GE101 เก็บตัวฝึกฝนและการเปลี่ยนแปลง [ฟรี]
“ได้ยินว่า...มีหลายตระกูลที่ถูกฆ่าล้าง ราวกับถูกสวรรค์ลงทัณฑ์… ผู้นำตระกูลหูกินโอสถสลาย แลกด้วยชีวิตเพื่อปกป้องตระกูล แต่ถึงอย่างนั้น ตระกูลหูยังเสียหายใหญ่หลวง จนเกือบจะกลายเป็นขุมกำลังระดับ 3 ของแคว้นเยว่ ความสัมพันธ์อันดีต่อนิกายอัสนีม่วงถึงจุดแตกหัก...”
ณ โถงขัดเกลาผสาน… ศิษย์สตรีหลายคนภายในได้พูดคุยถึงเรื่องที่กำลังโด่งดังในแคว้นเยว่
ในนั้นมีทั้งข่าวลือและความจริง ซึ่งหนิงฝานเป็นผู้อยู่ในเหตุการณ์
บัดนี้ผ่านมา 10 วันหลังจากการต่อสู้ที่รุนแรง แต่เรื่องยังคงคุกรุ่น สิ่งที่ทำให้นิกายกุ่ยเชว่ตกใจคือ หวางเหยาได้หายตัวไป
หวางเหยาเป็นผู้ดูแลศิษย์ เมื่อออกจากนิกายไปนานไม่กลับมา เหล่าผู้อาวุโสจำนวนมากจึงคิดว่ามันเป็นกบฏ และหลบหนีออกจากนิกาย เมื่อผู้นำตระกูลหวางทราบเรื่อง มันเร่งมาขอขมานิกายด้วยตนเอง
แต่ยังมีอีกเรื่อง ที่เป็นที่พูดถึงมากที่สุดในนิกายกุ่ยเชว่
นั่นคือหนิงฝานเก็บตัวฝึกฝน!
ยามนี้การเก็บตัวฝึกฝนไม่ถือเป็นเรื่องแปลก เพราะหนิงฝานต้องประลองกับปีศาจไป๋ เรื่องนี้เป็นที่ทราบกันทั่วทั้งแคว้นเยว่ ว่าผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ รับคำท้าประลองกับผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำที่มีชื่อเสียง การประลองเกิดขึ้นในแคว้นเยว่ ผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจ
เพียงแต่ผู้ที่คิดว่าหนิงฝานชนะมีเพียงหยิบมือ แม้หนิงฝานจะเป็นปีศาจที่เก่งกาจและมากพรสวรรค์ แต่ยังเยาว์เกินไป วิชาขัดเกลาผสานที่ฝึกก็ยากจะก้าวหน้า ผิดกับปีศาจไป๋ หรือไป๋เฟยเถิงที่เชี่ยวชาญวิชาน้ำแข็ง ฝึกฝนจนบรรลุระดับ 3 ทั้งยังได้ดูดซับจิตวิญญาณน้ำแข็งระดับ 3 เข้าไป
ไป๋เฟยเถิงนั้นแข็งแกร่ง เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นกลางที่มากพรสวรรค์ ครั้งหนึ่งมันเคยต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นสูงแห่งนิกายไท่ชูไพ่ นาม ผู้อาวุโสซ่งเฟิง ทั้งสองต่อสู้กันหลายวันแต่ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ
ภายในโถงขัดเกลาผสาน ศิษย์หลายคนพูดคุยถึงเรื่องการประลองของหนิงฝาน แต่อีกด้าน ไป๋ลู่ที่กำลังนั่งอย่างสงบอยู่นั้นได้ขมวดคิ้ว ราวกับเรื่องของหนิงฝาน ทำให้นางกระวนกระวายใจมาก
แต่เมื่อนางมายังโถงขัดเกลาผสาน สีหน้านางคืนสู่ความสงบ
นางสวมใส่อาภรณ์บางเบาและงดงาม เป็นที่ต้องตาของศิษย์สตรีเป็นจำนวนมาก พวกนางจึงออกมากล่าวต้อนรับ
ในระหว่างที่หนิงฝานเก็บตัวฝึกฝนอยู่นั้น แต่ละวันจะมีสตรีอาภรณ์ฟ้ามายืนรออยู่หน้าถ้ำ รออยู่เช่นนั้นเป็นเวลานาน
นางคือนายหญิงน้อยหลานเหม่ย… นางไม่อยากพ่ายให้กับไป๋ลู่
“คารวะนายหญิงน้อย...” ไป๋ลู่คารวะอย่างนอบน้อย แต่รอยยิ้มของนางดูไม่เป็นธรรมชาตินัก
“วันนี้เขายังฝึกฝนอยู่...” หลานเหม่ยกล่าวอย่างผ่อนคลาย แต่แฝงด้วยความเย่อหยิ่ง
“ข้าทราบ” ดูเหมือนไป๋ลู่ก็ไม่ยอมยกหนิงฝานให้เช่นกัน
“ไป๋ลู่ ตามข้ามา… ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า...”
