ตอนที่แล้วบทที่ 14 - Unbelievable
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 16 - Meeting at Ray's Bar (Part 1)

บทที่ 15 - Nine Blades of Tang


Chapter 15 - Nine Blades of Tang

**ดาเมจ = ความเสียหาย

** สเตลท์ = การหายตัวหรือพรางตัวอะไรทำนองนั้น

**แบ็คสแต็ป = โจมตีด้านหลังด้วยความเสียหายที่รุนแรง

ในตอนที่นักดาบปีศาจพบกู่เฟยครั้งแรก เขารู้สึกตกใจกับทักษะของกู่เฟยจนไม่ได้ใช้สกิลประเมินเพื่อตรวจสอบอุปกรณ์สวมใส่ของเขา หรือพูดกันตามตรงชุดคลุมของกู่เฟยก็ธรรมดาจนแทบจะไม่มีค่าให้ใช้สกิลประเมินด้วยซ้ำ เพราะหากเป็นไอเท็มระดับสูงอย่างความทรงจำแห่งน้ำแข็ง มันก็ต้องมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น

ความสงสัยของนักดาบปีศาจยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อเขาได้ยินเสียงร้องของมอนสเตอร์ดังมาจากอีกด้านไม่หยุด

เขาต่อสู้กับมอนสเตอร์พวกนั้นยังไง? ในฐานะผู้เล่นที่รู้จักเกือบทุกสกิลในเกม นักดาบปีศาจสามารถประเมินรูปแบบก่อต่อสู้ของใครก็ได้ด้วยเสียงเพียงอย่างเดียว ทว่าเขาไม่สามารถนึกภาพการต่อสู้ของกู่เฟยได้เลย

การค้นคว้าเทคนิคและสกิลของผู้อื่นเป็นนิสัยส่วนตัวของนักดาบปีศาจ ดังนั้นเขาจึงทนไม่ได้อีกต่อไปและตัดสินใจไปซุ่มดูการต่อสู้ของกู่เฟย

นักดาบปีศาจใช้สกิลสเตลท์เพื่อคืบคลานเข้าใกล้เป้าหมายในการค้นคว้าของเขา

สกิลในพาราเรลเวิร์ลใช่ว่าเรียนแล้วก็ใช้ได้เลย การหมั่นฝึกฝนจำเป็นต่อการยกระดับความเชี่ยวชาญของพวกมัน และยิ่งระดับความเชี่ยวชาญสูงขึ้น ผลของสกิลก็จะยิ่งสูงขึ้นตาม และการเพิ่มระดับความเชี่ยวชาญของสกิลสามารถทำได้โดยหมั่นใช้สกิลบ่อยๆ หรือได้รับเป็นผลตอบแทนจากภารกิจบางอย่าง หรือสุดท้ายอาจสามารถได้มาจากผลพิเศษเสริมของอุปกรณ์สวมใส่บางชนิด

สเตลท์ถือได้ว่าเป็นสกิลที่สำคัญที่สุดสำหรับอาชีพโจร ผู้เล่นที่มีประสบการณ์สูงอย่างนักดาบปีศาจย่อมตระหนักถึงค่าของมัน ดังนั้นเขาจึงหมั่นฝึกฝนมันตลอดเวลาเพื่อยกระดับความเชี่ยวชาญให้มากขึ้น สกิลสเตลท์ของนักดาบปีศาจในตอนนี้ไม่มีเวลาจำกัดและจะหายไปก็ต่อเมื่อเขาเริ่มโจมตีหรือถูกโจมตีเท่านั้น

นักดาบปีศาจที่อยู่ภายใต้ผลของสเตลท์ลัดเลาะไปตามแนวต้นไม้จนพบกู่เฟยในที่สุด

ท่ามกลางป่านี้ไร้ซึ่งลมหนาวทว่านักดาบปีศาจกลับรู้สึกหนาวเหน็บไปถึงกระดูก มันเป็นเหมือนความหนาวเหน็บซึมซาบออกมาจากดวงวิญญาณ

