บทที่ 43 ชนแล้ว!
บทที่ 43 ชนแล้ว!
หลังจากที่เย่เลี่ยนกลืนกินก้อนไวรัสที่มีความบริสุทธิ์สูงเข้าไป นอกจากสติสัมปชัญญะจะเกิดการพัฒนาที่น่าพอใจ ดูเหมือนว่าทางร่างกายก็มีการเปลี่ยนแปลงด้วยเช่นกัน
แม้ว่าผิวหนังยังคงดูขาวซีดเซียว แต่ดูเหมือนว่าภายในร่างกายที่อ่อนแอบอบบางนั้นกลับซ่อนพลังจำนวนมหาศาลเอาไว้
หลิงม่อไม่สามารถทำการทดสอบทั้งหมดในโรงน้ำชานี้ได้ แต่เมื่อหลิงม่อให้เย่เลี่ยนลองเคลื่อนที่ในวงแคบ ถึงได้พบว่าเย่เลี่ยนเคลื่อนที่ได้รวดเร็วและรุนแรงเป็นอย่างยิ่ง!
สำหรับเย่เลี่ยนคนก่อน พูดได้แค่ว่าเธอเหมือนกับเสือชีตาห์มาก แต่เวลานี้เธอแทบจะกลายเป็นเงาดำไปโดยสิ้นเชิง เธอกระโดดโลดเต้นไปรอบๆ อย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ กลายเป็นเสือชีตาห์ที่คลุ้มคลั่งไปโดยสมบูรณ์เสียแล้ว!
หากพูดถึงความเร็ว แน่นอนว่าเธอเทียบไม่ได้กับเสือชีตาห์ที่วิ่งแบบเต็มสปีด แต่ด้านความปราดเปรียว เมื่อเทียบกับเสือชีตาห์แล้ว เธอไม่ได้ด้อยไปกว่าเลย
“สุดยอด...” หลิงม่ออดตะลึงงันไม่ได้ แต่จากนั้นเขาก็เข้าสู่โหมดตื่นเต้นและสนใจใคร่รู้อย่างรวดเร็ว!
เมื่อกี้นี้ตอนที่เขาจูบกับเย่เลี่ยนอย่างดูดดื่มร้อนแรง แม้ว่าความรู้สึกสบายกายสบายใจที่พรั่งพรูอย่างไม่ขาดสายจะถูกหลิงม่อทิ้งไว้ข้างหลัง แต่ผลกระทบที่นำมาสู่ร่างกายนั้นมันกลับดูจริงมากๆ
แต่เมื่อหลิงม่อลองกำหมัดแน่นๆ ดู เขากลับไม่เห็นรู้สึกว่าพละกำลังของตัวเองจะเพิ่มขึ้นเลย เรื่องนี้ทำให้เขาขมวดคิ้วมุ่นทันที
ทว่าจากนั้นไม่นานเขาก็เบนสายตาไปทางเย่เลี่ยนที่ตอนนี้หยุดนิ่งลงแล้ว แล้วเขาก็เผยสีหน้าเข้าใจออกมาทันที
การวิวัฒนาการของเขามีความสัมพันธ์เชื่อมโยงกับเย่เลี่ยน ในเมื่อการพัฒนาของเย่เลี่ยนแสดงออกมาทางด้านความรวดเร็วและความปราดเปรียว ถ้าอย่างนั้นไม่แน่ว่าเขาอาจจะเป็นเหมือนกับเย่เลี่ยนก็ได้
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลิงม่อก็เดินไปที่มุมหนึ่งของโรงน้ำชา จากนั้นสูดหายใจเข้าลึกและพุ่งตัวไปข้างหน้าทันที
การวิ่งในสภาพแวดล้อมที่มีสิ่งกีดขวางมากมาย หากปฏิกิริยาทางประสาทไม่รวดเร็วพอและปฏิกิริยาทางร่างกายไม่สอดคล้องกัน จุดจบมีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือล้มถลอกปอกเปิกไม่เป็นท่า!
