บทที่ 41 อย่าไปเลยนะ เมื่อกี้ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น
บทที่ 41 อย่าไปเลยนะ เมื่อกี้ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น
“ผมก็ไม่อยากจะใช้หรอก แต่ไม่มีเสื้อผ้าสะอาดๆ เปลี่ยน ก็เลยต้องถูไถใช้ไปก่อน” ซ่งฉู่อี๋เหลือบมองฉางฉิง “ถ้าก่อนที่ผมจะไปอาบน้ำ คุณหาผ้าเช็ดตัวสะอาดๆ ให้ผมสักผืน ผมก็ไม่ต้องใช้ของคุณหรอก”
ฉางฉิงอยากจะต่อว่าเขา ใช้ของส่วนตัวของเธอแล้ว ยังจะพูดว่าถูไถไปก่อนอีก พูดอย่างกับว่าจำใจต้องใช้อย่างนั้นแหละ “แล้วทำไมไม่รู้จักกลับบ้านไปล่ะ”
“คุณอยากให้ผมกลับไปขนาดนั้นเลยเหรอ” ซ่งฉู่อี๋ตีหน้าขรึม “ถ้าเป็นฟู่อวี้ล่ะ”
“คุณไม่ได้รักฉัน ฉันไม่เชื่อหรอกว่าคุณจะหึงฉันน่ะ” ฉางฉิงโต้กลับ
ซ่งฉู่อี๋หรี่ตาลง เขายอมรับว่าวันนี้ตัวเองแปลกไปจากปกติจริงๆ อาจเป็นเพราะว่าเขาโมโหเธอขึ้นมาแล้วจริงๆ
เขาไม่อยากให้เรื่องแบบกว่านอิงเกิดขึ้นกับเยี่ยนฉางฉิงอีก
การที่ผู้ชายพ่ายแพ้ไปแล้วครั้งหนึ่งยังพอทนได้ แต่หากต้องพ่ายแพ้อีกครั้ง เขาไม่แน่ใจว่าตัวเองจะถือมีดผ่าตัดไปจัดการกับฟู่อวี้หรือเปล่า
เขาข่มอารมณ์ไว้และกวาดตามองเธออย่างเฉยเมย “ไม่ว่ายังไงตอนนี้คุณก็เป็นภรรยาผม อีกอย่างคุณเพิ่งย้ายไปอยู่บ้านผมยังไม่ถึงสามวันก็กลับมาบ้านนี้ ถ้าผมไม่มาตามคุณ แล้วพ่อคุณจะคิดยังไง ถูกต้อง เราแต่งงานกันเพื่อผลประโยชน์ ผมดูออกว่าคุณเป็นลูกกตัญญู ถึงแม้คุณจะเติบโตมาในครอบครัวเลี้ยงเดี่ยว แต่พ่อคุณก็มอบความรักให้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง คุณเองก็กตัญญูกับท่านมาก ไม่อยากให้ท่านต้องเป็นห่วงกังวลเรื่องคุณ
หลังจากที่แต่งงานกัน ผมไม่อาจพูดได้ว่าผมทำหน้าที่ได้ครบถ้วนสมบูรณ์ แต่ผมก็พยายามอย่างเต็มที่ให้ครอบครัวคุณรู้สึกสบายใจ ถ้าคุณคิดว่าสิ่งที่ผมทำมันเกินความจำเป็น ผมไม่จำเป็นต้องมาที่บ้านตระกูลเยี่ยนก็ได้ งั้นผมก็ไม่มีอะไรจะพูด ผมจะกลับไปเดี๋ยวนี้แหละ”
พอพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินขึ้นไปข้างบน
ฉางฉิงงงงันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วรีบเดินตามขึ้นไปทันที
เขาเปลี่ยนเป็นกางเกงขายาวเรียบร้อยแล้ว กำลังจะหยิบเสื้อเชิ้ตมาสวม
พอเห็นแบบนี้ ในใจฉางฉิงก็รู้สึกสับสนงงงวยและทำอะไรไม่ถูก
ถ้าต่อไปเขาไม่มาที่นี่อีกแล้ว เธอไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าเยี่ยนเหล่ยจะผิดหวังและโกรธขนาดไหน
ถึงแม้เธอกับซ่งฉู่อี๋จะแต่งงานกันเพื่อผลประโยชน์ แต่เขากับตระกูลซ่งก็ปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี ซึ่งเรื่องนี้เธอซาบซึ้งใจมาก