วิธีการต่อสู้ของกู่เฟยนั้นขัดแย้งกับทุกสิ่งที่นักดาบปีศาจเคยเห็นตลอดการเล่นเกมหลายสิบปี

ชายในชุดคลุมจอมเวทย์คนนี้ออกท่วงท่าได้อย่างรวดเร็วและปราดเปรียวราวกับว่าเขาเป็นหนึ่งเดียวกับลม หมวกฟางโกโรโกโสที่สวมอยู่ปิดบังใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาไว้ มือของเขาขยับไปมาพร้อมกับแสงสีเงินอันงดงาม และแสงที่ส่องประกายเหล่านั้นมาพร้อมกับเสียงร้องโหยหวนของเหล่ามอนสเตอร์ที่ตายไปอย่างต่อเนื่อง

แสงพวกนั้นมาจากคมดาบที่กู่เฟยถืออยู่ในมือ

คมดาบพวกนั้นดูคล้ายกับดาบแห่งราชวงศ์ถังของจริงเมื่อมันได้เริงระบำอยู่ในมือของกู่เฟย นักดาบปีศาจสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงความรู้อันถ่องแท้เกี่ยวกับศาสตร์แห่งดาบในทุกๆการโจมตีของเขา

การโจมตีของกู่เฟยงดงามด้วยความสมบูรณ์แบบ

ทว่าถึงแม้การโจมตีจะงดงาม แต่พวกมันไม่ใช่สกิลในเกม!

ใครจะเชื่อถ้าเขาบอกว่ามีจอมเวทย์คนหนึ่งสามารถล้มมอนสเตอร์และเก็บเลเวลได้เร็วกว่าเขาด้วยท่าการเคลื่อนไหวพื้นฐานเพียงอย่างเดียว? นักดาบปีศาจหมดคำพูด

นักดาบปีศาจยังคงเฝ้าดูการต่อสู้ของกู่เฟยอย่างละเอียด หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง ตัวเขาก็พบว่าวิธีการต่อสู้กับมอนสเตอร์ของกู่เฟยนั้นน่าทึ่งแค่ไหน

ทุกๆการโจมตีของเขาล้วนสร้างความเสียหายสูงสุด!

อาวุธในเกมออนไลน์จะมักจะมีช่วงค่าความเสียหายเสมอ ความแตกต่างระหว่างความเสียหายสูงสุดและต่ำสุดที่คนๆหนึ่งสามารถทำได้นั้นสำคัญมาก มีการถกเถียงกันอยู่ว่าอะไรดีกว่าระหว่างอาวุธที่มีดาเมจสูงแต่ทำความเสียหายได้ไม่คงที่ กับอาวุธที่มีดาเมจต่ำแต่ทำความเสียหายได้คงที่ มีผู้เล่นหลายคนสรุปว่าพวกเขาพึ่งได้แค่โชคในการทำความเสียหายสูงสุด เพราะยังไม่มีใครรู้ว่ามันวัดโดยใช้หลักการอะไร

**ตัวอย่างของช่วงความเสียหายเช่นไอเท็มมีดาเมจ90-100 ก็จะสุ่มออกว่าจะมีดาเมจอยู่ช่วงไหนระหว่าง90-100

อย่างไรก็ตามในเกมออนไลน์เสมือนจริงอย่างเกมพาราเรลเวิร์ล นักดาบปีศาจเริ่มตระหนักว่าผลของความเสียหายสูงสุดและต่ำสุดเหมือนจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับโชคอีกต่อไป แต่เป็นบางสิ่งที่ขึ้นอยู่กับความสามารถในการควบคุมของผู้เล่น

จากการวิเคราะห์ของนักดาบปีศาจ ความเสียหายที่ทำได้นั้นอาจได้รับผลกระทบโดยตรงจากความแม่นยำรวมถึงความเชี่ยวชาญในการโจมตีแต่ละครั้งของพวกเขา

