TZ1 ก้อนอิฐทำลายวิทยายุทธิ์ (1)
เมืองเหยียนแห่งสาธารณรัฐฮวั๋ง เป็นเมืองศูนย์กลางทางการปกครอง เป็นเมืองขนาดใหญ่ที่มีผู้คนอาศัยอยู่ร่วม 30 ล้านคน เมืองที่มีประชากรหนาแน่นขนาดนี้ มีเพียงไม่กี่เมืองในโลก และเมืองที่มีขนาดใหญ่เช่นนี้ ถูกยกให้ดูราวกับเป็นสรวงสวรรค์
เขตจิงฉาน เป็นเขตที่มีขนาดเล็กที่สุดในเมืองหากเทียบกับอีกหลายๆเขต ตอนนี้เป็นเวลา 4 โมงเย็น โรงเรียนหลายแห่งในเมืองถึงเวลาเลิกเรียน ที่ด้านหน้าประตูโรงเรียนอาชีวะจิงฉาน มีคนสองคนยืนอยู่
“หัวหน้า วันนี้เด็กนั่นจะมาจริงๆเหรอ?” ชายที่มีรูปร่างอ้วนถาม ลักษณะของมันคล้ายเด็กอายุ 16 ปี สูง 170 เซ็นติเมตร ดูสะดุดตา รอบเอว 8 ฉื่อ ยิ่งมองยิ่งดูเหมือนโคมไฟเดินได้
ข้างๆเด็กคนนั้นเป็นเด็กที่สูง 180 เซ็นติเมตร รูปร่างผอมบางแตกต่างกับอีกคนที่อ้วน หน้าตาไม่ได้หล่อเหลามากนัก แววตาเป็นประกาย หากหยิบยกส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายออกมา คงไม่น่ามองเท่าไหร่ แต่ถ้ามองในภาพรวม เด็กคนนี้ก็เป็นผู้ชายที่น่ามองคนหนึ่ง
“มาแน่ วันนี้เด็กนั่นต้องมาเจอผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นน่าจะเกือบถึงที่นี่แล้ว วันนี้เราต้องไม่โชคร้าย ยังไงเราต้องได้เจอมันแน่”
เด็กอีกคนพยักหน้า แต่สีหน้าก็ยังดูกังวล “หัวหน้า ได้ยินมาว่าเด็กนั่นฝึกศิลปการต่อสู้มา 8 ปี เราจะสู้มันได้เหรอ?”
เด็กอีกคนตบบ่าแล้วพูด “กลัวอะไร? อย่าลืมว่าชั้นมีสมบัติวิเศษอยู่”
เด็กอ้วนยิ้มแล้วพูดว่า “หัวหน้า ที่หัวหน้าพกกระเป๋าหนังสือมามันดูแปลกพิกล”
เด็กผอมมองหน้าเด็กอ้วนแล้วพูดว่า “หยุดพูดมากได้แล้ว เห็นแบบนี้ชั้นก็จบมัธยมต้น ถึงจะไม่จบมัธยมปลายแต่ก็ได้เรียนถึงปี 2 เชียวนะ… มาเตรียมตัวได้แล้ว”
ในเวลานั้นเอง มีเด็กสาวคนหนึ่งเดินออกมาจากโรงเรียนอย่างช้าๆ เธอมีใบหน้าได้รูป ผิวพรรณละเอียดอ่อน ร่างกายผอมบาง ถือเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง เธอสวมกระโปรงสั้น ชุดคลุมโรงเรียนสีเหลืองคลุมถึงเข่า ดูมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก จากหน้าตายังบอกไม่ได้ว่าเธออายุเท่าไหร่ เมื่อเธอเดินมาถึงหน้าโรงเรียน เธอหันมองซ้ายขวาคล้ายกับหาคนอยู่
ไม่นานนักก็มีเด็กอีกคนวิ่งออกมาจากโรงเรียนแล้วตะโกนขึ้น “นานา ชั้นอยู่นี่” เจ้าของเสียงเป็นเด็กอายุ 18 ปี สูง 180 ซม. ร่างกายสมส่วนเหมือนกับผ่านการออกกำลังกายมา ผมดำยาวมัดรวบไว้ด้านหลัง ใบหน้าหล่อเหลา กำลังวิ่งตรงมาด้วยรอยยิ้ม
“ชั้นเพิ่งออกมาเหมือนกัน” สาวน้อยนานาพูดกับเด็กหนุ่มคนนั้นและยิ้มให้
เด็กหนุ่มคนนั้นจับมือเด็กสาวอ่อนโยนแล้วพูดเบา “นานา ชั้นต้องการเธอจะแย่อยู่แล้ว เราไปเลยมั้ย?”
นานาไม่สนใจสายตาของนักเรียนคนอื่นๆที่มองมา เธอยิ้มและพูดว่า “อืม! ไปที่บ้านของเธอกัน”
“อืม!” เด็กหนุ่มหน้าตาดีพยักหน้าและยิ้มอย่างซุกซน
“ที่แท้ก็ผัวเมียนี่เอง!” น้ำเสียงเย็นชาดังมาจากหน้าประตู เด็กหนุ่มอ้วนผอมเดินออกมาด้วยรอยยิ้มเหยียดหยาม
นานาหันมองต้นเสียง สีหน้าตกใจ และรีบหลบอยู่หลังเด็กหนุ่มหน้าตาดี
“ไม่ต้องซ่อนหรอกสาวน้อย พวกพี่ไม่ทำร้ายผู้หญิง แค่จะจัดการหมอนั่นเท่านั้น” เด็กหนุ่มผอมพูด
เด็กหนุ่มหน้าตาดีเย้ยหยัน “ไม่ต้องกลัวนาน มีชั้นอยู่ทั้งคน ต่อให้มากอีก 10 คนก็ทำอะไรชั้นไม่ได้”
เด็กหนุ่มอ้วนผอมหยุดอยู่ห่างจากเด็กหนุ่มหน้าตาดี 5 เมตร เด็กอ้วนยืนเอามือเท้าสะเอวแล้วตะโกน “เยี่ยนเสียวหยี่ แกกล้าขโมยผู้หญิงของหัวหน้ามา วันนี้พวกเราจะสั่งสอนแก”
“พวกแกหรอ?” เยี่ยนเสียวหยี่แสดงสีหน้าเยาะเย้ย เขายกขาซ้ายขึ้นแล้วเตะออกไปอย่างสวยงาม ด้วยท่าเตะที่ดูเป็นธรรมชาติ แววตาที่จ้องมองคู่เด็กหนุ่มเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม จนทำให้นานาที่ซ่อนอยู่ข้างหลังหวาดกลัว “ฉีเย่เตา วันนี้ชั้นจะไม่เอาเรื่องนาย อย่ากลับมาให้ชั้นเห็นหน้าอีก ตอนนี้นานาเป็นของชั้น!”