ซ่งฉู่อี๋ไม่จำเป็นต้องรักเธอก็ได้ แต่เขาจะไม่มาบ้านตระกูลเยี่ยนไม่ได้
“คุณอย่า...” เธอก้มหน้าก้มตาแล้วเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเขา ขนตาเธอสั่นเล็กน้อย “อย่าไปเลยนะ เมื่อกี้ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น”
คำท้ายๆ เธอพูดเสียงเบามากและอ่อนยวบ
ดวงตาของซ่งฉู่อี๋หดลงเล็กน้อย เขาก้มหน้า “งั้นผมหวังว่าคุณจะจำข้อตกลงการแต่งงานของเราได้ เรื่องงานการของคุณ กิจกรรมที่คุณชื่นชอบ ออกไปเที่ยวเล่นกับเพื่อน ผมจะไม่ก้าวก่าย แต่คุณจะต้องให้เกียรติกับเรื่องการแต่งงานด้วย”
ฉางฉิงรู้สึกน้อยใจ เธอไม่ให้เกียรติกับเรื่องการแต่งงานตั้งแต่เมื่อไรกัน
แต่เธอไม่อยากจะเถียงกับเขา ก็เลยพยักหน้าอย่างว่าง่าย
“เอาล่ะ ผมขอนอนก่อนแล้วกัน” ซ่งฉู่อี๋ลูบหัวเธอ แล้วถอดเสื้อขึ้นไปบนเตียง
ฉางฉิงลงไปอาบน้ำข้างล่าง เขาเห็นแล้วก็ไม่ได้พูดอะไร พออาบน้ำเสร็จกลับมาที่ห้อง ฉางฉิงก็พบว่าซ่งฉู่อี๋หลับไปแล้ว
หลังจากเล่นคอมพิวเตอร์อยู่ที่ห้องอ่านหนังสือพักหนึ่ง เธอก็กลับมาปูที่นอนลงบนพื้นอยู่ข้างๆ เตียงเหมือนคราวที่แล้ว
ระหว่างที่นอน เธอก็อดรู้สึกเศร้าไม่ได้ พวกผู้ชายควรจะมีน้ำใจกับผู้หญิงไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาได้นอนบนเตียง ส่วนเธอต้องนอนบนพื้นทุกครั้งเลย
ช่างน่าสงสารจริงๆ...
ที่แย่ไปกว่านั้นคือเธอเป็นคนนอนหลับยาก แต่จู่ๆ ตอนดึกดื่นเที่ยงคืนก็ถูกเหยียบเข้าที่ต้นขา
เธอเจ็บมากจนต้องตื่นขึ้นมา แสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาทำให้เธอเห็นใบหน้าที่เลือนรางของซ่งฉู่อี๋พอดี
“ซ่งฉู่อี๋ คุณมาเหยียบฉันทำไมหา” เธอโมโหจัด “เจ็บจะตายชัก”
“ใครใช้ให้คุณมานอนที่ข้างเตียงล่ะ ตอนดึกๆ ผมลุกมาเข้าห้องน้ำก็ต้องเผลอเหยียบโดนคุณได้ง่ายอยู่แล้ว” ซ่งฉู่อี๋ก็โมโหเหมือนกัน เมื่อกี้เขาเกือบสะดุดล้มหัวทิ่มแน่ะ
“ก็คุณนอนบนเตียง ฉันก็ต้องมานอนบนพื้นน่ะสิ” ฉางฉิงเบะปากพลางนวดคลึงต้นขา
ซ่งฉู่อี๋ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด แล้วเดินสาวเท้ายาวไปเข้าห้องน้ำ
ฉางฉิงพลิกตัวด้วยความหงุดหงิด แล้วนอนต่อ
เธอหลับตาไปได้ไม่กี่นาที จู่ๆ ผ้าห่มเธอก็ถูกเลิกออก จากนั้นเธอก็เข้าไปอยู่ในอ้อมแขนที่กำยำ เธอดิ้นรนขัดขืนพลางกรีดร้อง
“หยุดร้องได้แล้ว ดึกดื่นแบบนี้รบกวนคนอื่นเขา” ซ่งฉู่อี๋วางเธอลงบนเตียงด้วยความเอือมระอา
.................................................