ตอนที่ 232 ซุ่มโจมตี
เมื่อกลับไปที่ห้องจัดเลี้ยงกับเฟยหยู นางเห็นทันทีว่ามีเด็กหญิงคนหนึ่งกำลังนั่งอยู่กับองค์ชาย เด็กหญิงคนนั้นนั่งข้างองค์ชายห้า,ซวนเทียนหยันและยกจอกขึ้นดื่ม แขนเสื้อของนางตกลงไปที่ข้อศอกเผยให้เห็นผิวขาว แต่ข้อมือนั้นไม่สามารถดึงดูดสายตาของซวนเทียนหยันได้ในขณะที่เขายังจ้องมองที่ต่างหูแก้วผลึกสีขาว
ถ้านั่นไม่ใช่เฟิงเฟินไดแล้วจะเป็นใครอีก ?
“นางดื่มอย่างมีความสุขกับองค์ชายห้า ทำไมเจ้าถึงบอกว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับนาง ?” เฟิงหยูเฮงบีบแก้มของซวนเฟยหยู แต่นางมองไปทางเฟิงเฉินหยู
ซวนเฟยหยูตอบอย่างจริงจัง “เพราะข้าเคยได้ยินท่านพ่อบอกว่าท่านลุงห้ามีนางสนมที่งดงามมากมาย แต่เด็กสาวจากตระกูลที่ดีทุกคนหลีกเลี่ยงท่านลุงและไม่กล้าพูดคุยกับท่านลุงเขา ตอนนี้ท่านลุงห้าที่เชิญคุณหนูตระกูลเฟิงมาดื่มด้วย เมื่อข้าเห็น ข้าก็รีบวิ่งออกไปเรียกท่าน ใครจะรู้...” ซวนเฟยหยูมองไปที่องค์ชายห้าและพูดด้วยความสับสน “น้องสาวของท่านดูมีความสุขมาก”
เฟิงหยูเฮงแค่นเสียงเย็นชาและดึงซวนเฟยหยูกลับมาที่ที่นั่งของนาง “เพรานางมีความสุข พี่สาวจะไม่ทำลายความสุขของพวกเขา”
ซวนเฟยหยูพยักหน้า “ถูกต้อง ข้าเห็นว่าน้องสาวของท่านดูไม่เหมือนคนที่จะรับมือได้ง่าย ๆ พี่สาวไม่ควรไปกังวลกับเรื่องนี้”
เฟยหยูอยู่เล่นกับเฟิงหยูเฮงไม่นานก่อนจะวิ่งออกไป เฟิงเซียงหรูโน้มตัวเข้ามาใกล้อย่างรวดเร็ว และกระซิบพูดกับเฟิงหยูเฮง “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับน้องสี่ใช่ไหมเจ้าคะ ? ข้าเห็นนางดื่มสุราหลายจอกแล้ว”
“จะเกิดอะไรขึ้นได้บ้าง ?” นางมองเฟิงเฟินไดและเห็นเด็กหญิงคนนั้นก้มหน้าลง และดื่มสุราอีกจอก โดยไม่ต้องให้องค์ชายห้าคะยั้นคะยอให้นางดื่ม “เซียงหรูจำสิ่งนี้ไว้ ยิ่งมีคนต้องการปีนขึ้นไปสู่ตำแหน่งฮองเฮา การล่มสลายขององค์ชายก็จะยิ่งรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น”
เสียงนางดังขึ้นเล็กน้อยเมื่อนางพูดสิ่งนี้ ผู้คนที่อยู่ห่างออกไปไม่ได้ยิน แต่เฟิงเฉินหยูซึ่งนั่งใกล้เฟิงเซียงหรูได้ยินทั้งหมด
นี่ทำให้นางรู้สึกว่าคำพูดของเฟิงหยูเฮงถูกส่งมาที่นาง แต่นางไม่สนใจ เฟิงเฟินไดต้องทนทุกข์ทรมานจากการตกต่ำที่รุนแรงไม่ได้หมายความว่านางจะล้ม ก่อนหน้านี้องค์ชายสามส่งคนมาบอกให้นางมอบต่างหูให้เฟิงเฟินได นางสามารถบอกได้ว่าองค์ชายสามจริงจังกับนาง ในตอนแรกนางไม่เต็มใจที่จะให้ต่างหู แต่นางไม่คิดว่าต่างหูขนาดเล็กคู่หนึ่งจริง ๆ แล้วจะทำให้องค์ชายห้าต้องตะลึงงัน นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ
ถ้านางไม่ได้มอบให้กับเฟิงเฟินได และนางยังคงสวมเครื่องประดับแก้วผลึกสีขาวครบชุด องค์ชายห้าผู้ซึ่งมักจะไร้เหตุผลและมีเล่ห์เหลี่ยมมาก จะไม่หันมาหานางหรือ?
