ตอนที่ 235 ตัวละครที่ชั่วร้ายได้รับพลัง
ตอนที่ 235 ตัวละครที่ชั่วร้ายได้รับพลัง
“โอ้!” ดวงตาของนางกำนัลอาวุโสเบิกกว้าง “คำพูดเหล่านั้นความหมายว่าอย่างไร ? คุณหนูสี่ชอบองค์ชายเก้าหรือ?” เมื่อมองเฟิงหยูเฮง นางก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหน้า “ไม่ถูกต้อง ! องค์ชายเก้าเป็นคู่หมั้นขององค์หญิงแห่งมณฑล พระองค์จะเป็นพี่เขยของคุณหนูสี่”
เฟิงเฟินไดกัดฟันฝืนยิ้มออกมา “พี่ใหญ่ ! ข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังคิดอะไรอยู่! ท่านพี่รู้สึกอิจฉาที่องค์ชายห้ามาพูดคุยเรื่องการแต่งงานกับข้าหรือเจ้าคะ ? หากท่านพี่ยืนกรานที่จะพูดแบบนี้ ท่านพี่ควรอธิษฐานว่าขอให้ว่าที่สามีของท่านเป็นองค์ชายเจ็ด ไม่อย่างนั้นไม่ว่าใครจะมาพูดเรื่องแต่งงาน ข้าจะบอกพวกเขาว่าชายในดวงใจของท่านคือองค์ชายเจ็ด !”
เฟิงเฉินหยูอิจฉาจริง ๆ ที่องค์ชายห้ามาคุยเรื่องแต่งงาน ดังนั้นนางจึงพูดเช่นนั้น เฟิงเฟินไดไม่สนใจอะไรมาก ตอนนี้นางปฏิเสธคำพูดเหล่านี้อย่างถี่ถ้วนแล้ว นางรู้สึกละอายใจและไม่กล้าสู้หน้าได้
นางกำนัลอาวุโสประหลาดใจในสิ่งที่นางได้ยิน นางไม่เคยคิดเลยว่านางจะได้รู้ความลับของคฤหาสน์เฟิงมากในการเดินทางมาครั้งนี้ !
โชคดีที่เฟิงเฉินหยูไม่ใช่คนโง่ หันหน้าไปทางเฟิงเฟินได นางตกตะลึงสักครู่ก่อนจะฟื้นขึ้นมาทันที และพูดว่า “งานเลี้ยงครั้งที่ผ่านมานี้ ข้าลอบมององค์ชายเจ็ดแล้วมันแปลกเช่นไร ? องค์ชายเจ็ดนั้นราวกับเทพบุตร ใครในโลกบ้างที่จะไม่ชื่นชมพระองค์ ข้าไม่ได้เป็นเพียงผู้เดียวที่มององค์ชายเจ็ด น้องสี่ไม่ควรคิดมากเกินไป”
คำพูดของนางมีเหตุผลมาก และบอกทุกคนอย่างชัดเจนว่า นางเพียงแต่ชื่นชมองค์ชายเจ็ดเท่านั้น
เฟิงเฟินไดไตร่ตรองอย่างรวดเร็ว แล้วกล่าวว่า “หากพี่ใหญ่พูดเช่นนั้น ท่านไม่กลัวว่าจะพูดมากเกินไปหรือ ? ถ้าท่านพูดเช่นนั้นแล้วไม่มีอะไรผิดปกติ ข้าก็จะมององค์ชายเก้าเช่นนั้นเช่นกัน”
“ฮ่า ๆ” เฟิงเฉินหยูหัวเราะทันที “ใบหน้าขององค์ชายเก้าถูกทำลายและขาของพระองค์พิการ ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าน้องสี่กำลังมองอะไร”
"ข้า…"
ทั้งสองต่างโต้เถียงกัน ในขณะที่พวกเขาลืมไปว่าเฟิงหยูเฮงก็อยู่ข้าง ๆ
มันคงจะดีถ้าพวกเขาไม่พูดถึงซวนเทียนหมิง แต่เนื่องจากพวกเขาพูดถึงใบหน้าและขาของเขา นางก็สูญเสียการควบคุมตัวเองทันที นางมองทั้งสองด้วยสายตาที่คมกริบราวกับมีดสั้น นางกล่าวอย่างเย็นชาว่า “พี่ใหญ่และน้องสี่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการต่อสู้ ! หากห้องโถงใหญ่นี้ไม่สามารถรองรับพวกเจ้าได้ ข้าขอให้ท่านย่าให้บ่าวรับใช้พาพวกเจ้าทั้งคู่ไปที่ลานเพื่อต่อสู้ ด้วยวิธีนี้คฤหาสน์เฟิงจะได้หลีกเลี่ยงการเสียหน้า”
เมื่อเฟิงหยูเฮงพูดแบบนี้ ฮูหยินผู้เฒ่าก็โมโหมาก “การโต้เถียงและการต่อสู้เช่นนี้คืออะไร ? หากพวกเจ้ายังคงเถียงกันอยู่ ข้าจะให้บ่าวรับใช้มาจับพวกเจ้าโยนออกไป !”
เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าโกรธ เฟิงเฉินหยูและเฟิงเฟินไดก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ
โดยเฉพาะเฟิงเฉินหยูที่รู้สึกว่านางเปลี่ยนไป และลืมไปว่านางจะต้องไม่โกรธเฟิงหยูเฮง ในทุกสิ่งที่นางพูด นางเลือกที่จะพูดเกี่ยวกับองค์ชายเก้า ไม่คิดหรือว่าจะทำให้เฟิงหยูเฮงอารมณ์เสียหรือ?
ยี่หลินสะกิดแขนนางสองสามครั้งจากด้านข้างเพื่อให้นางขอโทษ เฟิงเฉินหยูเป็นคนที่พร้อมจะยืดหยุ่น ดังนั้นนางจึงเอ่ยกับเฟิงหยูเฮงอย่างรวดเร็วว่า “เป็นความผิดพลาดของข้าเอง น้องรองอย่าได้ใส่ใจ พี่สาวต้องขอโทษด้วย”
“อ่า!” เฟิงเฟินไดกรอกตา “พี่ใหญ่นี้สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมได้อย่างรวดเร็ว”
เฟิงหยูเฮงขมวดคิ้วแล้วมองเฟิงเฉินหยู ไม่เอ่ยถึงหัวข้อนั้นอีกต่อไป นางพูดว่า “เนื่องจากท่านพ่อไม่ได้อยู่ที่คฤหาสน์ในตอนนี้ และคนมาที่นี่เพื่อพูดคุยการแต่งงานของน้องสี่ ในฐานะพี่สาวคนโต ท่านควรแสดงความคิดเห็น”
เฟิงเฉินหยูถอนหายใจเบา ๆ “ตอนนี้ข้าเป็นแค่บุตรสาวของอนุ ดังนั้นข้าจะมีสิทธิ์พูดเรื่องการแต่งงานของน้องสี่ได้อย่างไร มันควรจะเป็นเจ้าที่ช่วยท่านย่าคิด”
“พี่ใหญ่พูดเช่นนี้ได้อย่างไร? ท่านมอบต่างหูคู่นั้นให้กับน้องสี่ไม่ใช่หรือ ? การมอบของขวัญชิ้นนั้นทำให้คู่รักคู่นี้ลงเอยกันได้ ท่านจะถอนตัวไปในเวลานี้ได้อย่างไร”
เฟิงเฉินหยูตัวสั่นและจ้องมองเฟิงหยูเฮง จู่ ๆ ก็นึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในงานเลี้ยงวันเกิดเมื่อคืนก่อน นางจำได้ว่านางกำนัลคนหนึ่งเดินเข้ามาหานาง และบอกว่านางเป็นหนึ่งในคนขององค์ชายสาม องค์ชายสามบอกให้นางมอบต่างหูแก้วผลึกสีขาวให้เฟิงเฟินได ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาขึ้น
ในเวลานั้นนางเหลือบมองไปที่องค์ชายสาม และพบว่าเขาพยักหน้าให้นางอย่างลับ ๆ ดังนั้นโดยไม่ต้องคิดมาก นางหันหลังกลับและมอบสิ่งของที่เป็นปัญหาให้กับเฟิงเฟินได แต่ใครจะรู้ว่าสิ่งนี้จะเป็นปัญหาได้อย่างไร นางมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เฟิงเฟินได
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ท่าทีของเฟิงเฉินหยูก็ดูน่าเกลียดขึ้นเล็กน้อย ถ้าเฟิงเฟินไดหมั้นกับองค์ชายห้าแล้วนางจะกลายเป็นคนที่หยิ่งยโสในคฤหาสน์ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า นางจะทนต่อน้องสาวคนนี้ได้อย่างไร !
