บทที่ 7 - The Dagger-Wielding Mage
Chapter 7 - The Dagger-Wielding Mage
นักดาบปีศาจมีชื่อเสียงโด่งดั่งในเกมอาณาจักรเวทมนตร์ เขาได้ก่อตั้งกิลด์ท้าทายสวรรค์ขึ้นมาด้วยตัวคนเดียวซึ่งผู้เล่นหลายคนพยายามอย่างหนักเพื่อสิทธิในการเข้าร่วม ในตอนที่เขาบอกว่าจะย้ายไปเล่นพาราเรลเวิร์ล ผู้เล่นจำนวนมากได้ตอบตกลงและประกาศว่าพวกเขายินดีที่จะย้ายตามเขาไปทันที เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ที่มาพร้อมกับเขานั้นเชื่อมั่นเขาในฐานะผู้นำ
แต่ใครจะคิดว่าทุกคนจะต้องใช้หน้าตาที่แท้จริงของตนเล่นในเกมเสมือนจริง? ลักษณะที่แท้จริงของนักดาบปีศาจนั้นแตกต่างจากอุดมคติของผู้เล่นหลายคนมากเกินไปจนสมาชิกกิลด์ยากที่จะยอมรับ คนส่วนใหญ่เริ่มบอกว่าตนอยากเล่นคนเดียวทันที และผู้เล่นหญิงที่เคยแห่กันมาล้อมรอบตัวเขาก็ไม่มาให้เห็นอีกเลยหลังจากที่ได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเขา ในท้ายที่สุดก็มีสมาชิกเพียงห้าสิบคนจากพันกว่าคนเท่านั้นที่ยังเต็มใจติดตามเขาต่อไป
นักดาบปีศาจรู้สึกผิดหวังกับธรรมชาติของมนุษย์ อย่างไรก็ตามในฐานะผู้เล่นระดับสูงที่มีชื่อเสียงระดับต้นๆ นักดาบปีศาจไม่เคยคิดที่จะยอมแพ้ ลึกลงไปในใจเขาได้ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าจะหวนคืนอดีตอันรุ่งเรืองของกิลด์ 'ท้าทายสวรรค์' ในเกมพาราเรลเวิร์ลให้ได้
เห็นได้ชัดว่าการทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นเป็นก้าวแรกของการบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ อย่างไรก็ตามนักดาบปีศาจได้รับรู้ถึงหายนะตั้งแต่วันแรกที่เกมเปิด ความสามารถในการ'ควบคุม'ของเขาไร้ค่าในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง มือที่ควบคุมเม้าและคีย์บอร์ดของเขาอาจประดุจหัตถ์เทวะในโลกของเกมธรรมดา แต่มันไร้ค่าสำหรับเกมนี้ ในฐานะนักเล่นเกมระดับแนวหน้าเขารู้ทันทีว่าเขาต้องศึกษาและค้นคว้ากลไกของเกมVRอย่างละเอียด โชคยังดีที่หลังจากเปิดตัวเกมไปได้แค่ครึ่งวันเกมพาราเรลเวิร์ลก็ได้ประกาศปิดตัวฉุกเฉินเพื่อแก้ไขระบบที่มีปัญหามากมาย เรื่องนี้ทำให้เขามีโอกาสในการทำความคุ้นเคยเกี่ยวกับกลไกของตัวเกม เพื่อจุดมุ่งหมายของเขา เขาทุ่มเทเวลาทั้งเดือนเพื่อค้นคว้าและศึกษาข้อมูลทุกอย่างเท่าที่จะเป็นไปได้เกี่ยวกับตัวเกม เขากระทั่งฝึกฝนและจดจำท่าต่อสู้เพื่อเตรียมเอามาใช้ในโลกของเกม ด้วยเหตุนั้นนักดาบปีศาจจึงเต็มไปด้วยความมั่นใจเมื่อเขากลับเข้าเกมมาอีกครั้งในวันนี้