เมื่อก่อนนางไม่เข้าใจได้ว่าทำไมองค์ชายใหญ่จึงสนใจนางโดยไร้เหตุผล ตอนนี้นางดูแล้วไม่ใช่เพราะความงามของนางที่ทำให้องค์ชายใหญ่ชอบ แต่มันเป็นสิ่งที่ตรงกันข้าม และเป็นกับดัก
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้เฟิงเฉินหยูก็หยิบจอกของนางขึ้นมาแล้วลุกขึ้นยืน นางเดินตรงไปยังสถานที่ที่องค์ชายนั่ง เมื่อนางไปถึงซวนเทียนเย่
เฟิงหยูเฮงมองเฟิงเฉินหยูที่ดื่มสุรากับซวนเทียนเย่ และหวงซวนกระซิบข้างหูนาง “เป็นไปได้หรือไม่เจ้าค่ะที่องค์ชายสามจะรู้แผนลับขององค์ชายใหญ่เมื่อเห็นเครื่องประดับแก้วผลึก”
นางยิ้มแล้วกล่าวว่า “แม้ว่ามันจะถูกมองออก เราจะทำอะไรได้บ้าง ? เรื่องของฉิงซวงเป็นสิ่งที่ข้าสร้างขึ้นมา แต่เจ้าคิดหรือไม่ว่าองค์ชายสามผู้ซึ่งสงสัยผู้อื่นมาตลอดจะไม่เก็บไว้ในใจของพระองค์หรือ ?”
ความคิดของหวงซวนทำงาน และนางก็มีความสุขเล็กน้อย “คุณหนูรองหมายความว่าตราบใดที่องค์ชายสามวุ่นวายใจ เราก็ไม่ต้องกังวลว่าพระองค์จะกลับมาจัดการเรื่องนี้ในภายหลัง?”
"ถูกต้อง"
เฟิงหยูเฮงโค้งมุมปากของนางแล้วมองไปที่ซวนเทียนเย่ เขาจะทำอย่างไรถ้าเขาเห็นเครื่องประดับแก้วผลึก ? แล้วถ้าเขาไม่ยอมให้เฟิงเฉินหยูตกเป็นขององค์ชายห้าล่ะ ? ซวนเทียนเย่ เจ้าอาจเชื่อว่าเจ้ามองข้าออกแล้ว แต่สิ่งที่เจ้าไม่รู้ก็คือแม้ว่าข้าแพ้ ข้าก็จะทิ้งร่องรอยที่มองไม่เห็น ตามที่เจ้าพูด เจ้ายังคงด้อยกว่าในหมากรุกตานี้เล็กน้อย
เมื่องานเลี้ยงจบลงหิมะข้างนอกก็ตกหนักขึ้นเล็กน้อย รถม้าสำหรับแต่ละตระกูลรออยู่นอกประตู เมื่อบรรดาฮูหยินและคุณหนูมาถึงแล้วก็จะจากไปทันที และรถม้าอีกคันจากด้านหลังจะขยับขึ้นมาแทน เฟิงหยูเฮงมองดูสิ่งนี้ และรู้สึกว่ามันเหมือนกับการรอรถเมล์ในศตวรรษที่ 21
นางยืนอยู่ที่นั่นในหิมะด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า ในทันทีนั้นนางเริ่มรู้สึกเวียนหัวเพราะนางไม่สามารถรู้ได้ว่านางอยู่ในช่วงเวลาใดอยู่ในราชวงศ์ต้าชุนหรืออยู่หน้าหอพักทหาร
“พี่รอง” เสียงของเฟิงเซียงหรูดึงจิตสำนึกของเฟิงหยูเฮงกลับมา “น้องสี่ดื่มมากเกิน ข้าจะไปนั่งรถม้ากับนาง กลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนางน่ะเจ้าค่ะ”
เฟิงหยูเฮงพยักหน้า “ดี” จากนั้นนางก็พูดกับหวงซวน “ไปกับคุณหนูสาม ถ้าเฟิงเฟินไดสร้างความวุ่นวาย เซียงหรูจะไม่สามารถหยุดนางได้”
หวงซวนรู้สึกกังวลเล็กน้อยเกี่ยวกับตัวนาง “แล้วคุณหนูล่ะเจ้าคะ ?”
