บทที่ 44 พันธสัญญาร่วมชะตา (4)
บทที่ 44 พันธสัญญาร่วมชะตา (4)
“เจ้าเป็นใคร?” การ์เน็ตตะโกนร้องอย่างหวาดผวา เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าคนข้างหลังอาจเอาชีวิตเขาเมื่อไหร่ก็ได้
“ที่นี่คือโรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลาน เหมือนกับเจ้า ข้าก็เป็นนักเรียนที่นี่ พวกเจ้าคิดจะรังแกเพื่อนร่วมห้องของข้า ก็น่าจะถามข้าก่อนสักหน่อยว่าเห็นด้วยหรือเปล่า” นักเรียนตัวผอมบางคนนี้ไม่ใช่ใครที่ไหน ชูร่าเพื่อนร่วมห้องของเย่อินจู๋นั่นเอง
เหงื่อเย็นรินไหลลงจากหน้าผากของการ์เน็ต เขาเดาออกแล้วว่าคนข้างหลังต้องเป็นเอกลอบสังหารแน่นอน ทางฝั่งคณะนักรบ ไม่ว่าเป็นนักรบที่แข็งแกร่งแค่ไหนก็ไม่ยินดีจะเป็นศัตรูกับเอกลอบสังหาร มือลอบสังหารมีอยู่ทุกหนแห่ง ใครๆ ก็ไม่หวังให้มือลอบสังหารเพ่งเล็งตัวเอง การ์เน็ตมั่นใจในความสามารถของตัวเองมาโดยตลอด แต่ตอนนี้กลับถูกชูร่าเล่นงานทันทีที่แตะถึงตัวโดยคาดเดาไม่ได้แม้แต่น้อย เห็นได้ว่ามือลอบสังหารข้างหลังไม่ใช่คนที่เขาจะรับมือได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นในโรงเรียนก็ไม่มีใครกังขาความโหดเหี้ยมอำมหิตของมือลอบสังหาร บทเรียนแรกของเอกลอบสังหารคือการเผชิญหน้าศัตรู ไม่ว่าอยู่ที่ไหนก็ต้องฆ่าภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นให้ตายตั้งแต่อยู่ในเปล ดังนั้นในโรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลานจึงมีประโยคแบบนี้กล่าวขานสืบต่อกันมาว่า ‘ยอมแหย่อาจารย์ดีกว่าแหย่นักเรียนคนไหนก็ตามในเอกลอบสังหาร’
“พี่...พี่ใหญ่ครับ ข้าสำนึกผิดแล้ว ไม่รู้ว่าเย่อินจู๋เป็นเพื่อนร่วมห้องของพี่ ปล่อยข้าไปเถอะ พวกเราจะไปเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงของการ์เน็ตสั่นเครือเล็กน้อย เพราะใบมีดดำบนลำคอดูเหมือนว่ากำลังเสียดสีผิวหนังของเขา
“คราวหน้าถ้าเห็นหน้าเจ้า ข้าจะไม่พูดอีก” น้ำเสียงนุ่มนวลของชูร่าพลันเยือกเย็นขึ้นมาทันใด มือสังหารที่ไม่พูดหมายความว่าอะไร? มันคือความพินาศ
ใบมีดสีดำหายวับไปอย่างไร้สุ้มเสียงประหนึ่งแสดงมายากล ภายใต้สายตาของเพื่อนหกคนของการ์เน็ต ร่างของชูร่าโยกเพียงเบาๆ แต่กลับอันตรธานหายไปจากที่เดิมทั้งอย่างนั้น อำพรางตัว มีเพียงมือลอบสังหารระดับสูงเท่านั้นถึงจะเชี่ยวชาญทักษะอำพรางตัว
ความหวาดกลัวอย่างสุดซึ้งแล่นเข้าสู่หัวใจของทั้งเจ็ดคน การ์เน็ตเหลือบมองเย่อินจู๋แวบหนึ่ง ถึงขนาดแม้กระทั่งคำพูดตามมารยาทก็ยังไม่กล้าพูด ก่อนพาเหล่าผองเพื่อนวิ่งหนีกันฝุ่นตลบ
เย่อินจู๋ขยับสายตามองไปยังทางซ้ายของตัวเอง ร่างผอมบางปรากฏขึ้นข้างกายเขาอย่างเงียบเชียบ ชูร่านั่นเอง
“ชูร่า ขอบใจนะ” เย่อินจู๋คลี่ยิ้มบางๆ
ชูร่ามองเย่อินจู๋อย่างประหลาดใจเล็กน้อย เพราะชั่วพริบตาก่อนที่เขาจะปรากฏตัว เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าคลื่นพลังจิตไร้รูปร่างกลับตรึงร่างของตัวเองไว้
“ต่อให้ข้าไม่ลงมือ เชื่อว่าเจ้าก็คงจัดการได้ แต่ขู่พวกมันไว้ดีกว่า เจ้าการ์เน็ตนั่นเป็นดาวเด่นของเอกดาบหนักปีสอง ทักษะต่อสู้ดีมากทีเดียว คราวนี้คิดว่าพวกมันคงไม่กล้ามาหาเรื่องเจ้าแล้ว” ชูร่าหัวเราะขำ ตอนนี้ไม่ว่าแววตานิ่งสนิทหรือจิตสังหารอันน่าสะพรึงของเขาล้วนอันตราธานหายไปนานแล้ว
การแสดงออกของชูร่าเมื่อสักครู่สร้างความรู้สึกแปลกใหม่ให้แก่เขา ตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ว่าเพื่อนร่วมห้องของตัวเองกลับแข็งแกร่งขนาดนี้
“ยินดีด้วย อินจู๋”
“ยินดี? อ้อ เจ้าพูดถึงการประลองของพวกเรากับเอกวารีวันนี้เหรอ?”
