาแต่หนีเหรอ? แล้วอีกอย่างเจอซอมบี้พิเศษแบบนี้ ก็ยิ่งควรเข้าใจสภาพพวกมัน เวลากลับไปแล้วจึงจะเอาข้อมูลไปบอกทุกคนได้ เพื่อที่ต่อไปเวลาเจอเข้าจะได้ไม่เสียเปรียบ”
พูดมาถึงตรงนี้ ความตกตะลึงในดวงตาของหวังหลิ่นก็ค่อยๆ หายไป แทนที่ด้วยความฮึกเหิมและตื่นเต้น!
การค้นพบซอมบี้ชนิดใหม่! ไม่คิดเลยว่าวิ่งตามเจ้าหัวขโมยนั่น แล้วยังได้ข่าวดีโดยไม่คาดคิดอีก แม้เมื่อครู่เธอจะตื่นกลัวนิดๆ แต่ตอนนี้พอมาคิดดูแล้ว ความจริงซอมบี้ตัวนั้นก็ไม่ได้น่ากลัว ทั้งตอนที่เผชิญหน้ากับเธอมันก็ยังวิ่งหนีไปอีก ส่วนหวังเฉิง...ไม่ว่าเขาจะวิ่งหนีไปก็ดีหรือเกิดเรื่องอะไรก็ช่าง หวังหลิ่นไม่สนใจอะไรทั้งนั้น บอกตามตรง อีกฝ่ายก็เป็นแค่ตัวถ่วงเท่านั้น แล้วยังเป็นคนใหม่ที่เพิ่งจะเข้ามาด้วย...
“แล้วนี่...ยังจะหาดาบอยู่ไหม?” หลี่อวี้ถามอีก
“หาสิ! ทำไมจะไม่หาล่ะ! แต่ว่านะ...จะให้เขามีโอกาสหนีไม่ได้แล้ว นายคอยเฝ้าอยู่ข้างนอก!” หวังหลิ่นบอกโดยไม่เปิดโอกาสให้สงสัย
ตอนที่หวังหลิ่นและหลี่อวี้แยกกัน หลิงม่อที่ยืนอยู่ตรงช่องหน้าต่างคาเฟ่ชั้นสอง ก็เผยรอยยิ้มอย่างพอใจทันที
จะสู้กับฉันเหรอ? ก็แค่เด็กผู้หญิงที่ยังไม่โต แม้จะมีความสามารถนิดๆ หน่อยๆ แต่ความสามารถในการตัดสินใจนั้นสุดทน แค่หุ่นซอมบี้ตัวเดียวก็ทำให้เธอเสียสมาธิแล้ว... ตอนนี้ไม่ได้อยู่ในแคมป์ผู้รอดชีวิตของซ่งเทียน หลิงม่อใช้ความสามารถได้โดยไม่มีอะไรตะขิดตะขวงใจ ยิ่งกว่านั้นใครจะไปคิดว่าเขาควบคุมซอมบี้ได้? ขอแค่เย่เลี่ยนกับซย่าน่าไม่ถูกเปิดเผยฐานะ ก็คงไม่มีใครคิดมาถึงขั้นนี้
นอกจากนั้นจุดประสงค์ของเขาคือ จะต้องจัดการยัยเด็กนี่ให้ราบคาบ และต้องรู้ให้ได้ว่าเธอตามเขามาด้วยวิธีใด
รองร่อยของตนถูกคนอื่นรู้เข้า และอีกฝ่ายยังตามตอแยไม่เลิก มันถึงขีดจำกัดของหลิงม่อแล้ว
ต่างคนต่างอยู่ดีๆ ไม่ชอบ จะต้องหาเรื่องยุ่งยากมาให้ฉันให้ได้ นี่คือสิ่งที่เรียกว่า สวรรค์มีทางแต่ไม่เดิน นรกไม่มีประตูก็ยังทะลวงเข้ามาอย่างแท้จริง...
ส่วนตอนนี้เขาไม่กลัวเธอก่อกวนไม่เลิก ยิ่งเธอกัดไม่ปล่อย ในตอนท้ายเธอก็จะถูกจัดการอย่างน่าอนาถ!
หวังหลิ่นตามรอยเลือดที่ซอมบี้ประหลาดตัวนั้นทิ้งไว้เข้าไปในตัวอาคาร ส่วนหลี่อวี้แม้จะกลัวจนตัวสั่น แต่ก็ต้องฝืนอยู่ที่เดิม
ความคิดส่วนตัวของเขาคือ ไม่น่าตามพวกหลิงม่อมาเลย! แต่เมื่อหวังหลิ่นยืนกรานก็ทำให้เขาปวดหัวไม่หาย ดีที่ซย่าน่าพี่สาวของเธออยู่ด้วย ก็คงจะไม่ปะทะกันรุนแรงเกินไปหรอกนะ...
แต่ซอมบี้ตัวนั้นเพิ่งจะปรากฏตัว ก็กลับทำแผนเสียอย่างไม่ต้องสงสัย! เดิมทีที่แค่จะมาตามหาหลิงม่อ ตอนนี้กลับไขว้เขวไปตามหาซอมบี้ตัวนั้น
ดีจริงๆ หวังเฉิงหายไปอย่างไร้ร่องรอยก็ช่างเถอะ อีกสองคนที่เหลือก็ยังถูกบังคับให้แยกกันจัดการอีก...
ตอนที่ทั้งซอยเล็กๆ เหลือเขาเพียงคนเดียว หลี่อวี้ก็รู้สึกใจสั่นอย่างบอกไม่ถูก
เขาสูดหายใจเข้าลึก กำกระบอกเหล็กในมือแน่น ใจเย็นๆ แม้ซอมบี้ตัวนั้นจะบุกโจมตีได้ แต่หวังหลิ่นก็ไปตามมันแล้ว ซอมบี้ชนิดนี้ไม่น่ามีเยอะ ต่อให้ละแวกนี้ยังมีอีก แต่ระวังตัวหน่อยก็ไม่น่าเป็นปัญหา ถึงยังไงดูแค่ความสามารถในการต่อสู้มันก็ไม่ได้ต่างจากซอมบี้ทั่วๆ ไป ทั้งยังอ่อนแอกว่าอีกด้วย ซอมบี้ปกติจะหนีไม่เป็น...
หลี่อวี้ให้กำลังใจตัวเองแบบนี้แล้วก็รู้สึกฮึกเหิมขึ้นมาจริงๆ แต่พอเขาเพิ่งจะยืดหลังตรงก็พลันได้ยินเสียงแผ่วเบามาจากด้านหลัง
+++++++++++