GE99 ฟาดฟันจิตวิญญาณ สังหารศัตรู [ฟรี]
เจตจำนงค์เทพ...ขอบเขตสมบูรณ์แบบ!
เจตจำนงค์เทพแห่งทัณฑ์สวรรค์ เมื่อคนผู้หนึ่งเข่นฆ่าสังหารอย่างโชกโชน กระทั่งบรรลุขอบเขตสมบูรณ์แบบด้วยตนเอง จะได้เจตจำนงค์เทพสังหารมา
หากจะกล่าวในอีกนัย เจตจำนงค์เทพก็คือทัณฑ์สวรรค์ คือพลังธรรมชาติที่น่าสะพรึงกลัว แม้เป็นเทพผู้สูงศักดิ์ก็ถูกสังหารได้ด้วยสิ่งนี้!
แต่ถึงอย่างนั้น หวางเหยาที่ใช้อัสนีแดงจู่โจมหนิงฝานถึง 2 ครั้ง กลับยังปลิดชีวิตหนิงฝานไม่ได้ ช่างแตกต่างกับที่คาดการณ์ไว้มาก
นี่เป็นครั้งแรกที่หนิงฝานเข้าใกล้ความตาย แม้จะมีประกาศิตทดแทนก็ยังนับว่าอันตรายหากต้องเผชิญหน้ากับอัสนีแดงอีกครั้ง... ประกาศิตทดแทนเป็นสมบัติที่ท้าทายสวรรค์ มันช่วยชีวิตผู้ถือครองได้ 1 ครั้ง
ในครั้งที่ 2 ที่หวางเหยาจู่โจมด้วยอัสนีแดง หนิงฝานใช้ปราณกระบี่ที่สร้างขึ้นจากสัมผัสกระบี่ของตนป้องกัน
หวางเหยาคาดไม่ถึงว่า เมื่อยามที่หนิงฝานบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณ ทะเลสติจะเปลี่ยนเป็นทะเลสติกระบี่ในตำนาน แต่ถึงหนิงฝานจะมีสัมผัสกระบี่ หวางเหยายังไม่เชื่อว่าหนิงฝานจะต้านทานอัสนีแดงของตนได้
ขอบเขตสมบูรณ์แบบนั้นแตกต่างจากเจตจำนงค์เทพทั่วไป ไม่สามารถใช้สมบัติชนิดใดป้องกัน เพราะมันคือการจู่โจมไปยังทะเลสติของคู่ต่อสู้โดยตรง ด้วยอานุภาพที่น่าสะพรึงกลัว จนสังหารผู้เชี่ยวชาญได้มากมายนับไม่ถ้วน
ภายในส่วนที่ 7 ของป่าภูติพราย จักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ใช้ขอบเขตสมบูรณ์แบบของตน สังหารผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกไปเป็นจำนวนมาก องค์หญิงเหม่ยก็แพ้ด้วยวิชานี้
แต่วันนี้ อัสนีแดงแห่งขอบเขตสมบูรณ์แบบของจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ ได้ถูกหนิงฝานทำลายอย่างสิ้นเชิง
หนิงฝานช่างโหดร้ายและไร้ความปราณี ทำลายขอบเขตสมบูรณ์แบบที่หวางเหยาภาคภูมิ
เป็นครั้งแรกที่หวางเหยาเริ่มกลัวหนิงฝาน เพราะหนิงฝานได้ทำลายวิชาที่ทรงพลังที่สุดของมัน
“ปราณของข้าแทบไม่เหลือ… ขอบเขตสมบูรณ์แบบถูกทำลาย… ข้าไม่อาจต่อกรกับเด็กนั่นได้ วันนี้ข้าต้องหนีก่อน หากจิตวิญญาณของข้าถูกทำลาย ร่างจริงที่อยู่ในป่าแห่งภูติพรายจะได้รับความเสียหายร้ายแรง กระทั่งระดับพลังลดลง!”
หวางเหยายังคงทำสีหน้าอวดดี แต่ในใจมันคิดจะหนี แม้ว่ามันคิดอยากหลบหนี แต่หากไม่มีวิธีที่ดีพอ มันย่อมหนีหนิงฝานไม่พ้น
มันทำนิ้วเป็นท่าทาง ข้อกระดูกสีขาวหลุดออกจากนิ้วมือของมัน ก่อนที่กระดูกข้อนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นทหารภูติผีนับพัน แต่ละตัวแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ มีหอกและกระบี่ในมือ เปล่งเสียงคำรามขู่ขวัญ
เมื่อกองทัพภูตินับพันปรากฏ หวางเหยาได้สั่งให้พวกมันเข้าจู่โจมหนิงฝาน จากนั้นมันได้สระข้อนิ้วของตนอีกข้อ เพื่อใช้เป็นพลังหลบหนี
“ฮึ่ม! คิดจะหนีเรอะ? ภูติผีพวกนี้ขวางข้าไม่ได้หรอก!”
แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา ความแค้นระหว่างตัวเขาและจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ยังไม่ได้สะสาง หากเขาปล่อยให้หวางเหยาหนีไปได้ วันข้างหน้ามันจะแข็งแกร่งขึ้น และหนิงฝานต้องเผชิญกับภัยคุกคามที่ร้ายแรงยิ่งกว่าเดิม เขาจะปล่อยให้มันหนีไปไม่ได้
“ทำลาย!”
หนิงฝานเหยียบย่างรุ้งหิมะไล่ตามหวางเหยาไป ใช้สัมผัสเทพก่อเป็นปราณกระบี่จู่โจมจู่โจมกองทัพภูติผี
แม้เหล่าภูติผีจะแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ แต่ด้วยสัมผัสกระบี่ของหนิงฝานที่กวาดผ่าน ร่าง พวกมันก็ระเบิดเป็นผง
จักรพรรดิปีศาจไป๋กู่อัญเชิญภูติผีในขอบเขตประสานวิญญาณมาเป็นกองทัพ
แต่หนิงฝานกลับสังหารทั้งกองทัพลงได้ในพริบตา!
ฉากการต่อสู้ที่น่าสะพรึงกลัวในค่ำคืนนี้ ผู้รอดชีวิตของตระกูลหูไม่มีวันลืมเลือน
หากหนิงฝานและหวางเหยาร่วมมือ ต่อให้เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำทั่วทั้งแคว้นเยว่ คงไม่อาจรอดมือทั้งสอง
หวางเหยาที่กำลังหนีตกตะลึงกับพลังของหนิงฝาน
ภูติผีที่มันอัญเชิญมา แต่ละตัวแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ ถึงพวกมันจะสังหารหนิงฝานไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็น่าจะถ่วงเวลาให้มันได้หลบหนีบ้าง
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับตรงกันข้าม สัมผัสกระบี่ของหนิงฝานสังหารพวกมันในคราวเดียว!
อานุภาพของสัมผัสกระบี่ไม่ได้ด้อยไปกว่าขอบเขตสมบูรณ์แบบ!
“เป็นไปไม่ได้ แม้เป็นสัมผัสกระบี่ในตำนานยังไม่ทรงอานุภาพขนาดนี้… สัมผัสกระบี่นั่นคือปราณกระบี่อะไรกัน ถึงได้ทรงพลังขนาดนั้น!”
หวางเหยากล่าวด้วยเสียงที่แผ่วเบาอย่างที่สุด แต่หนิงฝานยังได้ยิน จึงกล่าวเย้ยหยันไป
“ปราณกระบี่สังหารเซียน!”
“อะไรนะ! เป็นไปไม่ได้! ปราณกระบี่สังหารเซียนที่เคยสังหารเหล่าเซียนในลานสวรรค์โบราณ! เจ้าไปได้มาได้ยังไง?”
เพียงไม่กี่คำของหนิงฝาน ทำให้จิตใจหวางเหยาปั่นป่วนสับสน! คำตอบของหนิงฝานหวังผลร้ายกับหวางเหยา เพราะชื่อสังหารเซียนนั้น จะทำให้หวางเหยาหวาดกลัวและสับสน
จากนั้นก็ปิดท้ายด้วยไพ่ใบสุดท้ายของตน!
หนิงฝานสัมผัสกระเป๋าที่เอว นำกระถางแยกโอสถออกมาแล้วทุ่มใส่หวางเหยาอย่างรุนแรง หวางเหยาที่เห็นกระถางแยกโอสถ ที่เป็นเพียงสมบัติวิญญาณระดับสูง ไม่ได้หวาดกลัว
แต่เมื่อกระถางแยกโอสถเริ่มเปล่งแสง สีหน้าหวางเหยากลับแปรเปลี่ยนอัปลักษณ์ เพราะร่างกายของมันไม่อาจขยับเคลื่อนไหวได้
“ตรึงร่าง! บัดซบ! นี่ข้ายังต้องมาเจอวิชาที่ยากรับมืออีก!”