หลานเหม่ยตาเป็นประกาย น้ำเสียงของนางเป็นเชิงบังคับ ไป๋ลู่จึงก้มหน้าเล็กน้อยแล้วเดินตามนางไปยังที่พักของหนิงฝาน
เมื่อพวกนางเข้าไปยังที่พักของหนิงฝาน หลานเหม่ยที่อดไม่ไหวก็หัวเราะขึ้น
ตั้งแต่นางหายจากอาการป่วย อารมณ์ของนางก็ดีขึ้นมาก และนางก็ยิ้มมากขึ้น
“พี่ไป๋ ที่นี่ไม่มีใครแล้ว ไม่ต้องแกล้งทำแล้วหล่ะ… วันนี้ท่านช่วยสอนข้าอีกได้หรือไม่...”
“ข้าไม่มีอะไรต้องสอนเจ้าแล้ว!” ไป๋ลู่คืนสีหน้าเคารพและกล่าวอย่างเป็นกันเอง
“อาจารย์… ท่านร่วมรักกับหนิงฝานตั้งหลายครั้ง...” หลานเหม่ยกล่าวอย่างจริงจัง
“ข้ากับเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรกัน ถ้าเจ้ายังไม่หยุดพูด ข้าจะไม่สอนเจ้า!”
“ก็ได้พี่หญิง ข้าไม่พูดแล้ว… รีบๆสอนข้าได้แล้ว”
หลานเหม่ยปฏิบัติราวกับไป๋ลู่เป็นอาจารย์จริงๆ นั่นเพราะนางได้สอนหลายๆสิ่งเพื่อปรนนิบัติหนิงฝานให้… หลานเหม่ยเป็นสตรี ทั้งยังเป็นว่าที่ภรรยาของเขา นางต้องร่ำเรียนสิ่งนี้ให้ดี นางกำพร้ามารดาจึงไม่มีผู้ใดสอน ดังนั้นนางจึงมาโถงขัดเกลาผสานเพื่อหาผู้สอนให้
‘วิชาร่วมรัก’ คือวิชาการปรนนิบัติบนเตียง ไป๋ลู่เชี่ยวชาญวิชานี้อย่างที่สุด และนางก็เป็นผู้ที่ร่วมรักกับหนิงฝานมากที่สุด
ด้วยที่หลานเหม่ยเป็นนายหญิงน้อยของนิกายกุ่ยเชว่ ไป๋ลู่จึงไม่กล้าปฏิเสธมากนัก ดังนั้น วิชาร่วมรักที่นางที นางจึงสอนให้กับหลานเหม่ยทุกสิ่ง
ยามนี้คงไม่มีผู้ใดรู้ว่า สตรีผู้เย่อหยิ่งอย่างหลานเหม่ย และสตรีปีศาจอันดับหนึ่งของนิกายอย่างไป๋ลู่ จะพูดคุยเรื่องคลุมเครืออยู่ในห้องหนิงฝาน...
