บทที่ 30 - Cyclone
Chapter 30 - Cyclone
ในที่สุดกู่เฟยก็พบอุปสรรคแรกของเขาหลังจากที่เล่นเกมอย่างง่ายดายมานาน
การใช้กังฟูล้มนักรบหญิงตรงหน้าของเขาตอนนี้อาจพูดได้ง่ายกว่าทำ การป้องกันของนักรบหญิงนั้นเหมือนเกราะครึ่งล่างของหัวหน้าโจรภูเขาซูโตในตอนนั้น เธอไม่แม้แต่สะเทือนขณะที่กู่เฟยฟาดดาบใส่เธอ
ทั่วร่างของหญิงสาวถูกปิดด้วยเกราะและหมวกเหล็ก เห็นเพียงใบหน้าของเธอเท่านั้น กู่เฟยรู้สึกว่าการโจมตีใบหน้าของเธออาจเกินไปหน่อย เพราะพวกเขาแค่เข้าใจผิดกันเล็กน้อยเท่านั้น มันไม่ใช่ความขุ่นแค้นอะไร ก็แค่เรื่องความเข้าใจผิดที่เกิดจากถุงกระสอบถุงเดียว
ในโลกความเป็นจริง ไม่ว่าชุดเกราะจะทำออกมาได้ดีแค่ไหน มันก็ไม่สามารถป้องกันได้ทั่วร่างเพราะยังไงตรงข้อต่อของชุดก็ต้องมีจุดอ่อน พื้นที่ตรงส่วนนั้นของเกราจะมีความหนาน้อยมากเพื่อให้ผู้ใส่สามารถขยับตัวได้สะดวก แต่น่าเสียหาย ถึงเกมนี้ถูกทำขึ้นให้เหมือนจริงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มันก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้สมจริงทุกด้าน ผู้หญิงในชุดเกราะคนนี้เคลื่อนไหวได้ปราดเปรียวจนผิดปกติ และดาบของกู่เฟยกลับเด้งกลับมาอย่างแรงแม้ว่าเขาจะฟันมันเข้าใส่ตรงจุดข้อต่อของเกราะก็ตาม
กู่เฟยและหญิงสาวโจมตีใส่กันอีกสองสามรอบ หลังจากเขาพยายามฟันใส่ข้อมือขวา เข่าซ้าย และไหล่ซ้ายของเธอ เขาก็ได้ข้อสรุป: เกราะนี้ฟันไม่เข้า
การโจมตีที่ไร้ประโยชน์เหล่านี้ได้กลายเป็นความเป็นจริงที่ทำให้หญิงสาวเกิดความมั่นใจ เธอคลายความกังวลที่มีอยู่ก่อนหน้าเมื่อเห็นว่าการโจมตีของกู่เฟยนั้นไร้ผล เธอกวัดแกว่งขวานยักษ์อย่างดุร้าย ขณะที่เธอพุ่งเข้าใส่กู่เฟยราวกับลมหอบใหญ่
กู่เฟยไม่มีทางเลือกนอกจากต้องหลบการโจมตีที่เหมือนเขื่อนแตกนี้และพยายามคิดหาวิธีตอบโต้
ผู้ชมที่อยากรู้อยากเห็นจากข้างในโรงเตี๊ยมต่างอ้าปากค้างด้วยความอัศจรรย์ใจ
ทุกคนต่างคิดกับกู่เฟยแบบเดียวกัน: ลูกผู้ชาย
หากจอมเวทย์คนหนึ่งที่กล้าใช้ดาบปะทะกับนักรบซึ่งๆหน้าไม่ใช่ลูกผู้ชาย งั้นก็คงไม่มีใครอื่นเป็นลูกผู้ชายแล้วในที่นี้
ทว่าจอมเวทย์ชายคนนี้โง่เขลาไปหน่อย, ถึงอย่างไร การเผชิญหน้ากับจุดแข็งของศัตรูด้วยจุดอ่อนของตนก็ถือเป็นความโง่เขลา มิใช่หรือ?
ทุกคนต่างเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้น กู่เฟยไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้ด้วยดาบระดับทั่วไปและทำได้แค่ยื้อการต่อสู้ด้วยความคล่องแคล่วของเขาเท่านั้น เขาต้องหลบทุกการโจมตี แต่นักรบหญิงต้องทำแค่ยืนเป็นปราการเหล็กกล้าในขณะที่โจมตีไปเรื่อยๆ เธอไม่กระวนกระวายแม้แต่น้อยแม้การโจมตีของเธอจะไม่โดนเป้าหมายเลยก็ตาม
กู่เฟยไม่ยอมแพ้เช่นกัน เขาเน้นโจมตีไปที่ข้อต่อของชุดเกราะในขณะที่หลบหลีกไปด้วย แต่มันก็ยังไร้ประโยชน์หลังจากโจมตีข้อต่อเพิ่มไปอีกห้าถึงหกจุด
ดูเหมือนศึกนี้จะเป็นการแข่งความอดทน กู่เฟยวิเคราะห์ เขาอยากรู้นักว่าในพวกเขาใครจะเบื่อหน่ายก่อนกัน เพราะพวกเขาต่างไม่สามารถทำอะไรอีกฝ่ายได้
คำตอบนั้นปรากฏออกมาเร็วมาก ผู้ที่เบื่อหน่ายก่อนคือผู้ชมที่ดูอยู่....
เมื่อเห็นว่ากู่เฟยทำอะไรอีกฝ่ายด้วยการโจมตีทางกายภาพไม่ได้ ทุกคนจึงเริ่มสงสัยว่าทำไมเขาจึงไม่ใช้คาถาในระหว่างการต่อสู้เลย
"คาถา! คาถา!" ทุกคนเริ่มเชียร์หลังจากที่มีคนหนึ่งเริ่มพูดขึ้น
จอมเวทย์ทุกคนต่างรู้ตัวเองเมื่อต้องPVP แต่กู่เฟยจำเป็นต้องถูกคนอื่นเตือนในเรื่องเวทมนตร์ของเขา หัวใจของเขาเริ่มคิดว่ามีโอกาส มันไม่ใช่เรื่องผิดถ้าจะลองใช้เวทมนตร์เมื่อกังฟูของเขาไร้ผล ยังไงกู่เฟยก็ไม่ใช่คนดื้อดึงและไม่รู้จักยืดหยุ่น
เขาเคลื่อนที่ไปด้านหนึ่งเพื่อหลบเลี่ยงขวานที่แกว่งเข้ามา และยกดาบของเขาขึ้นแล้วตะโกนจนสุดปอด "บอลไฟ!"
"ฉันอยู่นี่!" มีคนใกล้ๆตอบเขามาคนหนึ่ง
"ไปให้พ้น!" กู่เฟยคำรามไปทางด้านของFireball ก่อนหันกลับมาและออกคำสั่งให้กับบอลไฟที่เขาเรียกมา "ยิง!"
บอลไฟพุ่งตรงเข้าใส่นักรบหญิง
เธอเหมือนจะผงะไปในตอนแรก แต่ต่อมาเธอแกว่งขวานใหญ่ของเธอเข้าฉีกบอลไฟลูกเล็กๆของกู่เฟยจนเป็นชิ้นๆ
บอลไฟระเบิดใกล้สันขวาน 'ทำความเสียหายได้ไหม?' กู่เฟยไม่แน่ใจเพราะเขาไม่สามารถจับสัมผัสที่มือได้เหมือนการโจมตีทางกายภาพ
"นายเป็นจอมเวทย์จริงเหรอ?" นักรบหญิงไม่ได้แกว่งขวานใหญ่ของเธอใส่กู่เฟยอีก หญิงสาววางขวานยักษ์ของเธอใกล้ปลายเท้าและประเมินกู่เฟย
'ผู้หญิงโง่งม! เพิ่งจะรู้ว่าฉันเป็นจอมเวทย์' กู่เฟยคิดกับตัวเอง
พูดกันตามตรง หากพวกเขาไม่รู้เกี่ยวกับตัวตนของกู่เฟยตั้งแต่แรก ก็คงไม่มีใครที่นี่คิดว่าเขาเป็นจอมเวทย์เมื่อตัดสินจากวิธีการต่อสู้ของเขาเมื่อครู่
นักรบหญิงตอนนี้ตระหนกเล็กน้อย คนตรงหน้าของเธอรวดเร็วมาก และเขาสามารถหลบการโจมตีทั้งหมดของเธอได้อย่างง่ายดาย หากเขารักษาระยะห่างและโจมตีด้วยเวทย์ตั้งแต่แรก เธอคงตายไปแล้ว
"ฉันไม่ต้องการให้นายออมมือให้!" หญิงสาวโพล่งคำที่อยู่ในใจของเธอออกมา
"ออมมือให้เธอ?" กู่เฟยไม่เข้าใจเรื่องที่เธอพูด
หรือฉันถูกเขาหลอกอีกแล้ว? ความโกรธของหญิงสาวซึ่งลดทอนไปครึ่งหนึ่งแล้วจากการต่อสู้ เพิ่มขึ้นเต็มทันทีเมื่อเธอนึกถึงเรื่องนี้
เธอใช้มือขวายกขวานยักษ์ที่พิงขาของเธออยู่ขึ้น และยกมือซ้ายขึ้นจับที่ด้ามขวาน
มันเป็นท่าที่หญิงสาวไม่เคยใช้มาก่อน! จนถึงตอนนี้ เธอกวัดแกว่งขวานยักษ์ของเธอด้วยมือข้างเดียวเท่านั้น กู่เฟยผู้มีประสบการณ์การต่อสู้ในโลกจริงสูง บอกได้ทันทีว่าสกิลที่ทรงพลังกำลังถูกใช้
เพื่อตอกย้ำความคิดนั้น ลมบ้าหมูลูกหนึ่งผุดขึ้นมาจากพื้นและโอบรอบหญิงสาวขณะที่เธอก้าวไปข้างหน้าด้วยขาซ้ายและหมุนร่างของเธอ
"อา! ไซโคลน!" มีคนตะโกนออกมาจากฝูงชน
สกิลของนักรบที่สามารถเรียนได้ตอนเลเวล30: ไซโคลน
มันเป็นการแกว่งอาวุธโจมตี360องศารอบทิศทาง ความเสียหายของสกิลจะขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของผู้ใช้ ในขณะที่ระยะเวลาของสกิลจะขึ้นอยู่กับค่าความโกรธของนักรบ ในทางทฤษฏี หากนักรบมีค่าความโกรธไม่จำกัด สกิลพิเศษนี้ก็สามารถใช้ได้ต่อไปได้เรื่อยๆอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ส่วนสำหรับค่าความโกรธ พวกมันเพิ่มขึ้นมากที่สุดในตอนที่นักรบถูกโจมตี และน้อยสุดในตอนที่นักรบโจมตีหรือสังหารศัตรู มันเป็นลักษณะพิเศษของอาชีพนักรบ
กู่เฟยฟันใส่หญิงสาวไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้ว ทว่าการโจมตีของกู่เฟยนั้นเพิ่มค่าความโกรธไม่มากนักเนื่องจากการโจมตีของเขาไม่สร้างความเสียหาย แต่ค่าความโกรธได้ถูกสะสมขึ้นช้าๆ จนตอนนี้แถบค่าความโกรธของหญิงสาวเพิ่มขึ้นจนเกือบเต็มแล้ว
ขณะที่เธอใช้สกิล ผู้ชมถูกบังคับให้ถอยไปสองสามก้าว มันราวกับว่าหญิงสาวได้หมุนตัวเองจนเกิดพายุขนาดใหญ่ขึ้นกลางลาน ขวานใหญ่ของเธอกลายเป็นริ้วสีดำและผสานตัวเองไปกับพายุ จากนั้นพายุก็เริ่มขยับมาในทิศทางของกู่เฟย
เร็วมาก!
ไม่มีใครคาดว่านักรบจะสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วขนาดนี้เมื่อเธอใช้สกิล
ยังไงอาชีพต่อสู้ระยะประชิดก็เจ๋งสุดจริงๆ! กู่เฟยยังมีอารมณ์เช่นนี้แม้ทุกคนจะส่งเสียงเตือนถึงภัยพิบัติที่กำลังใกล้เข้ามา
ไซโคลนของนักรบกระทั่งเคลื่อนที่ได้เร็วกว่ากู่เฟยแถมเธอยังปั่นเหมือนลมกรด มันเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบเลี่ยงการโจมตีนี้
กู่เฟยได้แต่ยกดาบขึ้นสกัดกั้นการโจมตี แต่กระนั้นการระบุเส้นทางลมภายในพายุก็ไม่ใช่เรื่องง่าย และการป้องกันตอนที่มันหมุนอยู่ยิ่งยากกว่า
แม้ว่ากู่เฟยจะใช้ทุกสกิลที่เขามี เขาก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ที่จะหยุดการโจมตีนี้เมื่อเห็นว่าไซโคลนของเธอหมุนด้วยพลังขนาดไหน อย่างไรก็ตาม การยอมแพ้ก่อนถึงที่สุดไม่ใช่สไตล์ของกู่เฟย
เสียงแตกดังขึ้นขณะที่ดาบระดับธรรมดาของกู่เฟยแตกออกเป็นสองส่วน เขาสูญเสียสมดุลขณะที่ลมกรรโชกพัดร่างของเขาขึ้นไปบนอากาศ
ชุดคลุมจอมเวทย์ระดับเริ่มต้นเป็นตัวบ่งบอกได้อย่างดีว่ากู่เฟยมีพลังป้องกันน้อยเพียงใด เขาคงกลายเป็นเศษฝุ่นไปแล้วถ้าเขาไม่ได้ใช้ดาบป้องกันพลังทำลายล้างเมื่อครู่ ทว่าความตายก็ไม่อาจหลีกหนี ขณะที่เขาเห็นว่าร่างกายของเขามีเลือดไหลซึมและHPลดลงด้วยความเร็วที่น่ากลัว
"ฉันหลบมันพลาด!" กู่เฟยรู้สึกหงุดหงิด ในช่วงสุดท้ายเขาฮึดเอาพลังทั้งหมดออกมาใช้ ตอนแรกเขาวางแผนที่จะยืมพลังหมุนของไซโคลนให้พัดเขาออกไปนอกระยะการโจมตี แต่ใครจะคิดว่าดาบของเขาจะดันหักซะก่อน? แทนที่จะได้หลบการโจมตีโดยการยืมพลังของพายุ ดาบของเขาจึงแตกเป็นเสี่ยงๆตามด้วยโดนขวานโจมตีอีกหลายครั้งก่อนลอยขึ้นฟ้าแทน ตัวเขาเพิ่งหนีความตายและประสบความสำเร็จในการยืดมันออกไป... ราวๆสองวินาที
"ฉันคงต้องหวังพึ่งปาฏิหาริย์อย่างเดียว" กู่เฟยยิ้มอย่างขมขื่น ทว่าก็มีปาฏิหาริย์เกิดขึ้นจริงๆ!
