ตอนที่ 144 สายลมกระพือเพลิง (ฟรี)
เสียงยานคางของเฒ่าชราผู้หนึ่งดังขึ้นมาจากบริเวณที่ห่างไกลออกไป จากเหตุการณ์ที่เป็นไปอย่างเงียบสงบก็ได้มีเสียงดังเซ็งแซ่ขึ้นมา
“จะปล่อยหลงเฉินไปเช่นนี้หรือ?”
ผู้คนไม่น้อยต่างไม่พอใจกับเหตุผลที่หลงเฉินยืนกรานขึ้นมา อีกทั้งยังปล่อยไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ ช่างเป็นสิ่งที่ยากจะยอมรับได้
“ไม่ยุติธรรมเลย” คนจากขุมกำลังของเหร่ยเชียนซังกล่าวขึ้นมาด้วยความขุ่นเคือง เมื่อเห็นว่าทางหมู่ตึกไม่ขับไล่หลงเฉินออกไปจึงทำให้พวกเขาผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้าโง่ ศิษย์พี่ว่านกล่าวไปแล้วไม่ใช่หรือว่าไม่ว่าสิ่งใดก็สามารถกล่าวขึ้นมาได้ ทว่าอย่าได้กล่าวถึงความยุติธรรมขึ้นมา เพราะกฎระเบียบโดยส่วนมากนั้นเอื้อต่อผู้ที่แข็งแกร่งกว่า เจ้าไม่มีหูฟังหรืออย่างไรกัน?”
เมื่อได้สิ้นเสียงของคนจากฝ่ายเหร่ยเชียนซัง ก็ได้มีคนจากขุมกำลังของถังหว่านเอ๋อรีบสวนกลับไปในทันที เห็นได้ชัดว่าพวกเขากำลังปกป้องพวกเดียวกันแล้ว
อีกทั้งเมื่อครู่นี้ฝ่ายของถังหว่านเอ๋อมีจำนวนน้อยกว่า ทว่ายังถูกยอดฝีมืออย่างจ้าวหวู่คอยคุมเชิงอีก พวกเขาจึงโกรธแค้นอยู่ภายในใจเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นว่ามีผู้ที่แข็งแกร่งอย่างหลงเฉินเพิ่มเข้ามาในขุมกำลังอีกคนหนึ่ง แน่นอนว่าต้องยอมรับเป็นพวกพ้องขึ้นมาในทันที
ถึงแม้ว่าคำพูดนั้นจะตรงฉิน อีกทั้งยังกล่าวออกมาอย่างไม่เกรงอกเกรงใจผู้ใด ทว่ากลับเป็นความจริงอย่างถึงที่สุด กฎของหมู่ตึกนั้นได้ตั้งขึ้นมาเพื่อผู้ที่แข็งแกร่งกว่า
“ขอรับ ศิษย์เข้าใจแล้ว”
ศิษย์พี่ฉางยกมือคารวะไปทางสระน้ำด้านหน้า จากนั้นก็ได้หันมามองที่หลงเฉินพร้อมทั้งส่งยิ้มให้เล็กน้อย “ยินดีกับเจ้าด้วย เจ้าสามารถอยู่ร่วมการทดสอบต่อไปได้ ทว่าต้องระวังตัวให้มากกว่านี้ อย่าคิดเล่นกับกฎของหมู่ตึก ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นความผิดพลาดขึ้นมาแทน”
“ศิษย์พี่ฉางมีปัญญาล้ำลึกดั่งอัญมณีมีค่า ข้าจะจดจำคำสอนของท่านให้ขึ้นใจ การกระทำในครั้งนี้นั้นข้ายอมรับว่าบ้าบิ่นเกินไป การสังหารผู้คนถือเป็นการกระทำที่หยาบช้าและไม่ใช่สิ่งที่ผู้มีปัญญาพึงกระทำ” หลงเฉินเอ่ยออกมาอย่างจริงจัง ศิษย์พี่ฉางผู้นี้ช่างน่าเคารพเป็นอย่างยิ่ง แม้จะเป็นถึงยอดฝีมือแล้ว ทว่ากลับไม่หยิ่งยโสโอหังเฉกเช่นผู้อื่น
“ฉะนั้นหากต้องพบเจอกับสถานการณ์เช่นนี้อีกในครั้งต่อไป ข้าจะไม่ฆ่าผู้นั้น เพียงแต่ทำให้เขามีชีวิตอยู่ไม่สู้ตายตกลงไป จะได้ไม่ขัดต่อกฎของหมู่ตึก อีกทั้งยังเป็นการกระทำของผู้ที่มีปัญญาพึงจะกระทำ” หลงเฉินทอดวงตาเป็นประกายเจิดจ้าขึ้นมาราวกับเกิดปัญญาเพียงชั่วพริบตาเดียว
