GE94 หวางเหยา จักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ [ฟรี]
ค่ำคืนที่มืดสลัว หนิงฝานเดินออกจากโถงขัดเกลาผสาน ยามนี้เขายังไม่รู้ว่าสัมผัสกระบี่ของตนทำให้โจรผู้หนึ่งหวาดกลัว
หนิงฝานมุ่งหน้าไปยังที่พักของหลานเหม่ย สถานที่แห่งนั้นเป็นหมู่ตำหนักที่กว้างขวางราวกับโถงขัดเกลา เป็นที่พำนักของเหล่าศิษย์สตรีฝ่ายใน
หากจะเข้าไปในตำหนักศิษย์สตรีต้องผ่านตำหนักของผู้ดูแลศิษย์ก่อน ยามค่ำคืนเช่นนี้ เหล่าผู้ดูแลศิษย์ที่เห็นหนิงฝานผ่านมาล้วนคารวะให้
“คารวะผู้อาวุโสหนิง!”
“ไม่ต้องมากพิธี...”
หนิงฝานคุ้นชินกับสถานะอาวุโสของตนแล้ว จึงไม่เก้อเขินเหมือนก่อน โลกของผู้เชี่ยวชาญนี้ ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าจะได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดี
ผืนป่า… แสงจันทราลอดผ่านหมู่เมฆ...
เมื่อผ่านตำหนักผู้ดูแลศิษย์มา หนิงฝานก็เข้าสู่ป่าไผ่แห่งหนึ่ง แต่ทันใดนั้น เขากลับชงักฝีเท้า แววตาแปรเปลี่ยนเย็นชา ชักกระบี่แยกสวรรค์ พลางจับจ้องไปเบื้องหน้าด้วยความระแวกระวัง
“เจ้าเป็นใคร!”
สีหน้าหนิงฝานเคร่งเครียดจริงจัง ความรู้สึกเช่นนี้ หนิงฝานเคยสัมผัสเมื่อคราวที่อยู่ในป่าแห่งภูติพราย เป็นความกังวลอย่างที่สุด
เขาสัมผัสได้ถึงบุคคลเบื้องหน้า คนผู้นั้นให้ความรู้สึกอันตรายร้ายแรง
ทันใดนั้น ผู้เยาว์ในชุดคลุมเทาปรากฏ ใบหน้าดูธรรมดาสามัญ เดินออกมาจากป่า ในทิศทางที่กลับไปยังตำหนักผู้ดูแลศิษย์ ทั้งสองพบกันโดยบังเอิญ
“เป็นมัน!”
ทั้งสองอุทานในใจพร้อมกัน
ผู้เยาว์ในชุดคลุมเทาคนนั้น เป็นผู้เยาว์ที่ได้แต้มเป็นอันดับ 2 ในการทดสอบเข้านิกายที่ป่าแห่งภูติพราย หวางเหยา!
หวางเหยาบรรลุขอบเขตประสานวิญญาณ ยิ่งด้วยที่ตัวมันเป็นผู้ดูแลศิษย์ การจะปรากฏตัวนอกตำหนักผู้ดูแลศิษย์ไม่ถือเป็นแปลก
แต่กลิ่นคาวโลหิตที่แผ่ออกจากตัวมันรุนแรงมาก
หนิงฝานตกตะลึงในกลิ่นอายโลหิตและจิตสังหารของมัน เพราะมีเพียงผู้ที่สังหารผู้คนมามากมายนับไม่ถ้วนเท่านั้น ที่จะมีกลิ่นอายโลหิตที่รุนแรงเช่นนี้
นั่นทำให้หนิงฝานสัมผัสได้ถึงอันตรายจากหวางเหยา
“มันไม่ได้อยู่ในขอบเขตประสานวิญญาณ!”
หนิงฝานสัมผัสได้ในทันทีว่าอีกฝ่ายมีขอบเขตพลังที่สูงกว่าขอบเขตประสานวิญญาณ
ขอบเขตแก่นทองคำขั้นต้น!
แม้สีหน้าหนิงฝานจะดูสงบ แต่ในใจกลับไม่อาจข่มความรู้สึก หวางเหยาผู้นี้ที่แท้เป็นผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำ!
กลิ่นอายปราณที่แผ่ออกจากร่างกายของมันมีไม่มากนัก ราวกับเพิ่งผลาญปราณไปเป็นจำนวนมหาศาล มันไปที่ใดมา? หรือไปสังหารผู้คน?
หากออกไปสังหาร… หวางเหยาจะออกจากนิกายได้หรือ? มันทำได้อย่างไร? นิกายกุ่ยเชว่มีข่ายอาคมขนาดใหญ่ปกคลุม หากมีผู้เล็ดออกไป นิกายย่อมรู้
แต่สิ่งที่ทำให้หนิงฝานสนใจคือ หวางเหยาผู้นี้ให้ความรู้สึกอันตรายเป็นอย่างมาก! ทันที่เห็นมันแทบจะทำให้หวาดกลัว ความรู้สึกที่ดูเย็นเฉียบจนสั่นสะท้าน ไม่ใช่สิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำมี
“หวางเหยาผู้นี้ไม่ได้เป็นเพียงผู้เชี่ยวชาญแก่นทองคำขั้นต้น… ที่มันมานิกายกุ่ยเชว่ สมคควรมีเหตุผลที่ไม่ธรรมดา ข้าควรจะสืบประวัติของมัน...”
หนิงฝานไม่ถูกชะตากับอีกฝ่าย ความรู้สึกทั้งหมดที่เขาได้รับ ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเหนือกว่าเขามาก
หากสืบหาประวัติของคนอันตรายเช่นนี้ย่อมนำพาปัญหามาสู่ตน กระทั่งอาจเป็นการนำชีวิตมาทิ้ง หากเป็นก่อนหน้านี้เขาจะไม่ใส่ใจ แม้จะเกี่ยวพันกับความเป็นไปของนิกายกุ่ยเชว่ก็ตาม
แต่ยามนี้เขามีความเกี่ยวพันกับหลานเหม่ย หากแต่งงานกับนาง นิกายกุ่ยเชว่จะกลายเป็นบ้านอีกหลังของเขา หากไม่ช่วยเหลือนิกายจากอันตรายที่ซ่อนเร้น ถือเป็นเรื่องไม่เหมาะสม
หนิงฝานจ้องมองใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของหวางเหยา
แต่หวางเหยากลับจ้องมองหนิงฝานด้วยความหวาดกลัว
“ผู้ดูแลศิษย์หวางเหยา คารวะผู้อาวุโสหนิง… ที่ผู้อาวุโสมาถึงที่นี่ มีเรื่องอะไรให้ข้าช่วย?”
“ไม่มี… เจ้าไปเถอะ”
“ขอรับ” หวางเหยาคารวะก่อนจะจากไป
หนิงฝานเหลียวมองแผ่นหลังของมัน
เมื่อหนิงฝานมุ่งหน้าพ้นป่าไผ่ออกไป หวางเหยาผู้มีแววตาหวาดกลัวกลับแปรเปลี่ยนเย้ยหยัน
“เกือบไปแล้ว… คาดไม่ถึงว่าฆ่าล้างเมืองจะทำให้เหนื่อยเช่นนี้ ทั้งยังบังเอิญได้พบมัน… ผู้ที่ออกมาในยามวิกาลเช่นนี้ย่อมเป็นผู้มีเจตนาไม่บริสุทธิ์ เด็กนั่นสมควรไปทำเรื่องหื่นกาม… จะให้มันรู้ว่าข้าคือจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ไม่ได้ มิเช่นนั้นข้าจะเป็นอันตราย แต่โชคดีที่มันไม่รู้ และมันจะไม่มีวันได้รู้ว่าข้าเป็นใคร… อีกไม่นานข้าจะบรรลุขอบเขตแก่นทองคำขั้นกลาง และคงบรรลุขอบเขตดวงจิตแรกเริ่มได้ในอีกไม่กี่เดือน! เมื่อยามนั้นมาถึง นอกจากชีวิตของหนิงฝานแล้ว ทั่วทั้งแคว้นเยว่ ทั่วทั้งโลกพิรุณจะต้องพินาศ!”
ในขณะกล่าว หวางเหยาได้เผยความต้องการที่แท้จริงออกมา
จิตวิญญาณของภูติผีเล็ดลอดออกมาจากป่าแห่งภูติพราย ทั้งยังกล่าวว่าจะทำลายโลกให้พินาศ ช่างน่าสนใจยิ่งนัก...
มันเร่งเก็บความรู้สึกและเดินตรงไปยังตำหนักผู้ดูแลศิษย์
เมื่อสัมผัสได้ว่าห่างจากหนิงฝานเป็นระยะทาง 100 จ้าง ร่างของหวางเหยากลับกลายเป็นลำแสงสีดำสลัวจนยากจะมองเห็น ตรงดิ่งไปยังตำหนักผู้ดูแลศิษย์ ทะลวงเข้าไปภายในโดยไม่ใช้ป้ายแสดงสถานะ
วิธีการที่มันใช้เหมือนกับที่สัตว์อเวจีใช้ยามที่ทะลวงข่ายอาคมหนิงฝานเข้ามา
“เป็นมันจริงๆ!”
เมื่อหวางเหยาจากไป เงาร่างของหนิงฝานที่เผยความตกตะลึงก็ปรากฏ
ก่อนหน้านี้หนิงฝานแกล้งทำเป็นจากไป แต่เขาใช้วิชาลับสัมผัสลวงซ่อนร่างของตนเองไว้ ใช้สัมผัสเทพเคลื่อนใบไม้ใบหนึ่งให้ไกลออกไปแทนตนเอง แล้วกลับมาหาหวางเหยา แม้วิชาลับสัมผัสลวงของหนิงฝานยังไม่บรรลุขั้นสูงนัก แต่ก็ใช้อำพรางกายได้ดีกว่าสมบัติชั้นสูง อย่างน้อยๆหวางเหยาก็ไม่ทราบว่าเขากลับมา
หนิงฝานไม่อาจปล่อยให้นิกายกุ่ยเชว่เผชิญชะตากรรมเลวร้าย เขาจึงตัดสินใจจะสืบหาที่มาของมัน
เมื่อได้พบความจริงที่น่าตระหนกเช่นนี้แล้ว เป็นผู้ใดก็ไม่อาจอยู่เฉย
หวางเหยามีความสามารถเหมือนสัตว์อเวจี ที่สามารถทะลวงผ่านข่ายอาคมระดับวิญญาณได้
ที่สำคัญกลิ่นอายที่มันแผ่ออกมาเมื่อครู่ เป็นกลิ่นอายที่แท้จริงที่หนิงฝานไม่เคยลืม
จักรพรรดิปีศาจไป๋กู่!
“คาดไม่ถึงว่ามันจะซ่อนตัวจากสายตาข้าได้ มิน่าหวางเหยาที่ดูสามัญถึงไม่ธรรมดาขนาดนั้น… มันคงถูกจิตวิญญาณของจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่ครองร่าง ไม่รู้ว่าที่ข้าสังหารร่างปลอมของมันไป ทำให้มันบาดเจ็บมากขนาดไหน”
แววตาของหนิงฝานแปรเปลี่ยนเย็นชา เขาหวนนึกถึงครั้งที่ถูกมันลอบจู่โจม
หากวันนั้นไม่ระวังตัว คงตายด้วยกรงเล็บของมันแล้ว
แต่ยามนี้ มันไม่รู้ว่าเขารู้ตัวตนที่แท้จริงของมัน
เป็นคราวของหนิงฝานที่จะลอบจู่โจมจักรพรรดิปีศาจไป๋กู่บ้าง
หนิงฝานคิดว่า หากครั้งหน้าที่มันออกจากนิกาย เขาจะแอบตามมันไป เมื่อถึงยามที่มันเหน็ดเหนื่อยจากการสังหาร เขาจะฉวยโอกาสสังหารมัน!
แม้จะกล่าวเช่นนั้น แต่หวางเหยาผู้ดูดกลืนโลหิตแปรเปลี่ยนเป็นพลังก็ใช่ว่าจะจัดการได้ง่ายๆ อย่างน้อย หนิงฝานยังไม่มั่นใจว่าจะสังหารมันได้
เขาต้องวางแผนกำจัดมันให้รอบคอบ!
วันนี้ยังไม่ใช่โอกาสดี ต้องรอโอกาสหน้า
“โชคดีที่ข้ายังสนใจนิกายกุ่ยเชว่ ทำให้พบอันตรายที่ซ่อนอยู่ ช่างเถอะ… ข้าควรไปพบหลานเหม่ยก่อน ยามนี้นางคงยังไม่นอน”
หนิงฝานคืนสีหน้าสงบ แล้วมุ่งตรงไปยังตำหนักศิษย์สตรีอย่างรวดเร็ว
ตำหนักที่พักของศิษย์สตรีตั้งอยู่ในหุบเขาของนิกาย เป็นหุบเขาที่เงียบสงบ
มีทิวทัศน์ที่งดงาม มีสระน้ำที่มีหมอกสีขาวลอยวน สระเห่งนั้นเรียกว่า ‘สระจันทรากระจ่าง’ สตรีจำนวนมากมักลงมาอาบน้ำที่นี่ แต่ยามนี้ มีสตรีที่ดูบอบบางในชุดคลุมฟ้าผู้หนึ่ง ที่นั่งอยู่บนโขดหินพลางถอนหายใจอย่างแผ่วเบา
สตรีนางนั้นมีผมยาว ดำขลับ ใบหน้าดูซีดเซียวราวกับเก็บซ่อนความรู้สึกที่ขมขื่น
“เขาไม่มา… เขาผิดคำสัญญากับข้า เมื่อกลับออกจากตำหนักโอสถแล้ว เขาคง...กับไป๋ลู่! น่าเกลียดยิ่งนัก! เหตุใดข้าถึงด้อยกว่านาง...”
นางกล่าวพึมพัม ใบหน้าเริ่มปรากฏรอยยิ้มที่เศร้าหมอง
“นั่นสิ… ข้าคงด้อยกว่านางจริงๆ นางคือสตรีที่ครบพร้อมสมบูรณ์ แต่ข้า...”
มือของนางลูบสัมผัสไปยังอวัยวะเพศของตน
ผู้ที่ไม่ประสบชะตากรรมเช่นนาง ย่อมไม่เข้าใจความรู้สึกที่เจ็บปวดของนาง
แต่มนุษย์กลับมีความคิดที่ขัดแย้ง แม้จะไม่มีผู้ใดเข้าใจ แต่ยังหวังให้มีผู้เข้าใจ
“ถึงข้าจะด้อยกว่านาง… แต่อย่างน้อยเจ้าควรมาหาข้าสักครั้ง... แต่ข้ารู้ว่าเจ้าคงไม่มา...”
นางถอนหายใจอย่างแผ่วเบา แต่จู่ๆกลับมีเสียงหัวเราะดังขึ้น
“หลานเหม่ยผู้เย่อหยิ่งกำลังช่วยตัวเองท่ามกลางแสงจันทร์... เป็นบุญตาของข้าหนิงฝานยิ่งนัก!”
เจ้าของคำกล่าวเย้าหยอกกลับเป็นผู้ที่นางเฝ้ารอ
แววตานางเป็นประกาย ทั้งโกรธ ทั้งอาย ทั้งมีความสุข แต่จู่ๆนางกลับนึกขึ้นได้ว่า หนิงฝานได้นางลูบสัมผัสจุดสำคัญ ทั้งยังกล่าวหยอกล้อว่านางช่วยตัวเอง ทำให้นางหน้าแดงจนถึงใบหู
“ฮึ่ม! ไร้สาระ ข้า...ข้าไม่เคยช่วยตัวเอง… มีแต่สตรีที่บ้าตัณหาเท่านั้นที่ทำ”
“เจ้าไม่ได้ช่วยตัวเองจริงหรือ? ช่างน่าเสียดาย ข้ากำลังคิดว่าจะช่วยเจ้าพอดี” หนิงฝานยิ้ม เขามักจะหยอกล้อนางเช่นนี้ โดยเฉพาะเรื่องที่ดูคลุมเครือ
“ใครอยากให้เจ้าช่วย! ข้าช่วยตัว… ไม่ใช่ ข้าหมายถึงข้าไม่เคยช่วยตัวเอง...”
หลานเหม่ยขบฟัน สีหน้าดูโกรธเคือง
ช่างน่ารังเกียจ หนิงฝานผู้นี้ไม่รู้จักพูดคำหวานต่อสตรี ทั้งยังกล่าวเรื่องน่าอายได้อย่างน่าตาเฉย..
ที่สำคัญ สถานที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่อาบน้ำของศิษย์สตรี นับเป็นสถานที่ต้องห้ามในนิกาย
เหตุใดหนิงฝานถึงกล้ามา!