“ถ้าเจ้าบอกอย่างนั้น องค์ชายห้าเพียงแค่สนใจต่างหูคู่หนึ่ง และไม่ใช่น้องสี่เลย” เฟิงเฉินหยูชำเลืองมองเฟิงเฟินไดซึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ “น้องสาว มันจะเป็นการดีที่สุดที่จะไม่คิดมากเกินไป”
“เจ้าอิจฉาข้าอย่างเห็นได้ชัด !” เฟิงเฟินไดบอกได้เลยว่าเฟิงเฉินหยูอิจฉานาง แต่เรื่องที่เกี่ยวกับต่างหูนี้คืออะไร?
ฮูหยินผู้เฒ่าก็เข้าใจเช่นกัน “เจ้าหมายถึงว่าเฟิงเฉินหยูมอบต่างหูให้เฟิงเฟินได และนี่ทำให้องค์ชายห้าสนใจเฟิงเฟินไดหรือ ?”
เฟิงหยูเฮงพยักหน้า “ใช่แล้วเจ้าค่ะ”
นางกำนัลอาวุโสจากตำหนักลีรีบกล่าวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “เพราะสิ่งของ ความรู้สึกจึงได้ก่อตัวขึ้นมา นี่คือโชคชะตาที่นำพาคู่รักมาเจอกันเจ้าค่ะ”
เฟิงเฟินไดชอบฟังสิ่งนี้อย่างแท้จริง “นางกำนัลอาวุโสพูดถูกต้อง” จากนั้นนางมองเฟิงเฉินหยูและกล่าวว่า “ข้าต้องขอบคุณพี่ใหญ่จริง ๆ ถ้าเจ้าไม่ได้มอบของขวัญให้กับข้า ด้วยเครื่องประดับแก้วผลึกสีขาวครบชุด บางทีองค์ชายห้าอาจสนใจพี่ใหญ่ โชคร้าย ช่างโชคร้ายอย่างแท้จริง”
“เจ้ายินดีหรือ” เฟิงเฉินหยูพยายามระงับอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความโกรธ “ไม่ได้โชคร้ายอะไร หากน้องสาวชอบมัน เมื่อเจ้าแต่งงานข้าจะมอบเป็นของขวัญให้กับเจ้าทั้งหมด”
ฮูหยินผู้เฒ่ารีบถามว่า “เครื่องประดับแก้วผลึกสีขาวครบชุด ?” ตอนแรกนางคิดว่ามันเป็นเพียงต่างหูคู่หนึ่ง ตอนนี้นางได้ยินเฟิงเฉินหยูพูดว่ามีเครื่องประดับแก้วผลึกสีขาวครบชุด นางตกใจอย่างแท้จริง
เฟิงเฉินหยูกำลังรอให้ฮูหยินผู้เฒ่าถาม และนางตอบอย่างรวดเร็วว่า “เมื่อวันก่อนองค์ชายใหญ่ส่งคนนำเครื่องประดับแก้วผลึกสีขาวครบชุดมามอบให้เฉินหยูเจ้าค่ะ” เมื่อนางพูด สิ่งนี้ได้รับความสนใจจากเฟิงเฟินไดและเห็นใบหน้าของนางมืดครึ้มลงเล็กน้อย เฟิงเฉินหยูดีใจที่นางรู้สึกว่าในที่สุดนางก็กลับมามีชื่อเสียง
ฮูหยินผู้เฒ่ารู้สึกสับสนเล็กน้อย เกิดอะไรขึ้นกับหลานสาวของนาง ทำไมพวกเขาถึงได้รับความรักจากองค์ชาย ? คนหนึ่งมีการพูดคุยเรื่องการแต่งงาน และอีกคนหนึ่งได้รับของกำนัลจากองค์ชายใหญ่ แต่นางก็ไม่รู้เรื่องเลย ?