ศิษย์พี่ฉางเกิดอาการชาด้านขึ้นมาที่ใบหน้า พร้อมทั้งส่ายหน้าไปมาแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าทำการทดสอบต่อไปเถิด ทำในสิ่งที่พวกเจ้าคิดว่าพึงกระทำ”
ทันทีที่กล่าวจบ ร่างของศิษย์พี่ฉางก็ได้หายลับไปจากที่แห่งนั้น หลงเหลือเพียงขุมกำลังทั้งสองฝ่ายที่เคยต่อสู้กันมาก่อนหน้านี้
หลงเฉินหันไปมองบริเวณโดยรอบก็พบว่าผู้คนทั้งหมดกำลังจ้องมองมาที่เขาอยู่ ทว่าแววตาของขุมกำลังฝ่ายถังหว่านเอ๋อกลับให้ความรู้สึกใกล้ชิดส่วนหนึ่ง ส่วนคนจากขุมกำลังของเหร่ยเชียนซัง กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัว
มีเพียงเหร่ยเชียนซังเท่านั้นที่จ้องมองมาด้วยสายตาอันเย็นเยียบ อีกทั้งยังมีจิตสังหารลุกโชนขึ้นมาไม่หยุด ดูจากท่าทางของคนผู้นั้นแล้วคล้ายกับว่าพร้อมที่จะจู่โจมเข้ามาได้ทุกเมื่อ
“เจ้าลิงยักษ์หัวสีฟ้า อย่าได้ใช้สายตาวิงวอนมองมาที่ข้า หลงเฉินผู้นี้ไม่ชื่นชอบให้ผู้ใดมาติดตาม เจ้าทำใจเสียเถิด
นอกจากจะมีหน้าตาที่เหมือนกับครอบครัวไม่รักแล้ว ยังคิดจะเด็ดดอกฟ้าอันงดงามอย่างคุณหนูหว่านเอ๋อของพวกเราอีก ไม่รู้จักการตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาของตัวเองบ้างหรืออย่างไรกัน?
เจ้าไม่เคยได้ยินมาก่อนหรือ สัตว์ยังมีแบ่งชนิด มนุษย์ก็ย่อมมีแบ่งชนชั้นวรรณะ ข้าเริ่มเบื่อหน่ายกับการละเลยของเหล่าศิษย์พี่ในหมู่ตึกเสียแล้ว เหตุใดจึงปล่อยให้สัตว์มายาเช่นเจ้าเข้ามาเพ่นพ่านได้” หลงเฉินทอสีหน้าไม่สบอารมณ์แล้วกล่าวขึ้นมา
ผู้คนทั่วทั้งบริเวณนั้นต่างตกใจขึ้นมายกใหญ่ หลงเฉินผู้นี้ช่างหาญกล้าเกินไปแล้ว เพิ่งจะพ้นจากข้อหาหนึ่งกลับจะสร้างอีกข้อหาหนึ่งขึ้นมา ถึงกับท้าทายบุคคลที่อยู่ในระดับสัตว์ประหลาดเช่นนี้ได้อีก
ขุมกำลังทั้งสองฝ่ายต่างก็หันไปมองที่เหร่ยเชียนซังเป็นสายตาเดียว แล้วก็พบว่าบัดนี้เหร่ยเชียนซังได้ระเบิดโทสะจนมีสีหน้าดำคล้ำขึ้นมา ซึ่งคล้ายกับลิงยักษ์ตัวหนึ่งอย่างที่หลงเฉินกล่าวออกมาจริงๆ
“หลงเฉิน หยุดเหลวไหลได้แล้ว”
แม้ถังหว่านเอ๋อจะเกิดอาการขบขันจนแทบจะทนไม่ไหว ทว่าด้วยสถานการณ์เช่นนี้จะต้องรีบห้ามปรามหลงเฉินเอาไว้ก่อน
ถึงแม้ว่าการต่อสู้ของหลงเฉินเมื่อครู่นี้จะเป็นพลังการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมและแข็งแกร่ง ทว่าไม่ได้หมายความว่าเขาจะสามารถสู้กับผู้มีพรสวรรค์ระดับสัตว์ประหลาดอย่างเหร่ยเชียนซังได้
“คุณหนูหว่านเอ๋อ อย่าได้ห้ามข้าเลย ข้าแค่รู้สึกว่าเจ้านั่น……ยังไม่ได้รับความเป็นธรรมก็เท่านั้น” หลังจากที่กล่าวจบ หลงเฉินก็ได้ใช้แขนเสื้อเช็ดไปที่ใบหน้าพร้อมทั้งแสร้งสะอื้นไห้ขึ้นมา
“พวกเจ้าต่างก็เป็นยอดฝีมือระดับสัตว์ประหลาดที่เป็นมนุษย์ ทว่าใช้หลักเกณฑ์ใดในการจัดให้ลิงยักษ์ตัวหนึ่งอยู่รวมในหมู่ของพวกเจ้ากัน? นี่ไม่ใช่การลบหลู่ผู้คนหรอกหรือ?