ความจริงเขามีเลเวล25แล้วโดยใช้เวลาแค่ไม่ถึงวัน คนธรรมดาคงไม่อาจแม้แต่จะเข้าใจความยากลำบากของมัน การเล่นเกมสำหรับเขามันไม่ใช่เพื่อความสนุกสนานเท่านั้น
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการสร้างช่องว่างระหว่างเลเวลคือช่วงเปิดเกม นักดาบปีศาจย่อมไม่พลาดโอกาสนี้ เขาไม่เสียเวลากับเขตนอกเมืองเพราะมันไม่คุ้มค่าสำหรับเขา แต่เมื่อกู่เฟยจากไปพร้อมกับFireballหลังจากเตะคนของเขาสามคนร่วงลงไปในการกวาดขาครั้งเดียว เหล่าสมาชิกกิลด์ของนักดาบปีศาจจึงไปแจ้งเขาว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
อย่างไรก็ตามนักดาบปีศาจรู้สึกงงเกี่ยวกับเนื้อหของรายงาน เขาได้ศึกษาสกิลทุกอย่างของทุกอาชีพในเกมพาราเรลเวิร์ลมาหมดแล้ว และการเตะของกู่เฟยค่อนข้างใกล้เคียงกับสกิล"นางแอ่นโต้กลับ"ของอาชีพไฟท์เตอร์ ทว่ามันเป็นสกิลระดับสูงที่กว่าจะได้รับก็ปาไปเวล54แล้ว มันเป็นไปได้ยังไงที่มีคนเรียนสกิลระดับนั้นในตอนนี้ได้? แถมสมาชิกกิลด์ของเขาก็ยังมีเลเวลไม่ถึง10 แล้วแบบนั้นเขาจะใช้สกิลใส่ภายใต้การป้องกันการPKของเกมได้ยังไง?
นั่นเป็นผลให้นักดาบปีศาจรีบกลับมาจากเขตเก็บเลเวลและรีบเดินทางมาตามหาพวกเขาทั้งสองพร้อมกับสมาชิกกิลด์คนอื่นในกิลด์ทันที นักดาบปีศาจไม่ได้แค้นเคืองกับเรื่องเล็กๆน้อยๆอย่างการแย่งฆ่ามอนสเตอร์ระดับต่ำ เขาแค่อยากรู้ว่ากู่เฟยสามารถใช้ทักษะแบบนั้นได้ยังไงเท่านั้น
น่าเสียดายที่คำพูดไม่กี่คำของนายFireballดันไปจี้ใจดำของเขาพอดี นักดาบปีศาจจึงชำเลืองมองFireballอย่างไม่พอใจก่อนถามกู่เฟย "ตอนนี้นายเลเวลเท่าไหร่?"
"10" กู่เฟยตอบ
"เยี่ยม!" นักดาบปีศาจพยักหน้า "ฉันอยากให้พวกนายทั้งสองมาสู้กับฉัน นายว่าดีไหม?"
"เชี่ย! ฉันเพิ่งเวล1เอง!" Fireballตอบกลับอย่างไม่พอใจ
กู่เฟยกล่าวเพิ่ม "ใช่ เขาเวลแค่1เท่านั้น PVPไม่ได้"
นักดาบปีศาจยิ้มเยาะเย้ยเมื่อได้ยินที่พวกเขาพูด เขาไม่ได้ตั้งใจจะสู้กับทั้งสองตั้งแต่ต้น เขาแค่อยากท้าทายให้ทั้งสองเจียมตน แต่จู่ๆกู่เฟยก็พูดขึ้นว่า "เพราะงั้นแค่ฉันก็พอแล้ว"
นักดาบปีศาจเบิกตาโพลงอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่เขาเพิ่งได้ยินไป "ว่าไงนะ?"
"หืม? นายอยากจะPVPไม่ใช่เหรอ?" กู่เฟยถามกลับ
เมื่อกู่เฟยย้อนถามกลับมา นักดาบปีศาจก็ไม่สามารถยอมถอยได้อีกต่อไป ทีแรกที่เขาไม่คิดจะสู้ไม่ใช่เพราะเขากลัว แต่เพราะเขารู้สึกว่ามันไม่มีค่าพอ นักดาบปีศาจถือว่าการต่อสู้ครั้งแรกของเขาในเกมนี้สำคัญเกินกว่าที่จะเอามาเสียไปกับจอมเวทย์เวล10
ทว่าเขาก็ไม่อาจกลืนคำพูดที่พูดออกไปแล้วได้ ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจสู้ "ดีมาก" นักดาบปีศาจมองสภาพแวดล้อมโดยรอบ เขาจำได้ว่ามีทุ่งกว้างทุ่งหนึ่งอยู่ถัดไปจากบ่อน้ำตรงแถวเนินเขา เขาชี้ไปทางนั้นและถาม "เราไปสู้กันตรงทุ่งกว้างแถวนั้นดีไหม?" จะยังไงมันก็เป็นการPVPครั้งแรกของเขาในเกมพาราเรลเวิร์ล ดังนั้นเขาจึงอยากแสดงความสามารถของเขาอย่างเต็มที่ในพื้นที่เปิดโล่ง
ส่วนกู่เฟยเขายังไงก็ได้ เขาเพียงแค่พยักหน้าและเดินไปทางนั้นทันที
Fireballรีบตามไปและกระซิบกับกู่เฟย "นายเสียสติไปแล้วเหรอ? นายยอมรับการPVPทั้งๆที่ยังไม่รู้เลเวลของเขาด้วยซ้ำเนี่ยนะ?"
"การสู้คือการสู้ ไม่มีอะไรมากหรือน้อยไปกว่านั้น" กู่เฟยหัวเราะ
กู่เฟยและนักดาบปีศาจยืนมองหน้ากันในทุ่งโล่งกว้างข้างบ่อน้ำ สมาชิกกิลด์ของนักดาบปีศาจต่างยืนอยู่ด้านหลังเขาด้วยความรู้สึกเป็นกังวล จริงอยู่ที่พวกเขาทุกคนเชื่อในตัวนักดาบปีศาจ ซึ่งนั่นเป็นเหตุผลที่ทุกคนติดตามเขา แต่นักดาบปีศาจจะยังเป็นอัจฉริยะอย่างเก่าหรือไม่? การต่อสู้ในครั้งนี้อาจมีคำตอบสำหรับปัญหาที่ค้างคาอยู่ในใจของทุกคน
Fireballที่ยืนอยู่ข้างหลังกู่เฟยจมอยู่กับความคิดของตน เขากำลังตรวจสอบขนาดและความลึกของบ่อน้ำอย่างละเอียด เขาพยายามมองหาโขดหินที่สามารถช่วยเขาให้พ้นจากการจมน้ำได้หากเขาถูกโยนลงไป เขารู้สึกว่ากู่เฟยไม่มีหวังในการชนะ เป็นกังฟูแล้วไง? นั่นคือนักดาบปีศาจ เกมเมอร์อันดับต้นๆของโลก ไม่เคยมีเกมออนไลน์ไหนที่เขาก้าวขึ้นไปแล้วเขาไม่ชนะ อาณาจักรเวทมนตร์เหรอ? นั่นเป็นแค่หนึ่งในเกมที่เขาเจิดจรัสเท่านั้น
"เริ่มได้เลย!" กู่เฟยกล่าวพลางยกชุดคลุมจอมเวทย์ของเขาขึ้นแล้วดึงมีดออกมาเล่มหนึ่ง
มีด? นักดาบปีศาจถึงกับงง ยังไงคนๆนี้ก็เป็นจอมเวทย์ชัดๆ!