ยิ่งคิดเรื่องที่หนิงฝานเห็นตนลูบสัมผัสจุดสำคัญแล้ว ยิ่งทำให้นางหน้าแดง
เมื่อเห็นว่าหยอกล้อนางมากเกินไป หนิงฝานจึงเปลี่ยนเรื่องพูดคุย
“สระจันทรากระจ่าง… สระน้ำที่มีหมอกขาวลอยวนราวกับไร้ที่สิ้นสุด ยิ่งแสงจันทราสาดส่อง ยิ่งขับส่งให้สระแห่งนี้งดงาม หากข้าตาย ให้นำร่างของข้ามาฝังที่นี่ ข้าย่อมพอใจอย่างที่สุด...”
คำกล่าวของหนิงฝาน เผยให้เห็นสุนทรีย์ในอีกด้าน ทำให้หลานเหม่ยตกตะลึง
หนิงฝานผู้นี้ไม่เหมือนที่นางรู้จัก เขาเป็นผู้ที่มีสุนทรีย์ เหตุใดผู้เชี่ยวชาญฝ่ายอธรรมจึงมีสุนทรีย์เช่นนี้ ยิ่งด้วยหนิงฝานฝึกฝนวิชาขัดเกลาผสาน ยิ่งยากจะจินตนาการถึง
หนิงฝานไม่ได้กล่าวต่อ เขาเพียงยิ้มให้นาง
“เจ้ากล่าวว่าหากข้าเจ้าตาย ให้นำศพมาฝังที่นี่ ถ้าข้ามาอาบน้ำที่นี่ เจ้าก็จะไม่ฉวยโอกาสถ้ำมองข้าหรือ?”
“ฮึ่ม! เจ้าเพ้อเจ้ออะไร? ถึงข้าตายข้าก็ไม่ทำแบบนั้นหรอก!” หนิงฝานกล่าว
หลานเหม่ยโกรธเคือง หนิงฝานยังคงเป็นหนิงฝานไม่เปลี่ยน เขายังคงกล่าววาจากวนประสาทนาง
แต่เมื่อหวนคิดถึงสิ่งที่เขากล่าว นางกลับกล่าวด้วยสีหน้าและแววตาที่จริงจัง
“หากเจ้าตายและถูกฝังไว้ที่สระจันทรากระจ่างแห่งนี้ ข้าก็จะขอถูกฝังไว้เคียงข้างเจ้า...”
คำกล่าวของนางทำให้หัวใจของหนิงฝานสั่นไหว แววตาแปรเปลี่ยนพลางถอนหายใจอย่างแผ่วเบา
คำกล่าวของนางเต็มไปด้วยอารมณ์และความรู้สึก
ดูเหมือนนางจะชอบหนิงฝานมาก...
“ข้าจะไม่ตาย… ข้ายังใชีชีวิตไม่พอ!”
เงาร่างของหนิงฝานแปรเปลี่ยนเป็นรุ้งหิมะ ส่องประกายในราตรี ต้องแสงจันทราสาดส่อง ปรากฏตัวตรงหน้านางและยิ้มให้เล็กน้อย
ข้าจะไม่ตาย… คำกล่าวนี้สลักลึกลงไปในใจของนาง
แม้จะเป็นเพียงคำกล่าว แต่กลับทำให้ผ่อนคลายอย่างที่สุด
“จงจำไว้… หากเจ้าไม่ตายข้าจะไม่ตาย แม้สวรรค์ก็ไม่อาจพลัดพรากชีวิตข้า”
“จงจำไว้… ข้าจะยังคงรอเจ้าที่สระจันทรากระจ่างแห่งนี้” หลานเหม่ยกล่าว
แต่บรรยากาศที่สงบและมีความสุขเช่นนี้ กลับถูกคำกล่าวหยอกล้อของหนิงฝานทำลาย
“หรือจะให้ข้าลงดาบปลิดชีพ... ไม่เจ็บมากนักหรอก สบายด้วยซ้ำ!”
“เจ้า… เจ้าพูดอะไร!”
นางรู้สึกราวกับได้ยินเรื่องที่น่าสะพรึงกลัว และเป็นครั้งแรกที่นางกังวลมากขนาดนี้
หากเทียบสตรีเป็นศิลา น้ำกัดเซาะทุกวันศิลายังกร่อน...