โดยเฉพาะเจ้ากับคุณหนูชิวที่เปรียบเสมือนนางเซียนลงมาจุติ อีกทั้งยังมีความสูงส่งอย่างไร้ที่เปรียบ แล้วเหตุใดจึงยอมให้เจ้าลิงยักษ์ตัวฟ้ามาทำให้เจ้าแปดเปื้อนด้วย พวกเจ้าคิดอย่างนั้นหรือไม่”
เมื่อกล่าวมาจนถึงตอนท้าย น้ำเสียงของหลงเฉินก็คล้ายกับปลุกเร้าผู้คนขึ้นมา อีกทั้งยังหันไปกล่าวต่อผู้คนที่เป็นขุมกำลังของถังหว่านเอ๋ออีก
ผู้คนเหล่านั้นต่างก็มีจิตใจที่เคารพนับถือต่อถังหว่านเอ๋อมาตั้งแต่แรกแล้ว อีกทั้งยังคิดเห็นเฉกเช่นเดียวกับที่หลงเฉินกล่าวออกมา ทว่าพวกเขากลับไม่หาญกล้าพอที่จะกล่าวออกมาอย่างชัดเจนได้เช่นนั้น
เมื่อได้ยินหลงเฉินพูดถึงสิ่งที่อยู่ภายในใจของพวกเขาออกมา พวกเขาจึงส่งเสียงร้องสนับสนุนขึ้นมาในทันที
“ใช่ พวกเราไม่ยินยอมให้ผู้ใดมาทำให้คุณหนูแปดเปื้อนแน่นอน”
หลงเฉินเกิดอาการตื่นเต้นขึ้นมายกใหญ่ ในเมื่อเสแสร้งไปแล้วก็ต้องแสดงให้ถึงที่สุด พลันก็รีบบีบดวงตาให้แดงก่ำขึ้นมาแล้วกล่าวว่า “คุณหนู เจ้าเห็นหรือไม่ว่าพวกเรายกย่องให้เจ้าเป็นนางฟ้าในดวงใจ พวกเราจึงไม่ต้องการให้ผู้ใดมาดูหมิ่นเจ้า
เจ้าดูสิ เจ้าลิงยักษ์หัวสีฟ้าตัวนี้ได้ลงมือต่อเจ้าอย่างไรบ้าง? เขาไม่เข้าใจถึงการทะนุถนอมบุบผางามเลยแม้แต่น้อย แน่นอนว่าพวกเราย่อมไม่อาจยกโทษให้พวกเจ้าได้ ”
หลงเฉินชี้กราดไปยังเหล่าขุมกำลังของเหร่ยเชียนซังแล้วกล่าวขึ้นมาอีกว่า “รวมไปถึงเจ้าพวกลิงตัวเล็กที่คอยทำตามคำสั่งของเจ้าลิงยักษ์อีก ความชั่วเช่นนี้ก็ไม่อาจให้อภัยได้เหมือนกัน
เหล่าพี่น้องทั้งหลายยังมัวรออะไรอยู่ จงยกกำปั้นของพวกเจ้าขึ้นมาแล้วใช้คุ้มครองนางฟ้าของพวกเรา ให้หยาดโลหิตเป็นประจักษ์พยานของความซื่อสัตย์ที่มีต่อคุณหนูหว่านเอ๋อ และใช้ความกล้าหาญขับไล่กลุ่มลิงชั่วร้ายเหล่านี้ไปให้พ้นจากสายตาเสียที บุกเลย!”
