GE96 อำพรางโดยสมบูรณ์ ฝึกฝนจิตใจ [ฟรี]
หลานเหม่ยฝันถึงเรื่องที่น่าอับอาย
ในฝัน นางตกอยู่ในกำมือของหนิงฝาน เขากอดนางแน่น ทั้งยังร่วมรักกับนางในส่วนที่สกปรก
แต่ความรู้สึกที่ได้รับกลับน่ายินดี เฉกเช่นที่สตรีทั่วไปรู้สึก เพียงแต่มากกว่าสตรีทั่วไปนับ 100 เท่า
“นางกำลังมีความสุข… ดี...”
ขณะที่นางกำลังฝันอยู่นั้น หนิงฝานจับขาทั้งสองข้างของนางแยกออกจากกันนั้น ได้ลงมือรักษาอวัยวะเพศของนาง
ในสตรีนั้นมีอาการป่วยอยู่หลายชนิด อาการป่วยในแบบที่หลานเหม่ยเป็น นางยังมีประจำเดือนเป็นปกติ ร่างกายยังคงเหมือนสตรีทั่วไป เพียงแต่ช่องของอวัยวะเพศปิดสนิท
ดังนั้นหนิงฝานจึงต้องใช้มีดกรีดเปิดทาง แต่ด้วยอานุภาพของโอสถรักษา ทำให้แผลหายอย่างรวดเร็ว
แต่ถึงอย่างนั้น บริเวณอวัยวะเพศของนางยังคงเหลือรอยแผลเล็กน้อย แต่ส่วนอื่นดูเหมือนอวัยวะเพศที่สมบูรณ์ของสตรีทั่วไป
ดังนั้นหนิงฝานจึงต้องเคี้ยวโสมพันปี แล้วใช้น้ำที่ได้หยดลงบนอวัยวะเพศของนาง
แม้ยามนี้นางกำลังหลับอยู่ แต่ความรู้สึกที่ได้รับจากการรักษายังคงรู้สึก
การรักษาเช่นนี้ หนิงฝานทำให้เพียงจื่อเฮ่อ แต่หลานเหม่ยก็ถือเป็นภรรยาคนที่ 2 ของเขาเช่นกัน จึงได้ยอมทำเช่นนี้ให้นาง
“หากเจ้าตายและถูกฝังไว้ที่สระจันทรากระจ่าง… ข้าก็จะตายและฝังเคียงข้างเจ้า!”
คำกล่าวนี้ของนางยังคงดังกังวาลอยู่ในหัวใจของหนิงฝาน
แม้หลานเหม่ยจะถูกมั่นหมายโดยกุ่ยเชว่สื่อและหานหยวนจี๋ แต่ยามนี้ หนิงฝานได้ตัดสินใจแล้วว่าจะแต่งงานกับนาง
ในขณะที่หนิงฝานทำการรักษาอยู่นั้น หลานเหม่ยกลับรู้สึกตัวตื่น นางเหลือเห็นหนิงฝานกำลังก้มหน้ารักษาตรงส่วนนั้นของนาง นางอับอายอย่างที่สุดกระทั่งไม่กล้าลืมตา
เพียงแต่… ก่อนหน้านี้หนิงฝานใช้มือรักษา แต่เพื่อให้ผลของโสมพันปีดีขึ้น เขาจึงเปลี่ยนไปใช้ลิ้นทางน้ำโสมลงบนอวัยวะเพศของนางแทน
เมื่อเป็นเช่นนั้น ส่วนนั้นของนางจึงเริ่มเปียกชุ่ม
ยามนี้หลานเหม่ยสังเกตุเห็นว่า ตนเองไม่ได้อยู่บนพื้นหญ้าเหมือนก่อน นางมาอยู่ในห้องของศิษย์สตรีแล้ว
และยามนี้เอา นางเพิ่งสังเกตุเห็นสิ่งที่น่าหวาดกลัว เพราะข้างๆหนิงฝานที่กำลังทำการรักษาให้นางอยู่นั้น มีคนรับใช้อยู่คนหนึ่ง นางถือชามน้ำเพื่อเช็ดทำความสะอาดคราบโลหิตบริเวณอวัยวะเพศของหลานเหม่ย
และคนรับใช้ผู้นี้ เป็นคนรับใช้คนสนิทของนาง!