คนในตระกูลเฟิงก็เงียบ แม้กระทั่งเฟิงหยูเฮงก็ไม่ยอมพูด
แต่นางกำนัลอาวุโสรีบร้อน เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูด นางตัดสินใจที่จะก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวแล้ววางจดหมายไว้บนโต๊ะที่หน้าโต๊ะของฮูหยินผู้เฒ่า “จดหมายข้อเสนอขององค์ชายห้าเจ้าค่ะ ท่านฮูหยินผู้เฒ่าได้โปรดส่งจดหมายให้คุณหนูสี่ด้วยเจ้าค่ะ และอนุญาตให้บ่าวรับใช้คนนี้รายงานกลับไปยังองค์ชายห้าด้วยเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าสับสนไม่รู้จะทำอย่างไร ยายจาวมองเห็น นางกระซิบบอก “จะมอบจดหมายข้อเสนอให้คุณหนูสี่ได้อย่างไรเจ้าค่ะ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม คุณหนูสี่อายุเพียง 11 ปีเท่านั้น เมื่อท่านใต้เท้าเฟิงกลับมาก็ไม่สายเกินไปที่จะคิดทบทวนใหม่อีกครั้งเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าไตร่ตรองเล็กน้อยและมาถึงข้อสรุปที่คล้ายกัน นางผงกหัวของนาง แจ้งบ่าวรับใช้ “ไปรับจดหมายข้อเสนอของคุณหนูสี่”
เมื่อคำพูดเหล่านี้ถูกกล่าวออกมา เฟิงเฟินไดมีความสุขมากจนเกือบจะลุกขึ้นมากระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ จากนั้นนางก็รีบคำนับนางกำนัลอาวุโสและขอบคุณนาง
นางกำนัลอาวุโสถอนหายใจด้วยความโล่งอกแล้วมองไปที่เฟิงเฟินไดซึ่งดีใจ นางโค้งคำนับด้วยรอยยิ้ม “บ่าวรับใช้คนนี้ขอแสดงความยินดีกับคุณหนูสี่ตระกูลเฟิง…โอ้ นั่นไม่ถูกต้อง ต้องว่าที่พระชายารองลีเพคะ”
หัวใจของเฟิงเฟินไดพองฟู นางหัวเราะจนนางลืมบอกให้นางกำนัลอาวุโสลุกขึ้น แต่มันกลับเป็นเฟิงเฉินหยูที่ไปช่วยนางกำนับอาวุโสลุกขึ้น “ท่านเป็นผู้อาวุโสที่ดูแลองค์ชายลี พวกเรายังเด็กไม่สมควรที่จะได้รับการคำนับจากท่าน กรุณาลุกขึ้นเถอะเจ้าค่ะ”
เฟิงเฉินหยูไม่ได้ใช้ผงทาหน้าสีดำของนางเมื่ออยู่ในคฤหาสน์ ดังนั้นเมื่อนางกำนัลอาวุโสมองสาวงามต่อหน้านาง นางก็เริ่มไตร่ตรอง องค์ชายห้าได้ทำผิดพลาดในครั้งนี้ เขาปล่อยให้สาวงามคนนี้หลุดลอยไปได้อย่างไร ไปสนใจเด็กหญิงตัวเล็กอายุ 11 ปี