ชูร่าชูนิ้วหัวแม่มือขึ้นพลางกล่าวว่า “ไม่นึกเลยจริงๆ ว่าเอกเทวคีตของพวกเจ้าจะมีวันลืมตาอ้าปากกับเขาด้วย ไปเถอะ พวกเรากลับหอกัน เย็นนี้อยากกินอะไรดี? ข้าจะทำให้เจ้า”
เย่อินจู๋ยิ้มกว้างแล้วกล่าวว่า “เจ้านี่เป็นพ่อบ้านดีเด่นสมชื่อจริงๆ สี่สิบเหรียญทองช่างคุ้มค่ามากทีเดียว ไม่ใช่แค่ไม่ต้องเก็บกวาดห้อง ยังมีข้าวกินอีก เจ้าถึงกับคอยเป็นผู้พิทักษ์ให้โดยไม่คิดเงินด้วย”
ชูร่าหัวเราะหึๆ แล้วเอ่ยว่า “ถ้าเจ้าคิดว่าของดีราคาถูกล่ะก็ ขึ้นค่าจ้างให้ข้าข้าก็ไม่คัดค้านนะ” ระหว่างที่พูด นิ้วหัวแม่มือ นิ้วชี้ และนิ้วกลางข้างขวาก็ถูเข้าด้วยกัน ท่าทางดูน่าเกลียดเล็กน้อย เขาในตอนนี้ ใครๆ ก็ไม่สามารถเอามาพูดเปรียบเทียบกับมือลอบสังหารผู้เหี้ยมโหดเมื่อครู่นี้ได้
หอพักยังคงเล็กอย่างนั้นเหมือนเดิม แต่ที่นี่กลับกลายเป็นบ้านของชูร่าและเย่อินจู๋ คฤหาสน์หรูหราใหญ่โตไม่แน่ว่าจะสบาย แม้หอพักจะเล็ก แต่กลับสะอาดสะอ้าน ทุกวันตอนที่เย่อินจู๋กลับมาถึงที่นี่ก็มักจะเกิดความรู้สึกอบอุ่น ตั้งแต่มาถึงโรงเรียนอัศวินเวทมนตร์มิลาน อาจารย์ที่สร้างความประทับใจให้เขาอย่างลึกซึ้งที่สุดย่อมเป็นนีนา ส่วนนักเรียนที่สร้างความประทับใจให้เขาอย่างลึกซึ้งที่สุดกลับไม่ใช่ไห่หยางหรือสาวสวยพวกนั้นในเอกเทวคีต แต่เป็นชูร่าเพื่อนร่วมห้องของเขา
ชูร่าเก่งกาจสุดยอด ทุกอย่างในหอพักเขามักจะจัดการอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย เย่อินจู๋ไม่เห็นกระทั่งว่าเขาเก็บกวาดตอนไหน แต่กลับแทบไม่เจอเศษฝุ่นในหอพักเลย วันนี้ยังได้รู้จักความสามารถในฐานะมือลอบสังหารของชูร่าด้วย จึงอดทำให้เขาประหลาดใจมากไม่ได้ ดูท่าในตัวทุกคนต่างก็มีความลับเป็นของตัวเอง แต่ความลับของชูร่ากลับมากเป็นพิเศษ
บางทีแม้กระทั่งการ์เน็ตที่ถูกจู่โจมก็อาจไม่รู้ว่าชูร่ามีความสามารถระดับไหน แต่เย่อินจู๋กลับรู้ดี มือลอบสังหารจะไม่ปล่อยพลังยุทธ์ของตัวเองออกมาโดยง่าย ไม่ยอมให้คู่ต่อสู้รู้ความสามารถของตัวเองอย่างปรุโปร่ง อันเป็นหน้าที่สำคัญอันดับหนึ่งของมือลอบสังหาร แต่พลังจิตเย่อินจู๋แข็งแกร่งกว่าคนวัยเดียวกันมาก ในขณะที่ชูร่าปล่อยการ์เน็ตแล้วอำพรางตัว เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าปราณพลังยุทธ์ที่ปล่อยออกมาจากตัวชูร่ากลับแตกต่างจากตัวเองไม่มาก นี่หมายความว่าอย่างน้อยชูร่าก็มีพลังยุทธ์ระดับเขียวขั้นกลาง ในบรรดาคนวัยเดียวกัน นี่แทบจะเป็นเรื่องที่จินตนาการได้ยาก ควรรู้ไว้ว่าต่อให้เป็นเย่อินจู๋ก็ต้องผ่านการเคี่ยวกรำฝึกฝนโดยจิตใจไม่วอกแวกเป็นสิบกว่าปีจึงจะสามารถเลื่อนขั้นพลังยุทธ์มาถึงระดับนี้ได้! ถึงขนาดไม่จำเป็นต้องไถ่ถาม อินจู๋ก็เดาออกว่าชูร่าต้องเป็นยอดฝีมือในหมู่นักเรียนใหม่เอกลอบสังหารรุ่นนี้อย่างแน่นอน