หนิงฝานตัดขาดจากโลกภายนอก เขาใช้เวลาเก็บตัวฝึกฝนครึ่งปี ช่วงเวลานี้สำหรับมนุษย์ทั่วไปนับเป็นเวลาที่ยาวนาน แต่สำหรับผู้ฝึกตนแล้ว ผมบนหัวยังไม่ได้ทันได้ยาว เวลาก็ล่วงเลยเสียแล้ว
ภายในถ้ำที่มืดสลัวและเงียบเชียบ หนิงฝานขจัดซึ่งความคิดฟุ้งซ่าน มีเพียงสิ่งเดียวที่ยึดมั่น คือยกระดับพลัง
การต่อสู้กับหวางเหยาทำให้หนิงฝานทราบถึงข้อบกพร่องของตน ประสบการณ์การต่อสู้ของอีกฝ่ายเหนือล้ำกว่าเขามาก ราวกับห่างกันคนละดวงดาว
แต่การฝึกฝนก็เป็นเช่นนี้ จะต้องก้าวเดินอย่างค่อยเป็นค่อยไป การต่อสู้กับหวางเหยาทำให้ตนต้องเผยความลับของตนทั้งหมด แต่ยังต่อสู้ได้อย่างยากลำบาก ผิดกับวิชาแต่ละอย่างของหวางเหยา ที่สำแดงได้อย่างเต็มอานุภาพ
การใช้วิชานั้นไม่ได้พึ่งพาเพียงปราณ แต่ยังขึ้นอยู่กับความเข้าใจด้วย ยกตัวอย่างเช่น ‘วิชาเหยียบย่างหิมะ’ ของหนิงฝาน แม้เขาจะบรรลุระดับ 2 แต่เขาไม่มีพื้นฐานวิชาที่เกี่ยวข้องกับหิมะมาก่อน
‘วิชาลับปีศาจทมิฬ’ หนิงฝานก็ได้มาโดยบังเอิญ จากการดูดกลืนเพลิงปีศาจทมิฬเข้าไป ทำให้ไม่อาจแสดงอานุภาพที่แท้จริงของเพลิงปีศาจทมิฬได้
หากไม่มีไพ่ลับเหล่านั้น หนิงฝานจะเหลือเพียง ‘วิชากระบี่เพลิงผันแปร’ ‘วิชากระดูกขาวราวขุนเขา’ ปราณกระบี่อีก 2 ชนิด ซึ่งสิ่งเหล่านั้นยังห่างไกลกับคำว่า อานุภาพที่แท้จริงเป็นอย่างมาก
ร่างกระดูกเงินที่หนิงฝานมี แม้จะทรงพลังกว่าผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ แต่หนิงฝานยังไม่ได้ขัดเกลาให้มันยกระดับต่อ
วิธีที่ใช้ยกระดับพลังเรียกว่า ‘วิชา’ ส่วนวิธียกระดับร่างกายเรียกว่า ‘วิชาขัดเกลาร่างกาย’ ร่างปีศาจกระดูกขาวยักษ์ที่หวางเหยาใช้ ก็เป็นหนึ่งในวิชาประเภทขัดเกลาร่างกาย เป็นวิชาของเทพปีศาจโบราณที่ทำให้ร่างกายทรงพลังเหนือกว่าปราณในร่างมาก
หากจะกล่าว หนิงฝานยังไม่ได้ฝึกฝนวิชาเพื่อยกระดับพลัง และไม่ได้ฝึกฝนวิชาเพื่อขัดเกลาร่างกายแม้แต่น้อย ในความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์ จักรพรรดิสวรรค์บรรลุระดับของร่างกายในขอบเขตที่เรียกว่า ‘กายาแท้จริง’ เป็นระดับที่จักรพรรดิปีศาจไป๋กู่บรรลุเช่นกัน แต่หนิงฝานยังไม่สำเร็จถึงขั้นนั้น
