ตอนที่แล้วบทที่ 28 - Fireball joins a guild?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 30 - Cyclone

บทที่ 29 - Repeating Fireball


Chapter 29 - Repeating Fireball

ตั้งแต่บทนี้ผมจะเปลี่ยนจากใช้ชื่ออิงทั้งหมด เป็นใช้แค่เฉพาะชื่อในเกมที่มันแปลกๆและยาวๆนะครับ ส่วนพวกชื่อจีนหรือเกาหลี?พวกนี้จะใช้เป็นภาษาไทยนะครับ

LuoLuo = หลัวหลัว

July = จูลี่

LieLie = เหลยเหลย

Xiaoqi = เซี่ยวฉี

หลัวหลัวถือแก้วของเธอเดินมาทางโต๊ะของกู่เฟยและFireball

"จะเป็นไรไหมถ้าฉันจะขอนั่งด้วย?" หลัวหลัวกล่าวขณะที่เธอเอามือจับเก้ากี้ตัวหนึ่งที่ว่างอยู่

Fireballตื่นเต้นจนตัวลอย ทุกครั้งที่เขานั่งกับกู่เฟย พวกเขาจะเลือกโต๊ะที่มีสามถึงสี่ที่นั่ง โดยจะปล่อยให้หนึ่งหรือสองที่นั่งอยู่เพื่อสร้างโอกาสเช่นนี้้

กู่เฟยค่อนข้างประหลาดใจกับคำถามของเธอ ตอนแรกเขาคิดว่าหญิงสาวแค่มาทักทายพวกเขาตามมารยาทเท่านั้น แต่เธอกลับขอนั่งกับพวกเขาอย่างไม่คาดฝัน กู่เฟยไม่ใช่คนไร้ไมตรีดังนั้นเขาจึงพยักหน้า "ตามสบาย"

"ฉันชื่อRuthless Falling Flowers" หลัวหลัวแนะนำตัวเองเมื่อเธอนั่งลง

**** Ruthless Falling Flowers (การร่วงรวยอย่างทารุณแห่งมวลบุปผา) เธอปรากฏตัวครั้งแรกตอนที่25 ซึ่งเธอถูกเรียกว่า 'xiaoluo(เสี่ยวเหลา)' ชื่อเต็มของเธอคือ落花无情 (Ruthless Falling Flowers) แต่คนอื่นๆชอบเรียกเธอว่า落落 (หลัวหลัว ) หรือ 小落 (Xiaoluo)

"นั่นเป็นชื่อที่ดี" กู่เฟยเอ่ยปากชม

"นายชมคนอื่นด้วยประโยคนี้เสมอเหรอ?" หลัวหลัวหัวเราะกู่เฟย

กู่เฟยรู้สึกกระดากใจเมื่อเขานึกได้ว่าก่อนหน้านี้เขาเคยใช้ประโยคนี้หยอกล้อหญิงสาวจ้าวอารมณ์นามเหลยเหลยจนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟมาก่อน

"แล้วนายล่ะชื่ออะไร?" หลัวหลัวถามFireballด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน

Fireballจ้องมองเธออยู่พักหนึ่งก่อนเขาจะปิดหน้าและร้องสะอื้นอย่างหดหู่

"เขาเป็นอะไรล่ะนี่?" หลัวหลัวถามออกมาอย่างงุนงง

กู่เฟยใช้ความพยายามอย่างถึงที่สุดในการกลั้นเสียงหัวเราะของเขา "เขาชื่อว่า...." กู่เฟยกล่าวค้างไว้ ก่อนเอานิ้วมือของเขาจุ่มไวน์และเขียนชื่อของFireballลงบนโต๊ะ

"อ้อ Fireballนี่เอง" หลัวหลัวหัวเราะ

Fireball พลันตื่นตระหนก แต่หลัวหลัวเพียงหัวเราะเล็กน้อยและพูด "ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ใช่จอมเวทย์"

