บทที่ 44 ฆาตกรรมในคืนเดือนมืด
บทที่ 44 ฆาตกรรมในคืนเดือนมืด
คืนนี้หลิงม่ออารมณ์ดีทีเดียว!
เขาถึงกับเปิดกระป๋องเบียร์ดื่มฉลองให้กับตัวเอง ซึ่งเบียร์กระป๋องนี้หลิวอวี่หาวเป็นคนยัดใส่มือเขาเอง
ส่วนบริเวณข้างหน้าของเขานั้นมีเย่เลี่ยนและซย่าน่าซอมบี้กลายพันธุ์สาวสองตัวนั่งอยู่ ในความคิดของหลิงม่อ ซย่าน่าน่าจะนับได้ว่าเป็นซอมบี้กลายพันธุ์ไปแล้ว แถมยังดูเหมือนว่ากำลังอยู่ในระหว่างการวิวัฒนาการบางอย่างด้วย เพียงแต่การวิวัฒนาการของเธอและเย่เลี่ยนนั้นไปในคนละทิศทางกันโดยสิ้นเชิง
ตัวเย่เลี่ยนนั้นมีกำลังความสามารถที่แข็งแกร่ง ในระหว่างการวิวัฒนาการของเธอ แม้ว่าสติสัมปชัญญะจะฟื้นคืนกลับมาอย่างเชื่องช้า แต่ทุกครั้งที่เกิดวิวัฒนาการความแข็งแกร่งทางร่างกายกลับแสดงผลลัพธ์ได้อย่างชัดเจน
แต่ซย่าน่ากลับแตกต่างออกไป เธอติดเชื้อเป็นทอดที่สอง แล้วในระหว่างการกลายร่างเธอก็ไม่ได้ตกอยู่ในอำนาจของมันโดยสิ้นเชิง เชื้อไวรัสที่เธอรับเข้าสู่ร่างกายอย่างต่อเนื่องไม่หยุด ไม่เพียงจะไม่ได้ทำให้เธอกลายเป็นซอมบี้ตั้งแต่หัวจดเท้า แต่กลับทำให้เธอค่อยๆ กลับมาเป็นคนปกติด้วยซ้ำ ตราบใดที่เธอไม่ได้รู้สึกถึงอันตรายหรือตัวเธอไม่ได้เกิดความปรารถนาที่จะโจมตีอย่างรุนแรง ซย่าน่าก็เหมือนกับคนปกติทั่วไป เพียงแต่สมองนั้น...ใช้การได้ไม่ค่อยดีสักเท่าไร
แต่ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อสัญชาตญาณซอมบี้ของเธอตื่นขึ้น เธอก็จะต่อสู้ฟาดฟันอย่างบ้าคลั่งเหมือนกับซอมบี้ตัวหนึ่ง อีกทั้งยังไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยอีกด้วย
แม้ว่าภายนอกพวกเธอจะดูเป็นสาวสวยหยาดเยิ้ม แต่มีเพียงหลิงม่อเท่านั้นที่รู้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเย่เลี่ยนหรือซย่าน่า ทั้งคู่ต่างก็ล้วนเป็นอาวุธสังหารในคราบมนุษย์ที่แสนจะน่ากลัว
ความปรารถนาของหลิงม่อก็คือสามารถทำให้อาวุธทั้งสองนี้ค่อยๆ ฟื้นคืนสติสัมปชัญญะของมนุษย์กลับคืนมาได้ แล้วหากพวกเธอกลับมาเป็นเหมือนคนปกติได้ก็จะดีมากเลย...ทั้งอาการ “สติแตก” ของซย่าน่าและการเปลี่ยนแปลงทีละน้อยๆ ของเย่เลี่ยนล้วนทำให้หลิงม่อมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้น
ไม่ต้องเผชิญหน้ากับสายตาที่เย็นชาไร้ความรู้สึกของเย่เลี่ยนอีกต่อไป ส่วนซย่าน่าก็พูดได้บ้างเป็นครั้งคราว แบบนี้จะไม่ให้หลิงม่อดีใจได้อย่างไรกันล่ะ
ยิ่งไปกว่านั้นความรวดเร็วว่องไวของเขาก็พัฒนาขึ้นมาก ถึงแม้พละกำลังจะไม่เพิ่มขึ้น แต่แค่มีสองขาที่วิ่งได้เวลาที่เผชิญหน้ากับซอมบี้ก็นับว่าใช้ได้แล้ว!