ถึงแม้หลิงม่อจะรู้สึกได้ว่าร่างกายของเขาคล่องแคล่วปราดเปรียวขึ้นจริงๆ ความเร็วก็ดูเพิ่มขึ้นด้วย แต่ก็คงยังไม่ถึงขั้นที่จะวิ่งท่ามกลางสิ่งกีดขวางได้รวดเร็วเหมือนกับเย่เลี่ยน
แต่หลิงม่อคำนวณพลาดซะแล้ว! เขาคิดไม่ถึงว่าเมื่อตัวเองออกวิ่งสุดกำลัง เขาจะวิ่งได้รวดเร็วมากขนาดนี้! แม้จะยังเทียบกับเย่เลี่ยนไม่ได้ แต่ก็นับว่าเร็วกว่าคนทั่วไปแล้ว!
แล้วหากวิ่งไปที่โต๊ะเก้าอี้โซฟาที่อยู่ไม่ไกลด้วยความเร็วเท่านี้ ก็ใช้เวลาเพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้นเอง
ที่สำคัญที่สุดคือซย่าน่ายังคงนอนสลบไสลอยู่บนโซฟาตัวนั้นอยู่...
พับผ่าสิ หลบไม่พ้นแล้ว หลบไม่พ้นแล้ว! หลิงม่อสบถอยู่ในใจ แต่เท้าเขาเบรกไม่ทันแล้ว เมื่อเห็นว่ากำลังจะชนเข้ากับโต๊ะวางถ้วยชาที่อยู่ด้านหน้าโซฟา หลิงม่อก็เอี้ยวตัวหลบทันทีในช่วงวินาทีสำคัญ
การหลบหลีกในขณะที่กำลังเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่เพื่อไม่ให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บ แล้วก็เพื่อไม่ให้ซย่าน่าต้องประสบเคราะห์ไปด้วย ในที่สุดหลิงม่อก็กัดฟันทำได้!
อย่างไรก็ตามการหลบหลีกอย่างกะทันหัน แม้จะทำสำเร็จ แต่ผลลัพธ์นั้นยังคงเกิดความผิดพลาดขึ้นอยู่ดี หลิงม่อแค่มีเวลาพอทันที่จะบิดหมุนตัวไปทางด้านข้าง ถึงแม้จะหลบโต๊ะวางถ้วยชาพ้น แต่เท้าเขากลับสูญเสียการทรงตัว เขาก็เลยล้มฟาดไปข้างหน้าทันที
“อ้าก!”
หลิงม่อเพิ่งจะส่งเสียงร้องออกมาเบาๆ ร่างกายก็พุ่งลอยขึ้นไปกลางอากาศเรียบร้อยแล้ว จากนั้นร่วงลงมาสู่พื้น
“เจ็บจัง...”
หัวเข่ากระแทกลงบนพื้น ถึงแม้ว่าจะปูพรม แต่มันก็ยากจะทานทนอยู่ดี ทว่ายังโชคดีที่ร่างกายท่อนบนของหลิงม่อไม่ได้ร่วงมากระแทกพื้น ไม่เช่นนั้นใบหน้าก็คงฟกช้ำบวมปูดไปแล้ว...
กลิ่นหอมจางๆ พัดโชยเข้ามาในจมูกของหลิงม่อ แต่ขณะที่หลิงม่อใช้สองมือยันและพยายามลุกขึ้นยืน มือเขาก็เผลอกดโดนอะไรบางอย่าง...
“เอ๋?”
หลิงม่อเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว แล้วนิ่งงันไปในทันที แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างเต็มที่ไม่ให้ตัวเองชนโดนซย่าน่า แต่มันก็ไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจเอาไว้เลย...ยังดีที่...ซย่าน่าไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร...
แต่หลังจากนั้นสีหน้าของหลิงม่อก็เปลี่ยนเป็นเขินอายสุดขีดทันที! เพราะเมื่อเขาหันไปมองใบหน้าของซย่าน่า เขาก็พบว่าซย่าน่าลืมตาขึ้นมาแล้ว แล้วดวงตาที่เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไปคู่นั้นก็กำลังจ้องมองเขาเขม็ง!
หลิงม่อใจหล่นวูบทันที!