กู่เฟยตรงหน้าของเขาก็เป็นแบบนั้น

นักดาบปีศาจเชื่อว่าทุกการโจมตีของกู่เฟยสร้างความเสียหายสูงสุดหรืออย่างน้อยก็ใกล้เคียง เขาเก็บเลเวลที่นี่มาสักพักหนึ่งแล้วดังนั้นเขารู้ว่ามอนสเตอร์ที่เขตนี้มีเลือดประมาณเท่าไหร่ เมื่อนำมันมาหารด้วยจำนวนการโจมตีแต่ละครั้งของกู่่เฟย เขาก็จะสามารถคำนวณหาระดับความเสียหายของการโจมตีแต่ละครั้งได้อย่างง่ายดาย แถมเมื่อคิดถึงความจริงที่ว่าเขาเป็นแค่จอมเวทย์ นักดาบปีศาจก็ยิ่งมั่นใจว่าการโจมตีทุกครั้งของกู่เฟยนั้นสร้างความเสียหายสูงสุด

การควบคุม! คำนี้สลักเข้าไปในหัวของนักดาบปีศาจ

ใครบอกว่าไม่มีการควบคุมในเกมเสมือนจริง? คนตรงหน้าของเขาพิสูจน์แล้ว และมันเหนือล้ำกว่าการควบคุมเม้าหรือคีย์บอร์ดของเกมMMORPGปกติอย่างเทียบไม่ติด

ความสามารถในการควบคุมความเสียหายได้ตามต้องการ.... นี่จึงเป็นการควบคุมขั้นสูงสุด! นักดาบผีศาจเหมือนเห็นโลกใหม่ตรงหน้าของเขาและอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น

ในตอนนั้นเอง จู่ๆกู่เฟยก็เริ่มผสานการเคลื่อนไหวของเท้าและมือของเขาเพื่อแยกออกจากพวกมอนสเตอร์

'เดี๋ยวนะ เขาต้องหยุดพักด้วยเหรอ?' นักดาบปีศาจงุนงง เขาไม่เห็นกู่เฟยได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว! แม้ว่าตัวเกมจะมีฟังก์ชั่นการเหนื่อยล้า แต่มันมีไว้เพื่อป้องกันคนที่เล่นเกมไม่หลับไม่นอนเท่านั้น ไม่อย่างนั้นผู้เล่นที่กำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือดคงถูกเด้งออกจากเกมกันหมดในเวลาเพียงไม่กี่นาที

ถึงมันจะมีเกจวัดความอ่อนล้า แต่มันลดลงช้ามาก ผู้เล่นหลายคนต่างเรียกมันว่า 'ระบบต่อต้านการเสพติด' เพื่อเสียดสีว่ายังไงทางบริษัทก็ไม่คิดที่จะบังคับให้พวกเขาเล่นเกมน้อยลงอยู่ดี **(เหมือนที่ออกนโยบายต่อต้านยาเสพติด แต่ก็ยังขายกันต่อไป)

เป็นไปได้ไหมว่าเกจวัดความอ่อนล้าจะลดลงเร็วขึ้นเมื่อใช้การควบคุมระดับสูง? นักดาบปีศาจคิดเงียบๆ หากมันเป็นอย่างนั้นจริงๆผลเสียจะมากกว่าผลได้ การฟื้นความเหนื่อยล้านั้นช้าและในตอนนี้ก็ยังไม่มีวิธีที่จะทำให้มันเร็วขึ้นยกเว้นการนั่งรออย่างเปล่าประโยชน์ ถึงแม้เวลาออฟไลน์เองก็นับเป็นเวลาพักเช่นกัน แต่นักดาบปีศาจคิดว่ามันคงไม่คุ้มค่าหากเป็นในกรณีนี้

