30 หมอเถื่อน ชายหนุ่มที่โง่เง่า
30 หมอเถื่อน ชายหนุ่มที่โง่เง่า
“ใช่ บังเอิญมาก” ถงเวยพูดด้วยรอยยิ้ม
“ฉันคิดว่าเธอทำงานอยู่ที่เมืองเต๋าซะอีก ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” หวังเย้าถาม
“วันนี้เป็นวันเกิดแม่ของฉัน ฉันจึงลางานกลับมา” ถงเวยตอบด้วยรอยยิ้ม เมืองเต๋าไม่ได้ไกลจากเหลียนชานมากนัก มันใช้เวลาขับรถประมาณสองชั่วโมง
“แม่ของเธอเป็นยังไงบ้าง?” หวังเย้าถาม
“สบายดี” แม้ว่าถงเวยจะพยายามซ่อนมันเอาไว้ แต่หวังเย้าก็มองเห็นความกังวลในดวงตาของเธอ
“แล้วตอนนี้เธอทำงานอะไรที่เมืองเต๋าอยู่เหรอ?” หวังเย้าถาม
“เศรษฐศาสตร์” ถงเวยพูด
“ในตำแหน่งหัวหน้าเหรอ?” หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม ถงเวยไม่เพียงแต่จะสวยเท่านั้น แต่เธอยังได้รับการศึกษาที่สูงอีกด้วย เธอเรียนจบปริญญาโทจากต่างประเทศและเป็นเพียงคนเดียวในชั้นเรียนที่ได้เรียนที่ต่างประเทศอีกด้วย
“ไม่ใช่ตำแหน่งหัวหน้าหรอก!” ถงเวยหัวเราะ โทรศัพท์ของเธอดังขึ้นในตอนที่เธอกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เธอยกคิ้วขึ้นเมื่อเห็นเบอร์ที่แสดงบนหน้าจอ
“สวัสดี หยางหมิง” ถงเวยรับสาย
“สวัสดีถงเวย ฉันได้ยินมาว่าเธอกลับมา วันนี้เป็นวันเกิดแม่ของเธอใช่ไหม?” หยางหมิงพูดในโทรศัพท์
หวังเย้ายืนอยู่ใกล้จนสามารถได้ยินเสียงที่คุ้นเคยออกมาจากโทรศัพท์ของถงเวย คนที่โทรหาถงเวยก็เป็นหนึ่งในอดีตเพื่อนร่วมชั้นของเขา เขาชื่อว่า หยางหมิง ดูเหมือนว่าหยางหมิงยังคงตามจีบถงเวยอยู่
“ใช่...อะไรนะ? ไม่ล่ะ ขอบคุณ” ถงเวยพูดผ่านโทรศัพท์ประมาณสามนาที เมื่อเธอวางสาย เธอก็ส่ายหัว
หวังเย้าพูดคุยกับถงเวยอีกสักครู่ก่อนที่จะออกจากซุปเปอร์มาร์เกตไป
หวังเย้าดูแปลกไปจากเมื่อก่อนมาก! ถงเวยคิดเมื่อมองตามหลังหวังเย้าไป
หวังเย้าขี่มอเตอร์ไซด์กลับบ้านหลังจากที่ซื้อของเสร็จแล้ว
“แม่ ผมกลับมาแล้วครับ” หวังเย้าเรียกเมื่อเดินเข้าประตูมา
“ลูกไปที่บ้านน้าของลูกมาเหรอ?” จางซิวหยิงถาม เธอหยุดสิ่งที่เธอกำลังทำอยู่เมื่อได้ยินเสียงของลูกชาย
“ครับ” หวังเย้าตอบ
“ลูกเอายาไปให้น้าของลูกด้วยใช่ไหม?” จางซิวหยิงถาม
“ครับ แม่รู้ได้ยังไงครับ?” หวังเย้าพบว่าแววตาที่แม่ใช้มองเขาดูแปลกๆ
“น้าของลูกเพิ่งจะโทรมาหาเเม่บอกเรื่องยาที่ลูกเอาไปให้มันได้ผลดีมาก ตอนนี้เธอรู้สึกดีขึ้นมากแล้ว แล้วเธอยังบอกอีกว่าลูกอยากจะเป็นหมอเถื่อนด้วย” จางซิวหยิงบอก
“ไม่ใช่หมอเถื่อนครับ ผมเป็นแพทย์ปรุงยาต่างหากครับ” หวังเย้ารู้สึกว่าเขาได้เปิดกระป๋องที่เต็มไปด้วยหนอนออกมา เพราะแม่ของเขาไม่หยุดตั้งคำถามซักที มันคงยากที่เขาจะหนีไปได้