กระถางแยกโอสถผ่านการเสริมวิชา ‘ตรึงร่าง’ เข้าไป เมื่อกระถางกระทบร่างของหวางเหยา มันจึงถูกตรึงไม่อาจขยับ
แต่มันเชื่อว่าสามารถหลุดพ้นจากตรึงร่างได้ไม่ยาก เมื่อมันพ้นจากพันธนาการของตรึงร่าง เงาร่างของหนิงฝานกลับเข้าประชิดห่างจากมันเพียง 10 จ้าง
หนิงฝานซ่อนปราณสังหารของตนเอาไว้ เมื่อเข้าประชิตหวางเหยาได้ จึงปะทุปราณสังหารแล้วเข้าจู่โจม
“นี่มันปราณสังหารระดับใดกัน!”
สีหน้าหวางเหยาแปรเปลี่ยนใหญ่หลวง
มันเห็นหนิงฝานอีกคนปรากฏตัว สิ่งที่มันเห็นไม่ใช่ภาพลวงตา เป็นหนิงฝานอีกคนที่หน้าตาเหมือนกัน ยามนี้หนิงฝานอีกคนได้แปรสภาพเป็นลำแสงสีดำพุ่งเข้าหามัน
นั่นคือร่างวิญญาณของหนิงฝาน สีหน้าเย็นชา ดูไม่เสถียรและพร้อมที่จะเลือนหายได้ทุกเมื่อ
เพียงแต่ ร่างวิญญาณนั้นกลับแผ่กลิ่นอายกึ่งดวงจิตแรกเริ่ม จนทำให้หวางเหยาหวาดกลัว
“ระ… ร่างวิญญาณกึ่งดวงจิตแรกเริ่ม! เป็นไปได้อย่างไร?”
คำถามมากมายผุดขึ้นในหัวของมัน แต่ในชั่วลมหายใจนั้น ร่างวิญญาณได้จู่โจมร่างของมันอย่างรุนแรง มันเปล่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด เส้นชีพจรในร่างถูกทำลาย ไม่ต่างจากคนพิการ!
แม้จะทำลายร่างของหวางเหยาได้แล้ว หนิงฝานยังไม่วางใจ เขาอ้าปากคายกระบี่แยกสวรรค์ และฟาดฟันใส่อากาศที่ว่างเปล่า
หวางเหยากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด จิตวิญญาณของมันถูกแผดเผาด้วยเพลิงที่มองไม่เห็น
เมื่อร่างกายของหวางเหยาถูกทำลาย จิตวิญญาณของจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่จึงต้องออกจากร่าง แต่มันไม่อาจรอดพ้นสัมผัสของหนิงฝานได้
กายเนื้อถูกทำลาย จิตวิญญาณถูกกระบี่แยกสวรรค์แผดเผา
ภาพเงาของจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ปรากฏ มันร้องขอความเมตตา!
“ปล่อยจิตวิญญาณข้าไปเถอะ ข้าจะกลับคือสู่โลกแห่งหยาง และไม่กลับมาที่นี่อีก!”
คำอ้อนวอนของมันทำให้หนิงฝานเย้ยหยัน
“ข้าเชื่อเจ้า!”
กระบี่แยกสวรรค์เคลื่อนไหว ฟาดฟันใส่จิตวิญญาณของจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่อย่างโหดเหี้ยม เพื่อให้มันหายจากโลกไปตลอดกาล...
หนิงฝานถอนร่างวิญญาณและเก็บกระบี่แยกสวรรค์ จากนั้นเร่งกลืนโอสถฟื้นฟู โคจรปราณรักษาอาการบาดเจ็บ แล้วเร่งมุ่งหน้ากลับไปยังเขาจันทรากระจ่างของตระกูลหูทันที
หนิงฝานใช้เวลาไล่ตามและสังหารหวางเหยาเพียงไม่กี่ลมหายใจ วิชาที่หวางเหยาใช้สังหารคนของตระกูลหูก็เลือนหาย
แม้จะสังหารจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ได้ แต่หนิงฝานเผยความสามารถของตนเองมากเกินไป หากตระกูลหูเปิดเผยความลับเหล่านี้ เขาจะต้องประสบปัญหาในภายหลัง
หากสังหารพวกมันซะ...ก็สามารถปกปิดเรื่องราวได้ แต่นั่นก็ต้องดูบรรพบุรุษของตระกูลหูเสียก่อนว่าจะทำอย่างไรกับตระกูล
เงาร่างของหนิงฝานแปรเปลี่ยนเป็นรุ้งหิมะ มุ่งตรงไปยังเขาจันทรากระจ่างอย่างรวดเร็ว
แต่หลังจากหนิงฝานออกไปไม่นาน ชายชราวัยกลางคนในชุดคลุมครามก็ปรากฏ แววตาของชายผู้นั้นซับซ้อนและถอนหายใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น
ชายผู้นั้นคือผู้นำนิกายกุ่ยเชว่ กุ่ยเชว่สื่อ!