ในที่สุดเมื่อจัดการเสร็จแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่านั่งบนเก้าอี้ของนางเป็นเวลานานโดยไม่พูดอะไรสักคำ เมื่ออันชิไม่สามารถรอได้ต่อไป นางก็ถามว่า “หากท่านแม่สามีไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ข้าขอตัวกลับก่อนเจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าโบกมือของนางขณะที่นางไม่มีอารมณ์ที่จะพูดคุยกับใคร ดังนั้นนางจึงปล่อยให้พวกเขากลับไป
เฟิงหยูเฮงเป็นคนแรกที่ยืนขึ้น นวดขมับของนาง นางระงับอาการปวดหัวและเดินออกไปทันที
เฟิงเฉินหยูเห็นแบบนี้นางเดินตามออกไปอย่างรวดเร็ว ไล่ตามเฟิงหยูเฮง นางพูดอย่างเงียบ ๆ “น้องรองอย่าได้โกรธเรื่องที่ข้าพูดไปเมื่อกี้” นางกังวลอย่างแท้จริงว่านางได้ยั่วผู้ยิ่งใหญ่คนนี้
อย่างไรก็ตามเฟิงหยูเฮงโบกมือ “ไม่เป็นไร ข้าไม่ได้คิดมาก แต่อย่าปฏิบัติต่อคนอื่นแบบนี้อีก พรุ่งนี้มาหาข้า” เมื่อพูดจบนางก็เดินจากไปอย่างรวดเร็ว
เฟิงเฉินหยูถอนหายใจด้วยความโล่งอกเป็นเวลานาน นางคาดหวังและเป็นกังวลเล็กน้อย
พรุ่งนี้ตราบใดที่นางผ่านมันไปได้ในวันพรุ่งนี้ นางจะเป็นเฟิงเฉินหยูคนใหม่ นางไม่จำเป็นต้องอยู่ในกรอบอีกต่อไป และนางก็ไม่ต้องการที่จะประจบเฟิงหยูเฮงอีกต่อไป และนางก็ไม่จำเป็นต้องกลัวใครอีก นางสามารถชูคอของนางให้สูงขึ้นในขณะที่ยืนอยู่ต่อหน้าคนอื่น นางสามารถลบล้างอดีตของนางได้อย่างสมบูรณ์
นางรู้สึกสนุกมากเมื่อคิดเกี่ยวกับมัน !
“ตรวจสอบให้แน่ใจว่าตั๋วแลกเงินเตรียมไว้ครบแล้ว พรุ่งนี้พวกเราจะไปที่เรือนตงเซิง” เฟิงเฉินหยูไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มของนางในขณะที่บอกยี่หลิน
ยี่หลินเป็นคนที่มีไหวพริบมากและพยักหน้าในขณะที่พูดว่า "นายท่านสามได้นัดยายมารออยู่นอกคฤหาสน์แล้วเจ้าค่ะ นางสามารถเข้ามาได้ตลอด เห็นได้ชัดว่านางถูกขับไล่ออกจากพระราชวัง ในช่วงต้นปีที่ผ่านมานางได้ตรวจร่างกายของผู้หญิงที่สง่างามมากมายที่เข้าไปในพระราชวัง ต่อมาเนื่องจากอาการป่วยเรื้อรังนางจึงถูกไล่ออกจากพระราชวัง นางไม่มีญาติหรือเพื่อนๆ เมื่อตรวจคุณหนูเสร็จแล้ว เราจะไม่ถูกนินทาเกี่ยวกับเรื่องนี้แน่นอนเจ้าค่ะ”
“ดีมาก” เฟิงเฉินหยูพอใจมากกับวิธีที่ลุงสามของนางได้เตรียมการไว้ บางครั้งนางก็รู้สึกว่าลุงสามผู้นี้ดีกว่าบิดาของนางเสียอีก แต่นางก็เข้าใจด้วยว่าเหตุผลที่ตระกูลเฉินช่วยเหลือนางนั้นเป็นเพราะความสามารถของนางในการช่วยเหลือตระกูลเฉินเมื่อนางอายุมากขึ้น