กระบี่แยกสวรรค์ เสริมวิชาเผาวิญญาณ แม้จะเป็นวิชาที่ดี แต่ระดับของกระบี่ยังต่ำเกินไป… แม้การยกระดับจากสมบัติระดับแรกเริ่มขึ้นต่ำ ไปเป็นสมบัติระดับสูงในช่วงเวลาเพียงครึ่งปี จะเป็นเรื่องที่น่าตระหนก แต่ระดับพลังของหนิงฝานก็ก้าวล้ำกระบี่ไปมาก จนมันไม่อาจสำแดงพลังของหนิงฝานได้เต็มที่
หนิงฝานต้องยกระดับกระบี่แยกสวรรค์อย่างจริงจัง! ชิ้นส่วนกระดูกของจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ที่ได้มาก หากหลอมผสานกับกระบี่จะทำให้กระบี่และวิชาเสริมยกระดับขึ้นมาก
ทั้งหมดนั้นเป็นเหตุผลให้ต้องเก็บตัวฝึกฝน ให้ตนเองได้กระจ่างกับสิ่งที่ค้างคา
สิ่งแรก หนิงฝานต้องยกระดับวิชาลับปีศาจทมิฬ และวิชาเหยียบย่างหิมะ รวมถึงฝึกฝนวิชาธาตุน้ำแข็งอื่นๆ
ต่อมา หนิงฝานต้องฝึกฝนวิชาขัดเกลาร่างกาย เพื่อให้บรรลุขอบเขตกระดูกเงินที่แท้จริง
และสุดท้าย หนิงฝานต้องยกระดับกระบี่แยกสวรรค์ ผสานรวมกับชิ้นกระดูกของจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่
ยังมีอีก 2 วิชาที่หนิงฝานต้องฝึกฝนให้ดี
นั่นคือ ‘วิชาลับสัมผัสลวง’ และ ‘วิชาลับสัมผัสป้องกัน’
‘วิชาลับสัมผัสเทพ’ แบ่งแยกย่อยเป็น 3 วิชา วิชาแรกสำหรับอำพราง วิชาที่สองสำหรับป้องกัน และวิชาที่ 3 คือวิชาสำหรับสร้างร่างจำแลง… วิชาลับสับสัมผัสลวงจำเป็นต้องใช้หญ้ากลั่นวิญญาณในการยกระดับ และยามนี้หนิงฝานก็ได้หญ้ากลั่นวิญญาณมาเป็นจำนวนมาก
วิชาลับสัมผัสป้องกัน จำเป็นต้องดูดกลืนสมบบัติ และยามนี้ หนิงฝานก็มีสมบัติอยู่กับตัวมากมาย
เรื่องที่หนิงฝานต้องทำนั้นมีมากมาย เวลาครึ่งเดือนจึงกระชั้นเป็นอย่างมาก แต่หนิงฝานเชื่อว่า หากเก็บตัวฝึกฝนอย่างตั้งใจในช่วง 6 เดือนนี้ เขาจะกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง
ที่หนิงฝานฝึกฝนวิชาเพื่อยกระดับนั้น ก็เพื่อเตรียมทะลวงขอบเขตแก่นทองคำ
แม้หนิงฝานจะได้ความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์มา แต่อัตราความสำเร็จในการทะลวงขอบเขตแก่นทองคำนั้นไม่สูงนัก ตามการคาดเดา เขาต้องเก็บตัวฝึกฝนอย่างน้อย 10 จึงจะทะลวงได้สำเร็จ แต่ตอนนี้ ก็เป็นโอกาสให้เขาได้ลองทะลวงขอบเขตดู
หากครั้งนี้เขาพลาด เขาต้องพยายามอย่างหนักอีก 10 ปี!