ถึงแม้เขาจะไม่ได้ตั้งใจ อีกทั้งรู้ด้วยว่าซย่าน่าคงไม่ได้รู้สึกอะไรกับเรื่องนี้หลังจากที่กลายเป็นซอมบี้ไปแล้ว แต่ หลิงม่อก็ยังคงกระแอมไอกลบเกลื่อน แล้วถึงค่อยๆ ปล่อยมือจากซย่าน่า
แต่ที่ทำให้เขาตัวแข็งทื่อไปในทันทีคือจู่ๆ ใบหน้าของซย่าน่าก็ฉายแววโกรธเคืองขึ้นมา จากนั้นเธอก็พูดสองคำสั้นๆ ด้วยเสียงดังชัดเจนว่า “โรคจิต!”
“หืม? ว่าไงนะ เธอพูดว่าอะไรนะ หรือว่าฉันฟังผิดไป”
หลิงม่อกระโดดโหยงทันที ก่อนหน้านี้ที่ซย่าน่ากลืนกินก้อนไวรัสเข้าไปและฟื้นขึ้นมา เธอเองก็พูดจาบ้างเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไรอีกเลย หลิงม่อจึงคิดว่าตอนนั้นเธอยังคงอยู่ในระหว่างการกลายร่าง ไม่ได้เป็นซอมบี้โดยสมบูรณ์ ก็เลยพูดจาด้วยความงงงวย ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่หลังจากที่สังเกตดูมาหนึ่งวันหนึ่งคืนเต็มๆ หลิงม่อก็แน่ใจว่าถึงแม้ตอนนั้นซย่าน่าจะยังไม่ได้กลายเป็นซอมบี้โดยสมบูรณ์ แต่ตอนนี้เธอได้กลายเป็นซอมบี้ไปแล้วไม่ผิดแน่นอน!
ตอนที่เขาหาตัวเย่เลี่ยนเจอ เย่เลี่ยนได้กลายเป็นซอมบี้กลายพันธุ์ไปแล้ว แถมยังผ่านการวิวัฒนาการมาแล้วหนึ่งครั้ง แต่เธอก็ยังพูดไม่เป็น แม้ว่าสภาพของซย่าน่าจะแตกต่างจากซอมบี้ทั่วไปอยู่มาก แต่...
หลังจากกินก้อนไวรัสที่มีความบริสุทธิ์สูงเข้าไป ซย่าน่าไม่เพียงจะไม่ได้กลายร่างไปสู่อีกขั้นของการเป็นซอมบี้ แต่กลับยิ่งเหมือนคนมากขึ้นอย่างนั้นน่ะเหรอ
อย่างไรก็ตามเจ้าเชื้อไวรัสนี้ ใครจะช่วยอธิบายให้เข้าใจได้บ้าง...
หลิงม่อมองซย่าน่าด้วยความสับสนมึนงง ส่วนภายในใจก็ทั้งตื่นเต้นและเปี่ยมด้วยความงงงวย
ซย่าน่าเองก็มองหลิงม่อ แล้วเบนสายตาไปทางเย่เลี่ยน หลังจากงุนงงอยู่สักพักหนึ่ง เธอก็ขมวดคิ้วพลางพูดว่า “ฉันรู้จักพวกนาย...”
