ตอนที่แล้วบทที่ 18 - Crisis of Faith
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 20 - The Secret Pathway in Oolong Cave

บทที่ 19 - Refusing to Improve


Chapter 19 - Refusing to Improve

ถ้ำอูหลงแน่นอนว่าย่อมต้องตั้งอยู่ในภูเขาอูหลง

ภูเขาอูหลงอยู่ห่างจากประตูทิศตะวันตกของเมืองหยุนตวนราวๆห้าร้อยเมตร ภูเขาลูกนี้เต็มไปด้วยโจรและเป็นเขตเก็บเลเวลแนะนำสำหรับผู้เล่นที่มีเลเวลระหว่าง25ถึง30

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่อยู่ภายในถ้ำอูหลงนั้นแตกต่างจากสิ่งที่อยู่บนภูเขาอูหลงอย่างสิ้นเชิง โจรที่อยู่ข้างในจะมีเลเวลราวๆ35และส่วนใหญ่ถูกมองว่าเป็นมอนสเตอร์ระดับสูงในหมู่โจรภูเขา ถ้ำแห่งนี้มีทางเดินวกไปวนมามากมายทำให้ผู้เล่นหลงทางได้ง่าย ทว่าทางผู้พัฒนาเกมกล่าวว่ามันไม่มีเหตุผลที่จะไปช่วยผู้เล่นที่ไปหลงอยู่ในถ้ำเอง เรื่องนี้ทำให้ผู้เล่นหลายคนก่นด่าผู้พัฒนาเกมที่เป็นคนประกาศว่า 'Gmพร้อมที่จะช่วยเหลือเสมอ'

คำพูดของกู่เฟยก่อนจากไปเรียนคาถาใหม่ที่สถานบันจอมเวทย์ทำให้นักดาบปีศาจกับคนอื่นๆใช้เวลาโต้เถียงกันเล็กน้อย ดังนั้นกู่เฟยจึงมาถึงที่ถ้ำเป็นคนแรก ทว่าตรงนั้นเขาก็เห็นผู้เล่นคนหนึ่งที่น่าจะเป็นจอมเวทย์นั่งยองๆอยู่ตรงหน้าทางเข้า

หรือเขาเป็นนายจ้าง? กู่เฟยคาดเดาเงียบๆก่อนเดินเข้าไปทักทาย "สวัสดี!"

คนๆนั้นเงยหน้าขึ้นมองกู่เฟย "สวัสดี"

"นายมาทำอะไรตรงนี้?" กู่เฟยถาม

"ฉันรอคนอยู่" เขาตอบ

"รอคนที่รับภารกิจล่าค่าหัวของถ้ำอูหลงหรือเปล่า?" กู่เฟยพูดต่อ

"ทำไมนายถึงรู้ได้ล่ะ?" เขาถามออกมาอย่างงงๆ

กู่เฟยหัวเราะ "เพราะฉันเป็นหนึ่งในนั้น"

"โอ้! นายคือคนจากกลุ่มระดับสูงของYoung Master Hanนี่เอง!" เขายืนขึ้นทันที

กู่เฟยเพิ่งรู้ว่าชื่อกลุ่มทหารรับจ้างของเขาน่าปวดหัวขนาดนี้แต่มันก็เข้าใจได้ เมื่อพิจารณาถึงระดับความหลงตัวเองของYoung Master Han ชื่อกลุ่มที่เขาตั้งจะธรรมดาได้ยังไง?

"ทำไมนายถึงมาแค่คนเดียวล่ะ?" เขาถาม

"คนที่เหลือจะมาถึงในไม่ช้า"

"โอ้!" ชายคนนั้นตอบและเริ่มสำรวจกู่เฟยอย่างละเอียด ก่อนหน้านี้เขาเข้าใจผิดว่ากู่เฟยเป็นแค่คนที่เดินผ่านมาเลยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเขา แต่เมื่อเขารู้ว่ากู่เฟยเป็นหนึ่งในกุญแจสำคัญในภารกิจของเขา เขาย่อมต้องสนใจและเขาก็ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น