“แล้วแพทย์ปรุงยาคืองานแบบไหนกัน?” จางซิวหยิงถาม
“ปลูกสมุนไพร, ต้มยา และรักษาโรคครับ” หวังเย้าพูด
“นั้นฟังดูเหมือนหมอเถื่อนเลย!” จางซิวหยิงพูด
หวังเย้ารู้สึกไม่ชอบคำว่า “เถื่อน” เลย
“ไม่ใช่หมอเถื่อนครับ” หวังเย้าไม่รู้จะอธิบายเรื่องนี้ให้แม่ของเขายังไงดี
“ลูกได้เรียนทุกอย่างมาจากหมอจีนอาวุโสคนนั้นมาใช่ไหม?” จางซิวหยิงถาม
“ใช่ครับ” หวังเย้าพูด
“ดีแล้ว ทำให้มั่นใจว่าลูกเรียนทุกอย่างอย่างถูกต้องด้วยล่ะ” จางซิวหยิงพูด
“อะไรนะ?!” หวังเย้ารู้สึกตกใจกับสิ่งที่แม่ของเขาพูด
“แม่หมายถึง ลูกควรจะตั้งใจเรียนรู้จากหมอจีนคนนั้นให้ดี” จางซิวหยิงพูด
“แน่นอนครับ” หวังเย้าคิดไม่ถึงว่าแม่ของเขาจะปล่อยเขาไปง่ายๆแบบนี้ เขายังได้คิดหาคำพูดเพื่ออธิบายเอาไว้แล้ว แต่มันก็ดีแล้วที่เขาไม่ต้องอธิบายอะไรมากมายให้แม่ของเขาฟัง เขาวางของที่ซื้อมาจากในเมืองเอาไว้ แล้วจึงขึ้นไปบนเนินเขา ในตอนนี้เขามีปัญหาอีกเรื่องหนึ่ง คือภารกิจที่ระบบได้ให้เขา เขาต้องทำอันเฉินซานภายในเวลาหนึ่งเดือน เขาได้ทำออกมาแล้ว และมันดูเหมือนจะได้ผลดีด้วย แต่เขากลับไม่ได้รับเสียงตอบรับจากระบบเลย มันทำให้เขารู้สึกสับสน
ปัญหาคืออะไร? หวังเย้าคิด
เมื่อเขาขึ้นมาถึงเนินเขา เขาได้นั่งอยู่ด้านนอกกระท่อมคิดเกี่ยวกับวิธีการทำอันเฉินซาน ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังคิดไม่ออกว่าเขาพลาดที่ตรงไหน ครั้งนี้เขาได้ใช้รากชะเอม(สมุนไพรดอกแสงจันทร์) ที่ดีที่สุดมาทำยาให้กับคนในครอบครัวของเขา เขาจึงระมัดระวังเป็นอย่างมากถึงปริมาณและขั้นตอนเมื่อต้มยา แต่สุดท้ายเขาก็ยังไม่ได้รับเสียงตอบรับจากระบบเลย
ดูเหมือนฉันต้องลองอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ หวังเย้าคิด
หวังเย้าไม่ได้รีบกลับบ้านในตอนกลางวัน ถึงแม้ที่นี่จะไม่เหลืออะไรให้ทำแล้วก็ตาม เขาเดินขึ้นไปบนเขาอย่างชัาๆ คิดเกี่ยวกับวิธีใช้ประโยชน์จากพื้นที่ที่กว้างใหญ่ของเนินเขาแห่งนี้ มันน่าเสียดายที่เขาใช้ประโยชน์พื้นที่แห่งนี้ไม่คุ้มค่าเลย หวังเย้าคิดว่าเขาควรจะปลูกสมุนไพรหรือต้นไม้เพิ่ม
บางทีฉันควรจะขยายพื้นที่อีกสักหนึ่งเอเคอร์เพื่อปลูกสมุนไพร หวังเย้าคิด
เขาเริ่มทันทีเมื่อคิดได้แล้ว เขาหยิบเอาจ๊อบและอุปกรณ์อื่นๆออกมา แล้วเริ่มลงมือทำ
“เย้า เธอมาทำอะไรที่นี่?” ชายวันกลางคนที่อยู่หมู่บ้านเดียวกับหวังเย้ามาพร้อมกับแกะของเขา
“สวัสดีครับคุณลุง ลุงกำลังจะกลับเข้าไปในหมู่บ้านเหรอครับ?”
“ใช่ เธอยังทำงานบนเนินเขานี้อยู่อีกเหรอ?”
“ครับ อีกหลายปีอยู่” หวังเย้าตอบด้วยรอยยิ้ม
“เยี่ยม!” ชายวัยกลางคนเดินไปพร้อมกับแกะของเขาและมีบุหรี่คาบอยู่ในปาก
“น่าเสียดาย!” ชายวัยกลางคนพึมพัม
ในช่วงสามปีมานี้ผู้คนในหมู่บ้านต่างพากันพูดลับหลังหวังเย้า โดยเฉพาะตอนที่หวังเย้าโดดลงไปในแม่น้ำเพื่อช่วยคน พวกเขาต่างก็พากันคิดว่าเขาจะเลิกทำงานอยู่บนเนินเขานั้นแล้ว แต่พวกเขากลับได้ยินจากกรรมการหมู่บ้านว่า หวังเย้าไม่เพียงแต่จะไม่ยอมล้มเลิกเรื่องเนินเขาแล้ว เขายังขยายเวลาของสัญญาเพิ่มเป็นยี่สิบปีอีกด้วย นอกจากนั้น หวังเย้ายังได้สัญญาว่าจะบริจาคเงิน 20,000 หยวนให้กับหมู่บ้านทุกๆปี
ทันใดนั้นข่าวลือก็ได้เปลี่ยนเป็นอีกแบบ และกระจายไปทั่วเมือง
พ่อแม่ของหวังเย้าก็ไม่ได้คัดค้านอะไรเกี่ยวกับการตัดสินใจของลูกชายของพวกเขา พวกเขาอนุญาตให้หวังเย้าทำต่อไป แต่ก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไรออกไป มันทำให้ความคิดของหวังเย้านิ่งและกล้าที่จะทำงานบนเนินเขาต่อไป
มันเริ่มมืดแล้วในตอนที่หวังเย้ายังคงยุ่งอยู่กับการทำแปลงสมุนไพร
“เวลาผ่านไปเร็วจริงๆ!” หวังเย้าลุกขึ้นและเช็ดเหงื่อออกจากใบหน้าของเขา เขาเก็บอุปกรณ์เข้าที่ ให้อาหารและคุยกับซานเซียน แล้วจึงกลับบ้าน
หวังเย้ารู้สึกหิวมาก ทำให้แม้แต่โจ๊กและซาลาเปาก็ดูน่ากินกว่าปกติ หลังมื้อเย็น หวังเย้ากลับไปที่ห้องของเขา เขาหลับทันทีที่อ่านหนังสือไปเล็กน้อย วันต่อมา เหมือนทุกวัน เขาตื่นเเต่เช้าและเริ่มงาน
เขาเริ่มทำตัวเหมือนชาวบ้านคนอื่นๆมากขึ้น ‘หลังสู้ฟ้า, หน้าสู้ดิน’ มีเพียงสิ่งเดียวที่ต่างออกไปคือเขามีระบบยาที่แสนวิเศษอยู่กับตัว
ติ้ง! ‘ภารกิจปรุงอันเฉินซานสำเร็จแล้ว’ ระบบพูดขึ้นในตอนที่หวังเย้ากำลังรดน้ำสมุนไพรและต้นไม้อยู่
“อะไรนะ? ทำไมระบบเพิ่งจะตอบรับ? ตอบสนองช้าเกินไปหรือเปล่า?” หวังเย้าประหลาดใจที่ได้ยินเสียงของระบบ เขากำลังจะเริ่มทำใหม่อีกครั้งในวันนี้ แต่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินเสียงประกาศจากระบบว่าภารกิจของเขาสำเร็จแล้ว
“ระบบ ทำไมถึงใช่เวลานานมากกว่าจะประกาศให้ฉันรู้?” หวังเย้าถาม
’การรักษาโรคหายขาด’
“รักษาหายขาด? มันก็เห็นผลตั้งแต่เมื่อวานแล้วนี้นา!”หวังเย้าพูด
ระบบไม่ได้ตอบสนองความคิดของหวังเย้า
“ช่างมันเถอะ มันสำเร็จแล้ว ให้ฉันดูสูตรยาตัวต่อไปหน่อยซิ” หวังเย้าเปิดหน้าจอระบบขึ้นมา
ซุปเป่ยหยวน : เพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและกระดูก และเพิ่มอายุไข
ส่วนผสมหลัก : โสม, เก็ากี่, ซิลเวิร์ท, เฉี่ยนสือ, หลินจือ, ชานจิง, กุยหยวน