เหลวไหล เธอต้องรู้จักพวกเราอยู่แล้วละ! เมื่อได้ยินซย่าน่าเอ่ยปากพูดอีกครั้ง หลิงม่อก็ตะโกนร้องออกมาทันที แล้วยื่นมือไปคว้าจับบ่าของซย่าน่าไว้แน่น “เธอกลับมาเป็นปกติแล้วเหรอ”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาจับบ่าเธอแรงเกินไปหรือเปล่า จากเดิมทีที่ดูเหมือนกลับมาเป็นปกติแล้ว แต่จู่ๆ ดวงตาของซย่าน่าก็กลับกลายเป็นสีแดง แม้เธอจะไม่ได้โจมตีทำร้ายหลิงม่อ ทว่ากลิ่นอายความกระหายเลือดกลับปะทุขึ้นมาในฉับพลัน
สิ่งนี้ทำให้หลิงม่อประหลาดใจเป็นอย่างมาก ถึงแม้เขาจะตื่นเต้น แต่ยังดีที่ความสามารถในการตอบสนองยังอยู่ครบ สองมือที่จับบ่าของซย่าน่าออกแรงกดเธอให้ลงไปนอนบนโซฟาอีกครั้ง
หลังจากต่อสู้ขัดขืนอยู่นานหลายนาที ซย่าน่าก็กลับมาสงบนิ่งอีกครั้ง แล้วค่อยๆ กลับคืนสู่สภาพปกติ
แต่หลิงม่อดูออกว่าตอนนี้ซย่าน่าได้อยู่ในสภาพ “สติแตก” ไปแล้ว! เวลาที่ไม่มีใครยั่วโมโหเธอ เธอก็เป็นกึ่งคนธรรมดาที่มีสติสัมปชัญญะและความสามารถในการตัดสินใจอยู่บ้างเล็กน้อย แต่ทันทีที่มีคนสัมผัสแตะต้องตัวเธอหรือทำให้เธอรู้สึกถึงความเป็นปรปักษ์ สัญชาตญาณซอมบี้ของเธอก็จะถูกปลุกขึ้นมาทันที!
ส่วนเรื่องการควบคุมของหลิงม่อ...สิ่งที่หลิงม่อเซ็งมากก็คือก่อนหน้านี้จิตใจของซย่าน่าเกิดการเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาดขึ้น หลังจากเธอฟื้นขึ้นมาแล้ว ถึงแม้สายสัมพันธ์ระหว่างเขาและเธอยังคงอยู่ แต่เขากลับไม่สามารถควบคุมเธอได้อีกแล้ว! ไม่เพียงแค่นั้น ถึงแม้เขาอยากที่จะเสริมการควบคุมให้เข้มข้นขึ้น แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้เช่นกัน เพราะทันทีที่ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัวของหลิงม่อ ก็จะเกิดการต่อต้านอย่างรุนแรงส่งต่อมาจากสมองของซย่าน่า
โชคดีที่ถึงแม้เขาจะแค่รักษาสายสัมพันธ์กับซย่าน่าเอาไว้ แต่เธอก็ไม่โจมตีทำร้ายเขา
แล้วจู่ๆ หลิงม่อก็รู้สึกว่าซย่าน่าในตอนนี้น่าปวดหัวยิ่งกว่าซอมบี้จริงๆ เสียอีก!
แต่ยังดีที่สายสัมพันธ์เป็นสิ่งที่ค่อยๆ เสริมให้แน่นแฟ้นขึ้นได้ ไม่แน่ว่าหลังจากที่พลังจิตของเขายกระดับขึ้นอีกครั้ง เขาอาจจะกลับมาควบคุมเธอได้อีก!
เมื่อคิดมาถึงตรงนี้ หลิงม่อก็พลันหัวเราะออกมา แล้วเขาก็ก้มลงมองซย่าน่าที่นอนอยู่บนโซฟาและเอ่ยปากถามว่า “ฉันขอบีบจับอีกทีได้ไหม” เขาไม่ได้คิดจะทำจริงๆ หรอก แค่เป็นการหยั่งเชิงดูว่าซย่าน่ามีสติสัมปชัญญะมากน้อยแค่ไหนด้วยวิธีนี้ กลับใช้ได้ผลเป็นอย่างยิ่ง
ซย่าน่ามองหลิงม่อด้วยความงงงวยอยู่พักหนึ่ง ความสามารถในการตัดสินใจของเธอเห็นได้ชัดว่ายังไม่ฟื้นคืนกลับมาโดยสมบูรณ์ แต่เมื่อกี้นี้ที่เธอถูก “ล่วงเกิน” มันได้ไปปลุกกระตุ้นสัญชาตญาณของผู้หญิงออกมา แล้วตอนนี้ก็คงจะมาจากสัญชาตญาณการปกป้องตัวเองด้วยเช่นกัน เธอตอบปฏิเสธด้วยเสียงตะกุกตะกักว่า “ไม่!”
“แล้วสองทีล่ะ”
“...ไม่รู้...”
“สามทีแล้วกัน น้อยกว่านี้ไม่ได้แล้ว”
....................................................................................................................................................