“หนิงฝานรักษาข้าเช่นใด เข่อเอ๋อร์ถึงได้อยู่ที่นี่ด้วย… เจ้าไม่ไว้หน้าข้าบ้าง!”
นางไม่กล้าลืมตา เพราะไม่กล้าสบตากับเข่อเอ๋อร์
ยามนี้ นางคิดว่าหนิงฝานกำลังล่วงเกินนาง แม้นางจะเป็นคู่หมั้นของเขา แต่เรื่องสามีภรรยาเช่นนี้ เหตุใดถึงได้ให้คนรับใช้ได้เห็น
แม้เข่อเอ๋อร์ยังเด็ก แต่นางรู้เรื่องระหว่างบุรุษสตรี สิ่งที่หนิงฝานทำอยู่ยามนี้ นางย่อมรู้เรื่อง
ใบหน้าเล็กๆของนางแดงก่ำ ดวงตาเบิกกว้างมองจุดสำคัญของหลานเหม่ยด้วยความสงสัย
แต่ความคิดฟุ้งซ่านเหล่านั้นของหลานเหม่ยดำเนินไปได้ไม่นาน หนิงฝานได้เช็ดบริเวณจุดสำคัญของนาง ลุกยืน แล้วหันกล่าวกับเข่อเอ๋อร์ “ทำความสะอาดตรงส่วนนี้ของนายหญิงเจ้าให้ดี หากนางตื่นก็บอกนางว่า ภายในครึ่งเดือนนี้ ห้ามนางลุกจากเตียง และห้ามให้แผลเปียกน้ำ”
“เข่อเอ๋อร์รับทราบ… นายน้อยไม่ควรอยู่กับนายหญิงน้อยที่นี่...”
“หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปจะไม่ดี แม้ว่าข้าไม่ได้สนใจเรื่องชื่อเสียง แต่หลานน้อยใส่ใจมาก”
เมื่อหนิงฝานกลับออกไป เข่อเอ๋อร์ก็เร่งทำความสะอาดร่างกายหลานเหม่ย
“ใครใช้ให้เจ้าเรียกข้าว่าหลานน้อย!” หลานเหม่ยกล่าวในใจ ชื่อนั้นเป็นชื่อที่มารดาของนางมักเรียกขาน ไม่มีผู้ใดเรียกขานนางเช่นนั้น
เมื่อความรู็สึกเย็นๆจากการล้างบริเวณจุดสำคัญปรากฏ หลานเหม่ยก็พบเรื่องที่น่าอัศจรรย์ เส้นชีพจรของนางเชื่อมต่อลงไปยังบริเวณจุดสำคัญ ทำให้ระดับพลังของนางทะลวงไปยังขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลาง!
หากไม่มีหนิงฝาน นางอาจจะยังป่วยอยู่เช่นนั้น แต่เมื่อหนิงฝานมา นอกจากจะให้ความรู้สึกที่อบอุ่นกับนาง เขายังมอบสิ่งที่สตรีเช่นนางมีความสุขที่สุด
“ขอบคุณ...” นางกล่าวในใจ แต่รอยยิ้มมีความสุขที่ปรากฏบนใบหน้านั้น เข่อเอ๋อร์เห็นพอดี นางจึงตกใจเป็นอย่างมาก
“เป็นครั้งแรกที่นายหญิงยิ้มได้งดงามขนาดนี้...”
ค่ำคืนผันผ่าน หนิงฝานที่กลับไปถึงโถงขัดเกลาผสานได้เร่งเข้าที่พักทันที ยามนี้ เขาสะสางเรื่องที่ต้องทำก่อนจะเก็บตัวฝึกฝนไปอีกหนึ่งเรื่องแล้ว
ยังเหลือปราณหยินที่อยู่ในสุสานวิหคทมิฬชั้น 5 ที่หนิงฝานจะยังไม่ไป เขาเชื่อว่าแม้เป็นผู้เชี่ยวชาญไร้แบ่งแยก ยังไม่อาจหาปราณหยินพบ แต่หนิงฝานหาพบได้
โอสถที่ส่งไปเมืองหนิงนั้น ต้องใช้เวลาให้เหล่าทหารและผู้ที่ได้รับเก็บตัวฝึกฝน และนั่นจะทำให้กองรบของเมืองหนิงแข็งแกร่งขึ้นอย่างก้าวกระโดด
ดังนั้นแล้ว จึงเหลือเรื่องสุดท้ายที่ต้องทำ
“จักรพรรดิปีศาจไป๋กู่...”
แววตาหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา เจตนาสังหารที่รุนแรงปรากฏ เขาจะรอให้มันออกจากนิกาย และฉวยโอกาสสังหารมัน! ยามนี้เขาต้องรอเวลา
หนิงฝานนำตำราโบราณออกมา ตำราเล่มนี้คือคัมภีร์สวรรค์ไร้อักษรที่ใช้แต้มนิกายแลกมา
คัมภีร์สวรรค์ไร้อักษรคือตำราที่มีใบหน้าว่างเปล่า ไร้ซึ่งสิ่งใดสลัก มีเพียงตัวอักษรไม่กี่ตัวที่สลักไว้บนผนึก
“ความตายของราชา!”
ตัวอักษรที่สลักไว้นั้นแฝงไปด้วยเจตนาสังหารรุนแรงกว่าของหนิงฝานนับล้านเท่า
เมื่อยามที่จ้องมองตัวอักษรเหล่านั้น เจตนาสังหารที่ซ่อนเร้นในจิตใจราวกับเปิดเผยออกมาทั้งหมด
แม้คัมภีร์สวรรค์ไร้อักษรจะดูไร้ค่า แต่หนิงฝานเห็นคุณค่าของมัน
ยับยั้งเจตนาสังหาร!
เขาลุกยืน เดินตรงไปยังโต๊ะภายในห้อง นำกระดาษขาวแผ่นหนึ่งออกมา เขียนตัวอักษรเลียนแบบที่สลักอยู่บนผนึกของคำภีร์สวรรค์ไร้อักษร
ความตายของราชา… ดูเหมือนจะมีความหมายอื่นแอบแฝง
ลายมือของหนิงฝานไม่ได้งดงามนัก เพราะเขาขาดโอกาสร่ำเรียนตั้งแต่เด็ก ผู้ที่สามารถเขียนตัวอักษรได้นับว่าหาได้ยาก แม้ได้ความทรงจำของจักรพรรดิสวรรค์มาครอบครอง ทำให้ความรู้ความสามารถบรรลุถึงระดับที่น่าตกใจ แต่ลายมือยังไม่ได้เรื่องอยู่ดี
เพียงแต่หนิงฝานไม่ได้สนใจเรื่องความงดงามของตัวอักษร สิ่งที่เขาสนใจคือ ผู้ที่เขียนตัวอักษรบนผนึกนั้น ราวกับใช้เวลานานหลายปีในการขัดเกลาตัวอักษร กระทั่งตัวอักษรที่เขียนลงไป งดงามเป็นอย่างมาก
ศิลปะและสุนทรีย์ศาสตร์สามารถทำให้จิตใจสงบ ยามนี้ หนิงฝานที่พยายามเขียนตัวอักษรให้เหมือน กำลังจิตใจสงบลงอย่างต่อเนื่อง ระดับความเข้มแข็งของจิตใจเพิ่มพูน
หนิงฝานดูราวกับเข้าใจบางสิ่ง
การเก็บซ่อนเจตนาสังหารเป็นเรื่องดี เพราะบางครั้ง การซ่อนเร้นเจตนาสังหาร จะยิ่งทำให้เจตนาสังหารของตนรุนแรงและเฉียบคมมากขึ้น
ซ่อนเร้นเจตนาสังหารให้สมบูรณ์ แล้วปลดปล่อยออกมาให้คราวเดียว การเก็บรวบรวมแล้วปลดปล่อยนั้น ให้อานุภาพที่ดีกว่า
ยามนี้ หนิงฝานยังไม่อาจเขียนตัวอักษรเลียนแบบได้โดยสมบูรณ์
แต่การเขียนซ้ำไปซ้ำมานั้น ก็เป็นการขัดเกลาจิตใจ...