เห็นได้ชัดว่ากู่เฟยกำลังโจมตีพร้อมถอยร่นไปด้วย มอนสเตอร์กลุ่มใหม่จะไม่ถูกดึงออกมาแล้วเนื่องจากเขาอยู่นอกระยะการดึงมอน เขาใช้วิธีกำจัดมอนสเตอร์ไปทีละตัวจนเมื่อมาถึงชายป่าเขาก็จัดการมอนสเตอร์ตัวสุดท้ายไปได้สำเร็จ

มหัศจรรย์! นักดาบปีศาจรู้สึกทึ่งอยู่เงียบๆ กู่เฟยมีความแม่นยำสูงมากจนสามารถหาทางถอยได้อย่างไร้ที่ติ มันเป็นคำนิยามถึงความสามารถในการควบคุมระดับสูงอย่างแท้จริง

ทว่าความมหัศจรรย์ของจริงเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้น หลังจากฆ่ามอนสเตอร์ตัวสุดท้ายเสร็จ กู่เฟยใช้มือข้างหนึ่งถือดาบและใช้อีกมือหนึ่งจัดหมวกฟางบนหัวของเขาให้เข้าที่ ดวงตาทั้งสองข้างของเขาที่เคยถูกคลุมด้วยหมวกฟางตอนนี้ถูกเปิดแล้ว และเขาก็กำลังมองไปทางนักดาบปีศาจพร้อมหัวเราะ "มีเรื่องอะไรรึเปล่า?"

นักดาบหันไปมองด้านหลังแต่ก็ไม่เห็นใคร

"นายมองเห็นฉันด้วยเรอะ?" นักดาบปีศาจถามออกไปอย่างตกตะลึง

"ฉันมองไม่เห็น แต่ฉันสัมผัสตัวตนของนายได้" กู่เฟยกล่าว

"เรื่องนี้จะเป็นไปได้ยังไง?!" นักดาบปีศาจช็อก แต่เขาก็นึกถึงแบ็คสแต็ปที่ล้มเหลวในตอนที่พวกเขาต่อสู้กันครั้งก่อน ตอนนั้นเขาคิดว่ากู่เฟยรับรู้ถึงการโจมตีสุดท้ายของเขาและสามารถจับเขาได้เนื่องจากตัวเขาเปิดเผยตัวตอนที่จะทำการโจมตี

หากรวมทั้งสองเหตุการณ์เข้าด้วยกัน หรือมันเป็นไปได้ว่ากู่เฟยอาจรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเขาแอบอยู่ที่นี่ภายใต้สถานะซ่อนตัว?

บ้าอะไร? เรื่องนี้ยังนับเป็นการควบคุมได้อีกไหม? นักดาบปีศาจหมดคำพูด

"เปิดเผยตัวเองได้แล้ว!" กู่เฟยตะโกน เขารู้ว่านักดาบปีศาจอยู่ใกล้ๆ แต่เขาเองก็ไม่รู้ว่าอยู่ตรงไหน การได้ยินเสียงเปล่าๆทำให้สถานการณ์มันดูพิกลมากเกินไป

นักดาบปีศาจค่อยๆเผยตัวออกมาช้าๆขณะที่เขาปลดสถานะซ่อนตัวออก

"มีอะไรรึเปล่า?" กู่เฟยถาม

"ฉันแค่อยากมาดูว่านายสู้กับพวกมอนสเตอร์ยังไง" นักดาบปีศาจกล่าว

"แล้วเป็นไงบ้าง?" กู่เฟยถามยิ้มๆ

"มันยอดเยี่ยมมาก!" นักดาบปีศาจพยักหน้า

"มันคือเก้าคมดาบแห่งราชวงศ์ถัง" **(รายละเอียดดาบท้ายตอน)

"เก้าคมดาบแห่งราชวงศ์ถัง?"