มีไม่กี่สกิลในเกมที่สามารถใช้ได้ทุกอาชีพ และการเรียนพวกมันจะต้องมีเลเวลตามที่สกิลกำหนดไว้ สกิลประเมินเป็นหนึ่งในนั้น สกิลนี้ไม่ได้ใช้ตรวจสอบอุปกรณ์สวมใส่ได้เพียงอย่างเดียว แต่อาชีพและเลเวลของผู้เล่นหรือมอนสเตอร์ก็สามารถตรวจสอบได้เช่นกัน
เนื่องจากประสบการณ์การเล่นเกมที่โชกโชน นักดาบปีศาจจึงเรียนสกิลนี้ทันทีที่เขาสามารถทำได้ เขาได้ประเมินกู่เฟยกับFireballตั้งแต่ตอนที่เจอกันแล้ว พวกเขาทั้งสองเป็นจอมเวทย์เลเวล1กับเลเวล10อย่างแน่นอน ทว่าระดับความชำนาญสกิลของนักดาบปีศาจยังไม่สูงพอที่จะตรวจสอบอุปกรณ์สวมใส่ได้ ด้วยเหตุนั้นเขาจึงค่อนข้างตกใจเมื่อกู่เฟยดึงมีดออกมา
ก็แค่ลูกเจี๊ยบ นักดาบปีศาจส่ายหัวและรู้สึกค่อนข้างผิดหวัง คู่ต่อสู้ในการต่อสู้ครั้งแรกของเขากลับเป็นจอมเวทย์ที่ใช้มีดเป็นอาวุธ การต่อสู้นี้แทบไม่มีอะไรสูสีกันเลย
นักดาบปีศาจย่อมดึงอาวุธของเขาออกมาจากเอวเช่นกัน อาวุธของเขาคือกริช ทว่าอาชีพของนักดาบปีศาจคือโจร กริชคืออาวุธคู่กายของเขา
"เข้ามา!" นักดาบปีศาจรู้สึกว่ามันจะเป็นการเอาเปรียบเกินไปหากเขาไปชิงโจมตีศัตรูที่เลเวลต่ำกว่าก่อน
"ระวังตัวด้วย!" กู่เฟยถือมีดกลับหัวและประสานมือโค้งตัวไปทางนักดาบปีศาจ นักดาบปีศาจตกตะลึงกับท่าเคารพของกู่เฟย และในขณะที่เขาตกตะลึงนั้นเองกู่เฟยก็พุ่งตัวและแทงมีดออกมา!
เร็วมาก! นับดาบปีศาจตกใจ ด้วยความเข้าใจในตัวเกม นักดาบปีศาจจึงบอกได้ทันทีว่ากู่เฟยเอาแต้มสถานะทั้งหมดไปลงกับความว่องไว จอมเวทย์กับความว่องไว - เมื่อนึกย้อนกลับไปถึงประสบการณ์การเล่นเกมออนไลน์ครั้งก่อนของเขา มันก็พอมีจอมเวทย์ที่เอาค่าสถานะไปลงกับความว่องไวอย่างเดียวอยู่บ้าง แต่กว่าผู้เล่นเหล่านั้นจะมีอัตราหลบที่สูงพอก็ต้องพึ่งอุปกรณ์สวมใส่ระดับสูงและอุปกรณ์สวมใส่พิเศษจำนวนมาก อาจกล่าวได้ว่าผลลัพธ์ของการอัพสเตตัสเช่นนี้กว่าจะปรากฏผลก็ตอนช่วงท้ายของเกมแล้วเท่านั้น
นอกจากนี้ผู้เล่นที่ทำแบบนั้นก็ต้องรู้อัลกอริธึมของเกมอย่างสมบูรณ์ก่อน ทว่าพาราเรลเวิร์ลเป็นเกมใหม่ดังนั้นเรื่องพวกนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ ผู้เล่นทุกคนถูกจำกัดให้มีไอดีได้เพียงคนละหนึ่งบัญชีเท่านั้น ดังนั้นหากอัพสเตตัสผิดตัวละครนั้นก็จะพินาศทันที ด้วยเหตุนั้นนักดาบปีศาจจึงใช้แต้มสถานะของเลเวล1ถึง10เท่านั้นแม้เขาจะมีเลเวล25ก็ตาม เขาไม่สามารถเสี่ยงใช้แต้มสเตตัสอย่างเปล่าประโชยน์ก่อนที่เขาจะรู้แนวทางการเล่นของเขาในเกมนี้ได้