“ไม่ต้องห่วงข้า ข้ามีบานซูอยู่” เมื่อนางพูดจบ นางก็เดินไปที่รถม้าของนางเอง
ที่นั่นนางได้ยินเสียงคุณหนูผู้หนึ่งดังขึ้นมาว่า “หลังจากสูญเสียของมีค่าอย่างปิ่นหงส์เพลิง นางยังมีความกล้าที่จะมาที่นี่ นางช่างไร้ยางอายเสียจริง”
"ดูสิ รถม้าที่นางนั่งอยู่นั้นเป็นเพียงรถม้าธรรมดา ทำไมนางถึงไม่นั่งในรถม้าที่ได้รับรางวัลจากพระราชวังล่ะ?”
“ฮ่องเต้คงริบมันกลับไปแล้ว”
"ถูกต้อง! เมื่อล้มเหลวในการรักษาขาขององค์ชายเก้า ตำแหน่งว่าที่พระชายาขององค์ชายเก้าก็คงหลุดลอยไปด้วยเช่นกัน”
เฟิงหยูเฮงหยุดเดินและหันกลับไปมองดูคุณหนูที่นินทาด้วยการเยาะเย้ย “เนื่องจากเจ้ายินดีที่จะประท้วงเรื่องความผิดที่องค์ชายเก้าต้องทนทุกข์ทรมาน ความรู้สึกขององค์ชายเก้ายากที่จะเข้าถึง ข้าจะรายงานเรื่องนี้ต่อเสด็จพ่อและขอให้พระองค์ยกเลิกการหมั้นของข้ากับองค์ชายเก้า จากนั้นก็พระราชทานสมรสให้กับเจ้า ดีไหม? โอ้ พระองค์สามารถมีพระชายาเอกได้เพียงคนเดียว ดังนั้นเจ้าจะต้องคิดถึงมันสักหน่อย ใครในหมู่เจ้าจะเป็นพระชายาเอกและใครจะเป็นพระชายารอง และคนที่เหลือก็เป็นได้แค่นางสนมเท่านั้น”
คำพูดของนางทำให้ใบหน้าของเด็กสาวเปลี่ยนเป็นสีแดงสด นางตัดสินใจถอยหลังกลับไปสองสามก้าวและพูดต่อ “หรือบางทีหลังจากข้าแต่งงานกับองค์ชายเก้า ถ้าพวกเจ้ายังไม่มีใครแต่งงาน ข้าสามารถขอให้องค์ชายเก้ารับพวกเจ้าเข้าพระราชวัง แต่เจ้าจะสามารถทนทุกข์ในฐานะนางสนม แต่…” นางมองไปรอบ ๆ และก็ส่งยิ้มที่มีเล่ห์เหลี่ยม “แต่องค์ชายหยูเคยกล่าวว่าพระองค์ต้องการแต่งงานกับข้าคนเดียวเท่านั้น สำหรับคนอื่น พระองค์ไม่ต้องการแม้แต่จะมีผู้หญิงคนอื่นมาร่วมห้องด้วย”
คำพูดของนางทำให้หนึ่งในคุณหนูเหล่านั้นโกรธมาก นางตะโกนออกมา "เจ้าไม่สามารถแม้แต่จะรักษาขาขององค์ชายเก้าได้ แม้ว่าเราจะไม่สามารถร่วมห้องกับพระองค์ได้ เจ้ามีความสุขกับอะไร ในเวลาไม่กี่ปีหากเจ้าไม่มีบุตร อย่ามาร้องไห้ให้พวกข้าเห็นล่ะ ! ”
“ไม่ต้องกังวล” ดวงตาของเฟิงหยูเฮงเผยให้เห็นภาพที่เย็นชา “เจ้าไม่ต้องรอให้ข้าร้องไห้เพราะข้าไม่เคยเห็นคนที่ดูถูกองค์ชายต่อหน้าคนอื่น ขอให้พวกเจ้าโชคดี” หลังจากพูดอย่างนี้นางก็หันหลังกลับ