ผ่านไปหนึ่งวัน หวางเหยายังคงไม่ออกจากตำหนักผู้ดูแลศิษย์ ดูเหมือนมันจะยังฟื้นฟูปราณที่เสียไปไม่สมบูรณ์
ผ่านไปอีกหนึ่งวัน หวางเหยาออกนอกตำหนักผู้ดูแลศิษย์ เพื่อเข้าพบผู้อาวุโสของนิกาย จากนั้นก็กลับคืนตำหนักดังเดิม
ผ่านไปอีก 1 วัน หวางเหยายังคงไม่เคลื่อนไหว
หนิงฝานยังคงเฝ้ารออย่างอดทน หากหวางเหยาไม่เคลื่อนไหว เขาก็ไม่เคลื่อนไหวเช่นกัน
ในระยะ 3 วันที่ผ่านมา ไป๋ลู่ไม่มารบกวน ราวกับในคืนนั้นที่นางได้รู้ถึงระดับพลังที่แท้จริงของหนิงฝาน นางรู้ว่าตนดูดซับพลังของหนิงฝานไม่ได้ นางจึงเอาแต่กักขังตนเองอยู่ในห้อง… ใครใช้ให้นางถือดีและเย่อหยิ่ง จึงถูกหนิงฝานหลอกเอาง่ายๆ
ในเมื่อไม่มีผู้ใดรบกวน ตลอดเวลาที่ผ่านมา หนิงฝานจึงเขียนตัวอักษรเลียนแบบคัมภีร์สวรรค์ไร้อักษร กระทั่งได้กระดาษกองเป็นปึกใหญ่.. ยามนี้หนิงฝานสามารถระงับเจตนาสังหารได้อย่างอิสระ นับว่าระดับจิตใจของเขาก้าวหน้าไปมาก
ตัวอักษรที่เขาเขียนก็งดงามมาก และดูเป็นธรรมชาติเช่นกัน
ยามนี้ หนิงฝานนั่งหลับตา และบรรจงเขียนตัวอักษรเหล่านั้นต่อไป
ยามราตรีมาเยือน จู่ๆหนิงฝานก็หยุดปากกาเขียน เพราะปราณกระบี่ที่เฉียบคมกำลังมุ่งเข้ามา
เงาร่างผู้เยาว์ในชุดคลุมเทาปรากฏ มันแปรเปลี่ยนเป็นลำแสงสีดำทะลวงข่ายอาคมของนิกายออกไป!
หวางเหยาเคลื่อนไหวแล้ว!
“คืนนี้มันต้องตาย!”
เจตนาสังหารของหนิงฝานปรากฏขึ้นที่แววตา กระดาษที่วางเรียงบนโต๊ะปลิวว่อน
หนิงฝานเหยียบย่างนภาท่ามกลางแสงจันทร์ ชักกระบี่แยกสวรรค์ฟาดฟันข่ายอาคมของนิกาย แล้วใช้วิชาลับสัมผัสลวงอำพรางกาย ติดตามไปในทิศทางที่หวางเหยาหายไป
ทิศทางที่หวางเหยาไปนั้น เป็นตำแหน่งที่ตั้งของตระกูลหู บางที มันอาจหมายตาที่นั่นเป็นที่แรก...
ภายในโถงขัดเกลาผสาน… สตรีในอาภรณ์บางเบาเผยแววตาซับซ้อน นางจ้องมองการเคลื่อนไหวของหนิงฝานเมื่อครู่
ไป๋ลู่
ยามนี้นางไม่ต้องการดูดซับพลังของหนิงฝานแล้ว นางเพียงต้องการสังหารหนิงฝานเท่านั้น
นางเกลียดหนิงฝานเป็นทุนเดิม แต่เมื่อคิดว่าหนิงฝานเป็นกระถางขัดเกลาของตน ความเกลียดชังจึงลดลง
แต่เมื่อรู้ว่าหนิงฝานหลอกลวงตนโดยสมบูรณ์… นางจึงเริ่มสับสน
แม้นางจะยังเกลียดชังหนิงฝาน แต่ราวกับมีความรู้สึกอื่นเข้ามาผสม
นางสับสนอย่างที่สุด
“บุรุษนั่น ไม่รู้ว่ายามราตรีเช่นนี้จะไปทำร้ายสตรีนางใดอีก… ช่างเถอะ ตราบใดที่มันไม่ทำร้ายศิษย์น้องในโถงขัดเกลาผสาน ข้าก็ไม่จำเป็นต้องลงมือ ฮึ่ม… ออกไปตายข้างนอกได้ก็ดี”
ไป๋ลู่ด่าทอ แต่สุดท้ายนางก็ออกจากห้อง มุ่งตรงไปยังที่พักของหนิงฝาน
ภายในห้องของหนิงฝานเกลื่อนไปด้วยกระดาษที่เขียนตัวอักษรไว้เป็นจำนวนมาก ไป๋ลู่หยิบกระดาษเหล่านั้นขึ้นมา จัดเรียง และวางไว้บนโต๊ะตามเดิม แต่เมื่อนางได้จ้องมองตัวอักษรเหล่านั้น แววตาของนางยิ่งซับซ้อน
“เป็นตัวอักษรที่งดงามยิ่งนัก...”