ในสายตาของนักดาบปีศาจ จอมเวทย์ที่อัพแต่ความว่องไวจนเต็มคือคนประมาท
ก่อนที่เขาจะแทงโดนกู่เฟยเห็นนักดาบปีศาจเคลื่อนไหวดังนั้นเขาจึงขยับมือตาม ปฏิกิริยาของกู่เฟยนั้นเร็วจนน่าเหลือเชื่อ
ทว่าชื่อเสียงของนักดาบปีศาจไม่ได้มีไว้โชว์ เขาก้มตัวหลบมีดที่กวาดตามมาอย่างชำนาญ อย่างไรก็ตามการโจมตีของกู่เฟยไม่ได้มีแค่นั้น กู่เฟยใช้โอกาสที่โจมตีพลาดบิดตัวหันหลังแล้วแทงมีดจากใต้รักแร้ของเขาใส่นักดาบปีศาจอีกครั้ง
ในตอนนั้นนักดาบปีศาจยังอยู่ในท่าก้มตัวหลบการโจมตีครั้งที่สองของกู่เฟย ดังนั้นการโจมตีครั้งที่สามนี้จึงแทงเข้าใส่หัวของนักดาบปีศาจทันที เมื่อรู้ว่าหลบไม่ทันแล้วนักดาบปีศาจจึงยกมือของเขาขึ้นมาป้องกันทำให้กริชของเขากระแทกกับมีดของกู่เฟยด้วยเสียงดังลั่น นักดาบปีศาจสบโอกาสใช้แรงจากการกระแทกนั้นถอยห่างจากกู่เฟย
พวกเขาทั้งคู่ต่างตื่นตระหนก
กู่เฟยไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะหลบการโจมตีทั้งสามได้ ท่วงท่าเหล่านี้ไม่ใช่การเคลื่อนไหวธรรมดา
ทาซุย- เหลียวเหว่ย - เยฉะ.
ทักษะการใช้มีดนี้ถูกฝึกฝนและตกผลึกโดยกู่เฟยผ่านการพยายามอย่างหนัก พวกมันแต่ละท่าล้วนคร่าชีวิตได้ แน่นอนว่าเขาใช้เพราะนี่เป็นโลกของเกมเท่านั้น หากเป็นในโลกความเป็นจริง กู่เฟยคงไม่ใช้การเคลื่อนไหวทั้งสามนี้ง่ายๆ เพราะพลาดนิดเดียวอาจถึงตายได้
กู่เฟยคิดว่าการโจมตีของเขานั้นไร้ที่ติดังนั้นเขาจึงไม่คิดว่ามันจะล้มเหลว เห็นได้ชัดว่าคนที่อยู่ตรงหน้าของเขาไม่เคยเรียนศิลปะการต่อสู้มาก่อน แต่การตอบสนองของเขาค่อนข้างเร็ว นอกเหนือจากนั้นเขายังจัดสรรสเตตัสโดยเน้นไปที่ความเร็ว นี่คือประเด็นที่สำคัญ ซ้ำร้ายเนื่องจากลักษณะพิเศษของอาชีพของเขา เขาจึงย่อมเคลื่อนไหวได้ดีกว่าในความเร็วที่เท่ากัน กู่เฟยตระหนักถึงอีกปัญหานึงได้เพราะเขา - ผู้ฝึกกังฟูอย่างเขาคงรวดเร็วเหนือใครในชีวิตจริง แต่ทุกคนที่นี่สามารถมีความเร็วเท่าเขาได้ตราบเท่าที่แต้มสถานะของพวกเขามากพอ
กู่เฟยไม่คิดเลยว่าเขาจะได้เจอกับสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในชีวิตในเกมนี้อีกครั้ง เขารู้สึกยินดีทีเดียว
*อย่าลอกไปแทงใครนะครับ 55
- - - - -