ทันทีที่กล่าวจบหลงเฉินก็ได้ตะบึงหน้าตั้งออกไปยังขุมกำลังของเหร่ยเชียนซังอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ขุมกำลังเหล่านั้นกำลังทอสีหน้างุนงงไม่เสื่อมคลายก็ได้มีมือใหญ่กวาดคนผู้หนึ่งที่ยืนอยู่ใกล้ที่สุดจนสลบไป
เมื่อเห็นว่าหลงเฉินเริ่มลงมือแล้ว ขุมกำลังของถังหว่นเอ๋อจึงพุ่งเข้าสู่วงต่อสู้ในทันที ต่างฝ่ายต่างก็ส่งเสียงดังฮึกเหิมอย่างบ้าคลั่ง
“ขอสาบานว่าจะปกป้องคุณหนูหว่านเอ๋อให้พ้นจากเจ้าลิงยักษ์”
คนผู้หนึ่งตะโกนขึ้นมาโดยที่ไม่ทราบว่าพวกเขาได้รับอิทธิพลมาจากหลงเฉินไปตั้งแต่เมื่อใด หรือเป็นเพราะพวกเขาเกิดความรู้สึกเช่นนี้มานานแล้ว ถึงเวลาที่จะได้ปลดปล่อยออกไปเสียที
“ขอสาบานว่าจะปกป้องคุณหนูหว่านเอ๋อให้พ้นจากเจ้าลิงยักษ์”
ยอดฝีมือขอบเขตก่อโลหิตตะโกนขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียงกันอีกครั้ง ดังกึกก้องไปทั่วทั้งหุบเขาจนสามารถได้ยินอย่างชัดเจนในระยะหลายร้อยลี้
การต่อสู้ได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้ว ทว่าในครั้งนี้กลับต่างไปจากเมื่อก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก หลังจากที่ขุมกำลังของถังหว่านเอ๋อมีหลงเฉินเข้าร่วมด้วยก็ได้ทวีความรุนแรงของพลังต่อสู้ขึ้นมา ถึงแม้ว่าจำนวนคนจะน้อยกว่า ทว่าก็ยังสามารถกดดันอีกฝ่ายได้
ถังหว่านเอ๋อจ้องมองไปยังฉากต่อสู้เบื้องหน้า พลันก็ฉงนสงสัยขึ้นมาว่านางฟ้าอะไรกัน? เหยียดหยามอย่างนั้นหรือ? นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?
“หลงเฉิน เจ้าหาที่ตาย”
ในที่สุดเหร่ยเชียนซังก็ได้ปะทุโทสะขึ้นมาอย่างรุนแรง พร้อมทั้งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พลันก็ได้พุ่งทะยานไปทางหลงเฉินในทันที
“คู่ต่อสู้ของเจ้าก็คือข้า”
ถังหว่านเอ๋อตะโกนเสียงดังกังวานขึ้นมา พลันก็ได้ยื่นมืออันขาวผ่องพร้อมคมวายุสายหนึ่งออกไปขวางเส้นทางของเหร่ยเชียนซังเอาไว้
“ถังหว่านเอ๋อ หลงเฉินเหยียดหยามผู้คนมากจนเกินไปแล้ว เจ้าแน่ใจหรือว่าจะปกป้องเขา?” ใบหน้าของเหร่ยเชียนซังเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้น นี่เป็นครั้งแรกที่ถังหว่านเอ๋อเห็นยอดฝีมือผู้นี้เกรี้ยวกราดได้ถึงเพียงนี้
“เขาเป็นคนของข้า แน่นอนว่าข้าต้องคุ้มครองเขา”
หูของเหร่ยเชียนซังตีความหมายของวาจาจากถังหว่านเอ๋อออกไปอีกเชิงหนึ่งแล้วกล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชาว่า “เช่นนั้นข้าก็จะฆ่าเขา”
ถังหว่านเอ๋อตกใจขึ้นมายกใหญ่ เพราะเพียงครู่เดียวบรรยากาศบนร่างของเหร่ยเชียนซังก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรง นางจึงรีบกล่าวขึ้นมาว่า “หากยังมีข้าอยู่ เจ้าก็ไม่มีวันได้แตะต้องเขา”