…
ตระกูลหูตั้งอยู่บน ‘ภูเขาจันทราเยือกแข็ง’ ทางตะวันตกของแคว้นเยว่ ภูเขาแห่งนี้มีสระน้ำพิเศษเฉพาะแห่งหนึ่ง นามว่า ‘สระจันทราเยือกแข็ง’ เป็นสระน้ำที่ไม่เพียงใช้บ่มเพาะพลัง แต่ยังเป็นประโยชน์กับการหลอมสร้างสมบัติ การปรุงโอสถ การปลูกสมุนไพร กระทั่งบำรุงชาวิญญาณเลิศรส
หากได้ลงไปอาบในสระ จะช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ ทั้งยังมีส่วนช่วยในการบ่มสุราชั้นเลิศ
สระจันทราเยือกแข็งแห่งนี้ เป็นแห่งพลังงานหล่อเลี้ยงตระกูลหู ทำให้คนในตระกูลหูนับพันยังมีชีวิตอยู่ได้
กองทัพตระกูลหูนับเป็นทัพอันดับที่ 15 ในแคว้นเยว่! ในทัพมีทหาร 500 นาย แต่ละนายเป็นผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรที่ 3 มีบางส่วนที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเปิดเส้นชีพจรที่ 2 คนเหล่านี้จะขี่สัตว์อสูรบิน ใช้ต่อกรกับผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณโดยเฉพาะ
แม้ทหารของตระกูลหูจะไม่ได้แข็งแกร่งนัก แต่พวกมันผสานพลังร่วมกับสัตว์อสูiบิน แม้เป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณก็ใช่ว่าจะกล้ายั่วยุพวกมัน
นอกจากทัพทหารแล้ว ตระกูลยังมีผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ 11 คน และที่แข็งแกร่งที่สุดคือผู้นำตระกูล เป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นสุดท้าย นามว่า ‘หูฟงสื่อ’
มีข่าวลือว่า อีกไม่นานหูฟงสื่อจะได้สัมผัสถึงหัวใจแห่งปีศาจ และเอื้อมคว้าถึงขอบเขตแก่นทองคำ
ยามราตรี… ทหารยามของตระกูลได้ตรวจตรารอบสระจันทราเยือกแข็งในรัศมี 200 ลี้
เพื่อป้องกันการลอบขโมยน้ำในสระ
หากผู้ใดที่มาตระกูลหูโดยไม่ระวัง อาจเกิดปัญหาตามมา
แต่ราตรีนี้...ความหวาดกลัวและหายนะกำลังคืบคลานมาหาพวกมัน เพราะผู้เยาว์ในชุดคลุมเทาได้เผยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ มันเหยียบย่างนภาแหวกผ่านหมู่เมฆที่ดำสนิท ตรงดิ่งเข้าหาตระกูลหู
การปรากฏตัวของผู้เยาว์ในชุดคลุมเทา ทำให้ทหารของตระกูลหูตกตะลึง เพราะผู้ที่เหยียบย่างนภาได้นั้น ย่อมเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ!
การที่ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณมาเยือนตระกูลหู หากอีกฝ่ายมีเจตนาดี คงไม่บุกมายามราตรีเช่นนี้ ที่สำคัญ แววตาของอีกฝ่ายยังเปี่ยมไปด้วยเจตนาสังหาร มันต้องมาทำลายตระกูลหูอย่างแน่นอน
“นำธนูวิญญาณออกมา!”