แสงสีขาวพลันปรากฏขึ้นรอบตัวกู่เฟย เขาคิดว่ามันเป็นแสงของความตาย แต่เลือดที่ลดลงเรื่อยๆของเขากลับหยุดลงและสามารถเห็นได้ว่ามันเริ่มเพิ่มขึ้นทีละน้อย
กู่เฟยที่ไม่เคยประสบกับมันมาก่อนไม่รูว่านี่เป็นสกิลพื้นฐานของอาชีพนักบวช: ฮีล
เมื่อกู่เฟยตกลงถึงพื้น เขามองไปรอบๆและพยายามจับภาพทั้งหมด เขาเห็นหญิงสาวนามหลัวหลัวมอบการรักษาให้กับเขาอย่างต่อเนือง อย่างไรก็ตาม กู่เฟยก็ยังไม่ปลอดภัย เลือดของเขายังลดลงเรื่อยๆ และมีเพียงสกิลรักษาขั้นสูงของนักบวชชื่อ 'เคิร์ส' เท่านั้นที่สามารถรักษาบาดแผลของเขาจนหายสนิทได้ น่าเสียดายที่ตอนนี้ที่นี่ไม่มีใครมีสกิลนั้น ทั้งหมดที่หลัวหลัวทำได้มีเพียงให้ฮีลให้กับกู่เฟยซ้ำๆเพื่อรักษาเลือดของเขาไว้เท่านั้น มันเป็นสงครามชักเย่อระหว่างสกิลรักษากับเลือดที่ลดลงเรื่อยๆ
แน่นอนว่านักรบหญิงไม่ยินดีกับการที่มีคนขัดระหว่างการต่อสู้ของเธอกับกู่เฟย แต่เมื่อเธอหันกลับไปมองและเห็นคนที่ใช้สกิลรักษา เธอก็ตกตะลึง "พี่หญิงหลัวหลัว"
หลัวหลัวพยักหน้าตอบรับขณะที่เธอเอื้อมมือลงไปในกระเป๋าเก็บของและดึงขวดยากับผ้าพันแผลออกมาจำนวนหนึ่ง เธอเอาไอเท็มพวกนั้นให้กับFireballที่ยืนงงอยู่และกล่าว "ไปรักษาเขา"
Fireballตั้งสติตัวเองอยู่พักหนึ่งและวิ่งไปหากู่เฟยหลังจากรับไอเท็มเหล่านั้นมา เขาก้มตัวลงไปหากู่เฟย
ฉันถูกช่วยไว้! กู่เฟยคิดกับตัวเอง เมื่อเขาเห็นไอเท็มในมือFireball และวิธีที่นักรบหญิงปฏิบัติต่อหลัวหลัว เขาก็เข้าใจทันทีว่าทั้งสองรู้จักกัน
อย่างไรก็ตาม Fireballเพียงถือเอาเท็มเหล่านั้นโดยไม่มีทีท่าว่าจะใช้ กู่เฟยมองเขาด้วยสีหน้างุนงง
"เร็วสิ! นายรออะไร?" หลัวหลัวที่อยู่อีกด้านก็ตื่นตระหนกเช่นกัน เธอใช้ฮีลเหมือนคนบ้าเพื่อรักษาเลือดของกู่เฟยซึ่งยังคงลดลงเรื่อย อาการบาดเจ็บของกู่เฟยนั้นค่อนข้างร้ายแรง หากเป็นเช่นนี้ต่อไป มานาของเธอก็จะหมดลงเช่นกัน แล้วเมื่อถึงตอนนั้น มันจะสายเกินไปที่จะรักษากู่เฟยแม้ว่าพวกเขาจะใช้ยาช่วยก็ตาม
Fireballแอบกระซิบข้างหูกู่เฟย "เพื่อนขี้เมา นายอยากหยุดเลือดด้วยการฝังเข็มก่อนไหม?"
กู่เฟยแทบสาปแช่งเขาอยู่แล้ว แต่เขาก็พยายามอดทนไม่ทำเช่นนั้น ฉันเป็นอาจารย์! กู่เฟยสงบสติอารมณ์และพูดกับFireballอย่างใจเย็น "นายอ่านนิยายจีนมากเกินไป"
"โอ้? นายไม่รู้วิธีฝังเข็มจริงเหรอ?" Fireballดูค่อนข้างตกใจ
"ยา!" กู่เฟยไม่สามารถทนได้อีกต่อไปและตะโกนใส่Fireball เลือดของเขาลดลงเร็วขึ้นเมื่อเขารู้สึกกระวนกระวายและยิ่งทำให้หลัวหลัวแทบคลั่ง
"ฉันจัดการเอง!" หญิงสาวนักรบเดินเข้าหาพวกเขา
"เธอจะทำอะไร?" Fireballกล่าวเหมือนผู้ผดุงความยุติธรรมขณะที่เขากันเธอไม่ให้เข้าใกล้กู่เฟย
"โอ้ เชี่ย! รักษาฉันสักที!" เสียงของกู่เฟยอ่อนแรงลงทุกวินาที