“กินข้าวได้แล้ว คิดอะไรอยู่น่ะ?” ชูร่าที่กลับสู่สภาพปกติยังคงดูหน้าตามีความสุขไร้ทุกข์ไร้กังวล ก่อนจะล้วงถุงเงินออกมาจากอกเพื่อคิดคำนวณค่าอาหาร
อาหารกลางวันของทั้งคู่อุดมสมบูรณ์กว่าสองวันก่อนมาก อาหารจานเนื้อกับอาหารจานผัก แถมยังมีหมั่นโถวอีกสี่ลูก ถึงขนาดมีแกงจืดผักกาดขาวถ้วยเล็กๆ ด้วย
“ว้าว ชูร่า วันนี้วันดีอะไร ของน่ากินถึงเยอะขนาดนี้?” อินจู๋กล่าวอย่างประหลาดใจ
ชูร่ายิ้มพลางกล่าวว่า “วันนี้เอกเทวคีตของพวกเจ้าชนะไม่ใช่เหรอ ถือเป็นการฉลองให้เจ้าแล้วกัน พวกเราอยู่ในช่วงกำลังโต ทุกเดือนต้องกินเนื้อบ้าง ตอนบ่ายพวกเจ้ายังมีการประลองอีกสนาม รีบกินเข้า ตอนบ่ายข้าไม่มีธุระ กินข้าวเสร็จข้าจะไปให้กำลังใจเจ้าที่สนามประลองกับเจ้าด้วย”
“ขอบใจนะ ชูร่า” จู่ๆ เย่อินจู๋ก็รู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างมาจุกอยู่ที่คอตัวเอง
ชูร่าก้มหน้า ดวงตาฉายแววผิดแปลกไป ปากเอ่ยออกมาว่า “ไม่ต้องขอบใจ ถ้าเจ้าอยากขอบใจข้าจริงๆ ก็พยายามต่อไปเถอะ ถ้าเจ้าเอาอันดับไปรับเงินรางวัลได้สักหน่อย ต่อไปชีวิตพวกเราก็คงดีขึ้นเยอะเลย”
“แน่นอน” เพื่อศักดิ์ศรีของตัวเอง และเพื่อชูร่า เย่อินจู๋ยืนยันเป้าหมายของตัวเองได้อย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก นั่นก็คือผู้ชนะเลิศคนสุดท้ายในศึกประลองนักเรียนใหม่
กินอาหารกลางวันอย่างตายอดตายอยากกันจนเสร็จ ชูร่าก็กลับไปยังเอกเทวคีตพร้อมกับเย่อินจู๋ ตอนนี้เหล่าสาวงามทุกคนของเอกเทวคีตล้วนอยู่ที่นี่ อาจเป็นเพราะเหตุผลที่ได้รับชัยชนะจากการต่อสู้กับเอกวารี ภายในเอกเทวคีตตอนนี้จึงเต็มไปด้วยบรรยากาศชื่นมื่น
“อินจู๋ เจ้ามาสักที การประลองจบแล้วเจ้าไปทำอะไรมาน่ะ?” เชอรีนตาแหลม พอเย่อินจู๋เข้ามาในห้องเรียนเธอก็มองเห็นทันที
อินจู๋ยังจำจูบกะทันหันขณะตื่นเต้นของเชอรีนในวันนี้ได้ พอเห็นเธอจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระอักกระอ่วน ใบหน้าหล่อแดงซ่านก่อนเอ่ยว่า “เชอรีน ข้ากลับไปกินข้าวน่ะ เอ้อ ข้าขอแนะนำพวกเจ้าสักหน่อย คนนี้คือเพื่อนร่วมห้องของข้า ชูร่าเอกลอบสังหาร”
ชูร่ากับฟิซเชลลาเป็นคนละพวกกันอย่างแน่นอน เมื่อฟิซเชลลาเห็นสาวสวยลูกตาก็แทบจะถลนออกจากเบ้า แต่ปฏิกิริยาของชูร่ากลับธรรมดามาก แม้กระทั่งรอยยิ้มบนใบหน้าก็ยังเจื่อนลงไป เพียงแค่พยักหน้าเบาๆ และทักทายเชอรีนเท่านั้น
……………………………………….