“หากจะสังหารหวางเหยาด้วยตัวเอง ตัวข้าคงทำไม่สำเร็จ ข้าไม่อาจต้านรับอัสนีแดงนั่นได้… หนิงฝานช่างลึกลับเกินหยั่งถึง… เด็กคนนี้เป็นใคร เหตุใดถึงสังหารผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกได้… เรื่องที่ภูติผีในป่าแห่งภูติพรายจำนวนมากถูกสังหารก็… เห้อ… เด็กนั่นคงทำอะไรบางอย่างในป่าแห่งภูติพราย จนทำให้ผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยกในนั้นตามล่า...”
จากคำกล่าวของกุ่ยเชว่สื่อ ดูเหมือนมันจะแอบสะกดรอยตามหวางเหยามา และเตรียมจะสังหารหวางเหยาในคืนนี้
ผลลัพธ์ของหวางเหยาและหนิงฝานจากป่าแห่งภูติพรายนั้นเป็นเรื่องที่ประหลาด กุ่ยเชว่สื่อจึงต้องสืบหาต้นตอ แต่ถึงอย่างนั้น หนิงฝานที่แปลกกลับไม่แปลก หนิงฝานเป็นศิษย์ของหานหยวนจี๋ผู้เป็นเซียนที่จริง เป็นผู้ที่คนในโลกพิรุณรู้จัก ทั้งยังเป็นสหายของกุ่ยเชว่สื่อ
นั่นทำให้กุ่ยเชว่สื่อไม่สงสัยในตัวหนิงฝาน แต่หวางเหยานั้นไม่ใช่...เด็กนั่นแปลกประหลาดอย่างที่สุด ก่อนหน้านี้กุ่ยเชว่สื่อได้เดินทางไปพบตระกูลหวาง และทราบความจริงมาว่า หวางเหยาเป็นเด็กธรรมดาทั่วไป ไม่ได้มีพรสวรรค์ใดๆเป็นพิเศษ
ดังนั้นกุ่ยเชว่สื่อจึงเริ่มสะกดรอยหวางเหยา กระทั่งรู้ว่าหวางเหยาได้บุกสังหารล้างตระกูลผู้เชี่ยวชาญในแคว้นเยว่ ดังนั้น จึงได้รู้ว่าหวางเหยาเข้าร่วมนิกายกุ่ยเชว่ด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์
กุ่ยเชว่สื่อจึงตั้งใจจะสังหารหวางเหยาในคืนนี้ เพียงแค่การจะทำเช่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะหากสู้กันและถูกอัสนีแดงนั่นจู่โจม กุ่ยเชว่สื่อคงไม่รอด
โชคดีที่หนิงฝานลงมือด้วยตนเอง...
“เดิมทีข้าคิดจะช่วยเขาเรื่องการประลองกับไป๋เฟยเถิง แต่ยามนี้...คงไม่จำเป็นอีกแล้ว! เจ้าเฒ่าเฟยเถิงนำภัยมาสู่ตนแล้ว...”
กุ่ยเชว่สื่อยิ้มเล็กน้อย เมื่อคิดว่าตนจะได้หนิงฝานมาเป็นลูกเขย มันรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก
“ตาเฒ่าหาน สายตาของเจ้าเฉียบคมนัก… บางทีศิษย์ของเจ้าผู้นี้ อาจช่วยเจ้าล้างแค้นได้”
…
ส่วนที่ 7 ของป่าแห่งภูติพราย… จักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ผู้เก็บตัวฝึกฝนอยู่นั้น ได้ถอนจิตวิญญาณของตนกลับมา
จิตวิญญาณของมันเสียหายอย่างหนัก ยากที่จะกลับคืนดังเก่า คราวนี้ จักรพรรดิปีศาจไป๋กู่สูญเสียไม่ใช่น้อย
การที่มันสละจิตวิญญาณของมันออกไป ทำให้ระดับพลังในขอบเขตไร้แบ่งแยกที่ 5 ลดลง จนเกือบตกลงสู่ ขอบเขตไร้แบ่งแยกที่ 4
แต่การที่ยอมสละจิตวิญญาณออกไปแบบนั้น นอกจากจะทำให้ครองร่างมนุษย์แล้ว ยังอาจได้ใช้ชีวิตอยู่ในโลกภายนอกอย่างอิสระ และฝึกฝนกระทั่งคืนสู่ขอบเขตไร้แบ่งแยกอีกครั้ง
เมื่อถึงยามนั้น ร่างมนุษย์ที่จิตวิญญาณของมันครอบครองจะคืนสู่ป่าแห่งภูติพราย และผสานรวมเป็นหนึงกับร่างภูติผี จะทำให้มันทะลวงขอบเขตไร้แบ่งแยกที่ 6 ได้อย่างง่ายดาย!