“อา……”
เหร่ยเชียนซังรู้สึกจุกอยู่ในอกพร้อมทั้งระเบิดเสียงคำรามออกมาสนั่นไปทั่วทั้งสารทิศ อัสนีบาตรอบกายพุ่งพล่านขึ้นมาจนเกิดเสียงดังเพียะพ๊ะไม่หยุด จากนั้นพลังสภาวะอันมหาศาลก็ได้พุ่งทะยานขึ้นสู่ห้วงบรรยากาศจนทำให้ผู้คนโดยรอบต้องละสายตาจากคู่ต่อสู้เพื่อหันไปมองอย่างหวาดกลัว
“เหอะเหอะ เจ้าลิงยักษ์กำลังจะเปลี่ยนร่างแล้ว”
ถึงแม้ว่าภายในจิตใจของหลงเฉินจะเกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาเล็กน้อย ทว่าฝีปากของเขายังคงกระทำคล้ายกับราดน้ำมันเข้ากองไฟอยู่
ถังหว่านเอ๋อทอสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย จากนั้นก็ได้ผสานมืออันขาวผ่องเข้าด้วยกันที่หน้าอก พร้อมทั้งไหลเวียนพลังขึ้นมาจนเส้นผมปลิวว่อน
คมวายุขนาดเท่าหนึ่งฝ่ามือนับร้อยปรากฏขึ้นมารอบกาย อีกทั้งยังเคลื่อนไหวไปมาไม่หยุด ให้ความรู้สึกประดุจนางเซียนเดินออกมาจากภาพวาดอย่างไรอย่างนั้น
“งดงามมาก” หลงเฉินเบิกดวงตาโตพร้อมกับกล่าวชื่นชมออกมา นี่เป็นกระบวนท่าที่งดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา
ความรุนแรงของพลังกดดันในตอนนี้แตกต่างไปจากช่วงเวลาที่หลงเฉินเพิ่งจะมาเยือนสถานที่แห่งนี้เป็นอย่างมาก คมวายุที่ปรากฏขึ้นมานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังแห่งสายลมที่รวมตัวกันเป็นอาวุธมีคมชนิดหนึ่ง นี่เป็นความน่ากลัวจากพลังกายาปราณวายุของถังหว่านเอ๋ออย่างนั้นหรือ?
พลังของยอดฝีมือทั้งสองคนเพิ่มพูนขึ้นมาไม่หยุด สภาพอากาศโดยรอบเกิดการสั่นไหวไปมาจนแทบจะบิดเบี้ยว
บนยอดเขาที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้ ถู่ฟางทอสีหน้าเป็นกังวลพร้อมทั้งถอนลมหายใจออกมาแล้วกล่าวว่า
“ท่านจ้าวสำนักมีสายตาที่เฉียบขาดยิ่งนัก หลงเฉินผู้นี้ดูธรรมดาเกินไปจนข้ายังเกิดข้อสงสัยว่าเหตุใดท่านจ้าวสำนักถึงกับต้องแลกร่างกายเพื่อให้ข้าได้เห็นถึงปัญหาเช่นนี้
ช่างเถิด ปล่อยให้พวกเขาเป็นคนจัดการก็แล้วกัน ดูต่อไปก็มีแต่จะเบื่อหน่าย กลับไปพักผ่อนยังจะได้ประโยชน์มากกว่า” ถู่ฟางส่ายหน้าไปมาก่อนที่จะหายลับไปจากยอดเขานั้น
“ถังหว่านเอ๋อ ข้าจะถามเจ้าอีกครั้ง เจ้ายังจะขัดขวางข้าใช่หรือไม่?” เหร่ยเชียนซังเอ่ยถามขึ้นมาอย่างเย็นชา
“แน่นอน หากยังมีข้าอยู่ เจ้าก็ไม่มีวันได้แตะต้องเขา” ถังหว่านเอ๋อตอบกลับไปพร้อมกับกระตุ้นพลังสภาวะของคมวายุทั่วทั้งร่างขึ้นมา
“ถ้าเช่นนั้นข้าคงต้องขอล่วงเกินเจ้าแล้ว”
เหร่ยเชียนซังแผดเสียงดังขึ้นมาด้วยความเกรี้ยวกราด ตลอดทั้งร่างทอแสงประกายเจิดจ้าขึ้นมาอย่างเข้มข้น พลันก็ได้ก้าวเท้าออกไปหาถังหว่านเอ๋ออย่างรวดเร็ว
.
.
.
ติดตามตอนอื่นๆเพิ่มเติมได้ที่ : 9 ดารา <<< (ถึงตอนที่ 366 แล้วครับ)