หลิงม่อดื่มเบียร์พลางหันไปเลิกม่านหน้าต่างมุมหนึ่งขึ้น แล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง
เงาดำที่ปรากฏขึ้นที่ลานกว้างอย่างไม่ขาดสายล้วนแล้วแต่เป็นซอมบี้ทั้งนั้น เมื่อเทียบกับคนธรรมดาแล้ว ตอนกลางคืนพวกมันได้เปรียบมากกว่า ดังนั้นในค่ำคืนเช่นนี้จึงไม่เห็นผู้รอดชีวิตคนไหนปรากฏตัวขึ้นที่ถนนเลย
เวลาที่ซอมบี้พวกนั้นไม่ได้โจมตี พวกมันก็จะเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า ส่วนร่างกายก็โงนเงนไปมาโดยที่ไม่รู้ตัว นอกเสียจากว่าจะถูกผู้รอดชีวิตดึงดูดไป ไม่อย่างนั้นซอมบี้ส่วนใหญ่ก็ไม่มีทางออกไปจากบริเวณนี้
อย่างไรก็ตามซอมบี้ก็หิวเป็นเหมือนกัน แม้ว่าการเผาผลาญพลังงานของพวกมันจะต่ำกว่าคนธรรมดามาก ทว่าเวลาที่กินอาหาร พวกมันเองก็ต้องการอาหารปริมาณมากเช่นกัน
ลานกว้างนี้มีลักษณะกว้างใหญ่และบริเวณรอบๆ ก็ไม่มีแหล่งอาหารอย่างพวกซุปเปอร์มาร์เกตเลย หลิงม่อจึงสรุปว่าที่นี่ไม่มีมนุษย์หรือก็คือเหยื่อของพวกมันปรากฏตัวมาหลายวันแล้ว
ส่วนคนที่กล้าหลบซ่อนตัวอยู่ในอาคารสองชั้นและเฝ้าสังเกตดูซอมบี้พวกนี้อยู่เงียบๆ อย่างหลิงม่อนั้นก็คงจะมีไม่มากเช่นกัน
แต่ไม่ใช่ว่าจู่ๆ หลิงม่อก็เกิดนึกสนุกอยากทำแบบนี้ขึ้นมา แต่เป็นเพราะเขาได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ บางอย่าง แล้วที่สำคัญที่สุดคือเสียงความเคลื่อนไหวนี้เป็นเสียงที่ดังลอยมาจากร้านค้าที่อยู่ชั้นล่างของอาคาร
หลิงม่อเห็นซอมบี้สาวตัวหนึ่งวิ่งพรวดออกมาจากร้านค้า ด้วยแสงจันทร์ทำให้หลิงม่อมองเห็นลางๆ ว่าเนื้อตัวของมันเต็มไปด้วยเลือด
“เอ๋...ซอมบี้อีกตัวถูกมันกินไปแล้วเหรอเนี่ย” จะว่าไปก็มีความเป็นไปได้สูง เพราะเสียงความเคลื่อนไหวเมื่อครู่นี้ก็ฟังดูเหมือนหมาป่าที่กำลังแทะกินกระดูกอยู่!
เป็นการฆาตกรรมในคืนเดือนมืดสินะ! ตอนกลางวันไม่ลงมือ แต่ต้องรอให้ถึงตอนดึกดื่นเที่ยงคืนที่แสงมัวสลัว...
นี่เป็นครั้งแรกเลยที่หลิงม่อเห็นซอมบี้ธรรมดาโจมตีพวกเดียวกัน เขาแค่เคยเห็นพวกมันกินซากของพวกเดียวกันเอง แต่ไม่เคยเห็นขั้นตอนแรกสู่การกลายเป็นซอมบี้กลายพันธุ์ของพวกมันเลย ซึ่งนั่นก็คือการโจมตีพวกเดียวกันเอง!