ในเวลานี้เฟิงเฟินไดและฮันชิอาจได้ยินเสียงกระซิบข้างหลังนาง มารดาและบุตรสาวคู่นี้มีความสุขอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาเริ่มพูดจาหยิ่งยโสโดยไม่ใส่ใจว่าพวกเขายังยืนอยู่ในเรือนของพวกเขาได้อย่างไร “เรือนเล็ก ๆ ที่เราอาศัยอยู่นั้นคับแคบเสียจริง เมื่อท่านพ่อกลับมา เราต้องให้ท่านพ่อหาเรือนที่ใหญ่กว่านี้ให้เรา”
ฮันชิสนับสนุนสิ่งนี้ “แน่นอน! ในอนาคตเจ้าจะเป็นพระชายารองของตำหนักลี หากตระกูลเฟิงทำผิดต่อเจ้า มันจะยากที่จะรับมือกับองค์ชายลี”
“อา! ใครจะรู้ว่าคนที่สวยที่สุดในครอบครัวของเรา อีกไม่นานก็ถึงอายุของการแต่งงานแล้ว แต่ไม่มีบุตรชายของตระกูลผู้สูงศักดิ์ที่มาถกกันเรื่องการแต่งงานแม้แต่คนเดียว” เฟิงเฟินไดเปล่งเสียงของนาง เฟิงเฉินหยูโกรธนางมากจนนางเกือบกระอักเป็นเลือด
แต่ฮันชิที่เดินตามหลังมากกล่าวว่า "ยังไงล่ะ? ข้าได้ยินมาว่านายน้อยตระกูลเฉินไปหาฮูหยินผู้เฒ่าเพื่อปรึกษาเรื่องการแต่งงาน แต่ข้าไม่รู้ว่านางเห็นด้วยหรือไม่ เมื่อพูดไปก็จะดีกว่าที่จะทำลายวัดสิบแห่งกว่าการแต่งงานเดียว ภายหลังเราจะต้องให้คำแนะนำแก่ท่านย่าของเจ้า นายน้อยตระกูลเฉินและคุณหนูใหญ่เป็นคู่รักในวัยเด็กและเป็นแบบอย่างที่ดีมาก สิ่งนี้จะต้องไม่ล่าช้า”
“ใช่” เฟิงเฟินไดหัวเราะคิกคัก “มันคงเป็นการดีที่สุดที่จะแต่งงานกับนายน้อยตระกูลเฉิน มิฉะนั้นถ้าเรื่องอื้อฉาวของนางถูกเปิดเผยต่อองค์ชาย ข้ากลัวว่ามันจะพันพันกับตระกูลเฟิงทั้งหมด”
ใบหน้าของเฟิงเฉินหยูเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธ นางยืนตัวสั่น ยี่หลินต้องทำให้ดีที่สุดเพื่อไม่ให้นางหันกลับไปหาเฟิงเฟินได
เมื่อนางเงยหน้าขึ้นนางเห็นว่าเฟิงหยูเฮงที่ออกไปเป็นคนแรกถูกบ่าวรับใช้คนหนึ่งหยุดไว้ นางไม่สามารถบอกว่าพวกเขาพูดอะไรกัน
เฟิงหยูเฮงก็เห็นเช่นกัน ดังนั้นนางจึงได้ยินที่เฟิงเฟินไดพูด นางอดไม่ได้ที่จะยิ้ม แต่พูดว่า “พี่ใหญ่ ตอนนี้ท่านรู้สึกเสียใจที่มอบเครื่องประดับชุดนั้นหรือไม่ ? มันไม่ใช่แค่เครื่องประดับครบชุด สิ่งที่ท่านทำร้ายคือคือความจริงใจขององค์ชายใหญ่ ! ถ้าข้าเป็นเจ้า ข้าจะไม่ทำเช่นนี้ การเชื่อใจคนอื่นอย่างไม่ลืมหูลืมตา และมอบสิ่งที่มีคนมอบให้เพื่อแสดงความจริงใจของเขาแก่คนอื่น นั่นทำให้สถานการณ์แย่ลง และข้าไม่รู้ว่าเขาสัญญาอะไรไว้กับท่าน”