คุณหนูที่ไม่รู้ว่ามาจากตระกูลไหนหน้าซีดทันทีหลังจากได้ยินสิ่งที่เฟิงหยูเฮงพูด เมื่อมองไปที่คุณหนูคนอื่น ๆ ที่ยืนอยู่กับนาง นางเห็นว่าพวกเขาแยกย้ายกันไปราวกับว่านางเป็นสัตว์ร้าย พวกเขาทำอย่างดีที่สุดเพื่อหลีกเลี่ยงนาง
เฟิงหยูเฮงเข้าไปในรถม้าของนางด้วยตัวเอง และคนขับรถขับรถออกไปทันทีผ่านหิมะ
หลังจากการจากไปของนาง รถม้าอีก 3 คันของตระกูลเฟิงก็ออกเดินทางเช่นกัน คุณหนูเหล่านั้นไม่กล้าพูดอะไรอีก เพราะพวกเขาเริ่มไตร่ตรองว่าผู้หญิงคนไหนที่ไม่สามารถกลั้นปากได้
หวงซวนและเฟิงเซียงหรูทั้งสองอยู่ในรถม้าของเฟิงเฟินได แม้ว่าเฟิงหยูเฮงจะอยู่ห่างจากพวกเขา แต่นางก็ยังได้ยินเสียงของเฟิงเฟินไดที่ตะโกนอยู่ข้างหลังนาง เป็นเรื่องเกี่ยวกับองค์ชายห้า บางครั้งก็เกี่ยวกับองค์ชายเก้า และบางทีนางก็ร้องเพลง
นางไม่เคยนึกชอบผู้ที่เมาสุรา และนางก็ไม่มีใครอยู่ข้าง ๆ เพื่อพูดคุยกับนาง เมื่อไม่มีอะไรทำ นางจึงได้แต่หลับตาเพื่อพักผ่อน
ในวันที่หิมะตกถนนนั้นยากต่อการเดินทาง แม้ว่าการเดินทางจะเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ก็ไม่เร็วเท่าปกติ เฟิงหยูเฮงรู้สึกว่าขากลับนี้ช้าและนานเกินไป นางเกือบจะหลับไปแล้ว และนางตะโกนถามคนขับรถม้าว่า “เรายังไม่ถึงคฤหาสน์อีกหรือ ?”
คนขับรถม้าตอบอย่างไร้ประโยชน์ “คุณหนูรอง ตอนนี้หิมะตกหนักมาก ถนนสายเล็ก ๆ บางสายไม่สามารถใช้งานได้ ดังนั้นเราจึงใช้เวลานานกว่าเดิมขอรับ”
นางไม่ได้ถามอีกต่อไปหลังจากนั้น บานซูกำลังติดตามจากที่มืด คนขับรถม้ายังเป็นหนึ่งในคนของคฤหาสน์ขององค์หญิงแห่งมณฑล ไม่มีอะไรเกิดขึ้นในสถานการณ์นี้
แต่…
นางเหยียดหลังให้ลุกขึ้นนั่งตัวตรง เปลือกตาขวาของนางกระตุกตลอดเวลา นางเริ่มนึกถึงคำพูดเกี่ยวกับหนังตากระตุกที่ว่า ขวาร้ายซ้ายดี แม้ว่านางจะไม่เชื่อคำพูดเหล่านี้อย่างแท้จริง แต่ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเริ่มเกิดขึ้นในใจของนาง บังคับให้นางสนใจมากขึ้น
สัญชาตญาณของเฟิงหยูเฮงนั้นแม่นยำเสมอ เมื่อนางเริ่มคิดถึงสิ่งนี้ ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงของบานซูมาจากข้างนอกโดยพูดว่า “คุณหนูระวัง !”