บนภาคพื้น เหล่าทหารที่ตรวจตรามีผู้นำเป็นชายร่างกายกำยำสูงใหญ่ ยามนี้สีหน้ามันแปรเปลี่ยนอัปลักษณ์ เพราะรู้ว่าผู้ที่มามีเจตนาไม่ดี
มันสั่งให้เหล่าทหารนำธนูออกมาเตรียมพร้อม
ทหารคนหนึ่งเริ่มเหนี่ยวคันธนู โคจรวิชาลับ ยิงลูกศรที่เปล่งแสงสีม่วงแหวกผ่านอากาศเข้าจู่โจมผู้เยาว์ในชุดคลุมเทา
ผู้เยาว์คนนั้นไม่คิดหลบลูกศรที่กำลังตรงเข้ามา ในขณะเดียวกัน ไกลออกไป 200 ลี้มีเปลวเพลิงลุกโชน ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ 3 คนปรากฏกาย พวกมันโดยสารอุปกรณ์บิน ตรงมายังบริเวณที่เกิดเรื่อง
ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณที่มานั้น มี 2 คนเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณขั้นต้น และอีกหนึ่งเป็นชายชราในขอบเขตประสานวิญญาณขั้นกลาง เมื่อเห็นว่าผู้บุกรุกเป็นเพียงผู้เยาว์ ชายชราจึงเผยแววตาเย้ยหยัน
“เป็นเด็กกลับไม่หลับนอนยามราตรี… เจ้ามีตระกูลหูเพื่ออะไร?”
การที่ผู้เยาว์คนนั้นเหยียบย่างนภาพได้ อย่างน้อยๆมันต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะต่อให้มีผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำมา ก็ใช่ว่าจะบุกรุกตระกูลหัวขึ้นได้ง่ายๆ
ดังนั้นชายชราจึงยังประมาทผู้เยาว์คนนั้น
แววตาผู้เยาว์ในชุดคลุมเทาเป็นประกาย ในใจคิดเย้ยหยัน และทันใดนั้นเอง มันได้กลายร่างเป็นปีศาจโครงกระดูกขนาดใหญ่
แรงกดดันขอบเขตแก่นทองคำขั้นต้น! แรงกดดันที่ทรงพลังอานุภาพแผ่ออกมาจากตัวผู้เยาว์ มันกล่าวอย่างเย้ยหยัน
“วันนี้ตระกูลหัวของเจ้าจะต้องเป็นเครื่องสังเวยให้กับข้าผู้นี้! ตายซะ”
เสียงคำรามดังสนั่น ผู้เชี่ยวชาญประสานวิญญาณทั้งสามถูกคลื่นเสียงพัดปลิว แห่งทหารที่ตรวจตราถูกบดขยี้จนร่างแหลกไม่มีชิ้นดี
“แก่นทองคำ! ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ!” เงาร่างของคนผู้หนึ่งปรากฏตัวที่ยอดเขาจันทรากระจ่าง หูฟงสื่อแผ่สัมผัสเทพของตนเข้าตรวจสอบปีศาจโครงกระดูกยักษ์ แต่นั่นกลับทำให้มันเจ็บ
100 ปีที่ผ่านมา มันยังไม่เคยเห็นผู้ใดแปลงร่างเป็นยักษ์มาก่อน
เมื่อปีศาจยักษ์สัมผัสได้ถึงสัมผัสเทพกวาดผ่าน มันโกรธเคือง มันหันหน้าไปยังทิศทางหูฟงสื่อ สองเท้าก้าวเดินไปหา แต่ละครั้งที่มันเหยียบพื้นดิน ทำให้พืนดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เมื่อเข้าใกล้ได้ระยะหนึ่ง มันชกหมัดไปยังยอดเขาจันทรากระจ่าง ทำให้พื้นที่บนภูเขานับ 1000 จ้างถูกทำลาย
หูฟงสื่อไม่อาจเลี่ยงการจู่โจมครู่ จนยามนี้มันได้รับบาดเจ็บสาหัส
ชายชรามั่นใจว่าผู้ที่มาไม่ได้เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำทั่วไป มันมีพลังที่เหนือชั้นกว่านี้มาก
“ตระกูลหูของข้าเคยสร้างปัญหาให้ผู้ใด เหตุใดตัวตนที่ร้ายกาจเช่นนี้ถึงได้มาเยือน! กองทัพตระกูลไปมุดหัวอยู่ไหน?”
“ขออภัยท่านตาที่ข้ามาช้า ท่านไปพักก่อนเถอะ!”
ผู้เยาว์ในชุดคลุมดำขี่เหยี่ยวขนาดใหญ่ปรากฏ ด้านหลังมันมีกลุ่มทหารนับ 500 นายที่ขี่เหยี่ยวมา
เมื่อตระกูลหหูปั่นป่วน เหล่าทหารหายก็ต้องปกป้อง
“ใช้ข่ายอาคมสยบมาร อย่าปล่อยให้มันรอดกลับไป!”
ผู้เยาว์ในชุดคลุมดำออกคำสั่ง...