ผู้เชี่ยวชาญที่สามารถทะลวงจุดตีบตันบรรลุขอบเขตแก่นทองคำได้นั้น มีเพียง 1 ใน 10 ส่วน ผู้เชี่ยวชาญเป็นจำนวนมากที่พยายามทะลวงขอบเขตแก่นทองคำอยู่หลายครั้ง เพิ่งจะสำเร็จเมื่อเร็วๆนี้ก็มี หากเป็นผู้ที่ทะลวงขอบเขตสำเร็จตั้งแต่ครั้งแรก นับเป็นผู้ที่ท้าทายสวรรค์
หนิงฝานคำนวณอัตราความสำเร็จของตน ด้วยความที่ตนเองไม่ได้มีพรสวรรค์มากนัก อัตราสำเร็จสมควรอยู่ที่ 2 ใน 10 ส่วน
“หากดูดซับพลังของไป๋หลิงและเย่หลิง อัตราความสำเร็จของข้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ใน 10 ส่วน...”
แววตาหนิงฝานซับซ้อน ก้มมองแหวนที่นิ้ว นี่เป็นครั้งแรกที่นางลังเล เขาอยากดูดซับพลังของพวกนาง แต่สุดท้ายก็หักใจทำไม่ลง เขาไม่อาจทำร้ายผู้ที่เคยช่วยเหลือตนเองได้
หลังจากถอนหายใจ หนิงฝานก็นำร่างวิญญาณของตนออกมา ยามนี้ระดับพลังของมันอยู่ที่กึ่งดวงจิตแรกเริ่ม เพียงแต่ร่างของมันไม่เสถียรเป็นอย่างมาก ไม่สามารถแสดงพลังได้เต็มที่ แต่ยังเหมาะให้ลอบจู่โจม
การที่สร้างร่างวิญญาณ ทำให้จิตวิญญาณของหนิงฝานต้องหายไปครึ่งหนึ่ง… นั่นทำให้อัตราความสำเร็จในการบรรลุขอบเขตแก่นทองคำลดน้อยลง แต่นั่นก็ทำให้ความสำเร็จในการยกระดับสัมผัสสูงมากขึ้น
“เป็นเพราะข้าตัดจิตวิญญาณ ทำให้อัตราความสำเร็จลดลง แต่สัมผัสเทพกลับทรงพลังขึ้นมาก ช่วยให้ข้าต้านทานหัวใจแห่งปีศาจได้… ดังนั้น จึงไม่ถือว่าอัตราความสำเร็จลดลง สมควรเพิ่มเป็น 4 ใน 10 ส่วนมากกว่า...”
หนิงฝานสัมผัสกระเป๋า นำโอสถสีแดงโลหิต มีขนาดเท่าเล็บมือออกมา ภายในนั้นอัดแน่นไปด้วยปราณ หากตั้งใจฟัง จะได้ยินเสียงคล้ายเสียงหัวใจเต้นออกมาจากโอสถ
เมื่อเห็นโอสถในมือ หนิงฝานทำสีหน้าผิดหวัง เพราะโอสถเม็ดนี้ เป็นโอสถที่สร้างขึ้นจากชีวิตของผู้นำตระกูลหู เดิมทีชายชราตั้งใจจะมอบให้หูหมิง แต่เมื่อหนิงฝานปรากฏตัว ความตั้งใจของชายชราจึงเปลี่ยนไป
“โอสถพลัง… เมื่อผู้นำตระกูลหูกินโอสถสลาย ทำให้มันบรรลุขอบเขตแก่นทองคำ และควบกลั่นปราณและชีวิตจนกลายเป็นโอสถ แม้มันจะแตกต่างกับผลไม้แห่งเต๋า แต่ผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่ต่างกัน… หากกินโอสถพลัง จะทำให้อัตราความสำเร็จของข้าเพิ่มเป็น 6 ใน 10 ส่วน...”
และสุดท้ายหนิงฝานก็นำโอสถอีกเม็ดออกมา เป็นโอสถที่ชูชิงมอบให้เป็นขอบขวัญ
โอสถชนิดนี้เป็นโอสถผันแปรที่ 3 นามว่า ‘โอสถเมฆาทองคำแดง’
โอสถชนิดนี้ทำให้อัตราความสำเร็จในการทะลวงขอบเขตแก่นทองคำเพิ่มขึ้นอีก 1 ใน 10 ส่วน! แม้จะบรรลุขอบเขตแก่นทองคำไม่สำเร็จ แต่ผู้ใดกล้ากล่าวว่าอัตราการสำเร็จ 1 ใน 10 ส่วนจะไม่มีผล?