นางเอนตัวไปด้านข้างโดยไม่รู้ตัว และลูกธนูก็บินผ่านหูข้างขวาของนางจากด้านหลัง ลูกศรพุ่งทะลุม่านและพุ่งตรงเข้ามา คนขับรถม้าข้างนอกไม่มีโอกาสที่จะตะโกนก่อนที่จะล้มลงกับพื้น
เมื่อคนขับรถม้าตกลงไป ม้าก็สูญเสียการควบคุมของพวกมันทันที ในขณะที่ส่งเสียงร้อง พวกมันวิ่งเร็วขึ้น
เฟิงหยูเฮงตบเบา ๆ ลงในรถ และตั้งใจฟังการเคลื่อนไหวข้างนอก
สิ่งที่นางได้ยินคือเสียงของบานซูต่อสู้กับใครบางคนข้างนอก มันเร็วมากและเงียบไปอีกครั้ง จากนั้นลมกระโชกแรงมานั่งที่ด้านหน้าของรถม้า
นางไม่ได้ซ่อนตัวเนื่องจากนางเห็นบานซูบ่อย นางจำรูปร่างของบานซูและเสียงการเคลื่อนไหวของเขาได้ แน่นอนม้าที่กำลังวิ่งโดยไม่มีทิศทาง ในที่สุดพวกมันก็กลับมาสงบอีกครั้ง
“คุณหนูไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่ขอรับ ?” บานซูที่บังคับรถม้าไปพร้อมกับถามนาง เขาเป่าลมหายใจออกเล็กน้อยเผยให้เห็นว่าคนข้างนอกไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะจัดการ
“ข้าไม่เป็นอะไร” นางนั่งตัวตรงและยกม่านขึ้น เมื่อเห็นว่าบานซูไม่ได้รับบาดเจ็บ นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ที่นี่” บานซูหันกลับมาแล้วส่งบางสิ่งให้นาง “ข้าดึงสิ่งนี้ออกมาจากคนขับรถม้า ข้าไม่คิดว่ามันจะเป็นของราชวงศ์ต้าชุน”
เฟิงหยูเฮงรับลูกศรแล้วปล่อยม่าน จับมันไว้ในมือแล้วมองดูซักพัก นางไม่สามารถสรุปได้ นางไม่สามารถแม้แต่จะดูว่ามันทำขึ้นมาในราชวงศ์ต้าชุนหรือไม่
เช่นเดียวกับที่นางต้องการพูดกับบานซู นางก็นึกถึงบางสิ่งบางอย่างและเคลื่อนไหวได้โดยไม่ต้องคิด วางมือขวาบนข้อมือซ้ายของนาง นางรีบเข้าไปในมิติของนาง
ขณะที่นางเดินเข้ามาในพื้นที่ของนาง นางตะโกนออกมาว่า "บานซู ! หยุดรถม้า ! ”
บานซูก้มตัวลงอย่างไม่รู้ตัว และในเวลาเดียวกันนั้นลูกธนูอีกคู่หนึ่งก็บินไปที่หัวของเขา เฉียดหัวของเขา
ลูกธนูทั้งสองบินผ่านรถม้าจากด้านหลัง แรงที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาปะทะกับไม้ที่แข็งแรงของรถม้า เนื่องจากไม่สามารถลดความเร็วได้ทันท่วงที
บานซูโกรธ เขาต้องการไปต่อสู้กับคนที่โจมตี แต่เขาก็เป็นห่วงเฟิงหยูเฮง ชั่วครู่หนึ่งเขามีความกลัว
เฟิงหยูเฮงที่อยู่ข้างในก็โผล่ออกมา เมื่อออกมาสิ่งแรกที่นางถามคือ “เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ?”
บานซูพูดทันที “ไม่ขอรับ?”
“ข้าสบายดี” ความตื่นตระหนกของเฟิงหยูเฮงเพิ่มขึ้น และลดลงอย่างรวดเร็ว มือของนางยังประสานกันอยู่ เพราะนางกลัวว่านางจะไม่มีเวลาหลบในครั้งต่อไปเมื่อมีการโจมตีเกิดขึ้น
“ช่างเป็นการยิงธนูที่แม่นยำเช่นนี้” แม้ว่านางจะกระวนกระวาย นางก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากพูดคำชมเชย “การยิงธนูดังกล่าว…” จิตใจของนางก็เปลี่ยนไป และจำได้ว่าสิ่งที่ซวนเทียนหมิงเคยเล่าให้นางฟังเกี่ยวกับนักธนู ! “บานซู” นางยกม่านขึ้นและรีบออกคำสั่ง “ไปที่ตำหนักหยู !”