หมวกฝาง ชุดคลุมจอมเวทย์เริ่มต้น และรองเท้าเก่าๆของโจรคู่ๆหนึ่ง - เขาสวมอุปกรณ์สวมใส่ที่ไม่เข้าคู่กันเลยแม้แต่ชิ้นเดียว! การผสมผสานที่ไม่เหมือนใครนี้ทำให้นายจ้างถึงกับตะลึง! เขาแอบใช้สกิลประเมิณและยืนยันว่าอาชีพของกู่เฟยคือจอมเวทย์

เขาเหลือบดูคฑาเวทย์ของกู่เฟยทันที มันยาว แบน และเรียบง่าย แถมยังมีผ้าเก่าๆผืนหนึ่งพันมาอีกต่างหาก! นี่มันไอเท็มหายากประเภทไหนกันกัน? ผู้ว่าจ้างเควสต์ของพวกเขาแอบคิดเงียบๆ

ในตอนนั้นเองกู่เฟยก็หันหลังกลับ เขาเอามือป้องตาขณะที่เขามองลงไปตามทางลาดของภูเขาจนในที่สุดก็พบเงาคนทั้งห้า

พวกเขาทุกคนพบกันที่ด้านนอกทางเข้าถ้ำ Young Master Hanแนะนำสมาชิกทีมแต่ละคนให้ผู้ว่าจ้างรู้จัก เมื่อเห็นว่าพวกเขาทุกคนล้วนเป็นผู้เล่นมีชื่อเสียงจากเกมอื่นๆ นายจ้างของพวกเขาก็อดตื่นเต้นไม่ได้ ตำนานที่มีชีวิตของโลกเกมออนไลน์! เขานับถือผู้เล่นจอมเวทย์ระดับท็อปอย่างRoyal God Callอย่างลึกซึ้งเนื่องจากตัวเขาเองก็เล่นจอมเวทย์เช่นกัน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกผิดหวังอย่างมากเมื่อคนที่เขานับถือคนนั้นตัดสินใจที่จะเล่นนักธนูแทนจอมเวทย์ในเกมพาราเรลเวิร์ล

เมื่อแนะนำไปจนถึงกู่เฟย ผู้ว่าจ้างที่เอาแต่พูด "ผมได้ยินเรื่องของคุณมามาก" "ยินดีที่ได้พบครับ" หรือ "นับเป็นเกียรติ" ก็หยุดใช้คำเหล่านั้นไปทันที

Thousand Miles Drunk? ใครกัน? ไม่เห็นเคยได้ยิน เขาเป็นมืออาชีพหรือเปล่า? ทุกๆคนเดาได้เลยว่าผู้ว่าจ้างต้องคิดแบบนี้อยู่ในใจแน่เมื่อดูจากสีหน้าของเขา

กู่เฟยไม่ได้ติดใจอะไรเพราะเขาไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียงโด่งดังอะไร หากเป็นโลกของกังฟู กู่เฟยคงเป็นชื่อที่ทุกคนต้องรู้จัก แต่น่าเสียดายที่วงการกังฟูมีคนน้อยกว่าวงการเกมอย่างเทียบไม่ติด

"คุณรู้วิธีเล่นเกมออนไลน์ไหม?" นั่นคือการดูถูกสำหรับที่นี่

แต่คำถามว่า "คุณรู้จักกังฟูไหม?" นั่นคือคำถามสำหรับคนบ้า

โลกของพวกเขานั้นแตกต่างกัน! กู่เฟยถอนหายใจขณะที่ทุกคนเริ่มเดินเข้าไปในถ้ำ

Young Master Han พูดย้ำหน้าที่ของทุกคนขณะเดินอีกครั้ง "เราจะจัดการมอนสเตอร์ตามทางให้ พวกนายสองคนแค่ตามอยู่ข้างหลังก็พอ ไม่ต้องสู้เข้าใจไหม?"

กู่เฟยกับน้ายจ้างพยักหน้า นายจ้างของพวกเขานั้นตื่นเต้นจนออกนอกหน้า แต่กู่เฟยถอนหายใจอย่างหดหู่ เขาถูกสั่งให้ "อย่าสู้" ทว่าเหตุผลเดียวที่เขามาเล่นเกมนี้ก็เพื่อ "ต่อสู้"

ผิวทางเดินของถ้ำขรุขระและไร้แสงส่อง แต่ผู้เล่นก็ยังคงเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาได้อย่างชัดเจน สิ่งนี้อาจถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเรื่องมหัศจรรย์ไม่กี่อย่างของเกมนี้ หลังจากเดินไปไม่นานพวกเขาก็พบกับศัตรู กู่เฟยและนายจ้างยังคงยืนอยู่ด้านหลังตามคำสั่งและพูดคุยกันด้วยความเบื่อหน่าย

"นายก็เล่นเวทย์เหมือนกันเหรอ?" นายจ้างถาม

กู่เฟยพยักหน้า

"เลเวลล่ะ?" เขาถามอีกครั้ง

"สามสิบ นายล่ะ?" กู่เฟยตอบและถามไปตามมารยาท

"ยี่สิบห้า" เขากล่าวด้วยแววตาที่เผยให้เห็นถึงความนับถือ

"คฑาเวทย์ของนายดูแปลกดี" เขากล่าว

"คฑาเวทย์?" กู่เฟยชะงักอยู่พักหนึ่งก่อนจะเข้าใจและเผยอยิ้ม กู่เฟยยื่นมันให้กับนายจ้างของเขา "ลองดูสิ"

"ได้เหรอ?" นายจ้างตกตะลึงพลางคิด 'เขาต้องมีความกล้าถึงขนาดไหนถึงจะสามารถเอาอุปกรณ์สวมใส่ของตนให้คนอื่นดูได้! ช่างกล้าหาญจริงๆ!' จากนั้นเขาก็เอาสองมือรับมันมาอย่างสั่นเทาและค่อยๆสงบใจตรวจสอบมันอย่างละเอียด แล้วทันใดนั้นเขาก็ตะโกน "เชี่ย!"

สิ่งนี้มันไม่ใช่คฑาเวทย์! มันคือดาบชัดๆ! มันดูคล้ายกึ่งดาบยาวกึ่งดาบถัง ซึ่งโดยทั่วไปแล้วถือเป็นอาวุธที่ไม่มีอะไรพิเศษ มันมีอยู่ทุกที่ในเกม แต่มันแปลกที่มันมาอยู่ในมือของจอมเวทย์

นายจ้างสรุปไปว่าจอมเวทย์คนนี้น่าจะห้อยดาบเอาเท่ห์ ท้ายที่สุดการมีดาบยาวห้อยอยู่ข้างเอวก็ดีกว่ามีคฑาเวทย์เป็นไหนๆ

ฉันก็ควรมีบ้าง! นายจ้างคิดขณะที่เขาเดินเข้าไปหากู่เฟยและคืนดาบ

ในขณะที่ทั้งสองกำลังพูดคุยกันเรื่อยเปื่อย การต่อสู้ด้านหน้าของพวกเขาก็เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ

พวกมอนสเตอร์มีเลเวลสูงกว่าพวกเขาถึง5เลเวล

การเอาชนะมอนสเตอร์ที่มีเลเวลเหนือกว่าไม่ใช่เรื่องง่ายในเกมพาราเรลเวิร์ล พวกมอนสเตอร์พวกนี้จะุถือว่าแข็งแกร่งกว่าอุปกรณ์สวมใส่โดยเฉลี่ยของผู้เล่นแล้ว ผู้เล่นจะต้องมีอุปกรสวมใส่ที่พิเศษเท่านั้นจึงจะสามารถต่อสู้กับพวกมอสเตอร์ได้ดีเท่าที่ควร และเหล่าผู้เล่นมืออาชีพที่นี่ไม่ใช่แค่มีอุปกรณ์สวมใส่ที่ยอดเยี่ยมเท่านั้น แต่พวกเขายังมีสัญชาตญาณที่ดีอีกด้วย

ถูกต้อง สัญชาตญาณ! ในเกมเสมือนจริงสิ่งที่มีค่าไม่ใช่ทักษะการใช้คีย์บอร์ดอีกต่อไปแต่เป็นทักษะการต่อสู้จริง! หากไม่นับกู่เฟยจะมีผู้เล่นธรรมดาสักกี่คนที่มีความสามารถนั้น? ดังนั้น สัญชาตญาณจึงเป็นปัจจัยที่ดีในการวัดความสามารถของผู้เล่น

ความรู้ในการใช้งานอุปกรณ์ ความสามารถในการควบคุม ประสบการณ์จากการฝึกฝน อะไรเทือกนี้จะเป็นพื้นฐานสำคัญของสัญชาตญาณ

คนทั้งห้าตรงหน้าของเขาอาจเป็นคนที่มีสัญชาตญาณในการเล่นเกมสูงที่สุด

พวกเขาร่วมมือและประสานงานกันอย่างง่ายดายเกินขอบเขตของผู้เล่นปกติที่ต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์

Royal God Callที่เล่นนักธนูจะยิงธนูไปใส่มอนสเตอร์อย่างรวดเร็วเพื่อล่อให้พวกมันหันไปหาเขา จากนั้นนักดาบปีศาจที่อยู่ในสถานะสเตลท์จะใช้แบ็คสแต็ปทันทีเมื่อพวกมอนสเตอร์หันไป และเมื่อพวกมอนสเตอร์พยายามจะโจมตีนักดาบปีศาจ เขาจะวิ่งหนีและให้War Without WoundกับBrother Assistเข้ามาสกัดมอนสเตอร์ที่ด้านซ้ายและขวาของมัน พวกเขาจะสองคนจะผลัดกันสร้างความเกลียดชังเพื่อให้พวกมันอยู่ที่เดิม แล้วจากนั้นนักดาบปีศาจจะหันกลับมาโจมตีมอนสเตอร์ร่วมกับคนอื่นๆ การฮีลของYoung Master Hanจะถูกใช้กับพวกเขาแต่ละคนในเวลาและจังหวะที่เหมาะสมเสมอ การฮีลแต่ละครั้งจะไม่มีการสิ้นเปลืองจากขีดจำกัดของหลอดเลือดเลยแม้แต่หน่วยเดียว

วิธีนี้เป็นวิธีที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการต่อสู้ ที่สำคัญพวกเขาแต่ละคนต่างรู้ด้วยตัวเองว่าจังหวะไหนคือจังหวะที่เหมาะที่สุดในการเข้าโจมตีของพวกเขา

นี่คือเหตุผลหลักที่ว่าทำไมYoung Master Hanจึงไม่อนุญาตให้กู่เฟยและนายจ้างของเขาที่เล่นจอมเวทย์ร่วมโจมตี การโจมตีและแสงสว่างจากคาถาของจอมเวทย์จะดึงความเกลียดชังจากมอนสเตอร์กลุ่มใหญ่เข้ามา และเมื่อนั้นพวกเขาจะไม่สามารถใช้สมาธิค่อยๆโจมตีมอนสเตอร์ไปทีละตัวได้ อะไรคือความเกลียดชัง? พูดง่ายมันคือการตัดสินใจของมอนสเตอร์ว่าผู้เล่นคนไหนเป็นภัยคุกคามต่อมัน การคำนวณของอัลกอริทึมนี้ถูกเรียกกันว่าความเกลียดชัง เมื่อมันถึงเกณฑ์ที่กำหนด มอนสเตอร์จะเริ่มโจมตีผู้เล่นทันที และหากมีผู้เล่นหลายคนโจมตีมันอยู่ มันจะโจมตีผู้เล่นที่มีค่าความเกลียดชังสูงสุดก่อน

เพราะจอมเวทย์สามารถดึงความเกลียดชังจากเวทย์ขนาดใหญ่ได้ มันจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะมีมอนสเตอร์สี่หรือห้าตัวมาหาพวกเขาด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว และนั่นย่อมไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาอยากให้มันเกิดขึ้นอย่างแน่นอน

เป้าหมายในภารกิจในตอนนี้ของพวกเขาคือหัวหน้าโจรภูเขาซูโต ดังนั้นพวกเขาไม่ควรจะเสียเวลาระหว่างทาง ทุกวิธีที่Young Master Hanคิดจะให้ความสำคัญกับการทำภารกิจให้สำเร็จอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิสูงสุดเสมอ

นอกจากนี้พาราเรลเวิร์ลยังมีการบันทึกเวลาที่พวกผู้เล่นใช้ในการทำภารกิจ ที่เคาท์เตอร์รับเควส์ นายจ้างจะเป็นคนใส่ชื่อของพวกเขาว่าเป็นผู้รับภารกิจ และชื่อกลุ่มของพวกเขาจะได้ขึ้นกลางโถงทหารรับจ้างหากทำภารกิจสำเร็จ วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุดในการพิสูจน์ความแข็งแกร่งของกลุ่มของพวกเขา

ในขณะที่พวกเขาใช้วิธีการที่มีประสิทธิภาพนี้ในการผ่านถ้ำ Young Master Hanก็อดทึ่งไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะตอนนี้เกมพาราเรลเวิร์ลอยู่เหนือเกมออนไลน์อื่นๆทั้งหมด ภาพที่เหล่ามืออาชีพทั้งหมดนี้ทำงานร่วมกันคงยากกระทั่งจะนึกฝัน พูดไปพูดมา Young Master Hanก็หันกลับไปมองด้านหลัง เขาเห็นว่ากู่เฟยและน้ายจ้างของพวกเขากำลังเดินทอดน่องตามหลังอย่างสบายใจ ท่าทางดูเหมือนนักเที่ยวคู่หนึ่งกำลังสุนทรีย์ไปกับทิวทัศน์ของถ้ำยังไงยังงั้น คล้ายไม่สังเกตเห็นการประสานงานอันยอดเยี่ยมตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย

Young Master Han อดไม่ได้ที่จะรู้สึกท้อแท้ จริงอยู่ว่ากู่เฟยเป็นสมาชิกกลุ่มคนหนึ่ง แต่เมื่อเทียบกับกลุ่มโปรเพลเยอร์อย่างพวกเขาที่รู้ฝีมือกันดีอยู่แล้ว กู่เฟยถือเป็นคนแปลกหน้า เขาคาดหวังให้กู่เฟยคุ้นเคยกับความสามารถของสมาชิกทีมแต่ละคนโดยเร็ว เพื่อที่เขาจะได้เข้าร่วมโจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่กระทบต่อความสามารถในปัจจุบันของกลุ่ม

แต่กระนั้นเขากลับไม่ใช้โอกาสนี้สังเกตและเรียนรู้ ดันเอาเวลาอันมีค่าไปคุยกับจอมเวทย์เลเวล25เสียนี่!

ใจของYoung Master Han เหมือนร้อนรุ่มด้วยเปลวไฟ! แต่เขาไม่สามารถชี้แนะกู่เฟยในตอนนี้ได้ สมาชิกทุกๆคนที่กำลังต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์อยู่เริ่มถูกกดดันมากขึ้นจากการเสียสมาธิของเขา อาชีพนักบวชเป็นอาชีพที่ค่อนข้างยุ่งยากและน่าเบื่อ ผู้เล่นหลายคนคิดว่าอาชีพนักบวชมีหน้าที่รักษาคนอื่นเหมือนแพทย์ และมันเหมาะกับพวกผู้เล่นหญิงเพราะมันไม่ต้องละเลงเลือด แต่ความจริงคนเล่นนักบวชจำเป็นต้องมีความสามารถในการมองเห็นภาพรวมได้ดีกว่าใคร มีสมาธิสูงสุด เป็นคนที่สามารถตัดสินใจในเสี้ยววินาทีสำคัญได้ และมีสัญชาตญาณในการคว้าโอ้กาส มีผู้เล่นหญิงไม่มากที่ผ่านมาตรฐานดังกล่าว ดังนั้นถึงจะมีผู้เล่นหญิงจำนวนมากเล่นอาชีพนักบวช แต่คนที่ถูกนับเป็นยอดฝีมือมักเป็นผู้ชาย

นั่นคือบทบาทที่Young Master Han เล่น ในอดีตเขาเคยเป็นคู่หูของนักดาบปีศาจผู้โด่งดัง และเขาก็ยังเป็นมือขวาของนักดาบปีศาจอีกด้วย แต่ตอนนี้เมื่อความเป็นจริงได้เปิดเผยรูปลักษณ์ที่แท้จริงของนักดาบปีศาจ ศรัทธาที่เขาเคยมีก็พังทลาย เหตุการณ์นั้นทำให้เขาค่อนข้างหดหู่ ดังนั้นYoung Master Hanจึงตัดสินใจจัดตั้งกลุ่มขึ้นเองโดยมีตัวเขาเป็นแกนกลาง

ในฐานะผู้ที่ยึดมั่นกับความสมบูรณ์แบบ เขาไม่สามารถยืนเฉยดูกู่เฟยไม่พยายามในการพัฒนาตัวเองได้ เขาคงไปชี้แนะกู่เฟยแล้วหากไม่ติดว่าเขากำลังติดพันกับการต่อสู้อยู่

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด