ตอนที่ 105 รอทไชล์
ด้วยเงินจำนวนมากในกระเป๋า หานเซี่ยวจึงใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย เขาซื้อชิ้นส่วนเครื่องจักรชุดใหม่จากองค์กรฟาเรี่ยน
ในหนึ่งวันด้วยการใช้ทักษะจากสายอาชีพขั้นใหม่ หานเซี่ยวก็อัปเกรดอุปกรณ์ทั้งหมดของเขาและสร้างพิมพ์เขียวของใหม่
รองเท้าแม่เหล็กไฟฟ้าดูเหมือนรองเท้าเหล็ก ส้นและฝ่าเท้ามีอุปกรณ์พิเศษที่สามารถใช้สนามแม่เหล็กไฟฟ้าเพื่อลดแรงเสียดทานบนพื้นผิว พลังเกิดจากแบตเตอรี่พลังงานสูงภายในรองเท้า ผู้ใช้สามารถสไลด์ไปบนผิวได้ราวกับสเก็ตน้ำแข็ง มันมีความเร็วสูงมากซึ่งเทียบได้กับรถยนต์ แบตเตอรี่สามารถจ่ายพลังงานได้พอให้วิ่งด้วยความเร็วสูงสุดถึง20นาที
จากนั้นหานเซี่ยวก็ทาสีรองเท้าด้วยแถบสีเงินและดำ ทำให้ดูมีสไตล์ นอกจากนี้ เขายังเพิ่งงานถักให้เกิดการระบายอากาศ พร้อมใส่ฟองน้ำและหนังด้านนอกสำหรับรองเท้า ทำให้รองเท้าเหมาะแก่การใส่ทุกวัน ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนระหว่างการต่อสู้
ในไม่ช้า ตัวแทนของรอทไชล์ก็มาพบเขา
ในโรงแรมวิคตอเรีย อัลฟอนซัสนั่งอยู่ในห้องรับร้องวีไอพี เขานั่งอย่างเรียบร้อย รอให้แขกเขามาถึง
เมื่อประตูเปิดและหานเซี่ยวเดินเข้ามา อัลฟอนซัสก็ลุกขึ้นและยื่นมือออกมาอย่างสง่างามพลางพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น“ผมคืออัลฟอนซัสจากตระกูลรอทไชล์ ผมอยากพูดคุยกับคุณบางเรื่อง”
หานเซี่ยวจับมือ เขารู้สึกได้ถึงแรงบีบขณะเขย่ามือกันสักพัก มันเป็นประเภทการจับมือของพวกผู้มีอำนาจ ส่วนใหญ่มักใช้เพื่อบอกว่าตนเองเหนือกว่า
หลักการค่อนข้างง่าย ก็เหมือนนิสัยชอบลูบคลำมือของผู้หญิงเมื่อจับมือกัน คนที่สถานะ อาชีพ หรือบุคลิกย่อมมีนิสัยต่างกัน การจับมือจะแตกต่างกันขึ้นอยู่กับการตอบรับ เช่นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ได้รับความโปรดปรานจากเจ้านาย ผู้ชายมักพยายามหว่านล้อมผู้หญิง การพบกันของคนแปลกหน้าหรือคนสถานะสูงสองคนที่กำลังต่อสู้กัน
เห็นได้ชัดว่าอัลฟอนซัสไม่ใช่ฑูตมือสมัครเล่น หานเซี่ยวสามารถคาดเดาจุดประสงค์ของตระกูลรอทไชล์ได้
เมื่อทั้งคู่นั่งลง อัลฟอนซัสก็กล่าว“ภารกิจกำจัดกุหลาบสงครามถูกประกาศมาเกือบสามปีแล้ว และนักฆ่าหลายคนก็ล้มเหลว คุณ มิสเตอร์แบล็คกลับทำมันได้เพียงลำพัง นั่นทำให้ผมประหลาดใจพอสมควร”
“คุณก็พูดยกยอเกินไป นี่ก็แค่งานทั่วไป ไม่มีอะไรให้น่าชื่นชม”
แต่ น้ำเสียงของคุณกลับเต็มไปด้วยความภูมิใจ อัลฟอนซัสคิด
ทั้งสองพูดคุยกันเล็กน้อยก่อนหานเซี่ยวจะตัดเข้าเรื่อง“ความสัมพันธ์เราเป็นแค่นายจ้างและนักฆ่า ในเมื่องานสำเร็จแล้ว เราก็ไม่ต้องมีการเชื่อมโยงใดๆกันอีก เห็นได้ชัดว่าคุณมาหาผมเพราะเรื่องอื่น”
“คุณพูดถูก ผมมาที่นี่เพื่อถามคำถามคุณ”อัลฟอนซัสพยักหน้า ร่างเขาโน้มไปข้างหน้า สร้างบรรยากาศตึงเครียด เขาจ้องหานเซี่ยวเขม็ง“คุณได้ไปฐานร้างในทะเลทรายโซมาร์หรือเปล่าครับ?”