หลิงม่อรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที สองตาของเขาจับจ้องที่ซอมบี้สาววัยกลางคนตัวนั้นที่วิ่งพรวดออกมาจากร้านค้าอย่างไม่วางตา เขาอยากจะดูว่ามันจะทำอะไรต่อไป
หลังจากจัดการกับซอมบี้ตัวที่อยู่ข้างกายเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซอมบี้สาวตัวนี้ก็พุ่งตรงไปยังซอมบี้ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดตรงบริเวณลานกว้าง
อาจเป็นเพราะซอมบี้ตัวนั้นไม่ได้หิวโหยจนถึงขั้นที่ต้องโจมตีพวกเดียวกันเอง มันถึงได้ไร้ซึ่งการป้องกันตัวโดยสิ้นเชิง มันยังไม่ทันจะได้ต่อสู้ขัดขืนเลยแม้แต่นิดเดียว ก็ถูกซอมบี้สาวบิดคอขาดไปซะแล้ว จากนั้นซอมบี้สาวก็ก้มหน้าก้มตากัดแทะศีรษะนั้นอย่างบ้าคลั่ง แต่เนื่องจากบริเวณนั้นอยู่ไกลเกินไป หลิงม่อก็เลยไม่รู้ว่ามันได้ควักมันสมองของอีกฝ่ายออกมากินด้วยหรือเปล่า
มองดูซอมบี้กินเนื้อคน...แม้ว่าอีกฝ่ายที่ถูกกินก็เป็นซอมบี้เหมือนกัน แต่หลิงม่อก็ยังคงรู้สึกชาวูบที่หนังศีรษะอยู่ดี ถึงแม้ข้างกายเขาจะมีซอมบี้กลายพันธุ์ถึงสองตัว แต่พวกเธอก็ไม่ได้มีนิสัยการกินที่โหดเหี้ยมแบบนี้...
ซอมบี้พวกนี้ พูดตรงๆ ก็คือคนที่ติดเชื้อไวรัส พวกมันไม่เหมือนกับพวกซอมบี้ที่ตายแล้วฟื้นขึ้นมาใหม่อย่างในภาพยนตร์ แต่ด้วยความที่พวกมันโจมตีทำร้ายคน อีกทั้งยังมีนิสัยกัดกินคน ก็เลยไม่มีใครมองว่าพวกมันเป็นคนแล้ว
เดิมทีซอมบี้ที่อยู่บริเวณลานกว้างมีจำนวนไม่มาก แถมส่วนใหญ่ยังกระจุกตัวอยู่ที่อีกด้านหนึ่ง ซึ่งอยู่ค่อนข้างไกลจากตำแหน่งที่หลิงม่ออยู่ แต่แล้วอากัปกิริยาของซอมบี้สาวตัวนี้ก็ดึงดูดความสนใจของซอมบี้พวกนี้ทันที
เงาร่างที่ปราดเปรียวว่องไวนับสิบพุ่งกระโจนเข้าหาอย่างรวดเร็ว หากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง ใครจะไปเชื่อว่าเมื่อวินาทีก่อนพวกมันยังเดินโงนโงนไปมากันอยู่เลย
ซอมบี้พวกนี้ไม่ได้พุ่งเข้ามาโจมตีซอมบี้สาววัยกลางคน แต่พวกมันมาเพื่อกินอาหาร สำหรับพวกมันแล้ว ซากของพวกเดียวกันเองก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากมนุษย์ เวลาที่ซอมบี้จำนวนมากเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกัน มันก็มีบ้างที่ซอมบี้จะถูกซอมบี้กันเองฉีกทึ้งเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ หรือไม่ก็ชนเข้ากับสิ่งกีดขวางแล้วเกิดบาดแผล จากนั้นก็กลายเป็นจุดสนใจและถูกรุมทึ้งกิน
เป็นซอมบี้ก็ไม่ง่ายเหมือนกันแหะ...จู่ๆ หลิงม่อก็คิดขึ้นมา
อย่างไรก็ตามความได้เปรียบทางด้านจำนวนเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ถึงแม้จะมีซอมบี้ตายทุกวัน แล้วยังไงล่ะ จำนวนผู้รอดชีวิตลดลงฮวบฮาบเร็วกว่าซอมบี้เสียอีก!
เมื่อเห็นว่าซอมบี้ตัวอื่นจะเข้ามาช่วงชิงอาหาร ซอมบี้สาววัยกลางคนก็เผยด้านที่แสนจะโหดร้ายอำมหิตออกมาอีกครั้ง มันพุ่งเข้าใส่ซอมบี้ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดทันที แต่ที่หลิงม่อประหลาดใจก็คือครั้งนี้ซอมบี้สาวเจอกับการต่อต้าน!
ซอมบี้ตัวนี้เองก็คงใกล้จะบ้าคลั่งเต็มที หากตอนแรกให้มันได้กินอะไรสักนิดหน่อย มันก็คงเดินโงนเงนต่อไปอย่างว่าง่ายแล้ว แต่ซอมบี้สาววัยกลางคนกลับโจมตีมันเป็นตัวแรก
แรงกระตุ้นจากกลิ่นคาวเลือดและความหิวโหยขั้นรุนแรง ส่งผลให้ซอมบี้รูปร่างเล็กเตี้ยตัวนี้คลุ้มคลั่งขึ้นมาทันที
หลิงม่อเพิ่งจะเคยเห็นการต่อสู้ฆ่าฟันระหว่างซอมบี้ธรรมดาด้วยกันเองเป็นครั้งแรก เขาจึงเบิกตาโตเพราะกลัวว่าจะพลาดรายละเอียดอะไรไป
แต่ระหว่างที่พวกมันสองตัวกำลังสู้ฟัดกันนัวเนีย ซอมบี้อีกสิบกว่าตัวที่เหลือก็จัดการกินซากซอมบี้ตัวนั้นจนหมดเกลี้ยง ความรวดเร็วในการกินของพวกมันช่างน่าสะพรึงกลัวเสียจริงๆ...
แต่เห็นได้ชัดว่าซากซอมบี้แค่ตัวเดียวมันไม่พอกิน แล้วตอนนี้ซอมบี้สองตัวนั้นที่กำลังต่อสู้กันราวกับสัตว์ป่าต่างก็บาดเจ็บได้แผลไปทั่วตัว
เมื่อเห็นว่าซอมบี้พวกนั้นเบนความสนใจมาที่พวกมันสองตัว แม้แต่หลิงม่อที่มองดูอยู่ห่างๆ ก็ยังมองออกว่าจะต้องเกิดการรบราฆ่าฟันที่น่าสังเวชขึ้นที่ลานกว้างแห่งนี้เป็นแน่...
เมื่อเทียบกับคนธรรมดาแล้ว ซอมบี้นั้นดีกว่าทั้งในด้านความเร็ว ความแข็งแกร่งทางร่างกายและพละกำลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโจมตีที่บ้าระห่ำแบบไม่เสียดายชีวิตของพวกมัน ซึ่งคนปกติธรรมดาเห็นแล้วคงจะหวาดผวาไปตามๆ กัน
ตราบใดที่ยังมีลมหายใจอยู่ ซอมบี้พวกนี้ไม่มีทางล่าถอยเด็ดขาด แต่การต่อสู้ระหว่างพวกมันนั้นดูเหมือนการเข่นฆ่ากันเองในหมู่สัตว์ป่ามากกว่า
ซอมบี้สาววัยกลางคนตัวนั้นดูท่าทางจะกินไปเยอะสุด การแสดงออกของมันถึงได้คลุ้มคลั่งเป็นอย่างมาก หลิงม่อเห็นกับตาว่าในการตะลุมบอนซอมบี้สาวได้คว้าจับแขนของซอมบี้ตัวหนึ่งเอาไว้ จากนั้นก็ฉีกจนแขนขาดออกมา
พละกำลังช่างน่ากลัวเสียจริงๆ น้อยมากที่ซอมบี้ตัวเดียวโดดๆ จะทำแบบนี้ได้ ซึ่งนี่ก็เป็นเหตุผลที่ว่าทำไมซอมบี้มักจะใช้ปากกัด เมื่อเทียบกับกำลังมือแล้ว แรงกัดของพวกมันนั้นแข็งแกร่งกว่า
เลือดและเศษเนื้อหนังปลิวว่อนไปทั่วลานกว้างอยู่พักหนึ่ง พวกซอมบี้ต่างส่งเสียงคำรามแหบต่ำอยู่ในลำคอ คนอย่างเราๆ เห็นภาพนองเลือดนี้แค่แวบเดียวก็ชวนให้อาเจียนแล้ว
ถึงแม้หลิงม่อจะสนใจเรื่องวิวัฒนาการการกลายพันธุ์ของซอมบี้เป็นอย่างมาก แต่เขาก็ฝืนอยู่ได้แค่ครู่เดียว จากนั้นก็ทนดูไม่ได้อีกต่อไป แล้วเมื่อหันกลับมา เขากลับพบว่าซย่าน่ากำลังเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอลุกขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไร
สำหรับซย่าน่าที่ยังคงหลงเหลือสติสัมปชัญญะอยู่เล็กน้อย ภาพนี้จะส่งผลกระทบอะไรต่อเธอหรือเปล่านะ หลิงม่อครุ่นคิดด้วยความสนใจใคร่รู้
....................................................................................................................................................