เด็กหนุ่มผอมมีชื่อว่า ฉีเย่เตา มันแค่นเสียง นำเอาบางสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าหนังสือออกมา แล้วให้เด็กหนุ่มอ้วนทำบางสิ่ง
เมื่อเห็นดังนั้น สีหน้าเยี่ยนเสียวหยี่แปรเปลี่ยน แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าแฟนสาว เขาจะแสดงด้านที่อ่อนแอไม่ได้ “อยากหาเรื่องนักก็เข้ามา ชั้นเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเมือง วันนี้จะสั่งสอนคนอย่างพวกแก”
สีหน้าฉีเย่เตาเคร่งเครียด มันกำพร้าพ่อแม่มาตั้งแต่เด็ก จึงเติบโตมาโดยไม่มีใครสั่งสอน ยิ่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่ นิสัยแย่ๆก็ยิ่งเพิ่มพูน ถึงมันจะเรียนจบมันธยมต้นมา แต่ก็ไม่ต่างกับไร้การศึกษา มันมักจะทำตัวเป็นนักเลง ดื่มเหล้า สูบบุหรี่ หรือจะเรียกว่าอันธพาลก็ได้ มันตามจีบนานาอยู่ 1 ปีเต็ม แต่เธอไม่สนใจ ฉีเย่เตาเป็นคนที่ยึดมั่นในรักแรกมาก เมื่อมันได้รู้ว่าเยี่ยนเสียวหยี่เป็นแฟนของนาน มันจึงเคียดแค้นและอยากทุบตี มันจึงมารอเยี่ยนเสียวหยี่อยู่ที่หน้าโรงเรียน เพื่อคิดบัญชีในวันนี้
“ได้ยินว่าแกฝึกวิทยายุทธเหรอ?” ฉีเย่เตามองนานา
เยี่ยนเสี่ยวหยี่กล่าวอย่างภาคภูมิ “ใช่… แต่ก็หลายปีมาแล้ว อาจารย์ของชั้นค่อนข้างมีชื่อเสียง ทำไม? อยากเพลงเตะของชั้นดูมั้ยหล่ะ? แต่สู้กับนักเลงอย่างพวกแกไปก็มีแต่จะทำให้รองเท้าของชั้นเปื้อนเปล่าๆ”
ฉีเย่เตาหยิบเอาบางสิ่งออกมาจากกระเป๋านักเรียนแล้วพูดว่า “ไม่รู้ว่าแกเคยได้ยินชื่อนี้หรือเปล่า เจ้านี่เรียกว่า ‘อิฐทำลายวิทยายุทธ’ วันนี้ชั้นจะทำให้แกได้รู้ซึ้ง!” เมื่อพูดจบ ฉีเย่เตาก็วิ่งเข้าหาเยี่ยนเสียวหยี่อย่างรวดเร็วพร้อมกับอิฐก้อนใหญ่ในมือ
เยี่ยนเสียวหยี่เป็นผู้ฝึกยุทธ เขาไม่ตกใจกับอิฐในมือฉีเย่เตา เพราะมันไม่ได้เป็นภัยคุกคามกับเขาแม้แต่น้อย เพียงแต่ด้วยประสบการณ์การต่อสู้ของฉีเย่เตา เยี่ยนเสียวหยี่เทียบไม่ติด ทันทีที่ฉีเย่เตาพุ่งเข้าหา มันก็ขว้างอิฐก้อนนั้นใส่หัวเยี่ยนเสียวหยี่ทันที
เมื่อเห็นก้อนอิฐลอยมา เยี่ยนเสียวหยี่ที่พร้อมสู้ก็ปั่นป่วน เขาตั้งใจว่าหากฉีเย่เตาเข้ามาในระยะ เขาจะใช้เพลงเตะกับอีกฝ่าย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเหนือความคาดหมาย เขาจึงเร่งยกแขนขึ้นป้องกันก้อนอิฐ ถึงเยี่ยนเสียวหยี่จะเป็นผู้ฝึกยุทธ แต่ก้อนอิฐที่กระทบแขนนั้นแรงมาก ดูเหมือนว่าเย่ฉีเตาจะแข็งแกร่งไม่น้อย เยี่ยนเสียวหยี่ร้องด้วยความเจ็บ แขนที่ป้องกันก้อนอิฐยกไม่ขึ้น
ในเวลาเดียวกันนั้น เย่ฉีเตาได้เข้าประชิดเยี่ยนเสียวหยี่ มันก้มลงเก็บก้อนอิฐเมื่อครู่ แล้วเหวี่ยงฟาดใส่เยี่ยนเสียวหยี่อีกครั้ง
ถึงการเคลื่อนไหวของเย่ฉีเตาจะไม่ได้เร็วมากนัก แต่ก็เพียงพอให้ก้มหยิบก้อนอิฐเอามาฟาดและพูดขึ้น “ขงจื้อกล่าวไว้ว่า สู้กับก้อนอิฐอย่าเผชิญซึ่งหน้า แม้ตนเองจะเก่งกาจขนาดไหนก็อย่าสู้เพียงลำพัง...” หากขงจื้อได้ฟังไม่รู้จะคิดยังไง?