อัลฟอนซัสสังเกตสีหน้าและดวงตาของหานเซี่ยวขณะพูด เขาจะรู้ทันทีหากหานเซี่ยวโกหกหรือแสดงความลังเล ตระกูลรอทไชล์รู้ถึงโครงการวิจัยจากบันทึกการทดลองที่นำมาจากฐานและก็ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก หากพวกเขาสามารถได้รับเซรุ่มเฟโลเนีย พวกเขาอาจผลิตเซรุ่มพิเศษจากมันได้
ด้วยความประหลาดใจสูง หานเซี่ยวกลับนำเซรุ่มสีเหลืองเรืองแสงออกมาและวางบนโต๊ะ
“บอกราคาของคุณมา”เขากล่าวอย่างเมินเฉย
อัลฟอนซัสตกใจ-เขาไม่คิดว่าหานเซี่ยวจะเป็นคนตรงๆ
“ของชิ้นนี้ไร้ประโยชน์ต่อผม ในเมื่อคุณอยากได้มัน ผมก็จะขายให้”
อัลฟอนซัสเหลือบมองเซรุ่ม เขาไม่กังวลว่าหานเซี่ยวกำลังโกหก-ใครที่กล้าหลอกลวงตระกูลรอทไชล์ล้วนมีศพไม่สวย
“คุณต้องการเท่าไร?”
“มันขึ้นอยู่กับความจริงใจของคุณ”หานเซี่ยวยิ้มกว้าง
ทัศนีคตินี้ทำให้อัลฟอนซัสปวดหัว เขากำลังหวังให้หานเซี่ยวไม่รู้คุณค่าของเซรุ่ม แต่จากพฤติกรรมเขา มันไม่น่าเป็นไปได้ เขาลังเลอยู่นานก่อนเสนอ แต่มันก็ไม่ใช่ราคาที่สูงนัก
“หนึ่งล้าน”
ผู้เจรจาทุกคนย่อมเริ่มด้วยราคาต่ำ เนื่องจากพวกเขาเป็นผู้มีอารยธรรม มันจึงไม่มีการฆ่าและปล้น ดังนั้น อัลฟอนซัสจึงพร้อมเสี่ยงโชคกับมัน
หานเซี่ยวจ้องอัลฟอนซัสสักพักก่อนขยับริมฝีปากช้าๆ“ราคานี้...ดูเหมือนคุณจะไม่ได้แสดงความจริงใจเลย”
อัลฟอนซัสกำลังเตรียมคำพูดแก้ตัว
“ผมยอมรับ”
“เซรุ่มนี้ถูกเก็บมาหลายสิบปี และผมก็ไม่รู้ว่ามันยังได้ผลไหม ดังนั้น ราคาจึงลดลง ผม...”
“เดี๋ยวนะ คุณยอมรับกับราคานี้?!”อัลฟอนซัสตกใจ
หานเซี่ยวผลักเซรุ่มให้อัลฟอนซัสและยิ้ม“นี่คือการสร้างมิตร”
อัลฟอนซัสเริ่มชอบหานเซี่ยวยิ่งขึ้น
เขาเก็บเซรุ่มไป“เงินจะถูกโอนเข้าบัญชีคุณอย่างเร็วที่สุด นอกจากนี้ คุณจะได้รับมิตรภาพจากรอทไชล์และตัวผมเอง”
คุณได้ปลดล็อคชื่อเสียงค่ายใหม่!
ความสัมพันธ์กับตระกูลรอทไชล์เพิ่มขึ้น1800หน่วย
ตระกูลรอทไชล์ : เป็นมิตร(1800/3000)
หานเซี่ยวยิ้มจางๆ การได้รับแต้มชื่อเสียงกับตระกูลรอทไชล์ด้วยการไม่ต่อราคานับเป็นเรื่องดีต่อเขา เขาสามารถหารายได้จากทางอื่นได้เสมอ แต่โอกาสที่จะปลดล็อคค่ายใหม่ย่อมหายไป
กลุ่มบริษัทและตระกูลบางแห่งดำรงอยู่มาตั้งแต่ยุคเก่า หลังสงคราม บางตระกูลก็ตาย ขณะที่บางตระกูลกลับหยั่งรากลึกขึ้น อิทธิพลของพวกเขาสามารถไปถึงได้ทุกประเทศ รวมถึงทหาร การเมือง เศรษฐกิจและกลุ่มมาเฟีย รอทไชล์คือหนึ่งในตระกูลเช่นนั้น และหานเซี่ยวก็รู้ว่าเขาจะได้รับผลประโยชน์มากมาย สำหรับผู้เล่น นี่คือค่ายประเภทสนับสนุน พวกเขาสามารถซื้อของหายากและบริการได้
รอทไชล์เป็นหนึ่งในพันธมิตรขององค์กรตาข่ายมืด และเขาก็สามารถใช้การสนับสนุนของพวกเขาได้ ซึ่งช่วยให้เขาได้เปรียบมากขึ้น
หากปราศจากยาผสานยีน เซรุ่มเฟโลเนียย่อมไม่ก่อประโยชน์กับเขา ดังนั้น เขาจึงขายมันเพื่อทำกำไรบ้าง และยังไงเขาก็เหลือซรุ่มอีกหลอด
ด้วยเงินอีกล้านในบัญชี เงินเก็บปัจจุบันเขามีถึงหกล้านแล้ว พวกมันอาจเป็นตัวเลขในบัญชีเขา แต่เพื่อให้เข้ากับบริบท ผู้เล่นระดับ30ในเวอร์ชั่น1.0จะถือว่าร่ำรวยแล้วหากพวกเขามีเงินมากกว่าสองหมื่นเหรียญ ใครก็ตามที่มีเหนือกว่าล้านจะถูกพิจารณาให้เป็นพวกยักษ์ใหญ่ : เช่นพวกกิลด์
หลังตกลง บรรยากาศก็เป็นมิตรมากขึ้น
“เฟโลเนียคืออะไรกันแน่?”หานเซี่ยวอยากรู้
เขารู้สึกสับสนกับความจริงที่ว่าเซรุ่มเรียบง่ายเช่นนี้กลับเป็นที่จับตาของหลายๆขุมอำนาจ
อัลฟอนซัสอารมณ์ดี ดังนั้นเขาจึงอธิบาย“มีประเทศในทะเลทรายโซมาร์ซึ่งติดอยู่ในสงครามของยุคเก่า พวกเขาริเริ่มโครงการวิจัยขนาดใหญ่ที่เรียกว่าโปรเจ็คเฟโลเนีย ชื่อนี้นำมาจากตำนานเล่าขายของประเทศนั้น และโครงการก็ข้องเกี่ยวกับการสร้างฐานทัพทหารจำนวนมากเพื่อทำการวิจัยในหลายๆเรื่อง เซรุ่มเป็นหนึ่งในแนวทางการวิจัยพวกเขา”
“มันกลายเป็นสิ่งนี้ ผมคิดว่าจะมีโบราณสถานเวทมนตร์อะไรทำนองนั้น”ในที่สุดหานเซี่ยวก็เข้าใจ
อัลฟอนซัสหัวเราะเบาๆ“ไม่มีเวทมนตร์ในโลกนี้ คุณคิดมากเกินไป”
หานเซี่ยวหัวเราะและลูบคาง ดาวเคราะห์อความารีนไม่ควรมีเวทมนตร์ แต่ทำไมฉันถึงรู้สึกแปลกๆ?
…
ในถ้ำมืดสนิทใต้พื้นพิภพ ทรายละเอียดหล่นผ่านช่องว่างของหินเป็นครั้งคราว
ลมที่พัดได้สะท้อนไปทั่วถ้ำ ราวกับมีใครบางคนกำลังหายใจ เสียงเคาะเบาๆคล้ายเสียงฟ้าร้องดังอยู่ด้านหลัง
ทันใดนั้น โคมไฟทรงวงรี6ดวงก็ส่องสว่างขึ้น พวกมันมีสีทองและถูกแบ่งออกเป็นสองแถวอย่างเรียบร้อย จากรูปลักษณ์มัน รัศมีของโคมไฟแต่ละดวงทอดยาวกว่าสิบเมตร
‘โคมไฟขนาดใหญ่’เริ่มกระพริบอย่างรวดเร็ว ราวกับดวงตา
ดวงตา!