แม้การสังหารหนิงฝานจะเป็นเป้าหมาย แต่ไม่ใช่เป้าหมายสูงสุด ความทะยานอยากของมันมากกว่านั้น มันอยากอยู่เหนือทุกสิ่งในโลก…
จักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ที่เก็บตัวฝึกฝนอยู่นั้น ได้ลืมตาขึ้นด้วยความโกรธแค้น โลหิตไหลรินออกจากมุมปาก
มันปวดหัวราวกับสมองกำลังจะแยกออกจากกัน เพราะระดับพลังของมันกำลังลดลงอย่างรวดเร็ว
ขอบเขตไร้แบ่งแยกที่ 4… ขอบเขตไร้แบ่งแยกที่ 3… เหลืออีกเพียงนิดเดียวจะลดลงถึง ขอบเขตไร้แบ่งแยกที่ 2!
“บัดซบ! จิตวิญญาณของข้า!”
มันหลับตาผสานกับจิตวิญญาณของตน และความทรงจำของจิตวิญญาณก็ค่อยๆปรากฏขึ้นในหัวของมัน
ภาพความทรงจำเหล่านั้นได้ทำให้เจตนาสังหารในใจของมันปะทุ!
ผู้ที่ทำร้ายจิตวิญญาณของมันกลับเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่ง!
“หนิงฝาน… หนิงฝาน… หนิงฝาน! สักวัน ข้าจะออกจากป่าแห่งภูติพราย แล้วฉีกเจ้าเป็นชิ้นๆ!”
มันเปล่งเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง ปราณที่ทรงพลังปะทุ กระทั่งได้ยินไปจนถึงส่วน 4 5 และ 6 ของป่า
แม้เป็นส่วนที่ 3 ของป่าก็ยังได้ยิน
เหม่ยเฉินหรือสัตว์อเวจีที่พักฟื้นพลังอยู่ในเผ่าม่วงนั้น ได้คิดถึงคนผู้หนึ่งอยู่
คนผู้นั้นลวนลามนาง ฉวยโอกาสกับนาง แต่สุดท้ายก็จากไป
“ฮึ่ม! คิดถึงสิ่งชั่วร้ายที่เขาทำ ข้าไม่ปล่อยไว้แน่...”
นางบ่นกล่าวหนิงฝานอยู่ในใจ
แต่ทันใดนั้น นางก็ได้ยินเสียงของจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ดังมา
และนั่นทำให้นางดีใจมาก เพราะจากน้ำเสียงของอีกฝ่ายแล้ว แรงกดดันของมันผันผวน
หมายความว่ามันบาดเจ็บสาหัส! ระดับพลังลดลง! หากยามนี้นางฟื้นฟูพลังดังเก่า แล้วมุ่งหน้าไปยังส่วนที่ 7 ของป่า นางอาจเอาชนะมันได้ และได้ครองส่วนที่ 7 ของป่าอีกครั้ง
“ฮึ่ม! เจ้าปีศาจกระดูกขาว ในที่สุดกรรมก็ตามสนอง! แต่ก็ยากจะจินตนาการว่าผู้ใดที่แข็งแกร่งพอจะทำให้มันบาดเจ็บ...”
ในขณะที่นางกำลังยิ้มอยู่นั้น นางกลับได้ยินจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่กล่าวชื่อหนิงฝานซ้ำๆ นั่นทำให้นางเข้าใจทันที
“เป็นไปไม่ได้! หนิงฝานทำร้ายปีศาจกระดูกขาวจนบาดเจ็บสาหัส! เขาทำได้ยังไง? แต่ถึงอย่างนั้น ดูเหมือนเขาจะไม่ได้คิดสังหารมันตั้งแต่แรก...”
เหม่ยเฉินสับสน แต่ไม่นานนางก็คิดเรื่องไร้สาระ
“หากหนิงฝานจัดการปีศาจกระดูกขาวได้...งั้นข้าก็ ฮึ่มฮึ่ม เขาจะทำแบบนั้นกับข้าได้อย่างไร… แต่ถ้าเกิดขึ้นจริงหล่ะ...”