แม้จะทะลวงระดับล้มเหลว แต่ยังช่วยเสริมปราณที่สูญเสียไป สร้างโอกาสให้ตนได้ทะลวงขอบเขตอีกครั้งในเวลาไม่นาน
โอสถเมฆาทองคำแดงจะทำให้หนิงฝานเพิ่มโอกาสเป็น 7 ใน 10 ส่วน!
หากอัตราความสำเร็จนี้ได้ยินถึงหูเหล่าผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำคนอื่นๆ พวกนั้นคงตกตะลึง เพื่อไม่เคยมีผู้เชี่ยวชาญคนใดเคยมีมาก่อน หากเป็นผู้เชี่ยวชาญที่อยากเพิ่มอัตรความสำเร็จ พวกมันจะทุ่มทรัพยากรทั้งหมดที่มี
แต่ถึงอย่างนั้น ผู้เชี่ยวชาญทั่วไปมีเวลามาก ไม่กลัวที่จะล้มเหลว แต่หนิงฝานไม่มีเวลา หากล้มเหลวจะทำให้เสียเวลาเป็นอย่างมาก
“7 ใน 10 ส่วน เป็นอัตราที่สูง แต่ข้าต้องการให้มันสูงกว่านี้! หากข้าได้ดูดวับพลังของไป๋ลู่ อัตราความสำเร็จจะเพิ่มขึ้น หากข้ายกระดับวิชาลับปีศาจทมิฬ และวิชาเหยียบย่างหิมะไปยังระดับ 3 อัตราความสำเร็จจำเพิ่มขึ้นเป็น 8 ใน 10 ส่วน นี่เป็นขีดจำกัดที่ข้าทำได้… หากยังทะลวงระดับไม่สำเร็จ คงต้องยอมรับชะตาสวรรค์...”
หนิงฝานยิ้มอย่างไร้หนทาง… คำว่าชะตาสวรรค์นั้น ใครเล่าจะขัดขืน?
สวรรค์เล่นตลกกับหานหยวนจี๋ เปลี่ยนจากเซียนให้กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ และสุดท้าย ก็เปลี่ยนให้ชายชราเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญที่ทรงพลัง ยังไม่อาจขัดชะตาสวรรค์
ต่อต้านสวรรค์… คำคำนี้ช่างยากเย็นนัก
หากหนิงฝานเลือกที่จะทำเช่นนั้น ทั้งชีวิตของเขาจะโดดเดี่ยว ยากลำบาก และเจ็บปวด
หากอัตราความสำเร็จ 8 ใน 10 ส่วนยังไม่สำเร็จ… หนิงฝานก็จะต่อต้านสวรรค์เพื่อให้ได้แก่นทองคำมาครอง
“เริ่มฝึกฝน! สิ่งแรกต้องคือต้องทำความเข้าใจวิชาลับสัมผัสลวงให้มาก และใช้ร่างวิญญาณเพื่อทำความเข้าใจวิชาลับสัมผัสกาย!”
หนิงฝานขยับมือเป็นท่าทาง เรียกเอาร่างวิญญาณของตนออกมาเพื่อแยกฝึกฝน ยามนี้ร่างวิญญาณของเขาไม่ได้อยู่ในรูปลักษณ์มนุษย์ และไม่มีพลังใดๆ
ร่างวิญญาณเช่นนี้ไม่สามารถใช้ต่อสู้ได้
ไม่นานนักหนิงฝานก็สร้างร่างวิญญาณได้เป็น 100 ร่าง เป็นขีดจำกัดของสัมผัสเทพของเขายามนี้
หนิงฝานเริ่มออกคำสั่งกับเหล่าร่างวิญญาณ
“พวกเจ้าจะอยู่ได้ 3 วัน 3 คืน ข้าอยากให้พวกเจ้าศึกษาวิชาลับปีศาจทมิฬและวิชาเหยียบย่างหิมะ”
“รับทราบ!”
ร่างวิญญาณทั้งหมดกล่าวเป็นเสียงเดียวกัน
พวกมันเริ่มศึกษาวิชา การกระทำเช่นนี้ทำให้หนิงฝานฝึกฝนได้รวดเร็วกว่าคนทั่วไปถึง 100 เท่า แม้การกระทำเช่นนี้จะผลาญจิตวิญญาณไปมาก เแต่หเขายังมั่นใจว่าทนได้
เก็บตัวฝึกฝนครึ่งปี สามารถทำความเข้าใจวิชาได้ไม่ยาก
การเปลี่ยนแปลงครั้งแรกคือ หนิงฝานได้รับความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์ เปลี่ยนให้คนธรรมดาเป็นผู้ฝึกตน
ครั้งที่ 2 หนิงฝานเพิ่มพูนชื่อเสียง เพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง
ในขณะที่หนิงฝานเก็บตัวฝึกฝนอยู่นั้น เมืองฉีเหม่ยก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย
ภายในตำหนักเจ้าเมือง ห้องส่วนตัวของสตรี จื่อเฮ่อและซื่อหวูเสียกำลังหลับอย่างมีความสุข ราวกับทั้งสองพูดคุยกันจนดึก
จื่อเฮ่อยังคงไร้เดียงสา ซื่อหวูเสียยังคงสูญเสียความทรงจำ ยามนี้ดูเหมือนทั้งสองจำสนิทกันมาก
เมื่อแสงตะวันลอดผ่านหน้าต่าง จื่อเฮ่อยังคงหลับต่อ แต่ซื่อหวูเสียกลับรู้สึกราวกับถูกอัสนีฟาดผ่า ทำให้นางสะดุ้งเล็กน้อย
แววตากระจ่างใสของนางแปรเปลี่ยนไป
ความทรงจำที่เก็บซ่อนอยู่ส่วนลึกของจิตใจได้ตื่นขึ้น!
“หนิงฝาน! ข้าจำได้แล้ว”
นางเผยสีหน้าโกรธแค้น แต่ทันใดนั้น นางก็หมดสติไป
ผ่านไปนาน นางก็ลืมตาขึ้น กลับคืนสู่ความบริสุทธิ์ดังเดิม
“แปลก… เมื่อครู่ข้าฝันแปลกๆ...”
“พี่ซือซือ ท่านเป็นอะไร?” จื่อเฮ่อขยี้ตา หาว พลางกล่าวถาม
“ไม่มีอะไร… ข้าแค่ฝัน ฝันว่าข้าเป็นอีกคน แปลกมาก...” ซื่อหวูเสียสับสน
“ท่านอาจจะคิดมากเกินไป… จริงสิ อีกไม่นานข้าจะบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณแล้ว เหลือแค่รอโอสถจากผู้นำทัพหนานกง จากนั้นเก็บตัวฝึกฝน...ยามนั้น ท่านช่วยปกป้องข้าได้หรือไม่?” จื่อเฮ่อออดอ้อน แต่เมื่อได้ยินว่าจื่อเฮ่อกำลังจะบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณ ซื่อหวูเสียกลับตกใจ
“เจ้าต้องตั้งใจฝึกฝน ไม่งั้นจะทะลวงขอบเขตไม่ได้!”
แม้นางจะสูญเสียความทรงจำ แต่นางยังจำได้อย่างเลือนลางว่า การจะทะลวงขอบเขตประสานวิญญาณไม่ใช่เรื่องง่าย
จื่อเฮ่อช่างมีพรสวรรค์ มิน่านายท่านถึงได้รักนาง
ตอนนี้นายท่านเป็นอย่างไรบ้าง… ข้าคิดถึงท่านเหลือเกิน...