"ใช่!" กู่เฟยพยักหน้า

มันคืออะไร? หรือนั่นคือสิ่งที่เขาใช้เรียกการควบคุมระดับสูงของเขา? หากเขาจำไม่ผิดเมื่อสองปีก่อนก็มีเกมออนไลน์จีนเกมหนึ่งที่มีอุปกรณ์สวมใส่ระดับต่ำที่มีชื่อคล้ายกันอยู่... นักดาบปีศาจร้องไห้เงียบๆเมื่อเขาตระหนักว่าความรู้และประสบการณ์ของเขาจำกัดอยู่แค่ในเกมออนไลน์เท่านั้น จนพาลคิดไปว่าดาบแห่งราชวงศ์ถังอันลือชื่อเป็นเพียงอุปกรณ์สวมใส่กากๆเท่านั้น

"รูปแบบเฟินหลิวทั้งสาม!" ตอนนั้นเองจู่ๆกู่เฟยก็ร้องออกมาพร้อมบิดข้อมือเพื่อยกดาบขึ้นและฟันไขว้ไปกลางอากาศสามครั้ง

"รูปแบบต้วนหลางทั้งสาม!" การเคลื่อนไหวพลันเปลี่ยนไปขณะที่เขาร้องออกมาอีกครั้ง เขาฟันตัดกลางออกไปตรงหน้าสามครั้งคล้ายพยัคฆ์เหี้ยมที่คลืบคลานลงมาจากภูเขา

"รูปแบบฉีหรีทั้งสาม!" ใบดาบกรีดผ่านอากาศตรงหน้าของเขาเป็นแนวนอนและแกว่งกลับไปกลับมาอีกสามครั้งที่จุดเดิมด้วยการขยับแขนของเขา

"เก้าคมดาบแห่งราชวงศ์ถังทำให้ผู้ใช้สามารถเฉือน ตัด และแทงเป้าหมายได้อย่างยืดหยุ่น เพื่อเชี่ยวชาญมันจำเป็นต้องหมั่นเพียรฝึกฝนกังฟูนับสิบปี ทักษะกลางๆของฉันคงเทียบเคียงไม่ได้ล่ะมั้ง?" กู่เฟยหัวเราะกับตัวเอง

นักดาบปีศาจทำได้เพียงพยักหน้าของเขาส่งๆ เขาไม่รู้แม้แต่น้อยว่ากู่เฟยกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ในสายตาของเขาสิ่งที่กู่เฟยแสดงตรงหน้าของเขาไม่ได้ใกล้เคียงกับความน่าทึ่งในตอนที่เขากำลังต่อสู้กับพวกมอนสเตอร์ก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย

"โอ้ใช่ นายมีอะไรเป็นพิเศษไหมถึงได้มาหาฉันที่นี่?" กู่เฟยถาม

อันที่จริงนักดาบปีศาจลังเลที่จะถาม แต่หลังจากได้เห็นการควบคุมระดับสูงของกู่เฟย ในที่สุดเขาก็ตัดสินพูดออกไป "ฉันมีเพื่อนที่กำลังมองหาคนสักสามคนเพื่อจัดตั้งกลุ่มทหารรับจ้าง นายสนใจไหม?"

"กลุ่มทหารรับจ้าง?"

"นายรู้ไหมว่ามันคืออะไร?"

"แน่นอนว่าฉันต้องรู้" ไม่มีทางที่กู่เฟยที่ศึกษาเกมนี้ในทุกๆด้านจะไม่รู้ว่ามีรูปแบบการจัดตั้งกลุ่มขนาดใหญ่อยู่สองรูปแบบในเกมนี้

กิลด์กับกลุ่มทหารรับจ้าง

กิลด์นั้นก็เหมือนกลุ่มแก๊งในเกมออนไลน์ทั่วไป ในเกมพาราเรลเวิร์ล กิลด์จะสามารถสร้างขึ้นได้โดยใช้คนๆหนึ่งในการสร้างและใช้อีกยี่สิบคนในการยอมรับ