Fireballถอนหายใจอย่างโล่งอก เขามีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีและเริ่มสาธยายความลำบากต่างๆที่เขาต้องพบเจอเพราะชื่อของเขาให้หลัวหลัวฟัง วิธีการพูดของเขาเหมือนจะบอกว่าภาระจากชื่อของเขานั้นสาหัสสากรรจ์นัก จนทำให้เกิดเงามืดภายในจิตใจของเขา และเพียงแค่ได้รู้จักเธอเท่านั้นก็ราวกับว่าเงามืดนี้ค่อยๆจางหายไป

เมื่อเห็นว่าFireballไม่สนใจที่จะคุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องกิลด์อีกต่อไป กู่เฟยก็หัวเราะเบาๆขณะที่เขายืนขึ้นและกล่าว "ทั้งสองคนคุยกันไปนะ ฉันคงต้องขอตัวก่อน"

"โอเค! โชคดี!" Fireballขอบคุณกู่เฟยที่สร้างโอกาสให้เขาในใจ

"เดี๋ยวก่อน!" หลัวหลัวยืนขึ้นทันทีที่กู่เฟยกล่าวลา ทำให้Fireballรู้สึกราวกับว่าเขาได้ตกลงไปในชั้นน้ำแข็งลึกห้าเมตรทันที

กู่เฟยหันกลับมามองเธอ

"ฉันมีบางอย่างให้นาย" หลัวหลัว กล่าว

"คือ?"

หลัวหลัวหยิบตราสัญลักษณ์เล็กๆออกมาจากกระเป๋าของเธอ มันมีรูปร่างกลมและมีพื้นหลังสีขาว ภาพที่สลักอยู่ตรงกลางคล้ายกับสัญลักษณ์สีม่วงที่กู่เฟยเคยเห็นตรงหน้าร้านที่พวกเธอเคยเรียกเขาไปพบ

"มันคืออะไร?"

"ตราสัญลักษณ์ของกิลด์ ทุกคนในกิลด์จะได้รับคนละอัน" หลัวหลัว อธิบาย

"เอ๊ะ? เพื่อนขี้เมา นายเข้าร่วมกิลด์แล้วเหรอ? กิลด์อะไรน่ะ? ทำไมนายถึงไม่เคยพูดถึงเลย?" Fireballยิงคำถามออกมาเป็นชุด จนกู่เฟยไม่รู้จะพูดแทรกตรงไหนดี

"เรื่องนี้... จริงแล้วๆก็แค่เรื่องผิดพลาดนิดหน่อยน่ะ ฉันจะอยู่กิลด์นี้แค่สองสามวันเท่านั้นแหละ" กู่เฟยกล่าว

"นั่นไม่จริง" หลัวหลัวหัวเราะ "อันที่จริงแล้วเสี่ยวฉีไม่ได้เกลียดนาย บางทีเธออาจจะโน้มน้าวให้ผู้หญิงคนอื่นๆในกิลด์ยอมให้มีผู้ชายในกิลด์สักคนหนึ่ง"

"ผู้หญิง? ผู้ชาย?" Fireballพึมพำก่อนถามขึ้น "กิลด์ของนายชื่ออะไร?"

"มันเป็นกิลด์ที่นายคุยกับฉันเมื่อกี้นี้: กิลด์การกำเนิดใหม่แห่งแอเมทิสต์" กู่เฟยตอบออกมาอย่างรู้สึกผิด

ฉับพลันนั้นFireballลุกขึ้นยืนและจ้องมองหลัวหลัวกับกู่เฟยอย่างจริงจัง พลางกล่าวเสียงดัง "พี่หญิงเหลา ในเมื่อคุณยอมให้หนึ่ง งั้นสองก็ย่อมไม่ต่างกัน ผมกับเพื่อนขี้เมาเป็นเหมือนพี่น้องท้องเดียวกัน ผมเป็นเหมือนเงาของเขา เขาไปที่ไหนผมไปด้วย ไม่มีใครแยกเราสองพี่น้องจากกันได้"

กู่เฟยรู้สึกอับอายจนแทบแทรกแผ่นดินหนี เขาอยากป่าวประกาศจริงๆว่าเขาไม่รู้จักชายคนนี้

หลัวหลัวหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนาน "เพิ่มอีกหนึ่งก็เป็นแค่สอง เพราะงั้นฉันไม่รังเกียจ"

Fireballเริงร่าขึ้นทันตา

"แต่น่าเสียดายที่ฉันคนเดียวไม่มีสิทธิตัดสินใจในเรื่องนี้" หลัวหลัวกล่าวเสริม

คราวนี้น้ำตาของFireballเริ่มปริ้มๆ

ในทางกลับกัน กู่เฟยเหลือบมองตราสัญลักษณ์ที่หลัวหลัววางไว้อยู่บนโต๊ะอยู่พักหนึ่งก่อนกล่าวขึ้นว่า "ไม่จำเป็นต้องทำให้มันซับซ้อน ยังไงฉันก็จะออกหลังจากที่พวกเธอหาคนมาแทนได้อยู่ดี"

"หากเป็นอย่างนั้น ก็ช่างมันเถอะ" หลัวหลัวเก็บตราสัญลักษณ์ที่อยู่บนโต๊ะกลับคืน

Fireballจ้องมองกู่เฟยอย่างงุนงง เขากล่าว "เพื่อนขี้เมา ไม่ต้องทำอย่างนั้น ในเมื่อนายได้รับโอกาสมาแล้ว นายต้องไม่ยอมแพ้! นายไม่ต้องสนใจความรู้สึกของฉันหรอก"

"นายกับเธอคุยกันต่อเถอะ ฉันขอตัวก่อน" กู่เฟยไม่แม้แต่หันกลับมามองขณะที่เขาหมุนตัวเดินจากไป

Fireballตะโกนขึ้นต่อ "เพื่อนขี้เมา ฉันเข้าใจความรู้สึกของนาย จากนี้ไปฉันตัดสินใจแล้ว! นายจะเป็นพี่ชายของฉันตลอดไป!"

กู่เฟยไม่อาจทนกับสายตาที่ผู้คนมองพวกเขาราวกับว่ากำลังดูการแสดงละครสดได้อีกต่อไป เขาหมุนตัวหันกลับมาพร้อมยกมือขวาขึ้นและตะโกน "เงียบ! บอลไฟซ้ำซ้อน!"

"อ๊ะ!" ลูกค้าในบาร์ทุกคนต่างร้องออกมาด้วยความตกใจ

ถึงยังไงบอลไฟซ้ำซ้อนก็เป็นถึงคาถาของเจมเวทย์เลเวล30

แม้จะมีการปรับการตั้งค่าของเกมพาราเรลเวิร์ลและลดค่าประสบการณ์ที่จำเป็นในการขึ้นถึงเลเวล30 แต่ผู้เล่นหลายคนก็ยังเล่นไม่ถึงเลเวลนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่เล่นอาชีพจอมเวทย์ซึ่งเก็บเลเวลยากที่สุดในช่วงแรกของเกม

ไม่ต้องพูดถึงคาถาเลเวล30เลย กระทั่งจอมเวทย์เลเวล30พวกเขาก็ไม่เคยเห็น ดังนั้นทุกคนจึงจ้องมองสิ่งที่เกิดขึ้นตาไม่กระพริบ ในเกมเสมือนจริง การโจมตีที่ทรงพลัง ความเร็ว หรือพลังป้องกันก็เทียบไม่ได้กับความเจ๋งของจอมเวทย์ที่ร่ายมนตร์และปลดปล่อยคาถาที่ทรงพลัง ผู้เล่นหลายคนได้ตระหนักถึงเรื่องนี้หลังจากเล่นเกมมาพักหนึ่ง ดังนั้น ในนทุกๆค่ำคืน ผู้เล่นหลายจึงร่ำร้องกับหมอนของพวกเขาว่า "ถ้าตอนนั้นฉันเลือกอาชีพจอมเวทย์คงดีไม่น้อย...."

กู่เฟยอาจเป็นเพียงคนเดียวที่เสียใจกับการเป็นจอมเวทย์ในเกมพาราเรลเวิร์ล

กู่เฟยเล็งมือไปที่Fireballและปลดปล่อยคาถาเป็นครั้งแรก เขาอาจเป็นจอมเวทย์คนแรกเช่นเดียวกันที่มาถึงเลเวล30ได้โดยไม่ได้ใช้เวทย์มนตร์เลยแม้แต่คาถาเดียว

ฝูงชนเต็มไปด้วยความคาดหวังยกเว้นFireballผู้ตื่นเต้นและไม่รู้เรื่องรู้ราว อย่างไรก็ตาม บอลไฟซ้ำซ้อนก็ยังไม่ปรากฏ

"เกิดอะไรขึ้น?" กู่เฟยแกว่งนิ้วของเขาไปมาด้วยความสงสัย เป็นที่รู้กันดีว่าเวทมนตร์สามารถใช้ได้ด้วยมือเปล่า คฑาเวทย์มีประโยชน์แค่เพิ่มความเสียหายเท่านั้น และคาถาก็ไม่จำเป็นต้องใช้คำร่ายเช่นกัน!

เหล่าผู้เล่นที่เดิมทีต่างรอแสดงสีหน้าประหลาดใจ ต่างหัวเราะเยาะ พวกเขาคิดว่าคนๆนี้คงยังไม่ถึงเลเวล30เช่นกัน แต่เพียงแค่ตะโกนคาถาเวทย์ออกมาเพื่อทำให้ผู้อื่นแตกตื่น

เพียงแต่เมื่อผู้คนลดความระมัดระวังลง เพลิงมังกรก็ตวัดออกจากนิ้วของกู่เฟยและระเบิดเป็นสายธาร ทำให้แม้แต่ตัวเขาเองก็ตื่นตระหนก

"เชี่ย! ทำไมเวลาร่ายถึงนานได้ขนาดนั้น!" ผู้เล่นที่มีไหวพริบดีบางคนต่างเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้น

เพลิงมังกรจับก้อนเป็นวงกลมอย่างรวดเร็วและก่อตัวเป็นบอลไฟสายยาวพร้อมยิงถล่มใส่Fireball

"อ๊าา!" Fireballถูกปกคลุมด้วยเปลวเพลิงภายใต้ความตกตะลึงของฝูงชน

โรงเตี๊ยมกลายเป็นดินแดนแห่งความเงียบ ต่อมาอีกครึ่งลมหายใจ เสียงไอเสียงหนึ่งก็ทำลายความเงียบนั้น

"เจ็บชิบหา*!" Fireballตะโกนออกมาคำหนึ่งขณะที่เขาเช็ดใบหน้าของเขา ซึ่งตอนนี้เต็มไปด้วยเขม่าดำ

"เอ๊ะ?" ทุกคนประหลาดใจ "ความเสียหายขยะอะไรกันนี่! ผู้ชายคนนี้เขามีดาเมจไหม?" แม้จอมเวทย์จะขึ้นชื่อว่ามีศักยภาพร่างกายที่อ่อนแอที่สุดในเกม แต่ดาเมจที่พวกเขาทำได้ก็รุนแรงมากที่สุดอีกด้วย ทุกคนรู้มาว่าปกติคาถาเลเวล30ที่กู่เฟยใช้จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามตายได้ทันที เว้นเสียแต่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีพลังชีวิตหรือมีอุปกรณ์สวมใส่ที่มีค่าต้านทานเวทย์สูงเท่านั้น

ต่างจากกู่เฟยที่สวมชุดประหลาด คนอื่นๆต่างแยกแยะได้อย่างง่ายดายว่าFireballเป็นจอมเวทย์จากชุดของเขา และอาชีพจอมเวทย์มีเลือดไม่สูงนักในเกมพาราาเรลเวิร์ล

"หริอคนๆนั้นเขามีอุปกรณ์ที่ต้านทานเวทมนตร์สูง?" มีคนถามออกมาอย่างสงสัย

ผู้เชี่ยวชาญด้านอุปกรณ์สวมใส่กล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว "ไม่ เขาสวมอุปกรณ์ระดับธรรมดา"

ด้วยเหตุนั้นความสนใจของทุกคนจึงเปลี่ยนไปหากู่เฟย

จากการวิเคราะห์ในปัจจุบัน โดยพื้นฐานอาชีพจอมเวทย์จะเทค่าสถานะไปกับค่าสติปัญญาและค่าวิญญาณ คุณสมบัติทั้งสองนี้ต่างส่งผลต่อความเสียหายเวทย์ ระยะเวลาร่าย และความชำนาญเวทมนตร์ของจอมเวทย์ ค่าสติปัญญาจะส่งผลต่อความชำนาญและความเสียหายเวทมนตร์โดยเฉพาะ ในขณะที่ค่าวิญญาณจะมีผลต่อระยะเวลาการร่ายเวทย์ โดยเมื่อเร็วๆนี้ยังมีข่าวลืออ้างว่าเมื่อค่าวิญญาณถึงจุดๆหนึ่ง คูลดาวน์ของสกิลจะลดลงด้วย

ในกรณีนี้ กู่เฟยทั้งร่ายเวทย์ช้าทั้งมีค่าความเสียหายทางเวทย์ต่ำ แล้วจอมเวทย์เช่นนี้อยู่รอดมาจนถึงเลเวล30ได้อย่างไร?

ทุกๆคนรู้สึกเหมือนความสงสัยของพวกเขามีแต่จะทับทมมากขึ้นเรื่อยๆ

"ต้องเป็นเพราะพวกเขาเป็นเพื่อนกันแน่ อีกคนหนึ่งเลยยั้งมือ" ผู้เล่นบางคนวิเคราะห์

"น่าจะเป็นอย่างนั้น ดูสิ เขาไม่ได้ใช้คฑาด้วยซ้ำ"

"แต่เขามีระยะเวลาร่ายเวทย์นานขนาดได้ยังไง?"

"เฮ้ ก่อนเขาร่ายเวทย์รู้สึกว่าเขาจะพูดอะไรด้วยนี่?"

"เอ่อ.. รู้สึกจะเป็น 'เงียบ!'นะ"

"หรือเป็นคำพูดลับที่ใช้ขยายระยะเวลาในการร่ายเวทย์หรือเปล่า?" บางคนถามออกมาอย่างตื่นเต้น

"ฉันไปลองดูดีกว่า" ผู้เล่นจอมเวทย์หลายคนลุกขึ้นยืนและรีบออกไปนอกโรงเตี๊ยม หลังจากนั้นไม่นาน คำตะโกนราวๆ "หุบปาก! Xxxเวทย์!" ก็ดังกลับเข้ามาข้างในโรงเตี๊ยมและค่อยๆหายไปทีละน้อยในเวลาไม่นาน

กู่เฟยเองก็ได้สติขึ้นมาเช่นเดียวกัน เขารู้สึกว่าเมื่อครู่เขาอารมณ์ร้อนเกินไปหน่อย

"นายเป็นอะไรไหม? Fire... เอ่อ นายที่ชื่ออะไรก็ตามที" กู่เฟยถาม

"ฉันสบายดี!" Fireballตะโกนเสียงดัง "เพื่อนขี้เมา อย่าใส่ใจ เราสองคนเป็นพี่น้องกัน! ฉันจะไม่โกรธไม่ว่านายจะทำอะไรก็ตาม"

"เอาล่ะ งั้นฉันต้องขอตัวก่อน!" กู่เฟยทนการเล่นตลกของFireballไม่ได้อีกต่อไป

"นายคิดว่าไปได้อีกเหรอ?" เสียงหนึ่งดังขึ้นจากข้างหลังกู่เฟย

เมื่อกู่เฟยหันหลังมองและเห็นนักรบเกราะหนักคนหนึ่ง ลางสังหรณ์ของเขาก็เตือนถึงอันตรายทันที

"เธอนี่เอง" กู่เฟยหัวเราะ ด้วยเห็นว่ามันเป็นนักรบที่ช่วยเขาแบกกระสอบเมื่อไม่นานนี้

ดวงตาของนักรบหญิงเย็นยะเยือก มือขวาของเธอเคลื่อนไหวอย่างฉับพลัน กู่เฟยคาดเดาการโจมตีไว้นานแล้ว เขาหนีไปด้านนอกอย่างปราดเปรียวในขณะที่หลบมันไปด้วยย

"อย่าคิดหนี!" นักรบหญิงกวัดแกว่งขวานยักษ์ของเธอไล่ตามเขา ทุกคนที่อยู่ด้านในโรงเตี๊ยมต่างตามพวกเขาทั้งสองไปเพื่อชมเรื่องสนุก

กู่เฟยไม่ได้วิ่งหนีไปไกลแค่เพียงออกมาด้านนอกโรงเตี๊ยมนิดเดียวเท่านั้น มือของเขาตอนนี้ถืออาวุธเช่นเดียวกับฝ่ายตรงข้าม ฝูงชนตกตะลึงเมื่อเห็นดาบในมือของกู่เฟยเพราะพวกเขารู้ดีว่ากู่เฟยเป็นจอมเวทย์เลเวล30

"คุณผู้หญิง เกิดอะไรขึ้น? เรามาค่อยๆคุยกันดีกว่า" กู่เฟยพูดอย่างจริงจรัง ทว่าไม่ได้ลดการป้องกันลง จากประสบการณ์ก่อนหน้านี้ มันเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าใจว่าหญิงสาวคนนี้มีบุคลิกที่ประมาทและดื้อรั้นมาก

เมื่อเธอตัดสินใจเกี่ยวกับบางสิ่ง เธอจะไปข้างหน้าและทำมัน เช่นเดียวกับตอนที่เธอตัดสินใจแบกถุงกระสอบให้เขา

ในตอนนี้เธอต้องการใช้ขวานนั้นผ่าเขาเป็นสองส่วน ตั้งแต่ที่เธอตั้งใจเช่นนั้นเธอก็จะทำตามนั้น ทำไมเธอถึงต้องพูดกับเขาอีก? เพื่อให้เธอใจเย็นพอที่จะพูดด้วย กู่เฟยคงต้องรอให้เธอคลายความโกรธด้วยการผ่าเขาเป็นสองซีกก่อนสักทีหนึ่ง

หญิงสาวไม่ฟังคำพูดของเธอจริงๆและเอาแต่แกว่งขวานของเธอฟันใส่เขา

กู่เฟยหลบการโจมตีไปมาและโต้กลับโดยการเหวี่ยงดาบฟันใส่แขนของเธอทีหนึ่ง

เคร้ง! หัวใจของกู่เฟยแข็งทื่อไปครึ่งลมหายใจเมื่อเขาได้ยินเสียงนั้น

เมื่อดูจากแรงสะท้อนผ่านดาบ กู่เฟยรู้ทันทีว่าดาบของเขาไม่ระคายเกราะของหญิงขาวแม้แต่น้อย

ร่างกายจอมเวทย์ของกู่เฟยไม่มีพลังโจมตีเริ่มต้น ความเสียหายที่เขาทำได้นั้นมาจากอาวุธล้วนๆ ตอนนี้เขามีตราประทับของแอ็ดดี้ ค่าความแข็งแกร่งพิเศษที่เพิ่มขึ้นมาจึงช่วยเรื่องพลังโจมตีของเขาเล็กน้อย ทว่าเขาก็ยังคงเป็นจอมเวทย์ที่มีร่างกายอ่อนแอไม่เปลี่ยนแปลง ค่าสเตตัสพิเศษที่ขึ้นค่าความแข็งแกร่งให้เขาอีก6ไม่สามารถทำให้ร่างกายจอมเวทย์เขาทัดเทียมกับอาชีกนักรบที่มีค่าความแข็งแกร่งพื้นฐานสูงได้

ดังนั้นการเจาะเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งของนักรบจึงเป็นไปไม่ได้แม้จะรวมค่าสถานะพิเศษ6กับดาเมจของอาวุธระดับธรรมดาแล้วก็ตาม

กู่เฟยไม่มีหนทางสร้างความเสียหายให้กับนักรบเกราะหนักคนนี้ได้เลยจริงๆ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด