บทที่ 46 เธอเป็นภรรยาที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียงในบ้านที่สุดในโลกชัดๆ
บทที่ 46 เธอเป็นภรรยาที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียงในบ้านที่สุดในโลกชัดๆ
เสียงร้องตกใจดังลอยมาจากข้างในอีกครั้ง “ร็อบเบน ทำไมถึงได้ดื้อแบบนี้นะ แกทำฉันเปียกหมดแล้วเนี่ย อย่าวิ่งสิ...”
จู่ๆ สุนัขที่เปียกมะล่อกมะแล่กก็วิ่งออกมาจากห้องน้ำ จากนั้นหญิงสาวที่เนื้อตัวเปียกปอนไม่แพ้กันก็วิ่งตามออกมาอีกคน
เพื่อที่จะอาบน้ำสุนัขได้สะดวกๆ ฉางฉิงก็เลยเปลี่ยนเป็นเสื้อแขนสั้นสีขาวกับกางเกงอยู่บ้านขายาวสีชมพู ตอนนี้เธอเปียกไปหมดทั้งตัวแล้ว เสื้อแขนสั้นเปียกแนบติดกับผิว และมองเห็นสีชุดชั้นในได้อย่างชัดเจน...
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่เธอวิ่ง มันกระเพื่อม...
เขาสูดหายใจเข้าลึกและหลับตา จากนั้นสักพักก็ลืมตาขึ้นและมองดูฝ่ามือของตัวเอง เขาคิดถึงบางสิ่งบางอย่างที่ไม่ควรคิด
ทางด้านฉางฉิงก็วิ่งวุ่นทั่วบ้านอยู่หลายรอบกว่าจะคว้าจับสายจูงของร็อบเบนได้
เธอเดินหายใจหอบไปหยุดอยู่ตรงหน้าซ่งฉู่อี๋ ท่าทางเปี่ยมไปด้วยความโมโหขุ่นเคือง “ฉันรู้แล้วว่าทำไมคุณถึงให้ฉันอาบน้ำให้เจ้าร็อบเบน เพราะคุณอยากจะทรมานฉันไง”
“แล้วใครใช้ให้คุณลามกใส่ร็อบเบนล่ะ” ซ่งฉู่อี๋กวาดตามองเสื้อผ้าเธอ
“ความคิดคุณนี่มันสกปรกจริงๆ” ฉางฉิงโกรธขึ้งจนหน้าแดง “ฉันแค่ช่วยล้างตรงนั้นของมันให้สะอาดเท่านั้นเอง ในอินเตอร์เน็ตเขาเขียนบอกไว้ว่าไม่อย่างนั้นมันจะป่วยง่าย”
“ผมนึกว่าคุณจะช่วยให้มันมีลูกได้สะดวกๆ...” ซ่งฉู่อี๋จิบน้ำชาด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย
“คนเลว ฉันขี้เกียจคุยกับคุณแล้ว” คิดไม่ถึงว่าเขาจะได้ยินที่เธอพูดในห้องน้ำ ฉางฉิงกัดริมฝีปากด้วยความหงุดหงิด แล้วลากร็อบเบนไปที่ห้องน้ำอย่างยอมรับชะตากรรม
หลังจากเหลือบมองด้านหลังเธอแวบหนึ่ง น้ำชาก็แทบจะพุ่งออกจากปากของซ่งฉู่อี๋
ผู้หญิงคนนี้นี่นะ ไม่ได้สังเกตเลยว่ากางเกงด้านหลังก็เปียกด้วย
หลังจากใช้ไดร์เป่าผมเป่าขนเจ้าร็อบเบนจนแห้งแล้ว ฉางฉิงก็เหนื่อยจนหมดสภาพ
เธอคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าการอาบน้ำให้สุนัขจะเหนื่อยขนาดนี้
ทำไมเธอต้องมาทำอะไรพวกนี้ด้วยนะ ทั้งหมดแค่เพราะต้องการได้รับคำอนุญาตจากซ่งฉู่อี๋ให้เธอแสดงละครได้ก็เท่านั้นเอง
เธอเป็นภรรยาที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียงในบ้านที่สุดในโลกชัดๆ
แต่งงานไม่เห็นจะมีอะไรดีเลย มีสามีก็ไม่ดีเช่นกัน
เธอทอดถอนใจพลางลุกขึ้นยืน ใครจะรู้เล่าว่าพอเห็นตัวเองในกระจก เธอก็ตะลึงงันทันที
เสื้อผ้าเธอเปียกจนเห็นไส้เห็นพุงไปหมดแล้วมั้งเนี่ย
ฉางฉิงนึกขึ้นได้ว่าเมื่อครึ่งชั่วโมงก่อนซ่งฉู่อี๋ดูสายตาแปลกๆ เธอหน้าแดงแจ๋พลางเอามือปิดหน้าอกทันที เธออยากจะแทรกแผ่นดินหนีไปให้พ้นจากบ้านนี้เสียจริงๆ
เธอเดินคอตกกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้อง พอเห็นกางเกงที่เปียกแฉะ ใบหน้าเธอก็ร้อนจนแทบจะเดือดพล่าน
น่าขายหน้าชะมัด ชื่อเสียงที่สั่งสมมาพังทลายไม่มีเหลือ
ตอนนี้เธอเข้าใจแล้ว ไม่แน่ว่านี่อาจเป็นจุดประสงค์ที่แท้จริงที่ซ่งฉู่อี๋ให้เธออาบน้ำให้เจ้าร็อบเบนก็เป็นได้
ฮึ ทั้งคนทั้งสุนัขต่างก็รวมหัวกันเอาเปรียบเธอ
ซ่งฉู่อี๋เจ้าคนโรคจิต ภายนอกดูนิ่งขรึม แต่ความจริงแสร้งทำเป็นวางมาดภูมิฐาน สุภาพบุรุษจอมปลอมชัดๆ
_ _ _ _ _ _ _ _
เช้าวันรุ่งขึ้นที่โต๊ะอาหาร ฉางฉิงทานแซนด์วิชพลางจ้องมองซ่งฉู่อี๋ที่นั่งอย่างสง่าผ่าเผยอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาจงเกลียดจงชัง
ฮึ ตาแก่บ้ากาม เก๊กเข้าไปเถอะ เก๊กเข้าไป จะเก๊กขนาดไหน เธอก็เห็นตับไตไส้พุงเขาหมดแล้ว
กว่านอิงก็เหลือเกิน ไหนบอกว่าเขามีปัญหาเรื่องอย่างว่า ข่าวนี้เชื่อถือไม่ได้จริงๆ
“เมื่อวานอาบน้ำให้เจ้าร็อบเบนได้ดีเลยนะ” ซ่งฉู่อี๋ใช้มีดหั่นไข่ดาวเป็นชิ้นเล็กๆ ใส่เข้าปาก แล้วพูดชมเธอเสียงเบา
ฉางฉิงทำเสียงฮึดฮัด
“คุณฮึดฮัดเรื่องอะไร” ซ่งฉู่อี๋เลิกหางคิ้ว
“คุณคิดว่าฉันไม่รู้ คิดว่าฉันโง่ คุณให้ฉันอาบน้ำให้เจ้าร็อบเบน ก็เพราะคุณรู้ว่าเจ้าร็อบเบนต้องทำให้ฉันเปียกไปทั้งตัวแน่นอน จากนั้นคุณก็จะได้...จะได้แอบดูฉัน คุณนี่มันโรคจิตจริงๆ” ฉางฉิงมองเขาด้วยสายตาเวลาที่มองคนโรคจิต “คุณเป็นหมอสูตินรีเวชจนตอนนี้ใจคุณมันวิปริตไปแล้วใช่มั้ย”
หลังจากนิ่งเงียบอยู่พักใหญ่ ซ่งฉู่อี๋ก็พูดกับเธอว่า “บ้าไปแล้ว”
ฉางฉิงฮึดฮัด “เก๊กเข้าไปเถอะ”
ซ่งฉู่อี๋ส่ายหัว ไม่อยากพูดอะไรมาก
ฉางฉิงคิดว่าเขากินปูนร้อนท้อง เธอเชิดหน้ายืดอกและพูดว่า “ฉันคิดนู่นนี่เยอะมาก เราเพิ่งจะจดทะเบียนสมรสกัน ทำไมฉันถึงได้อยู่แบบไม่มีสิทธิ์มีเสียงแบบนี้ ไม่ว่าจะทำอะไร ฉันก็ต้องฟังคุณทุกอย่าง ถูกต้อง ถึงแม้เราจะจดทะเบียนกันแล้ว แต่ฉันก็มีสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลเหมือนกัน ตราบใดที่ฉันไม่ได้ทำสิ่งที่ทรยศต่อการแต่งงานของเรา คุณก็ไม่มีเหตุผลที่จะมาก้าวก่ายการกระทำของฉัน”
...............................................