ในขณะเดียวกันกลุ่มทหารรับจ้างจะมีคุณสมบัติใหม่อีกอย่างหนึ่งที่ต่างจากเกมออนไลน์ทั่วไป เนื่องจากทหารรับจ้างไม่จำเป็นต้องมีผู้เล่นจำนวนมากในการสร้างถึงขนาดที่ผู้เล่นคนเดียวก็สามารถสร้างขึ้นได้ เควสที่ทหารรับจ้างจะได้รับจากระบบส่วนใหญ่จึงเป็นเงิน ค่าประสบการณ์ หรืออุปกรณ์สวมใส่ ในทำนองเดียวกันผู้เล่นต่างๆและกิลด์ก็สามารถให้ภารกิจกับกลุ่มทหารรับจ้างได้โดยการกำหนดค่าตอบแทน โดยเมื่อทำภารกิจสำเร็จกลุ่มทหารรับจ้างก็จะได้รับรางวัลตามที่ตกลงกันไว้ โดยปกติแล้วกลุ่มผู้เล่นและกิดด์ต่างๆย่อมไม่สามารถให้ค่าประสบการณ์เป็นรางวัลได้ ดังนั้นส่วนใหญ่ค่าตอบแทนจึงเป็นอุปกรณ์สวมใส่ เงิน ทอง และอื่นๆ

กิลด์ต่างๆกับกลุ่มทการรับจ้างไม่เคยปะทะกันเอง แม้ว่ากลุ่มผู้เล่นจะมาจากกิลด์ที่ต่างกันแต่พวกเขาก็ยังสามารถสร้างกลุ่มทหารรับจ้างร่วมกันได้ อย่างไรก็ดีในตอนนี้กิลด์ส่วนใหญ่มักจะให้สมาชิกกิลด์ของตนเองเป็นคนสร้างกลุ่มทหารรับจ้างขึ้นเอง ถึงแม้ว่าคนๆเดียวก็สามารถตั้งกลุ่มทหารรับจ้างได้ แต่เควสต์ต่างๆที่ระบบให้มักเป็นเควสต์ที่ทำคนเดียวไม่ได้ หมาป่าเดียวดายอาจทำได้เพียงรอเควสง่ายๆที่มาจากผู้เล่นอื่น! ดังนั้นหนึ่งในสิ่งที่นิยมมากที่สุดในเกมตอนนี้ก็คือการที่ทางกิลด์จะฟูมฟักกลุ่มทหารรับจ้างของพวกเขาขึ้นเอง

กู่เฟยหัวเราะพักหนึ่งและกล่าว "โอ้ แปลว่านายอยากให้ฉันเข้าร่วมกับกลุ่มทหารรับจ้างของกิลด์ท้าทายสวรรค์งั้นสิ?"

นักดาบปีศาจหัวเราะอย่างขมขื่น "กิลด์ท้าทายสวรรค์แตกไปแล้ว"

"อ้าว! ทำไมล่ะ?" กู่เฟยงุนงง ถึงการสร้างกิลด์จะต้องใช้คนเลเวล30เป็นคนสร้างและใช้คนเลเวล20ในการเข้าร่วม แต่ในเมื่อนักดาบปีศาจมีเลเวล30ตั้งนานแล้ว กู่เฟยก็คิดไปว่าเขาน่าจะจัดตั้งกิลด์ท้าทายสวรรค์ตั้งนานแล้ว

- - - - - - - -

ดาบแห่งราชวงศ์ถัง = ดาบจีนคมด้านเดียวถูกใช้ในช่วงราชวงศ์ถัง มันถูกส่งออกไปยังเกาหลีและญี่ปุ่นสร้างอิทธิพลต่อการตีดาบของทั้งสองระเทศ ดาบแห่งราชวงศ์ถังในตอนนั้นคล้ายกับดาบฉือเต๋า(ดาบดำ)ของญี่ปุ่น

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด